ช่วยเก็บผ้าเช็ดหน้า(ผืนใหญ่)ให้ฉันหน่อยได้ไหม

 ราวกับมีเสียงระฆังในโบสถ์ ดังรอบตัวเจ้าเอย ดังเสียยิ่งกว่าระเบิดที่หล่อยเคยประสบพบเจอมา

นํ้าเสียงที่คุ้นเคยในวันวาน

ร่างกายของผู้หมวดจุฑารัตน์แข็งทื่อประดุจก้อนน้ำแข็ง ทั้งที่เพิ่งอาบน้ำอุ่นมา สมองไม่ทันประมวลผลใดใด ผู้ร้ายก็เข้ามาประชิดถึงตัวหล่อนเสียแล้ว ราวกับโจรที่มาในยามวิกาล

แต่สิ่งที่น่าตกใจมีมากกว่านั้น เมื่อนักโทษแหกคุกตรงหน้าได้ทำในสิ่งที่หล่อนคาดไม่ถึง

ริมฝีปากหนาและอุ่นประทับลงบนริมฝีปากบางนุ่มและเย็นเฉียบ ทว่าเพียงครู่เดียวกลับร้อนรุ่มขึ้นมา ด้วยฝีมือของคนตรงหน้า

"อื้อ!"

ดวงตาสวยเบิกกว้าง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นพร้อมขัดขืนสุดใจ แต่มีหรือจะสู้แรงคนตรงหน้าได้

นางมณโฑไม่สามารถสู้แรงพญาลิงพาลีได้ฉันใด เจ้าเอยก็ไม่สามารถต้านทานแรงคลึงเคล้าของเลียมได้ฉันนั้น มือหนาซุกซนไม่อยู่สุข ลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กายบาง ฉับพลันปมของผ้าเช็ดหน้า"ผืนใหญ่"บนตัวเจ้าเอยก็หลุดลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก

"!!!"

"ฮึ"

ในขณะที่คนตัวเล็กกว่าเลือดลมสูบฉีดขึ้นหน้าเพราะล้อนจ้อนอยู่ต่อหน้าต่อตาคนตัวสูง ทว่าตัวต้นเหตุกลับขำในลำคออย่างชอบใจ และนึกสนุก

"ให้เราเก็บให้เธอไหม...ผ้าเช็ดหน้าของเธออ่ะ"

ปริ๊ดดดดดดด

ราวกับฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้นลง เมื่อคนตรงหน้าใช้สายตาโลมเลียกัน พร้อมกับเอ่ยวาจาท้าท้ายบาทา เจ้าเอยผลักร่างยักษ์จนเซล้มลง ถอยตัวห่างออกมา ก่อนจะใช้ขาเรียวเกี่ยวผ้าเช็ดตัวขึ้นพร้อมกับเตะไปยังคนตัวสูง ด้วยแรงโทษะ

เจ้าเอยถีบขาขึ้นสูงพอสมควร ผ้าตัวปัญหาจึงโผบินไปคลุมยังหัวของคนร่างสูงอย่างพอดิบพอดี

"ซี๊ด เธอแม่ง...เซ็กซี่อะ"

แต่เจ้าเอยก็คงไม่ทันได้คิดถึงในตอนที่ยกขาขึ้นนั้น น้องกีกี้ไม่รักดีของหล่อนดันโผล่ทักทายพี่เลียมคนทะลึ่งซะได้ นอกจากจะไม่สะทกสะท้านอะไรแล้ว เลียมกลับรู้สึกตื่นเต้นและตื้นตันที่แม่สาวแมวดุตรงหน้าโชว์ศิลปะอันงดงามชวนกำหนัดให้เขาดู

กลายเป็นแม่แมวสาวยั่วสวาทไปซะได้

"ไอ่โรคจิตเอ้ย!"

สบถด่าออกไป พร้อมกับออกกำปั้นหมัดสู่ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพปั้นทันทีที่เขาดึงผ้าออกจากหัว หากแต่เขากลับรับมันไว้ได้อย่างสวยงาม แล้วจับหล่อนหันหลังมาชนอกแกร่งของเขาแทน พลางแขนใหญ่หนาก็โอบกอดรอบกายบางราวกับอยากให้จมอกหนาไปซะเลย

"อึก"

แต่มีหรือที่ผู้หมวดสาวแห่งหน่วยพยัคฆ์จะยอม แขนเรียวโอบรอบคอของเลียมแน่น อีกคนถึงกับยิ้มมุมปาก ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเข่าของหล่อนก็ย่อลง แบกคนตัวโตไว้พร้อมทั้งทุ่มเขาลงข้างหน้าของหล่อนสุดแรงเกิด

"อั่ก!"

ความโกรธมักทำให้คนขาดสติ แต่เจ้าเอยช่างขาดสติได้น่ารักมากสำหรับเลียม เพราะเสือร้ายที่จับเขาทุ่มลงพื้นด้วยทักษะชั้นยอดนั้น ดูยังไงก็เป็นนางแมวยั่วสวาทดีดีนี่เอง เหตุว่าเขาถูกทุ่มลงตรงองศาของทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์พอดิบพอดี

เขาว่ากันว่า ธรรมชาตินี่แหละที่สามารถบำบัดจิตใจมนุษย์เราได้ดีที่สุด และเลียมก็ไม่เถียงเลยสักนิดเขากลับเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะธรรมชาติของเจ้าเอยกำลังบำบัดจิตใจที่ห่อเหี่ยวมาเป็นเวลาหลายปีของเขาได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพมาก

ดังนั้นถึงแม้ว่าจะถูกอีกคนทุ่มลงกับพื้นด้วยความรุนแรงเขาก็ยิ้มรับตาหยี่

ท่าทางหน้ามึนของคนบนพื้นสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าเอยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสายตาโลมเลียที่อีกคนมองกันขึ้นมา เจ้าเอยกัดริมฝีปากด้วยความโกรธและอับอาย สายตาสอดส่องหาผ้าเช็ดตัวผืนดีผืนเดิม รีบสาวเท้าหมายจะคว้ามาบดบังกาย ทว่าช้ากว่าคนผีทะเลไปหลายก้าว

"นี่แหน่ จับได้แล้ว"

"กรี๊ด! ปล่อยฉันนะ"

ภาพของร่างสองร่างที่ยื้อยุดฉุดกันไปกลางห้อง ดูดูก็คล้ายนักกีฬามวยปล้ำ เนื่องจากยืนยื้อกันไม่รู้เรื่องจึงนอนเกี่ยวกันแทน ร่างหนาที่มือซุกซนกับร่างบางเปลือยเปล่า ราวกับลูกกวางน้อยที่สู้กับหมาป่าดุร้ายจอมเจ้าเล่ห์

มีแต่เสียเปรียบกับเสียเปรียบ

"ถ้าเอยมองสถานการณ์ออก แฮก ก็น่าจะรู้นะว่าใครเสียเปรียบใคร"

เลียมเอ่ยขึ้นมาเสียงแหบเล็กน้อย เพิ่งรู้ว่าสู้กับลูกกวางน้อยจอมพยศไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เหนื่อยใช่เล่นเลยล่ะ

"จิ๊ บุกรุกเข้าห้องคนอื่น แฮ่ก มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนั้น"

"จุ๊ๆๆ เอยนั้นแหละจะรับไหวหรอถ้าเราแสดงสิทธิ"

เลียมยังคงต่อล้อต่อเถียงเล่นลิ้นกับคนในอ้อมกอด และนอกจากนี้เจ้าตัวยังตั้งปฏิญานกับตัวเองด้วยว่าคืนนี้ยังไงก็ต้องได้แลกลิ้นกับคนตัวขาวให้ได้

ไม่คิดเปล่า คนใจไม่บริสุทธิ์ก็โน้มตัวลงพร้อมทำตามปนิธาน ทันใดนั้นกลับได้รับฝ่าเท้าอรหันต์กลับมาแทน

"อุก!!!"

คราวนี้ไม่ทันได้ตื่นเต้นกับน้องกีกี้ แต่กลับได้นอนกุมเป้านับดาวนับล้านแทน ทั้งมึนทั้งจุก

"ซิ๊ด"

เลียมซี๊ดปากกุมน้องชาย ส่ายศีรษะไล่ความมึน ตั้งสติกับตัวเอง มองดูแม่กวางพยศ อดไม่ได้ที่จะเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยความหัวเสียเล็กน้อย

เขากลับมาได้ไม่ทันไร คนดื้อของเขาก็หยิบแจกันขึ้นมาหมายจะให้มันจุ๊บศรีษะของเขาเป็นแน่ ถุ้ย! นี่ถึงกับจะลงไม้ลงมือกันลงคอเลยหรอ ทั้งที่เขามีแต่จะมอบความรักเข้มข้นให้อย่างเต็มเปี่ยม

ใจร้าย

"ชิส์"

ท่าทีหงุดหงิดเปลี่ยนเป็นกระเง้ากระงอด เมื่อเจ้าเอยพุ่งเข้ามาพร้อมกับแจกันในมือ แต่เขารับไว้ได้

"เดี๋ยวนี้เธอชอบแบบรุนแรงแล้วหรือไง หื้ม?"

นํ้าเสียงแง่งอนทีจริงทีเล่นถูกเอ่ยออกมาจากปากยักษ์ร่างโต แต่กิริยาหนุบหนับราวกับนกจิปิลิ้ว~

"ปล่อยนะ!"

"ปล่อยแน่นอนเอยอดใจรอหน่อยเถอะ"

"นี่...อื้อ!"

และก็สมพรปากคนตัวโต เพราะตอนนี้เขากำลังแลกลิ้นกับคนตัวเล็กสมใจอยากเสียที

"อื๊อห์"

ตึกๆๆ

กำปั้นเท่ากับดวงใจดวงน้อยทุบลงตรงอกแกร่ง คล้ายจะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อ เหตุว่าคนตัวโตไม่ยอมผละจูบออกเสียที และถึงแม้ว่าคนในอกจะต่อต้านเพียงใด เขาก็ไม่อยากหยุดช่วงเวลานี้ไว้เลยสักนิด ตั้งแต่ที่ได้เจอหน้ากันในวันนั้นเขาก็เอาแต่คิดถึงหาแต่เจ้าเอยของเขาอยู่ตลอดเวลา จนร่างกายไร้หัวใจได้พากายหยาบของเขามาถึงที่นี่ยังไงล่ะ

เพราะเขาเจอหัวขโมยหัวใจของเขาแล้วยังไงล่ะ

จ๊วบบบ จุ๊บ

"อืมมม"

เลียมยอมผละริมฝีปากร้ายออกในที่สุด ส่งผลให้มีของเหลวเหนียวยืดสีใสไหลออกมา ราวกับสะพานเชื่อมระหว่างทั้งสองคน เจ้าเอยรีบคว้าเอาออกซิเจนเข้าปอดอย่างน่าเวทนา ทว่าท่าทีดิ้นรนสุดชีวิตของคนในกำมือไม่อาจสะท้านจิตใจเลียมได้เท่า สายสัมพันธ์เหนียวยืดที่ได้ขาดสะบั้นลง เลียมไม่รอช้ารีบครอบครองริมฝีปากบางอีกครั้งอย่างหวงแหน ท่าทีก็อ่อนโยนไปหลายส่วนมาก

ทีท่าที่เปลี่ยนไปของเลียมคล้ายสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เหมือนพระอาทิตย์ที่หลอมละลายน้ำแข็งจนเหลวแหลก เช่นเดียวกับดวงใจไม่รักดีของเจ้าเอยในตอนนี้

ชวนให้หวนคิดถึงวันวาน ในตอนที่ทั้งคู่ยังสนิทชิดเชื้อทั้งกายและใจ

เนินนานที่ปลายลิ้นทำหน้าที่แทนคำพูด เลียมจึงได้ถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง พลันร่างสูงก็ดึงร่างขาวบางเข้ามาในอ้อมกอดเต็มรัก เมื่อคนในโอบกอดไม่มีทีท่าต่อต้านเหมือนก่อนหน้า เลียมจึงวางใจและสูดดมกลิ่นหอมอ่อนจากเส้นผมสลวย ซึ่งเพิ่งผ่านการสระมาหมาดๆ

กลิ่นกายประจำตัวของคนรัก ทำให้หัวคิ้วที่ชนกันอยู่หลายปีคลายลงอย่างน่าอัศจรรย์ คล้ายกับได้รับอากาศบริสุทธิ์จากทุ่งหญ้า หลังจากถูกกักขังอยู่ในห้องใต้ดินที่ทั้งอับชื้นและมืดมิดมานานแสนนาน ทำได้เพียงเฝ้าจินตนาการถึงธรรมชาติภายนอกเพียงเท่านั้น

เลียมจึงอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ ในใจลิ่งโลดราวกับจะทะลุออกมาจากร่างกายเสียให้ได้

"พอใจรึยัง?"

ทว่ารอยยิ้มงดงามที่เปรียบเสมือนแรร์ไอเทมในหมู่สาวๆ ก็หุบลงฉับพลันแทนที่ด้วยความงงงวย ด้วยฝีมือของคนเดียวกับที่ทำให้เขายิ้มได้นั่นเอง

"พอใจ?..."

"ใช่ กอด จูบ ลูบ คลำ จนอิ่มหนำรึยังล่ะ"

"..."

"พอใจแล้ว...ก็กลับไป!"

เจ้าเอยกลั้นใจพูดประโยคหลังออกไปด้วยหัวใจที่บีบรัด อดที่จะคิดน้อยใจไม่ได้ ทั้งที่อีกคนหายไปจากชีวิตหล่อนแบบไร้คำร่ำลา กลับมากไม่บอก ทำตัวราวกับโจร มันจุกไปหมดตรงอกข้างซ้าย

"เอย..."

"ไปสิ!"

เจ้าเอยยังคงไล่อีกคนด้วยน้ำเสียงราวกับไม่ใส่ใจ ก่อนจะละสายตาจากคนเห็นแก่ตัว แล้วเดินไปยังที่ที่ผ้าเช็ดตัวตกอยู่ มือบางพลางหยิบขึ้นมาพันรอบกาย พร้อมกับส่งสาสน์ไปยังคนข้างหลังว่า

"มาทางไหนกลับไปทางนั้น ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย จะคิดซะว่าลมพัดเอาไอ่แมลงวันเผือกตัวใหญ่เข้ามารบกวนโดยอุบัติเหตุเท่านั้น แต่หลังจากนี้เราไม่รู้จักกันอีก"

"...ไม่รู้จักกัน? เอยจะบะ...."

"ลืมไปซะ!!! ลืมทุกอย่างที่ผ่านมาและลืมการมีอยู...ของฉัน"

ประโยคหลังเจ้าเอยเว้นช่วงจังหวะก่อนเอ่ยออกมาในที่สุด แม้จะเบาไปหน่อย แต่กลับดังชัดในโสตประสาทของคนฟัง ดังก้องกังวานอยู่ในหัวของเขา

เลียมไม่รู้ว่าจะเจ็บกับประโยคไหนก็่อนดี แต่ที่แน่ๆไม่มีประโยคไหนที่เขาไม่เจ็บ ทั้งเจ็บทั้งจุกจนหายใจแทบไม่ออก

"..."

"ให้หมด...ลืมให้หมด!!!"

"..."

"!!?"

"ไม่สิ..."

"...?"

"จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป!!!"

ราวกับพายุฝนถล่มในวันที่แดดจ้าสดใส อยู่ดีดีนํ้าสีใสก็ไหลทะลักออกมาบ่อนํ้าตาของเลียม และจิตใจของเขาตอนนี้ก็ไม่ต่างจากปราสาททรายที่เด็กชายคนหนึ่งตั้งใจสร้างขึ้นมาด้วยความหวัง หวังว่าพี่สาวข้างบ้านจะชอบ ทว่าในตอนนี้

มันได้ราบเป็นหน้ากลองไปเสียแล้ว

ค.ศ.2008

"ท้องฟ้าาาาา"

เด็กชายจํ้ามํ่าวัย 7ขวบเศษ วิ่งกลับมาหาผู้เป็นแม่ด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นกว่าทุกวัน ใบหน้าตุ้ยนุ้ยที่แบกรอยยิ้มกลับมา ทำเอาคนเป็นแม่อย่าง ท้องฟ้า อดที่จะใจละลายไม่ได้

"ยิ้มฟันหลอมาแต่ไกลเลยนะครับพี่วิช"

"พี่มีอะไรจะบอก"

"อะไรครับลูก?"

"วันนี้ในห้องพี่มีคนมาใหม่"

เด็กน้อยบอกผู้เป็นแม่ด้วยความตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้า

"แล้วยังไงครับ? เขาอายุเท่าลูกหรอ หื้ม?"

ท้องฟ้าถามพร้อมกับหอมซุกไซร้แก้มลูกอย่างเต็มรัก

"ไม่ใช่ คิกคิก"

เด็กน้อยตอบกลับอย่างจั๊กจี้ก้อนแก้มกลม

"เขาอายุมากกว่าพี่หนึ่งปี"

"อ้าววว เจ้าน้องเล็กของห้อง แล้วพี่ตื่นเต้นอะไรครับ"

ท้องฟ้านึกฉงน ที่ต้องสงสัยเพราะลูกชายอายุน้อยที่สุดในชั้นเรียน เนื่องจากเข้าเรียนเร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกัน หลายครั้งจึงถูกเพื่อนๆรังแก แต่ครั้งนี้เจ้าตัวกลับตื่นเต้นที่ได้เพื่อนใหม่ที่อายุมากกว่า ทั้งที่ท้องฟ้าคิดว่าเพื่อนใหม่คงอายุเท่ากันกับลูก ทวิชาติ จึงตื่นเต้น ทว่ากลับไม่ใช่

"เพราะว่าเอยใจดี เล่นกับพี่ด้วย"

"เอย?"

"ใช่ๆๆ"

"...?"

"เอยก็ชื่อของเพื่อนใหม่พี่ไงท้องฟ้า"

ทวิชาติเฉลยให้มารดาฟัง แล้วจึงเป็นที่เข้าใจกันว่าลูกชายของหล่อนได้เพื่อนใหม่แถมนิสัยดีด้วย เท่านี้ท้องฟ้าก็สบายใจ

แต่จะบอกว่าสบายใจก็ไม่ได้ทั้งหมด เพราะค่อนข้างจะออกไปทางหมั่นไส้เสียมากกว่า เพราะลูกชายหล่อนดูท่าจะชอบเพื่อนใหม่คนนี้ซะเหลือเกิน

หลังจากที่ได้เพื่อนใหม่ไม่นาน ทวิชาติมักจะกลับมาขอร้องให้ท้องฟ้าทำอาหารกลางวันเผื่อนเพื่อนใหม่ของตนด้วย ท้องฟ้านั้นเอ็นดูทั้งรู้สึกตลกเจ้าลูกชายตัวน้อย แต่ก็ทำให้ตามคำขอสำหรับแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วแค่เห็นลูกยิ้มแย้มมีความสุขไม่อมทุกข์เหมือนแต่ก่อนหล่อนก็ดีใจมากแล้ว

ภาพเด็กชายที่ยิ้มกว้างจนตาหยี่ ใครเห็นก็ต้องหลงรักในความน่ารักนี่เป็นแน่ แต่ท้องฟ้าสดใสใช่ว่าจะไม่มีเมฆ พายุและมรสุมที่ก่อตัวอย่างเอาแต่ใจ เหล่าเม็ดฝนนับล้านต่างพร้อมใจกันร่วงหล่นลงมาราวกับวันสิ้นโลก ไม่ต่างจากเด็กชายที่เคยยิ้มแย้มให้กับโลกใบนี้ ทว่ากลับร้องไห้แทบขาดใจแตกสลายสิ้นในชั่วพริบตา

ราวดับฝันร้ายถูกฉายซ้ำตรงหน้าทั้งที่ร่างกายตื่นเต็มตา ลําดับเหตุการณ์สะเทือนหัวใจไหลกลับมาเรื่อยๆราวภาพฟิล์ม ทุกความรู้ เสียง สภาพแวดล้อมในวันวาน เหมือนกำลังหลอกหลอนในใจเลียม

สายตามั่นคงเมื่อครั้งปกติกลับวูบไหวไร้ซึ่งการควบคุม ตรงอกอึดอัดคล้ายโดนจิกและบีบรัด เจ็บจนยากจะหายใจ ร่างกายที่ตอบสนองสิ่งเร้าโดยอัตโนมัติ ไม่มีใครเข้าใจนอกจากเจ้าของกายหยาบ

"เจ้าเอย"

นํ้าเสียงเอื้อนเอ่ยออกมาเบาหวิวคล้ายกับพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า ทว่าคนฟังกลับได้ยินชัด เจ้าเอยมองดูท่าทีก็คนตรงหน้า ให้รู้สึกประหลาดใจ มือแกร่งที่เคยโอบกอดกายาของหล่อนในอดีตมันสั่นเทา ไม่รู้เพราะแรงโกรธหรืออารมณ์ใด

แต่ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็ต้องไล่คนตัวโตออกไปจากห้องให้ได้ เพราะการมีอยู่ของอีกคนมีอิทธิพลต่อจิตใต้สำนึกของหล่อนอย่างน่ากลัว

สายตาที่คล้ายกับคนไร้ที่พึ่งแม้จะสงสัยแต่เจ้าเอยไม่อยากยืดเยื้อเวลาให้นานแม้แต่สักวินาทีเดียว

"ไม่ได้ยิน?"

หล่อคนถามยํ้ากลับไป คนถูกถามในตอนนี้ที่ตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าหล่อนตาฝาดหรืออะไร แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้ยินเพราะยังยืนเฉยไม่ขยับร่างกายไปไหนเสียที

"ถ้าได้ยินก็อัญเชิญพาร่างยักษ์ออกไปจากที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของนาย ไปซะสิ๊"

เลียมเหมือนโดนน้ำร้อนสาดใส่สลับกับนํ้าเย็นซํ้าๆ ทั้งนํ้าเสียง คำพูดที่ดูห่างเหิน ท่าทางภาษากายที่ไล่เขาแล้วไล่เขาอีก ทั้งที่เขาดิ้นรนตั้งมากเพื่อกลับมาอยู่ตรงหน้าเธอ แต่อีกคนจะไปรู้อะไร

"เฮ้อออ จิ๊"

เจ้าเอยมองบนถอนใจแรงอย่างเหลือจะทนจนหนทาง แขนเรียวสวยกอดอกเข้าหากัน สายตาจ้องมองกันอย่างไม่เป็นมิตร หมดสิ้นคำพูดจะไล่อีกคน การสื่อสารตากร่างกายของคนตัวเล็กแทนคำพูดมันชัดเจนจนน่ากลัว เเต่เลียมจะยอมแพ้ไปง่ายไปได้อย่างไรแม่จะเจ็บปวดเพียงใจ

"!!!?"

เจ้าเอยเป็นต้องสะดุ้งเมื่อคนตัวโตอยู่ไปก็จับมือของหล่อนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แขนเรียวรีบสะบัดออกแต่กลับไม่หลุด พยายามอย่างไรก็ไม่เป็นผล

"นี่นะ....!"

เสียงตะคอกขาดหายไปทันทีแทนที่ด้วยหยาดน้ำใสที่ไหลหลากลงมา ใช่ เลียมกำลังร้องไห้ หรอ

เจ้าเอยชะงักค้างทำตัวไม่ถูกไม่อยากสบตาคู่นั้นที่ตนเกลียด แต่กลับละสายตาไม่ได้ ร่างบางพลันกัดริมฝีปากอย่างลืมตัว สายตาเสมองไปทางอื่นในที่สุด ได้แต่ถกเถียงกับจิตใต้สำนึกอยู่คนเดียว

Devil : แค่นั้นเทียบไม่ได้กับน้ำตาที่หล่อนเสียไปหรอก

Angel : แต่ดูสายตาเขาสิ มันดูเจ็บปวดและแตกสลายมากนะ

Devil : แล้วยังไง หล่อนใช้เวลาไปเท่าไหร่กว่าจะกลับมาได้

Angel : บางทีเหตุผลอาจมี...

Devil : มันจะสำคัญอะไร คนที่จากไปอย่างโหดร้ายในช่วงเวลายากลำบากแบบนี้ โง่ดักดานเลยนะถ้าคิดจะกลับไป

Angel : ตะ....

Devil : อยากกินหญ้าแทนข้าวก็ไม่ขาดศรัทธา ถ้าหล่อนมั่นใจในไฟเบอร์มากกว่าคาร์โบไฮเดรต

"..."

เลียมมองท่าทีของคนตรงหน้าอย่างเจ็บปวด เขาไม่อาจยืนอยู่ไหวได้นาน ทว่าก็ไม่คิดจะออกไปตามคำไล่ แต่อีกคนไม่อยากแม้แต่จะมองหน้ากันเลยสักนิด เลียมจึงปล่อยมืออย่างร้อนรนในหัวใจแล้วรีบจับใบหน้าสวยด้วยมือทั้งสองข้างให้หันมาทั้งทึ่มันสั่นเทาจนน่ากลัว สายตาอ่อนแอในตอนนี้มองดูริมฝีปากอวบอิ่มถูกฟันสวยกัดก็ไม่ชอบใจ นิ้มโป้งแต่ตรงริมฝีปากล่างเพื่อหวังจะคลายมัน ทว่าคนตัวเล็กกลับตกใจและจัดขืนอัตโนมัติโดยกันกัดเข้าไปอย่างจัง

เลือดที่ซึมไม่ไหวติง แม้จะสะดุ้งเล็กน้อย แต่เลียมยังคงปล่อยให้คนตรงหน้าทำตามใจ อยากจะกัด หยิก จิก ตบ ตี ไม่ว่าอะไรเขาก็ไม่ไปไหน ไม่อยากไปแม้สักนิด

"นี่นายเป็นบ้าเสียสติไปแล้วหรือไง ห๊ะ!!!!"

เจ้าเอยใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักคนร่างยักษ์ดื้อแพ่งออกไปไกลตัว นิ้วเรียวชี้หน้าคนตรงหน้าอย่างเหลืออด

"ออกไป อย่าให้ฉันต้องพูดมาก"

"..."

"แล้วอย่ากลับมาอีกเด็ดขาด ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย มันเกะกะสายตาและน่าหงุดหงิดที่สุด ในเมื่ออยากไปแบบดื้อๆก็ไปแล้วไปเลย ไม่ต้องกลับมา ชาตินี้ชาติหน้าชาติไหนๆ ก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก"

"...เอย"

"จะไปตายที่ไหนก็ไป!!!"

"!!!"

คำก็ไล่สองคำก็ไล่ เธอไม่อยากจะเห็นหน้าเขาขนาดนี้เลยหรอ จะเกลียดกันมากเกินไปแล้ว

"อ เอย ใจเย็นๆนะ..."

เลียมหลับตาลงตั้งสติก่อนจะลืมตาขึ้นพยายามเกลี่ยกล่อมคนตรงหน้า อย่าไรเขาก็ไม่อยากกลับไปทั้งที่เรายังผิดใจกันแบบนี้

"นี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องแล้วหรือยังไง..."

"เอยฟังเราก่อน ฟังก่อน ฟังก่อนนะ...นะ"

"ฟังอะไรอีก! ปล่อย!!!"

เจ้าเอยสะบัดมือหนาที่กอบกุมกันแน่น ก่อนจะเดินหนีอย่างสุดจะทน มือบางทึ่งผมที่เพิ่งสระไปหมาดๆอย่างหัวเสีย ในขณะที่เลียเท้าเอว เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างพยายามควบคุมอารมณ์

"จิ๊ คนที่หายไปกลับมาเป็นควายรึไงว่ะ พูดยากชิบหาย แม่ง!"

พรึ่บ!

"!!!!"

"เอยฟังเราก่อนนะ"

"เลียมมมม!"

เจ้าเอยตะคอกสุดเสียงหน้าดำหน้าแดง เมื่ออีกคนดื้อมากอดกันจากด้านหลัง ไม่ยอมไสหัวไปเสียที และหล่อนก็ไม่อยากวางมวยปล้ำกับอีกคนแล้วด้วย หล่อนเหนื่อย เหนื่อยเกินกว่าจะมาทะเลาะกับคนหัวแข็งนี่แล้ว

เมื่อความเครียดและความเหนื่อยมันสะสมกดทันกันมากจนจะรับไหว เจ้าเอยจึงป่วยที่จะพูดกับคนตรงหน้าให้มันเสียเวลาและเสียพลังงานอย่างสิ้นเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์ ร่างบางจึงลอยแพคนข้างหลัง ทนได้ก็ทนทนไม่ได้ก็กลับไป คนอะไรสันดานไม่เคยเปลี่ยนไม่รู้จักพัฒนาเลยรึไง

เจ้าเอยโกรธเกลียดอีกคนจนเหนื่อย แสนชังเหลือจะทนได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าครั้งหนึ่งเคยคบคนหน้ามึนแบบนี้จริงเหรอ ไม่รู้ว่าหล่อนในเมื่อก่อนคิดอะไรอยู่ถึงได้หูเบาใจเบาอ่อนโอนให้คนผีทะเลนี่ หล่อนไม่เคยเห็นอภิมหาข้อเสียของหมอนี้เลยรึไง หรือว่าเลข '58' มันเยอะจนบดบังทัศนียภาพในการคิดวิเคราะห์และแยกแยะของหล่อนไปจนหมดสิ้น

"เอยหันมาคุยกับเราหน่อยได้ไหม?"

"..."

"อย่าเมินกันแบบนี้สิ เลียมใจไม่ดีเลยนะ"

"..."

"เอยยยย"

"..."

"ไม่เงียบได้ไหม"

"เอย"

 

 

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!