อุณหภูมิ 24องศาเซลเซียส ถูกปล่อยออกมาจากเครื่องปรับอากาศ กระทบกับผิวสุขภาพดีของผู้หมวดสาวประจำกองบังคับการปฏิบัติพิเศษ จุฑารัตน์ พฤกษ์ฑาสน ราวกับผ่านมาสัมผัสเพียงผิวเผินแล้วจึงกลับสู่แหล่งกำเนิด
เหงื่อเหนียวใสตามไรผมทำท่าทีพร้อมจะไหลผ่านกรอบหน้าอยู่ทุกขณะ แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่งคล้ายรูปปั้นและถึงแม้สายตาจะแสดงออกว่าหนักแน่นเพียงใด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในใจของเจ้าเอยตอนนี้สั่นเสียยิ่งกว่าแผ่นดินไหวขนาดสิบริกเตอร์
เนื่องจากภารกิจในครั้งนี้แม้ในท้ายที่สุดจะผ่านไปได้แต่ก็ไม่ดีตามที่คาดหวังไว้ ต้องยอมเลยรับว่ามีหลายส่วนที่เจ้าหล่อนทำพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ดูได้จากสีหน้าของสารวัตรยุทธที่กำลังมองมาที่หล่อนในตอนนี้ สายตาคมทั้งคู่เต็มไปด้วยความโกรธและตำหนิ ที่ชัดเจนที่สุดคล้ายว่าจะมีประกายแห่งความหยามเหยียดเพียงชั่วครู่ แค่เพียงเสี้ยววินาที หากแต่มันกลับทำให้เจ้าเอยเกลียดสายตาแบบนั้นมาก ทว่าทำได้เพียงแค่เก็บกดความอึดอัดไว้ให้ลึกที่สุดในก้นบึ้งของหัวใจ
เพราะหล่อนจะไม่มีวันยอมปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกมาอยู่เหนือเหตุผลและเป็นจุดอ่อนของหล่อนต่อหน้าศัตรู เหมือนกับในคืนที่ผ่านมาเด็ดขาด เพราะมันตอกย้ำให้หล่อนรู้ว่าหล่อนยังอ่อนแอ
"ก่อนไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ คุณบอกผมอย่างมั่นใจนักหนาว่าทุกอย่างจะลุล่วงไปด้วยดี แต่ที่เห็นอยู่ตอนนี้ผมว่ามันไม่ใช่ว่ะ" ร่างสูงของชายวัยกลางคนลุกขึ้นจากเก้าอี้ประจำตำแหน่งก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งคู่
"..."
"..."
"ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผมตัดสินใจผิดหรือถูกกันแน่ที่เลือกคุณมา" สายตาคมราวกระบือเผือกจ้องนิ่งมายังคนตรงหน้าทั้งสองแต่เน้นสายตาโดยเฉพาะกับเจ้าเอย
"คือว่าสารวัตรคะ ใน ..."
"ฌาลัลลน์ ไม่ต้อง คุณคิดว่าผมแยกแยะไม่ออกหรอ"
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ฉันคะ...."
"พอ! ผมไม่ชอบที่ต้องมาเห็นสภาพแบบนี้"
"..."
"..."
"สภาพที่ทำตัวราวแม่พระยอมรับความผิดไว้คนเดียว " ว่าแล้วก็เดินวนรอบตัวผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองด้วยจังหวะเท้าที่เนิบพอสมควร
"ผมซาบซึ้งในมิตรภาพของพวกคุณนะ แต่เรื่องผิดพลาดแบบนี้ครั้งเดียวก็เกินพอ ทั้งที่มีประสบการณ์และถูกฝึกฝนมาอย่างดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ พวกคุณอย่าทำเป็นเล่นดิวะ"
สารวัตรยุทธยังคงเปล่งน้ำเสียงบ่นออกมาโดยไม่คิดจะเว้นช่องว่างให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
"พวกคุณได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนพี่น้องในกอง ได้รับประดับยศเป็นถึงร้อยตำรวจ และที่สำคัญในฐานะหัวหน้าและรองหัวหน้าแห่งกองบังคับปฏิบัติการพิเศษ ทุกลมหายใจของพวกเขาขึ้นอยู่กับพวกคุณ แล้วนี่อะไร นี่หรอผลงานที่คุณแสดงให้พวกเราเห็น"
"..."
"ขอโทษค่ะ.,.ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะ.,..." เจ้าเอยซึ่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ หากแต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดจนจบประโยคใดใด
"แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นความผิดพลาดของคุณ แค่คำขอโทษมันไม่เพียงพอหรอก"
"..."
"..."
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกคุณทั้งคู่จะได้รับโทษอย่างทั่วถึงแน่นอนตามใจปรารถนาของพวกคุณ"
สารวัตรยุทธส่งพลังงานอึดอัดและกดดันผ่านสายตาออกมาให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยสายตาที่คาดโทษ ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองบัญชาการพิเศษแห่งนี้ซึ่งมีไว้เพื่อพิทักษ์ประชาชนจากเหล่าอาชญากรที่ไร้ซึ่งคุณธรรมและมนุษยธรรมใดใด
หน่วยกู้ระเบิดที่ถูกก่อตั้งภายใต้กองบัญชาการพิเศษแห่งนี้ ซึ่งเคยคิดว่ามีตำรวจน้ำดีมีฝีมืออยู่ แต่ผลงานมันก็เป็นคำตอบและประจักษ์แก่สายตาทุกคนแล้วว่าคนทั้งคู่ตรงหน้าไร้สามารถและเป็นภัยแค่ไหน
ทั้งที่ได้รับฝึกฝนอย่างเข้มข้นสู้กันมานํ้าตาแทบกระเด็นออกมาเป็นหยดเลือด เพื่อให้ผ่านการคัดเลือก
ลูกน้องไร้สามารถแบบนี้ชื่อเสียงและความจงรักภักดีที่เขาได้อุทิศมาตลอดหลายสิบปีในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ใครมารู้เข้าคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คนที่ถูกคัดเลือกแล้วแต่ฝีมือยังไม่ได้เรื่องเลย
ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนที่เหลือแน่นอนว่าเขาจะต้องมอบบทลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาดแก่ทั้งสองคน
สารวัตรยุทธมองไปที่ทั้งสองคนสลับกันก่อนที่จะมายืนอยู่ตรงหน้าจุฑารัตน์ในระยะที่ใกล้มากขึ้นเป็นพิเศษ
"เนื่องจากคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทุกอย่างล้มเหลวในครั้งนี้ ผมตัดสินใจแล้ว"
"..."
"..."
"คุณจะถูกย้ายไปอยู่หน่วย*พยัคฆ์"
"!!!"
"!!!"
"สารวัตรคะ แต่..."
"เพราะผมคิดว่าหน่วย*ฟินิกซ์แห่งนี้คงไม่เหมาะกับคุณ ใช่ไหม? ฉะนั้นผมให้เวลาภายในอาทิตย์นี้ทุกอย่างต้องเรียบร้อย ผมถือว่าผมใจดีมามากแล้วนะ"
"..."
"..."
เจ้าเอยกำมือทั้งสองข้างที่สั่นแน่นไว้ กดเก็บความเจ็บใจไว้ในอก ริมฝีปากขบเข้าหากันอย่างแน่น ชาแนลเหลือบมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้
"หึ" ชายวัยกลางคนแค่นเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะกล่าวต่อไปอีก
"ส่วนคุณ" หันมาหาผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคน ริมฝีปากหนากระตุกเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อ
"ในฐานะหัวหน้าของหน่วยฟินิกซ์ ซึ่งผมไว้ใจมากคนหนึ่ง กลับไม่สามารถแสดงความเป็นผู้นำ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ไร้ซึ่งไหวพริบ คุณทำให้ผมผิดหวังที่สุด แต่ผมถือว่ายังเห็นแก่ความตั้งใจของคุณหรอกนะ เพราะฉะนั้นคุณจะถูกลดตำแหน่งเหลือเพียงรองหัวหน้าหน่วยฟินิกซ์ในภารกิจถัดไปและถัดถัดไป ส่วนคนที่จะมาทำหน้าที่หัวหน้าแทนคุณคือเบนจามิน"
".?!"
"!!!"
คนฟังนิ่งค้างไปโดยเฉพาะฌาลัลน์ เหตุว่าเจ้าตัวและจุฑารัตน์เพื่อนรักได้เข้าร่วมการฝึกฝนและประลองในการฝึกฝนครั้งสุดท้ายจนถูกแต่งตั้งขึ้นมาในตำแหน่งหัวหน้าและรองหัวหน้าประจำหน่วยฟินิกซ์จากบรรดาเพื่อนพี่น้องทั้งหมดในกองบัญชาการพิเศษโดยผู้กำกับ แล้วสารวัตรมีสิทธิ์อะไรมาลดตำแหน่งและโยกย้ายแบบนี้ แล้วเรื่องนี้ผู้กำกับรับรู้รึเปล่าก่อน
"สารวัตรแน่ใจแล้วหรอคะ เบนจามินแพ้ให้ชาแนลในการฝึกครั้งสุดท้าย สารวัตรลืมไปแล้วหรอคะ?!"
"เงียบ!!!"
"..."
"..."
"เบนจามินสมควรที่จะได้รับโอกาส และที่สำคัญพวกคุณก็ทำให้ผมเห็นแล้วว่ายังไม่พร้อม เพราะฉะนั้นทำตามที่ผมสั่งอย่างเงียบๆไว้ซะ"
>🥂<
เครื่องดื่มมากดีกรีนานาชาติถูกเสริฟไว้กลางโต๊ะประจำ ที่ในขณะนี้รายล้อมไปด้วยบุคคลสี่คน ซึ่งสองในสี่นั้นก็มีท่าทีที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
"ทำไมหล่อนทั้งคู่ทำหน้าแบบนั้นห๊ะ ตั้งแต่เข้ามาแล้วนะ เหมือนตูดลิงชิมแปนซีเลย"
กอดอุ่น เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนรักทั้งสองพร้อมใจกันทำหน้าบึ้ง สมฉายาแหม่มชาบังเอยจริงๆ
"เฮ้อ~"
"เอ้า ไอ่พวกนี้"
"คิกคิก สภาพทั้งคู่ดูไม่จืดเลย เจองานหินรึไง"
ฟ้าคราม เพื่อนอีกคนในกลุ่มเอ่ยถามขึ้นอีกคนด้วยน้ำเสียงสบาย หากแต่คำตอบที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบและเสียงถอนหายใจของคนทั้งคู่ บรรยากาศในโต๊ะจึงเงียบลงไปชั่ววินาที
"พวกตัวทำอะไรกัน เล่นเกมกันอยู่หรอ?"
"เฮ๊ย!!!"
กอดอุ่นต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเกาหลินเพื่อนรักหอยทากในกลุ่มโผล่มาด้านหลังตนแบบไม่ทันตั้งตัว แต่แทนที่ทุกคนจะตอบเพื่อนอีกคนที่มาใหม่กลับมีเพียงเสียงถอนหายใจอย่างคนเพิ่งหายตกใจของกอดอุ่น กับเสียงเพลงของร้านที่ดังอยู่เพียงเท่านั้น แม้จะงงอยู่หากแต่เกาหลินก็หย่อนก้นลงตรงเก้าอี้ประจำ
"เฮ้อ~ อยู่หน่วยพยัคฆ์เป็นไงบ้างฟ้าคราม?"
ภายใต้ความเงียบของทุกชีวิตในโต๊ะชาแนลก็ถามขึ้น สร้างความสงสัยให้ฟ้าครามและเพื่อนๆ อีกสองคน ฟ้าครามขมวดคิ้ว แอบรู้สึกเป็นกังวลในใจอย่างบอกไม่ถูก หรือว่าทุกคนจะรู้อะไรมา แต่ในที่สุดหล่อนก็ตอบกลับไป
"ก็เรื่อยๆ มีอะไรรึเปล่า" เพื่อนอีกสามคนมองหน้ากันอย่างรอคำตอบ
"อาทิตย์หน้าเอยจะย้ายแล้วนะ"
"ห๊ะ!"
ทั้งสามคนอุทานขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย คำตอบที่ได้น่าตกใจกว่าที่คิดไว้เสียอีก
"ย้าย หมายความว่าไง"
เกาหลินถามขึ้นทันที
"เฮ่อออ"
แต่ชาแนลยังคงถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ความกดดันที่เผชิญมามันกัดกร่อนแรงในการพูดไปเสียหมด เมื่อไม่นานมานี้มีแต่เรื่องปวดหัวไปหมด เจ้าเอยที่เห็นแบบนั้นก็จำเป็นต้องเอ่ยปากออกมาแทนในที่สุด ด้วยน้ำเสียงที่ทั้งเศร้า รู้สึกผิด และหดหู่ใจอย่างสุดซึ้ง
"กูโดนสั่งย้าย"
"ไอ่เหี้ยยยยย"
เกาหลินอุทานขึ้นหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่เพื่อนทั้งสองประสบมา ฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดแทนเพื่อนไม่ได้
"โครตทุเรศเลยว่ะ ไม่คิดว่าจะเกิดกับพวกหล่อน"
ฟ้าครามเอ่ยขึ้น เรียกสายตาของทุกคนบนโต๊ะทันที ด้วยบุคลิกที่สุขุม และความสุภาพจากภายในไม่บ่อยนักที่จะสบถคำหยาบออกมา ทว่าครั้งนี้เกินกว่าที่ทุกคนจะรับได้ และโดยเฉพาะคนที่รักในเกียรติของอาชีพอย่างเธอแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยที่สุด
"ไอ่นั้นมันใหญ่มาจากไหนว่ะ ถึงได้โชคดีแบบนี้"
กอดอุ่นอดที่จะถามออกไปไม่ได้ แม้ว่าเพื่อนสาวของเธอจะทำงานพลาดจริง แต่การแต่งตั้งเบนจามินขึ้นมาแทนชาแนลอย่างพลการนั้นเป็นเรื่องที่น่าเกลียดเกินไปแล้ว ยิ่งมองหน้าเพื่อนกอดอุ่นก็อดรู้สึกเห็นใจคนทั้งสองมิได้
"เฮ๊อ~"
ชาแนลถอนหายใจคล้ายคนสิ้นหวัง เมื่อนึกถึงภูมิหลังของเบนจามิน ตลกร้ายยิ่งกว่านั้นคือหล่อนต้องมาร่วมงานกับเจ้าตัวปัญหานี่สิ คิดแล้วหน้าตากวนบาทากิริยาทรามชวนสำรอกของใครอีกคนก็ลอยขึ้นมาในจินตภาพ
กรรมเวรอะไรทำดีไม่เคยได้ดี กู้ระเบิดช่วยชีวิตคนมานับครั้งไม่ถ้วน ผลบุญบาปคือการต้องมาร่วมชายคาเดียวกับไอ่คนไร้สามารถแบบนี้หรอ มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
"เพราะกูทุกคนถึงต้องลำบาก"
เจ้าเอยที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นฝ่าวงความเงียบ หล่อนโทษว่าเป็นความผิดตัวเอง ถ้าวันนั้นไม่เอาเรื่องส่วนตัวมามีอิทธิพลเหนือหน้าที่ เพื่อนำร่วมงานก็คงไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้ ยิ่งคิดยิ่งโมโหตัวเองไม่หยุด
"ถ้าวันนั้นกูมีสติ แม่งทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น"
เมื่อดีกรีดีดอยู่ในเส้นเลือด ความอัดอั้นในใจก็พลันทะลักออกมาราวเขื่อนที่แตกอันเนื่องมาจากรอยร้าวก่อนหน้า
"กูมัวแต่คิดถึงเรื่องไอ่เหี้ยเลียมจนลืมโฟกัสกับงาน แค่ได้ยินชื่อมันนิดหน่อยต่อมเสือก็กูก็ทำงาน แม่งทั้งที่มันทิ้งกูไปขนาดนั้น นึกว่าจะตายโหงตายห่าไปแล้ว"
เจ้าเอยพรั่งพรูคำพูดและสารภาพถึงมูลเหตุและความในใจที่อัดอั้นอยู่นานอย่าอึดอัดใจ
"..." ทุกคน
"พวกมึงรู้อะไรไหม พอได้ยินชื่อมันนะแม่งมันก็โผล่มาตอนกูเก็บคำไบ้อีก นั่งทำหน้าสลอน ไอ่เหี้ยนี่ตายยากชิบหาย"
"ตายยากจริงแหละ"
เกาหลินพูดขึ้นอย่างอึ้งๆหลังจากเพื่อนระบายเสร็จ
"แล้ว...คือมึงยังไม่ลืมมันละสิ"
กอดอุ่นถามขึ้นอย่างระวัง หากแต่คำตอบที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบ หล่อนจึงได้แต่เม้มปากสายตาลอกแลกไปไม่เป็นและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
"เอาเถอะ ตอนนี้โทษตัวเองไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย"
ฟ้าครามคนสุขุมกล่าวขึ้นราวกับเสียงฟ้าร้องในหน้าแล้ง
"แต่เค้าว่านะ ไอ่สารวัตรยุทธนั่นต้องเป็นหนึ่งในพวกที่มีตั๋วแน่ๆ"
เกาหลินพูดขึ้นอย่างคาดเดา มันก็อดสงสัยไม่ได้ที่คนที่ชอบวางอำนาจไปทั่วจะใช้วิธีสกปรกเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
"งั้นที่เขาบอกว่าหนึ่งในเจ็ดของสารวัตรแห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มีตั๋วเพื่ออำนวยอำนาจอาจจะเป็นไอ้ยุทธนี่ก็ได้นะสิ " กอดอุ่นกล่าวขึ้นทันที
"แต่ฉันว่านะตอนนี้ไม่มีอะไรชัวร์ทั้งนั้น ที่เราคิดไว้อาจมีอะไรมากกว่านี้ก็ได้"
ชาแนลพูดขึ้นบ้าง ด้วยความเป็นคนขี้ระแวงและยั้งคิดยั้งทำ
"เอาเถอะๆ นานๆทีพวกเราจะได้รวมตัวกันหลังจากจบจากโรงเรียนนายร้อย ตอนเข้าคัดเลือกครั้งสุดท้ายก็เกือบไม่ได้เจอกันล่ะ เห็บเรื่องซีเรียสไว้ก่อน"
ฟ้าครามกล่าวขึ้นพร้อมกับยกแก้วขึ้นเหนือศรีษะตรงกลางวง
เต๊งงงง
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงแก้วกระทบกัน
ติ๊ง!
เสียงข้อความแจ้งเตือนโทรศัพท์ของกอดอุ่นดังขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มกันอยู่
"อย่าดื่มเยอะนะครับ ผมเป็นห่วงงงง"
พรู่ดดดด!
ของเหลวในปากเกาหลินแทบพุ่งหลังจากที่ฟ้าครามอ่านข้อความในโทรศัพท์ของกอดอุ่นอย่างถือวิสาสะ ทำให้ทุกคนบนโต๊ะตาโตและหันมามองที่ทั้งคู่เป็นตาเดียว อย่างไม่ได้นัดหมาย และคนที่ตาโตแทบจะถลนออกมาจากเบ้าคงหนีไม่พ้นกอดอุ่น
"คิกๆๆๆ"
ฟ้าครามหัวเราะอย่างชอบใจในขณะที่กอดอุ่นตัวแดงแทบระเบิด ตามมาด้วยสายตาสงสัยเติมประดาของชาแนล
แต่คนที่หยุดร่างกายและต่อมาอยากรู้ไม่อยู่เลยคือเกาหลิน นั่นจึงเป็นที่มาของคำถามซึ่งคล้ายกับการซักจำเลยในคดีร้ายแรง
"ใครกัน?"
"ตั้งแต่เมื่อไหร่...?"
"แล้วตัวได้....ไม่สิ! ต้องถามว่าตัว จุด จุด จุดกับเขากี่รอบแล้ว!!! ยังไงบ้าง..."
"คิก"
ฟ้าครามกลั้นขำหน้าดำหน้าแดง ชอบใจที่เพื่อนซักเพื่อน
ปรี๊ดดดดด
ระดับความอายในเลือดของกอดอุ่นกำลังทะลุปรอท
"ไม่น่าเชื่อ"
ชาแนลปิดปากอย่าเหลือจะเชื่อ
"โหยยยย มีผงมีผม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าร้ายเงียบ คงแซ่บละสิท่า~"
คนที่เครียดอยู่อย่างเจ้าเอยอดไม่ได้ที่จะเเซว
"...น.,"
"ละหล่อนไม่ปฏิเสธด้วยนะ ฮ่าาาาๆๆๆ"
"มะ...."
"ตายแล้วววววว กอดอุ่น ตัวอย่าไปหลอกเขานะ"
เกาหลินเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงฝ่ายตรงข้าม
"ฮ่าๆๆๆๆ" ทุกคนหัวเราะคิกคักชอบใจลืมเรื่องเครียดไปชั่วพริบตา
ปึ้งงงงง
"หุบปากเลยนะไอ่พวกนี้ ยัยครามใครให้หล่อนเสียมารยาทอ่าน ห๊ะ"
"คิกๆๆ"
"อ้าวแล้วไม่ตอบข้อความคุณเขาหน่อยหรอสาวววว"
ชาแนลยังอยากแซวเพื่อนอยู่
''จิ๊''
กอดอุ่นควํ่าโทรศัพท์ลงแล้วยกแก้วขึ้นดื่มอย่างพยายามเก็บกดความเขินอาย
"ฮ่าๆๆๆ"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะมาดาม หล่อนก็ใช่เลยนะยะ"
กอดอุ่นสวนกลับชาแนล
"อะไรๆ อย่ามาพาลนะ"
"ฟ้าครามก็เหมือนกัน ชอบหายเงียบไปบ่อยๆ ไม่ใช่ว่าแอบกินจุบจิบอยู่หรอ"
"อ้าววว นี่ไม่เคยแอบนะ "
"เชื่อได้รึเปล่าไม่รู้ สมัยเรียนใช่ย่อย คนคุยเต็มรังผึ้งล่ะแม่นางพญา~"
"ฮ่าๆๆๆๆ " อีกสามคนหัวเราจะชอบใจ
"จิ๊ เกาหลินก็ไม่เบา ตอนไปสืบคดีฆาตกรรมครั้งก่อนยังมีเวลามาเล่าว่า'ตอนนั้นเค้าเจอรุ่นพี่....อุบ'"
กอดอุ่นทำเสียงสองเสียงสามแซวเกาหลินคืน แต่ทว่าไม่ทันพูดจบก็โดนปิดปากเสียก่อน
"ตัวเงียบเลยนะ ไอ่ผู้หญิงBad girl"
"ใครBad girl พูดให้มันดีๆนะ"
"ตัวนั่นแหละ!!"
"โอ่ยยย ยัยสองคนนี้ พออออออ"
"ก็แม่เสือสาวทั้งคู่นั้นแหละ"
"ชาแนล!!!" กอดอุ่น+เกาหลิน
"โอ่ยยยย อยากได้อ่ะพ่อหนุ่มพูดเพราะ"
กอดอุ่นหน้านิ้วคิ้วขมวดทันที
"อุ๊บส์...ฮ่าๆๆๆๆ"
"ลืมพ่อหนุ่มลูกครึ่งให้ได้ก่อนสาว"ชาแนล
"อีมาดาม!"เจ้าเอย
"เลิกเรียกมาดามสักที! ไม่ชอบ!!!"
"ฮ่าๆๆๆๆๆ" ทุกคน
"อ้าวววว ก็หล่อนเริ่มก่อนอ่ะ"เจ้าเอย
"จิ๊ ผ่านมากี่ชาติแล้ว ล้ออยู่ได้ ตอนนี้กูเป็นมือฉมังเก็บกู้ระเบิดแล้ว"
ชาแนลเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ
"ฮ่าาาาๆๆๆๆ" ทุกคน หัวเราะ แบบท้องแข็ง
ชาแนลมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยที่ทุกคนต่างรุมกันหัวเราะเยาะหล่อนแบบนี้
หลังจากทำเรื่องย้ายเสร็จ ก่อนออกมาจากโรงพักเจ้าเอยก็ดันพบปะกับ เบนจามิน คู่กรณีสมัยอยู่หน่วยฝึก อีกคนทำหน้ายียวนหลังจากเห็นหล่อน ก็แหงล่ะคงจะกำลังเห่อตำแหน่งหัวหน้าอยู่ละสิ
แม้จะหมั่นไส้อยู่เต็มประดาเจ้าเอยก็ทำเพียงเดินผ่านไปอย่างไม่แยแส
"หวิ๊ดวิ้ว"
มิวายตัวปัญหายังผิวปากกวนบาทาอย่างอารมณ์ดี เส้นประสาทตรงขมับของอดีตผู้หมวดสาวแห่งหน่วยฟินิกซ์กระตุกอย่างแรง ภาพที่อดีตรองหัวหน้าหน่วยเดินออกไปอยู่ในสายตานายตำรวจทุกนาย หากแต่ไม่มีใครทำอะไรได้นอกจากอยู่เงียบๆในที่ของตนเอง เพราะมันอาจส่งผลกระทบมากมายมาสู่พวกเขาได้ หากว่าคิดริอาจเข้าไปยุ่ง
วันแรกที่ย้ายมายังหน่วยพยัคฆ์ เป็นอะไรที่หนักสำหรับเจ้าเอยมาก เหตุว่าหล่อนเจอเพื่อนร่วมงานที่อคติตั้งแง่ใส่ ซ้ำร้ายยังลับเล็บไว้รอ หมายจะขยํ้ากันทุกเมื่อ
เคราะห์ดีที่มีฟ้าครามคอยช่วยเหลือ ทว่าคงไม่ตลอดรอดฝั่ง ฉะนั้นหล่อนจึงต้องรีบปรับตัวให้ได้โดยเร็ว
อันเนื่องมาจากย้ายหน่วยวันแรกหล่อนก็เจอศึกหนัก คดีร้ายมาเยือนทันทีราวกับมาต้อนรับ จากผู้หมวดแห่งหน่วยกู้ระเบิดกลับต้องมาสู้กับเหล่าอาชญากรหัวหมอที่พร้อมก่อจลาจลทุกเมื่อ มันน่าหงุดหงิดกว่าการมานั่งถอดชิ้นส่วนระเบิดอีก
ก่อนหน้านี้ทั้งหน่วยพยัคฆ์และหน่วยฟินิกซ์ต่างทำงานร่วมกัน หากแต่หน้าที่ก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง หล่อนที่เคยแค่ตามหาวัตถุระเบิดและหยุดมันตามกลวิธีที่ร่ำเรียนมา ไม่เคยคิดว่าต้องมาถอดรหัสอะไรนี่เลยเพราะหน่วยพยัคฆ์ทำไว้แล้ว ตนแค่ตามหาและทำลาย
ความอัดอั้นตันใจมันบีบรัดอยู่ทั่วร่างกายและจิตใจ เจ้าเอยแปะคีย์การ์ดเข้าห้องอย่าคนหมดแรง วันนี้หล่อนสูญเสียพลังงานไปกับงานและเพื่อนร่วมงานมาก
ฉะนั้นหล่อนจึงตั้งใจว่าจะพักผ่อนให้ได้เลย หลังจากทอดรองเท้าหนาออกเสร็จ เจ้าเอยก็เดินทอดน่องมายังห้องนอนโยนกระเป๋าทิ้งอย่างไม่แยแสท่ามกลางความมืด สายตาที่ยังไม่โฟกัสกับความมืดนั้นไม่ได้เป็นปัญหาเลย เนื่องจากความเคยชิน เพราะฉะนั้นผู้หมวดสาวจึงรีบลอกคราบตัวเองจนเปลือยเปล่า ร่างกายที่อ่อนล้าทว่าก็ยังมีกะใจฮัมเพลง สนุกเขาแหละ
มือบางเปิดประตูห้องน้ำอย่างคุ้นเคยแม้มองไม่เห็น ไม่รับรู้ถึงสายตาเฉียบแหลมของอสรพิษร้ายที่ซ่อนตัวอยู่เลยแม้สักนิด แม้แต่ประตูห้องน้ำหล่อนก็ไม่มีกะใจจะปิดทั้งสิ้น ปล่อยให้มันอ้าไปตามธรรมชาติ
เจ้าเอยอาบน้ำทั้งยังฮัมเพลงอย่างชื่นอารมณ์ ร่างกายเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว ทว่าความอึดอัดกลับเกิดขึ้นกับบางสิ่งในห้องนี้แทน กลางกายสิ่งมีชีวิตที่กำลังมองดูคนรู้จักที่กำลังจัดคอนเสิร์ตขนาดย่อมในห้องนํ้า ผงาดขึ้นอย่างร้ายการควบคุม สายตามลุ่มลึกแฝงไปด้วยแรงปรารถนา ราวกับชาละวันที่กำลังเฝ้ามองตะเภาทองก็ไม่ปาน
หลังจากอาบน้ำเสร็จเจ้าเอยก็คล้ายผ้าเช็ดตัวมาพันรอบกายอย่างลวกๆ มิได้สนใจเช็ดร่างกายที่มีหยดน้ำเกาะไปทั่วสันพางค์กายแต่อย่างใด ด้วยความเคยชิน มือบางเช็ดกับผ้ารอบกาย ก่อนยกขึ้นเปิดสวิตช์ไฟ แสงสว่างพลันมาเยือนพร้อมกับแขกมิได้รับเชิญถึงสองคน เอะ หรือสองตน สองสิ่ง? แต่ใดใดคือเรียกขวัญของคนตัวเล็กกว่าได้ทันที
สะดุ้งได้ไม่นานสุ่มเสียงแหบปนยียวนก็ดังขึ้นทักทายทันที
"เดี๋ยวนี้เขาอาบน้ำยั่วผัวเก่ากันแล้วหรอผู้หมวด"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments