Criminal ฉันได้ยินแต่ฉันไม่ได้ยิน
ณ สถานบันเทิงหรูใจกลางเมือง
เสียงผู้คนจอแจ มวลมนุษย์นับร้อยกับลีลาโยกย้ายตามเสียงเพลงกระหึ่มก้องที่เหล่าดีเจได้บรรเลงในคํ่าคืนนี้ ร่างบางสมส่วนของสองชีวิตในนั้นที่กลมกลืนไปกับผู้คน หากแต่จุดประสงค์แตกต่างจากชาวบ้าน ทั้งสองกำลังแหวกดันผู้คนนับร้อย ที่ต่างออกลวดลายอวดกันอยู่ไปยังจุดใจกลาง ซึ่งโอบอุ้มชะตาชีวิตของมวลมนุษยชนในนี้อยู่
ในขณะที่ ชาแนล ฌาลัลน์ กำลังโฟกัสกับเป้าหมายอยู่นั้น หูของ เจ้าเอย จุฑารัตน์ ก็ดันได้ยินบทสนทนาที่ดึงความสนใจของเธอไป
"แกได้ยินเรื่องคุณเลียมรึยัง"
"เลียมไหนว่ะ?"
"ก็คุณ เลโอนอร์ เลียม ฮอว์กตัน ไง"
ชื่อของบุคคลในอดีตผ่านเข้ามาในโสตประสาท กระตุ้นให้ความทรงจำในวันวานฉายภาพขึ้นมาในห้วงความคิดคำนึง
เจ้าเอยไม่อยากแน่ใจจนกระทั่งชื่อจริงของอดีตคนรักถูกเรียกขึ้นมา ขาทั้งสองข้างหยุดเดินโดยอัตโนมัติ ในขณะที่เพื่อนร่วมชะตาชีวิตกำลังมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ
ทว่าเจ้าเอยยังคงหยุดฟังเรื่องราวต่อจากนี้ของคนคนนั้นอย่างลืมตัว
"..."
"ชื่อแปลกจัง เขาทำไมหรอ"
"ก็เขาอ่ะ ว่ากันว่าเป็นเจ้าของผับนี้เลยนะ ที่บ้านทำธุรกิจ brand luxury ด้วยนะ ทั้งหล่อมาก รวยด้วย แต่เสียดายนะ"
"..."
"เสียดายอะไรย่ะ?"
"ก็คนหล่อมักมีเจ้าของนะสิ"
สิ้นเสียงเจ้าหล่อนไป เจ้าเอยเหมือนตัวชา ก้อนเนื้อตรงอกเต้นแรงอย่างไร้ความสามารถในการควบคุม ลมหายใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
"ได้ข่าวว่าคุณเขาจะแต่งงานกับคู่หมั้น ลูกสาวรัฐมนตรีนะสิ "
"..."
"ลูกสาวรัฐมนตรี?"
"ก็คนที่ชื่อว่าดาหลาไง"
หัวใจเจ้าเอยกระตุกแรง เมื่อได้ยินชื่อคุ้นเคยอีกหนึ่งชื่อจากปากพวกหล่อน ดาหลางั้นหรอ แม้จะอยากคิดว่าบนโลกประเทศไทยจะมีคนชื่อนี้นับหมื่นนับพันคนก็ตาม แต่เมื่อมันดันมีชื่อของคนก่อนหน้าขึ้นมาก็สามารถยืนยันได้เป็นนัยว่า สัญชาตญาณเธอไม่ผิดแน่
"เจ้...อะ...ครึะด ่้.เเ.....นางจุฑารัตน์! ทราบแล้วเปลี่ยน"
"ฮ๊ะ เอ่อ ...''
"อย่าบอกนะว่าหล่อนยังอยู่กับที่ เวลาไม่ใช่เรื่องตลกนะเว้ย จะตายแล้วยังไม่เจียมตัว..."
"เอออ ใจเย็นมาดาม"
"จิ๊"
หลังจากโดนเพื่อนร่วมชะตาดับฝัน เจ้าเอยก็รีบพาตัวเองไปยังจุดที่คาดว่ามีระเบิดถูกติดตั้งไว้อยู่ ร่างบางแคล่วคล่องสอดส่องรอบข้าง หลับตานึกถึงแผนผังเส้นทางที่ถูกเซฟไว้ในสมอง และนําพาร่างกายไปยังจุดหมาย
เจ้าเอยเข้าไปยังห้องหนึ่งซึ่งเป็นคลังเก็บสุรานานาชาติหลากชนิด ด้วยยูนิฟอร์มที่กลมกลืน ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งขโมยมาจากพนักงานคนหนึ่งเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้า และตอนนี้พนักงานคนที่ว่าก็ได้นอนนับดาวดวงที่ร้อยเอ็ดอยู่
ร่างสมส่วนมาหยุดอยู่ตรงแผงวงจรขนาดใหญ่ที่กำลังลำเลียงกระแสไฟฟ้า และอาจจะลำเลียงความตายมาสู่ทุกคนในที่นี้รวมถึงตัวจุฑารัตน์เองก็ด้วย
สายตาเรียวไล่มองปุ่มควบคุมนับร้อยอย่างพินิจพิเคราะห์ หาสวิทช์กุญแจสำคัญของอีเว้นท์นี้ พลางสายตาก็เหลือบไปมองนาฬิกา แข่งกับเวลาอันน้อยนิดที่เมื่อพลาดแม้แต่นิดเดียวนั่นอาจหมายถึงทั้งชีวิตของมวลมนุษยชาติที่กำลังรื่นรมย์ไร้ซึ่งความตระหนักรู้ใดใด
อีกด้านหนึ่งของสถานบันเทิง ตามแผนผังที่คาดกันว่ามีระเบิดติดตั้งอยู่ บนช่องระบายอากาศเหนือศรีษะผู้บริหารสถานบันเทิงชื่อดัง ฌาลัลน์ได้แต่ก่นด่าตัวคนก่อเหตุในใจที่เลือกวางระเบิดในที่แบบนี้ ในขณะที่ทุกวินาทีกำลังเสียไปฌาลัลน์ที่กำลังหยุดยั้งระบบของระเบิด พยายามควบคุมลมหายใจ
เหงื่อเหนียวใสไหลลงปรกเต็มกรอบหน้าได้รูป ด้วยแสงและเวลาที่มีจำกัดบวกกับเสียงวินาทีที่เดินถอยหลังเรื่อยๆ
...10...
...9...
...8...
...7...
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดๆๆ!
จากร้อยนับถอยหลังมาจนกระทั่งเลขเจ็ด เครื่องระเบิดก็เกิดเสียงแจ้งเตือนถี่ขึ้น เสี้ยววินาทีนั้นฌาลัลน์ก็คิดว่าระเบิดอาจเกิดการระเบิดก่อนเวลา แต่เพียงพริบตาเดียวตัวเลขที่แสดงบนหน้าจอขนาดเล็กก็ดับลง ตาเรียวเบิกกว้างอ้าปากไม่ทันเอ่ยเสียง เสียงระเบิดก็ดังขึ้นสนั่นสถานบันเทิงชื่อดังเรียกเสียงตกใจจากนักท่องราตรีและนักดนตรีทุกคน รวมถึงฌาลัลน์
สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว ฌาลัลน์ร้องเรียกหาจุฑารัตน์ด้วยนํ้าเสียงสั่นเนื่องจากแรงตกใจทันที เพราะคนร้ายได้สับขาหลอกว่าระเบิดจะถูกจุดชนวนเมื่อเวลาที่แสดงบนหน้าจอได้หมดลง
แต่นี่ยังไม่ทันที่จะหมดเวลาก็เกิดการระเบิดขึ้นทันที
"...เอย!"
"..."
"เจ้าเอย!!!"
"นึกว่าเสียงระเบิดที่ไหน แหม่มชานี่เอง"
เสียงตอบกลับมาจากอีกด้าน นํ้าเสียงแสดงออกทีเล่นทีจริง ในเวลาน่าหวาดเสียวแบบนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับฌาลัลน์เป็นอย่างมาก ทั้งที่หล่อนเป็นห่วง
เมื่ออีกด้านเงียบไปจุฑารัตน์จึงเอ่ยขึ้น
"แหม่ม หล่อนก็กู้ระเบิดมาหลายงานแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะแยกเสียงระเบิดจริงกับเสียงจากลำโพงไม่ได้"
และฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดสะบั้นลง
"เออ! กูตื่นตูมเอง ปากไอ้ด่าง*อย่างนี้ รู้งี้น่าจะปล่อยให้โดนระเบิดตายๆ ไปซะ อีดอก ตั้งแต่เข้ามาแล้วนะมึงอะ จะตายแล้วยังไม่เจียมตัว เมื่อไหร่ยมบาลจะมาเอามึงไปสักทีกูรำคาญ"
"ฮิ๊วววว ดุว่ะ"
"กวนตีนแบบนี้เชิญหล่อนมึงจัดการที่เหลือคนเดียวเลย อีก 1ชั่วโมง 27นาที 3วินาที ใต้โซฟาห้องVVIP "
"หมายความว่างะ...."
"หมายความว่าบันเทิงแน่"
"แหม่มๆ มาดาม อีชาแนล"
"..."
"ฉิบหาย!!!"
cheers
แก้วใสรูปทรงเหลี่ยมที่บรรจุน้ำสีอำพันถูกยกขึ้นชนกันตรงกลางโต๊ะซึ่งมีบุคคลสำคัญนั่งอยู่ล้อมรอบ และหนึ่งในนั้นคือชายหน้าคมแววตาสีเอิร์ธ ที่ตอนนี้กำลังเพ่งเลงไปยังนาฬิกาแบรนด์หรูอยู่ ในขณะที่ทุกคนรอบข้างกำลังสังสรรค์กันอย่างออกรสออกชาติ กลับกันคนร่างสูงกลับนิ่งเฉยตามบุคลิกที่เรียบนิ่งของเจ้าตัว
"ดูช่วงนี้ราเชนทร์จะดูอารมณ์ดีจังเลยนะ"
"หึ~" คนถูกถามแค้นเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ
"สงสัยมีเรื่องดีๆที่พวกเรายังไม่รู้แน่เลย' ชายอีกคนในวงกล่าวขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปยังคนที่ถูกเรียกว่าราเชนทร์ สามีแห่งชาติของสาวน้อยใหญ่ครึ่งค่อนประเทศ เนื่องด้วยภาพลักษณ์ของดาราดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ทางบ้านรวยมาก เขาเคยแสดงละครในบทบาทตัวละครสมทบเพียงครั้งเดียวแต่กลับมีมัมมี่ที่ทั้งอายุมากและน้อยกว่าเขาเยอะมาก เพราะเจ้าตัวบริหารเสน่ห์เก่งด้วยจึงไม่ยากต่อการหลอกล่อสาวน้อยใหญ่ทั้งหลาย
แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ภาพลักษณ์สดใสมีเสน่ห์นั้นคือมาเฟียดีดีนี่เอง มาเฟียผู้คุมธุรกิจทั้งสีขาว เทา ไปจนดำ และเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอันดับสองรองลงมาจากตระกูลเดอะ ลอน์ง ตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานไม่แพ้ตระกูลออครอสโตของราเชนทร์เลย
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกปกติฉันก็เป็นแบบนี้" ไหล่หนายกขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ท่าทีอวดดีของคนตรงหน้ามักสร้างความหงุดหงิดให้กับ เลียม เสมอ หากแต่ชายหนุ่มไม่สามารถทำอะไรได้มากเพราะอีกฝั่งเป็นคู่ค้าคนสำคัญของตาแก่ ลานอส บิดาบังเกิดเกล้าของตน
ดวงตาสีเอิร์ธเหลือบมองนาฬิกาอยู่บ่อยครั้ง พรางจีบเหล้าไป ท่าทีนี้อยู่ในสายตาของคนโง่ในกาลเทศะเสมอ
"เลียม ฉันเห็นนายจ้องมันนานแล้วนะไอ่นาฬิกาหรูหราราคาแพงนั่นนะ"
"นั่นก็เป็นสิทธิของผมไม่ใช่หรอครับคุณราเชนทร์" คนหน้านิ่งยังคงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ โดยไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่คำตอบนี้กลับสร้างโทสะให้กับคนที่ยากจนในeqได้เป็นอย่างดี
ราเชนทร์ปล่อยรังสีอำมหิตไปทั่วบริเวณรัศมีรอบโต๊ะสร้างความตระหนกให้แก่พวกชอบประจบและแสวงหาผลประโยชน์เป็นอยางดี ยกเว้นคนต้นเรื่องที่ยังคงเย็นชาไร้ซึ่งความตระหนักรู้ใดๆ เพราะมันไม่ใช่ประโยชน์อะไรในชีวิตเขา
เรื่องสนุกคือต่อจากนี้ต่างหาก
สักพักก็มีเด็กเสิร์ฟเดินเข้ามาพร้อมกับถาดรองสุราชั้นเลิศราคาแพง ถูกนำมาเสิร์ฟให้กับแขกวีไอพีทุกคน
เจ้าเอยเดินเข้ามาในห้องก็ต้องสะดุดกับบรรยากาศมืดมนแปลกตาชวนหายใจไม่ออก ใบหน้างามที่ถูกแต่งแต้มรอยสิ๋ว พร้อมกับแว่นหนาเตอะเพื่ออำพรางตัวตน เมื่อเดินมาถึงข้างหน้าของราเชนทร์ที่กำลังหงุดหงิดอยู่แล้ว บวกกับบุคลิกเก้กังที่เจ้าเอยได้แสดงอยู่นั้น แก้วที่ถูกรินด้วยนํ้าสีอำพันก็ถูกปัดออกไปแบบคนปัดไม่สนทิศทาง สนหน้าใครทั้งสิ้น
"หงุดหงิดว่ะแม่ง เอาเด็กพาทไทม์หงิมๆมาเสิร์ฟให้แขกวีไอพีแบบนี้ได้ไงว่ะ "
ราเชนทร์โวยวายหมายจะแซะคนตรงข้ามที่หักหน้ากันก่อนหน้า หวังจะเห็นปฏิกิริยาไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่ายซึ่งมันก็เหมือนจะได้ผล ทันทีที่เห็นอาการตกใจของพนักงานเสิร์ฟตรงหน้า เลียมก็เหมือนจะเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา บรรยากาศในห้องจึงยิ่งติดลบเข้าไปใหญ่
"ต่อให้คุณราเชนทร์จะโมโหแค่ไหน ก็ไม่ควรทำพฤติกรรมไร้การอบรมแบบนี้กับพนักงานของผมนะครับ"
"นี่...''
"ต่อให้ยิ่งใหญ่คํ้าฟ้าแค่ไหนถ้ามาทำกิริยาแบบเมื่อกี้ในที่ของผมคราวหน้าเรียนเชิญผับเกรดอีเถอะครับ"
"..." ทุกคน
"ดูจะเหมาะสมกับคุณราเชนทร์ที่สุดแล้วครับ"
ว่าจบก็หยิบเหล้าขึ้นมากระดกหนึ่งอึก เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหัวเสีย ท่าทีโมโหจริงของคนตรงหน้าต่อให้จะไม่พอใจยังไง ราเชนทร์ก็ทำได้เพียงแค่สะกดกลั้นโทสะเอาไว้
เมื่อไม่มีที่ระบายจึงได้แต่หัวเสียแล้วลาจากไปทั้งแบบนั้น ทุกคนในห้องต่างเงียบไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใด เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างกลัวกันหมดเลียมจึงหันไปมองเป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนลืมเรื่องเมื่อสักครู่ไปแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อกี้ยังคงอยู่ในใจเจ้าเอย ไม่แปลกที่คนมีอำนาจจะผิดใจกัน แต่ที่แปลกคือหน้าตาของคนตรงหน้าที่น่าจะเป็นเจ้าของผับ มันดูคุ้นแปลกๆ ซ้ำร้ายสายตาคมนั้นก็มองมาทางเธอ มันช่างน่าอึดอัดไปหมด ถ้าไม่ติดว่ายังค้างภารกิจอยู่เจ้าเอยคงจะพาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดไปแล้ว
คิดได้ไม่นานก็ก้มลงมองนาฬิกาบ่งบอกว่าเวลาใกล้หมดลงเต็มทีแล้ว สิ่งที่เจ้าเอยต้องทำไม่ใช่การกู้ระเบิดเหมือนอย่างคราวแรกหากแต่เป็นการล่าคำใบ้ซึ้งผู้ร้ายมักจะทิ้งเอาไว้หลังจากก่อเหตุในแต่ละครั้ง สถานที่จะแตกต่างกันไปตามคำใบ้ในคราวก่อน ตาเรียวสอดส่องไปทั่วบริเวณเพื่อสังเกตหา
ทุกกิริยาอยู่ภายใต้สายตาคม ท่าทีเรียบนิ่งของร่างกายแต่ย้อนแย้งกับสายตาเรียวสวยที่กำลังลนลานอยู่นั้น มันดูว้าวุ่นไปหมดแต่กลับน่าดึงดูดสำหรับคนมองมาก ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน เขาก็ไม่เคยหยุดลุ่มหลงได้เลยสักครั้ง
เจ้าเอยพยายามหาโอกาสในการที่จะทำภารกิจ ในหัวเต็มไปด้วยวิธีการและขั้นตอนในการชิงคำใบ้มา หารู้ไหมว่าตัวเองได้ตกหลุมพลางหมาป่าเจ้าเล่ห์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
ภายใต้ดวงตาสีเอิร์ธน่ามองนั้นแม้ภายนอกดูสงบนิ่งแต่กลับซ่อนบางอย่างไว้
หึ
ท่าทีราวกับกะรอกหาโพรงไม่เจอนั้นแม้จะน่าขบขันในสายตาของเลียมแล้ว แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าน่าเอ็นดูอยู่หลายส่วน มือหนาพรางยกขึ้นปิดริมฝีปากหนาที่ซุกซ่อนรอยยิ้มไว้ให้พ้นจากสายตาทุกคน หากแต่สายตาของเจ้าตัวนั้นกลับฉายแววถึงความสนุกและสนอกสนใจอย่างไม่สามารถปิดไว้มิด
"เอ่อ~ คุณเลียมได้ยินแว่วมาแว่วๆว่ากำลังมีข่าวดีในไม่ช้านี้ ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ"
"ใช่ๆๆ เห็นว่าคู่หมั้นของคุณเลียมเป็นถึงลูกสาวรัฐมนตรี ช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกจริงๆ"
"..."
หลังจากเงียบไปได้ไม่เท่าไหร่ เหล่าปรสิตก็ทำลายบรรยากาศดีๆไปจนหมดสิ้น เลียมคิ้วกระตุก เส้นประสาทตรงขมับสั่น อารมณ์คุกรุ่นในตอนนี้ถูกถ่ายทอดผ่านทางสายตาแข็งกร้าวที่มองไปยังคนพูดนิ่ง
คนถูกมองรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล แม้ไม่เข้าใจว่าตนพูดอะไรผิดแต่มั่นใจได้เลยว่านี่คือลางร้ายของตนเอง
เช่นเดียวกับอีกด้านหนึ่ง ใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ ชื่อคุ้นหูที่ออกจากปากคนเมื่อกี้ ใบหน้าคุ้นเคยในอดีต เจ้าเอยพยายามควบคุมลมหายใจไม่ให้สั่น ประคองสติ เงยหน้าขึ้น
"...!!!"
ไม่ได้คาดหวังว่าจะสบตากัน ไม่เคยคิดถึงวันที่จะได้พบกันอีกครั้ง ซ้ำยังเจอกันในสถานที่อับโคจรแบบนี้ ใบหน้าสวยค่อยๆก้มลงอย่างคนไร้สติ สายตาเรียวที่ตอนนี้ยังเบิกกว้างอยู่สั่นไหวอย่างไร้การควบคุม มือเรียวประสานเข้าหากันแน่นพยายามบังคับไม่ให้มันสั่นแข่งกับหัวใจดวงน้อยที่ไม่รักดี.
อดีตที่พยายามฝังกลบกลับงอกเงยออกมา ออกมา และออกมาเรื่อยๆราวกับเขื่อนแตก เพียงเพราะรอยร้าวเดียว คำถามในใจเจ้าเอยตอนนี้คือ
เขาจะจำกันได้ไหม
2017
"ตรงนี้เราเข้าใจแล้ว แต่ยังงงตรงส่วนนี้อยู่เลย เอยช่วยอธิบายให้เราฟังอีกรอบได้ไหม"
"..."
เลียมเอ่ยถามคนตรงหน้าพร้อมกับรอคำตอบ หากแต่คนถูกเรียกกลับเงียบเฉยราวกับรูปปั้น ซึ่งไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบข้างที่มีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ อยู่เพียงในโลกของตัวเอง
"เอย"
"..."
เลียมเรียกคนตรงหน้าซ้ำแต่ก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมคือความเงียบ
"เจ้าเอย!"
"!!?"
คนถูกเรียกอยู่นานสองนานสะดุ้ง พร้อมกับมองมาที่คนเรียกด้วยสายตาที่มีคำถาม เลียมจึงถอนหายใจพร้อมกับยื่นมือไปกอบกุมมือบางอย่างอ่อนโยน
"เราเรียกเธออยู่ตั้งนานไม่ได้ยินเลยหรอ?"
"..."
คนถูกถามไม่ตอบแต่กลับเงียบ มีเพียงเหล่าน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วยตาสวยเป็นคำตอบ มือหนาพลางกอบกุมมือบางแน่นขึ้นแทนคำปลอบโยน มากกว่าภาษาพูดซึ่งเขาไม่ถนัดคือภาษากายที่เขาแสดงออกมาด้วยความจริงใจ แบ่งปันความอบอุ่นและเป็นคำยืนยันว่าเขาจะอยู่เคียงข้างคนตรงหน้าในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในช่วงชีวิตนี้
"ฮึก..."
เสียงสะอื้นดังขึ้นในที่สุด ก่อนที่สาวเจ้าจะปล่อยเสียงร้องไห้โหออกมาในไม่กี่วินาทีต่อมา
สายตาของผู้คนรอบข้างที่มองมาก็ไม่สามารถหยุดยั้งความเสียใจที่บีดรัดอยู่เต็มอกตอนนี้ได้
เลียมมองดูใบหน้าใสที่เคยประดับไปด้วยรอยยิ้ม แต่มาตอนนี้กลับเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาไม่น่าดู แม้มือหนาจะกอบกุมมือบางไว้แล้วปล่อยให้คนตรงหน้าบีบรัดมันตามใจตนเพื่อระบายความเจ็บปวดและอัดอั้น ใบหน้าของเลียมก็เสมองไปทางอื่นเหตุว่าไม่สามารถทนมองน้ำตาของคนตรงหน้าได้นาน
"ฮึก...ฮื่อออ"
ปัจจุบัน
ภาพในอดีตฉายชัดขึ้นในความทรงจำของเจ้าเอย ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ซึ่งเธอได้สูญเสียพ่อซึ่งเป็นที่พึ่งเดียวในชีวิตอย่างโหดร้าย ผู้หญิงตัวคนเดียวไร้ซึ่งพลังจะไปสู้และเรียกร้องอะไรกับใคร นอกจากยอมรับชะตากรรม
ในวันนั้นที่เขา คนตรงหน้าในวันนี้ คอยอยู่เคียงข้างเสมอความรักที่บริสุทธิ์ของพวกเขามันผิดพลาดไปตรงไหนกัน เจ้าเอยก็ยังไม่สามารถหาคำตอบของคำถามนี้ได้จนถึงตอนนี้ เมื่อหลายปีก่อนมีเหตุผลอะไรที่คนตรงหน้าหายตัวไปทั้งที่พวกเรารักกันดีตั้งขนาดไหนๆ
ท่าทางราวกับลูกนกตกน้ำนั้นสร้างความหงุดหงิดในใจให้กับเลียมได้ดี แม้จะไล่ตะเพิดไอ่ตัวปัญหาออกไปได้ แต่กลับไม่ทำให้ความหงุดหงิดที่มีในใจลดน้อยลงไปเลยแม้สักนิด
เศร้าอยู่ได้ไม่นานเจ้าเอยก็ต้องรีบดึงสติกลับมา เนื่องจากยังมีภารกิจที่สำคัญกว่ารออยู่ เวลาก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆ แต่เจ้าเอยกลับไม่สามารถนำข้อมูลมาได้เลย ซ้ำร้ายยังเจออดีตรักแรกที่ฝังใจอีก ยิ่งทำให้กวนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แม้จะถูกฝึกฝนมาอย่างเข้มข้นเพียงไหน ทว่าความรู้สึกของคนเรานั้นไซร้ ช่างลึกล้ำเกินกว่าจะหยั่งรากและตัดไปให้สิ้นต้นตอรักได้โดยง่าย
เจ้าเอยกลับมาโฟกัสที่คำใบ้ตรงหน้า ถ้าไม่ผิดจากที่ยัยมาดามบอกไว้ตำแหน่งก็คือใต้โซฟา ใช่แล้วทุกคนอ่านไม่ผิดหรอกใต้โซฟาที่พ่อหนุ่มตาสีสนิมนั่งทับอยู่นั่นเอง
ความยากเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า ทั้งคนตรงหน้าและผู้คนมากมายนับสิบชีวิตในห้องอบายมุขแห่งนี้ ถ้าหากหล่อนผลีผลามทำอะไรที่ไม่เข้าท่าลงไปละก็ ผลที่ได้รับกลับมาก็คงมีเพียงตายกับตาย
เจ้าเอยหลับตาลงตั้งสติคิดหาทางมากมาย เสียงหัวใจเต้นแข่งกับเข็มวินาทีที่เดินไปอย่างช้าไปเรื่อยๆ ลมหายใจถูกปล่อยออกมาหนักหนัก ในใจพรางร้องว่า
"เอาว่ะ"
ทางด้านเลียม ทุกอิริยาบถของแฟนเก่าคนโปรดยังคงอยู่ภายใต้สายตาเฉียบแหลมเสมอ แม้จะหัวเสียที่อีกคนโดนดูถูกต่อหน้าต่อตาจากไอ่สวะราเชนทร์นั่น แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้อีคนมายืนอยู่ตรงหน้ากัน เลียเองก็รู้ดีกว่าใครทุกคนในนี้เลยล่ะ เขาอยากจะรู้จริงจริงว่าต่อจากนี้คุณหล่อนจะใช้วิธีไหนกันแน่
เลียมเท้าคางอย่างใจเย็น มองดูคนตรงหน้า พลันอ่านใจเล็กๆนั่นออกทันทีว่าอีกไม่กี่นาทีอีกคนคงจะพุ่งมาหาตนอย่างน่าเอ็นดูแน่ๆ เพียงเพื่อคำใบ้น่าขำนั้น
ฮึ ราวกับเด็กน้อยเล่นไล่ลับก็ไม่ปาน
ฟิ๊ว พรึบ!
"เฮื๊อก!"
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!"
"อะไรว่ะไฟดับได้ไง?!"
ไม่กี่วินาทีต่อมาก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เมื่อไฟในห้องดันมาดับกระทันหัน เจ้าเอยตกใจและงงงวยกับเหตุการณ์ตรงหน้าได้ไม่นานก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังผ่านโสตประสาทมาอย่างชัดเจนว่า
"อย่ามัวแต่เหยิมนางจุฑารัตน์ รีบไปเอาคำใบ้มา"
ขอบคุณพระเจ้า! แม้ว่าหลังจากนี้จะต้องโดนเพื่อนสุดที่รักบ่นจนหูชา แต่ก็รู้สึกขอบคุณที่หล่อนมาช่วยได้ทันเวลาเสมอ เจ้าเอยใช้จังหวะนี้แหละพุ่งตัวเข้าไปข้างหน้า แม้มองไม่เห็น เงาของเธอที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วสัมผัสเข้ากับร่างอันไวต่อความรู้สึกของสาวจ้าวคนนึง ทำให้หล่อนสะดุ้งกรีดร้องออกมาเสียงดังสร้างความวุ่นวายให้กับได้ดี
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เลียมสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยในความทรงจำ กลิ่นโปรดที่เขาคิดถึงเสมอ เขานั่งนิ่งปล่อยให้ผู้บุกรุกทำตามใจ จับนู่นจับนี่โดยไม่ขัดขืน ไม่ตอบกลับ และไม่หลบไปไหนแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองกำลังนั่งทับของสำคัญที่คนตรงหน้าตามหาอยู่
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างชอบใจโดยที่ไม่มีใครมองเห็น ตาคมจ้องผ่านความมืดมองเข้าไปในตาของอีกฝ่าย แม้มองไม่เห็นแต่กลับสัมผัสได้ถึงซึ่งกันและกัน ริมฝีปากหนาเปิดออกเล็กน้อย
"First impression ในรอบเจ็ดปี ไหงมาอยู่ในสถานการณ์นี้ได้ อ่าส์ แม่สาวมือหนวดปลาหมึก"
เจ้าเอยขนลุกซู่ เมื่ออีกฝ่ายกระซิบเสียงกระเซ่าอยู่ข้างหูหล่อน แต่เจ้าเอยยังคงทำใจดีสู้เสือควานหาคำใบ้อย่างไม่ลดละความพยายาม
"อ่าห์ เลิกทำตัวน่าเอ็นดูได้ไหม Babe"
เลียมกระซิบพร้อมกับกัดไปตรงใบหูที่ขึ้นสีแดงในความมืดของคนน่ารักตรงหน้าอย่างไม่เบานัก.
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments