บทที่ 3 ความรักในห้องสมุด

เสียงโต๊ะครูไลฟ์สด Ep.13 เซิร์ฟเวอร์เชื่อมระบบเอไอโอนถ่ายข้อมูลสม่ำเสมอ

       โต๊ะครูให้นึกวันอำลาถูกนำส่งแดนแห่งตัวหนอน บ้านแห่งสัตว์ร้ายและงูพิษ ใช้ชีวิตใต้ผืนดินอยู่เพียงลำพัง

       โลกใหม่เริ่มต้นใต้ผืนดินค่ำคืนแรกจะได้พบสิ่งที่น่ากลัว อย่าเป็นคนผลัดวันประกันพรุ่ง คนในหลุมฝังขอกลับโลกมนุษย์แก้ตัวใหม่ แต่ก็ไม่มีใครสักคนทำได้

เส้นคลื่นทรงจำหลั่งไหลจากเซิฟเวอร์ต่อเนื่อง ทุกบทตอนในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นในห้องที่มีกลิ่นหอมโชยตลอดเวลา

       อดัมฝันกอดร่างเย้ายวนสวยงามดั่งนางฟ้าคนนั้น เธอสนองตอบแรงเบียดเสียด ให้ห้องสมุดเป็นเตียงสวรรค์ หนังสือเป็นสักขีพยานรักหญิงชายต่างวัยคู่หนึ่ง

       ครั้นตื่นเช้า ลมเช้าอ้อยอิ่งใบไม้ ไม่อยากอำลาไปไหน ทุกตอนจิตใจหวั่นไหว ไม่เว้นขณะหยิบเศษยางก่อไฟหุงข้าว ร่างเปลือยเปล่าโผล่ขึ้นกลางเกลียวควันสีขาว ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มเชิญชวน รีบหยิบผ้าหุ่มคลุมโปง พบกับเธอรออยู่ในโลกใต้เปลือกตา

       ดรุณีโผเข้าหาร่างของเขากอดรัดฟัดเหวี่ยง อดัมนึกถึงหอยกาบได้กลิ่นโคลน ช่วงที่ไปช่วยเก็บปลาดักกัดเจอหอยกาบตัวใหญ่ เขาสัมผัสถึงรอบขอบคมบาดมือ เพียงลูบเบาๆมันจะอ้าออกตามธรรมชาติ

       ได้ยินเสียงกระซิบที่ชวนเคลิบเคลิ้มอยากทำจิตใจฝ่ายต่ำดังปรารถนา ทุกครั้งที่ขับไล่ไสส่ง มันก็ยุยงอีกต้องการชนะให้ได้ พลังมันแข็งแรง ไม่มีอาวุธใดทำลายได้เลย นอกจากหัวใจอันเข้มแข็งเท่านั้น

       อดัมชอบมองตอนที่ดรุณีใส่มินิสเกิร์ตนั่งไขว่ห้างอวดน่องกลมกลึงแทบไม่กะพริบ เห็นลูกไม้ซับในเหมือนไฟได้กลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิง

       ภาพที่เคลื่อนจากเซิร์ฟเวอร์เผยด้านมืดด้านสว่างราวทำนบแตก นับจากวันกอดรัดเต็มวงแขนวันนั้น ไม่มีสักวันเดียวที่จะลืมเลือน

       อดัมไม่เคยเล่าให้ใครฟังสัมพันธ์ผู้หญิงต่างวัยทรงเสน่ห์ นับวันยากจะหาทางขึ้นหลุมพิสวาสนั้น

       วันหนึ่ง อาจารย์วิชาภาษาไทยให้นักเรียนเลือกอ่านหนังสือนอกเวลา ให้ย่อเรื่องที่ได้อ่านว่าได้รับประโยชน์สอนใจเช่นใด ให้เวลาทั้งเทอมเป็นการเก็บคะแนนสอบปลายภาค

       เพื่อนๆต่างเข้าห้องสมุดโรงเรียน อดัมรู้ว่ามีหนังสืออ่านไม่มากนัก เขารอถึงวันเสาร์ไปหาหนังสือที่ห้องสมุดประชาชนประจำจังหวัด

       “แนะนำอ่านเล่มนี้”

       “นวนิยายข้างหลังภาพ เรื่องประเภทไหนครับ”อดัมพูดขึ้น ขณะหยิบหนังสือพลิกไปมา

       “อ่านเองสิ ไม่บอก เดี๋ยวไม่สนุก”

       วันนั้นเลือกหนังสืออ่านสี่เล่ม ข้างหลังภาพ ของศรีบูรพา, กุหลาบเมาะลำเลิง หลวงวิจิตรวาทการ รวมเรื่องสั้นของโอ เฮนรี่ และเออเนสต์ เฮมมิงเวย์

       ครั้นกลับถึงปอเนาะอ่านเล่มที่บรรณารักษ์แนะนำเป็นเล่มแรก เรื่องข้างหลังภาพ แต่งโดยศรีบูรพา นักเขียนผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง

       นพพรอายุ 22 ปีนักศึกษามหาวิทยาลัยริคเคียวประเทศญี่ปุ่น ได้พบหม่อมราชวงศ์กีรติหญิงวัย 35 ปีที่สถานีรถไฟโตเกียว เดินทางดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีที่อายุมากกว่า ซึ่งขอช่วยให้นพพรมาภรรยาไปเที่ยวพักผ่อน จากที่ได้ใกล้ชิดกันนพพรหลงรักหม่อมราชวงศ์กีรติ ทั้งๆที่รู้ดีว่าเธอมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่เรื่องหัวใจนั้นหักห้ามได้ยาก ทุกครั้งที่นพพร ถามว่าหม่อมราชวงศ์กีรติรักเขาไหม เธอไม่เคยตอบตรงคำถาม นพพรยืนยัน “ผมจะรักคุณหญิง ตราบชั่วฟ้าดินสลาย” ด้วยคำนั้นอย่างมั่นคง ต่อมานพพรก็แต่งงานกับคู่หมั้น ทราบว่าหม่อมราชวงศ์กีรติได้เจ็บหนักด้วยวัณโรคและอยากพบเขามาก ชายหนุ่มไปเยี่ยมและเธอได้มอบให้ภาพเขียนโดยฝีมือของเธอเอง อีกเจ็ดวันต่อมาเธอก็ถึงแก่กรรม ยังจำเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นได้ดี นิทานสโนว์ไวท์ หนังสือ ชวนให้อ่านตามวัยที่เติบโตขึ้น ข้างหลังภาพ เป็นนวนิยายรักต่างวัย อ่านจบเขารู้สึกอยากจะเป็น ชายหนุ่มที่ไปเรียนประเทศญี่ปุ่นคนนั้น

สองสัปดาห์ต่อมาเธอไว้ใจให้ทำหน้าที่ รับคืนหนังสือแทน ส่วนเธอออกทำธุระข้างนอก ไม่กล้าถามทำอะไรที่ไหน หลังจากคบกันสองปีเต็มก็ชวนเที่ยวบ้านครั้งแรก ดรุณีเดินนำหน้าขึ้นบันไดก่อน มองเห็นท่อนขาขาวผ่อง กลิ่นหอมยวนใจลอยอบอวล ใจเต้นครึกโครมไม่เป็นจังหวะ

      ในห้องนอน อดัมมองรูปเด็กผู้ชายคนหนึ่งวางบนโต๊ะเครื่องแป้ง หน้าละม้ายอดัมเหมือนฝาแฝดอีก เขายืนดูภาพนั้นนิ่งนานเหมือนโดนต้องมนต์ขลัง ดรุณีเล่าเกิดอุบัติเหตุสามีเสียชีวิตลูกเป็นเจ้าชายนิทราเพิ่งเสียชีวิตไม่นานนักอะไรหนอที่ทำให้ต้องเจอกับความสูญเสียสิ่งที่รักในคราวเดียวกันอย่างเจ็บปวดเช่นนั้น

       “คิดถึงลูกมาก” น้ำเสียงแผ่วเบา

       อดัมถูกดึงเข้าเป็นส่วนหนึ่งในนิยายชีวิตเธอทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ในประโยคเหล่านั้น

      “เจ้าชายนอนในห้องนี้” น้ำพูดเสียงสั่นเครือ อดัมรู้สึกถูกลากลงสู่บึงน้ำตาที่ไม่เคยแห้งขอดแห่งหนึ่ง เธอผลักเบาๆให้นอนลงบนเตียงนุ่มหนา บรรจงกอดเด็กชายหอมแก้มซ้ายขวา ดั่งเจ้าชายสัญจรจุมภิตตสโนว์ไวท์ ภาพเคลื่อนไหวที่รุกเร้าในฝันก่อตัวให้เป็นจริง เธอเอี้ยวตัวหลบเอามือแตะฝีปากเด็กหนุ่มเบาๆ

      “พี่ลืมเขาไม่ได้รู้ไหม”กระซิบเสียงสั่นเครือดวงตามีน้ำใสเอ่อล้น

       หนุ่มน้อยตัวสั่นเทิ้ม ดรุณีหน้าอกใหญ่น่าจับต้องลูบคลำได้ทั้งวันลุกขึ้นนั่งรีบปัดผมยุ่งเหยิงให้เข้ารูปทรง ไม่อยากถลำลึกมากกว่านั้น

       ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ สามีเสียชีวิตลูกชายเป็นเจ้าชายนิทรา เธอกับลูกรอสามีกลับบ้านด้วยการนอนเล่นบนเตียงแบบนี้

       “พี่คิดถึงลูก” เสียงเบาหวิว ภาพเศร้าทิ้งทับบนพื้นผิวกระจกใส

       ดรุณีจำลองฉากผ่านชีวิตของเธอ ให้เกิดขึ้นในลำธารสายใหม่ หนุ่มน้อยชื่นชมสายน้ำทิพย์นั้นด้วยเผลอใจ เขารู้ดีว่ามันเกิดแรงหนุนจากอิบลิสแปลงร่างลงท้อง เขาทั้งสองช่วยกันขับไล่ให้ออกไปอย่างสุดฤทธิ์ เป็นครั้งแรกที่อดัมได้ยินคำเตือนชายและหญิงห้ามอยู่สองต่อสอง จะมีมารร้ายเป็นบุคคลที่สามรวมอยู่ด้วย

       “ผมเสียใจด้วยนะครับ”

       “ขอบใจจ้ะ” ดรุณีเอ่ยขึ้น ดวงตาดำขลับมีน้ำใสเอ่อล้น

       ให้ตายสิ สิ่งที่เกิดขึ้นเขาเองที่เข้าใจผิด ทุกครั้งมีกรอบกั้นมิให้ถลำลึก ช่วยกันหาทางออกเต็มกำลัง ทุกครั้งรสสัมผัสทั้งหมดยากที่จะลืมเลือน ได้เลย

       อดัมบอกตนเองอีกไม่นานเรียนจบแล้ว รักมากแต่ไหนก็ตัดใจก่อนเดินทางกลับบ้านลืมวันเก่าๆให้จงได้

       คิดๆแล้วบ่ายนั้นรถชนตายก็ดีหรอก สมุดบัญชียังไม่ถูกจดบันทึก สมุดจดชีวิตจะได้สะอาดดั่งผ้าสีขาว

วันเวลาล่วงถึงสอบปลายภาค ไม่กี่วันก็ต้องอำลาเพื่อนปอเนาะ และโรงเรียนประจำจังหวัดก็อดใจหายไม่ได้

       อดัมนั่งทำข้อสอบใจเต้น หน้ากระดาษเต็มไปด้วยภาพหญิงในฝัน ด้วยวันนี้ตั้งใจพบเพื่ออำลา วันนี้เพื่อนชวนกินเลี้ยงที่ร้านเจ้าประจำเขาจะทำยังไงดีนะ

       “อดัมทิ้งเพื่อนว่ะ”ทัศนีย์แซว อดัมยิ้มอายๆ

       “วันสำคัญนะโว้ย”นรินทร์ย้ำ

       “มีธุระ”อดัมบอก

       นรินทร์จับมือขอร้อง วันสุดท้ายสมควรอำลาเพื่อนร่วมหัองห้าปีเต็มๆ เพื่อนคนนี้เป็นนักมวย เคยนำเงินช่วยค่าเทอมให้ ขนาดนั้นก็ยับยั้งหัวใจส่วนลึกไม่ได้เลย

       อดัมรีบวิ่งหารถปั่นไปห้องสมุดอยู่กันคนละฟากถนน เพื่อนมองไล่หลัง คงคิดว่าเสียสติแล้วแน่ๆ

       หายใจลึกดึงชายเสื้อออกนอกกางเกง อดัมนั่งใต้โคนไม้หน้าห้องสมุดพักหนึ่งให้หายเหนื่อยหอบ

       บ่ายวันนั้นห้องสมุดว่างเปล่า เงียบสงัด ไม่มีสมาชิกส่งหนังสือหรือทำธุระ เป็นฤกษ์งามยามอำลาที่หาได้ไม่ง่ายนัก

       ดรุณีใส่กระโปรงเห็นหัวเข่าขาวนวล นั่งเขียนหนังสืออยู่ที่โต๊ะ เมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าห้องก็กวักมือให้เข้ามาข้างใน ดวงตาที่จ้องเขานั้น ยากที่จะเข้าใจได้เลย

       วันนี้เธอใส่เสื้อผ้าบางเห็นจนยกทรงข้างในชวนวาบหวิว ยกสองมือโอบด้านหลัง เธออาจนึกลูกชายที่ตายมาหอมแก้มอยู่กระมังถึงไม่หลีกหลบแต่อย่างใด

      “ชื่นใจจัง” ประโยคใช้ได้ทั้งลูกและชู้รัก กลิ่นหอมเข้าจมูกลืมเพื่อนที่กำลังเลี้ยงฉลองสนิท

      “สอบเสร็จรีบมาครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำหอมส่งกลิ่นไม่ผิดกับได้นอนเล่นในสวนดอกไม้นานาพันธุ์

       “จะไม่ได้เจอกันอีกใช่มั้ยครับ”

       “พี่จะรอเธอในความฝัน” ดรุณีตอบอดัม

       “อยากพบแบบนี้ครับ”

       “พบเพื่อร่ำลาจำได้มั้ยจ้ะ” น้ำเสียงเบาหวิว

       “ถึงเวลาก็ใจหายครับ” อดัมกระซิบตอบ

       อดัมจ้องแววตาดำขลับ ยิ้มบางริมฝีปากแดงด้วยลิปสติกนั้น

       อดัมยังจำวันที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงที่บ้านพักได้ดี เขาจูบฝีปากนิ่มนวล คล้ายเจ้าชายจุมภิตสโนว์ไวท์แสนสวย

       “พี่ขอสักอย่างได้มั้ย” เสียงนั้นสั่นส่วนอดัมแทบสำลักลมหายใจ ต่อไปคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว

       “อดัมอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะ”ดรุณีพูด

       “ทำไมครับ”

       “เด็กโง่” น้ำเสียงเบา ตาดำขลับมองชายรุ่นลูก เขาช่างอ่อนโลกเสียเหลือเกิน

       “แต่งกันไม่ได้” ดรุณีพูดขึ้น ดวงตามองหนุ่ม สาวใหญ่อารมณ์เปลี่ยวเผลอใจให้หนุ่มน้อยคราวลูกน่าละอายเหลือเกิน

        อดัมโอบกอดเธอแน่นสองมือซุกซนลูบไล้ตามเนินอกเหมือนส้มโอขนาดเหมาะมือ ลูบคลำเบากลัวหลุดจากกิ่ง

       “ทำไมล่ะ”

       “พี่มีลูกไม่ได้ นะสิ” ดรุณีอธิบายวัยที่ร่วงโรย เข้าสู่วัยทองหมดสิทธิ์ตั้งท้องได้อีก

       “ผมไม่รู้ แต่...”

       “รับปากพี่สิ”

       “ไม่ต้องมีลูกก็ได้นี่ครับ”

       “ไม่เสียดายที่ดินให้ญาติฝ่ายพ่อเหรอ”

       “ผมยอม” ดรุณียิ้ม เขาอยู่ในวัยอรุณ ไม่รู้จักแสงอาทิตย์ร้อนแรงเพียงใด  ไม่น่าให้เรื่องบานปลายเช่นนี้เลย

       “งั้นไม่ต้องเจออีก”ดรุณีใช้มาตรการเด็ดขาด

       “ผมสัญญาไม่เล่าให้ใครฟัง แต่.”อดัมค้างคำ

       “ความลับไม่มีในโลกนะครับ”

       “ถ้าเธอไม่เล่าใช่ไหมล่ะ”

       อดัมหน้าบึ้ง ผู้ใดกุมความลับพระเจ้าจะช่วยกุมความลับน่าอายไม่ให้แพร่งพรายเช่นเดียวกัน

       “งั้นผมจะเก็บรักษาเท่าชีวิตครับ” น้ำเสียงจริงจัง

       ดรุณีมองอดัมแล้วทั้งสองกอดรัดอีกครั้ง กระแทกชั้นวางหนังสือ บางเล่มหล่นโครมมากองกับพื้นข้างล่าง

       “เธอรักพี่มั้ย” ครุณีมองหน้าถามขึ้น

       อดัมยิ้มตอบนิ่งนาน ก่อนเอ่ยประโยคนพพรตอบหม่อมราชวงศ์กีรติในนวนิยาย ข้างหลังภาพ ที่เธอแนะนำให้อ่านวันนั้น

       “ผมจะรักคุณหญิง ตราบชั่วฟ้าดินสลาย”

ฝังตัวในอยู่ห้องพักสังกะสีห้าปี อดัมก็กลับบ้านเกิดอายุยี่สิบปี ขายจักรยานไม่มีเบรกให้เพื่อนในราคาสามร้อยบาทไว้เป็นค่าโดยสาร

       นึกย้อนวันได้รับจักรยานคันนั้น ป๊ะจูงรถเข้าโรงเรียน นักเรียนกำลังเข้าแถวห้องเรียน มองเห็นป๊ะใส่เสื้อซ่อมซ่อ เพื่อนๆหัวเราะเข้าใจเป็นคนบ้าพลัดหลงเข้าโรงเรียน

       “เฮัย ดูไอ้แก่คนนั้นสิ” มาลิกเพื่อนผู้มีชื่อแปลว่าผู้รักษานรก ชี้ลงไปข้างล่าง

       “ไหนๆ” มาโนช มองตามนิ้วชี้เพื่อนร่วมห้อง

       “คนบ้าหรือเปล่าว่ะ” มาลิกพูดขึ้น

       ป๊ะรูปร่างผ่ายผอมใส่เสื้อเชิร์ตเก่าๆ กางเกงสีฟ้าหม่น สวมรองเท้าแตก อุตส่าห์พารถจักรยานมาจากต่างจังหวัด ยามวิ่งตามหลังป๊ะ เพราะเข้ามาโดยไม่บอกกล่าว เพื่อนๆ ทั้งห้องแตกแถวหน้าห้องไปดูกันคนบ้าหน้าสลอน

       “ป๊ะกู” อดัมพูดดังๆ

       เขารีบวิ่งลงจากตึกชั้นสามน้ำตาคลอเบ้า เขียนจดหมายบอกอยากได้จักรยานได้สักคัน ไม่นึกป๊ะจะหาให้รวดเร็ว รถใช้งานได้ดี ไม่มีเบรกก็ใช้รองเท้าฟองน้ำแทน

       ทางเข้าหมู่บ้านยังเป็นลูกรัง  มีเสาไฟฟ้าจากถนนใหญ่เชื่อมผ่านเข้าหมู่บ้าน ในรอบห้าปีผ่านมีบ้านเพิ่งสร้างใหม่เกิดขึ้นหลายหลัง ไม่รู้ว่าเป็นของเพื่อนบ้านคนไหนบ้าง

       อดัมเดินฝ่าแสงแดดบ่าย ที่ยังให้ความร้อนกระจายลงสม่ำเสมอ แบกลังตำรา เรื่องสั้น นิยาย บทกวี เดินถึงบ้านก็เหงื่อโทรมกาย

       อดัมนั่งข้างๆป๊ะสนทนาด้วยสายตา ฝีปากขยับสื่อสารกัน มีถ้อยคำยินดีในสำหรับวันกลับบ้านลูกชาย

       ตั้งแต่ป๊ะล้มป่วยพี่สาวเด็กสิบสองคนก็กลับบ้าน หอพักทิ้งร้าง อาคารถูกรื้อขายไม้ราคาถูกๆนำเงินมารักษาตัว ส่วนใบอนุญาตปอเนาะป๊ะมอบให้เพื่อนคนหนึ่ง ทั้งๆที่ไม่มีเงินสำรองรักษาตัว ป๊ะก็ให้เปล่าด้วยบริสุทธิ์ใจ

       “ศาสนาอย่าซื้อขายกัน” พี่สาวบอกอดัม

       ตั้งแต่ประมุขล้มป่วย บ้านริมคลองมีกลิ่นโศกแศร้าแทรกทุกอณูพื้นที่เจ็ดไร่ มองเห็นซากปรักความฝันป๊ะที่ตกทิ้งเรี่ยราดก็ใจหายไม่ได้เลย นี่คือป๊ะของพวกเราสมาชิกแห่งบ้านริมคลอง ผู้เกิดมาเพื่อเป็นดวงดาวเหนือฟากฟ้า อาสาให้แสงสว่างแก่ให้นักเดินทาง

       มะบอกพี่สาวออกเรือนหมดแล้ว นานๆมีนอนค้างบ้าง มะเดินซื้อผักชาวบ้านไปขายที่ตลาดนัดเสริมรายได้พอจะช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว

       “พี่สาวแต่งแล้วก็ไม่ค่อยมีเวลา แต่ละคนลูกดก ต่อไปหลานเป็นร้อยแน่ๆ” มะพูดติดตลก

       ใช่แล้ว มีหลานๆ ให้หลุดพ้นคำว่าหัวเดียวกระเทียมลีบ ป๊ะกำชับวาเรสผู้สืบสันดานต้องดูแลพี่สาวและหลานๆทุกคนเต็มกำลังสามารถ

       “ต่อไปผมจะดูแลมะเองครับ” อดัมพูดขึ้น

       นึกถึงวันที่บอกให้หุงข้าววัดสามข้อนิ้วผ่านพ้นไม่นาน อยากบอกเขาหุงข้าวแฉะใส่น้ำเกินเพียงครั้งเดียว ไข้หวัดไม่สบายนอนซมในห้องสี่-ห้าครั้ง ไม่เคยลืม ห้าปีผ่านนานเท่ากระพริบตา เดียว

       ได้ยินข่าวน้องชายกลับบ้าน พี่ๆดีใจที่มีคนดูแลป๊ะมะ อดัมออกหางานทำช่วยเหลือครอบครัว มะทำงานหนักตลอดและยังต้องแลคนป่วยสมควรปลดระวางได้แล้ว

       สองอาทิตย์ต่อมาอดัมตัดสินใจไปสมัครเป็นลูกจ้างร้านซ่อมสำราญวิทยุ-โทรทัศน์ ที่ตลาดสวนวิมาน

       แกเป็นชาวไทยพุทธลูกจ้างร้านซ่อมนาฬิกา ที่ตลาดเก่า ในวันที่ป๊ะพานาฬิกาไปซ่อม พูดกันถูกคอกับป๊ะจึงชวนเปิดร้าน แรกในตำบลกิจการดีวันดีคืน

       สองปีให้หลังมีสาวมุสลิมคนหนึ่งชอบพอ สำราญขอช่วยให้ป๊ะพาไปสู่ขอทำพิธีแต่งงาน ได้สองผัวเมียอยู่กันราบรื่น มีลูกหญิงหนึ่งชายหนึ่ง เป็นครอบครัวนายช่างที่อบอุ่น ใครๆก็ชมสองผัวเมียคู่นี้เสมอ

       ช่างสำราญสอนวิชาให้ ย่างไม่ปิดบัง ชมอดัมหัวดีสอนรับรู้เร็ว จับหัวแร้งบัดโกบได้คล่องแคล่วว่องไว เขาฝันว่า ใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์สักพักหนึ่ง อยากมีร้านเป็นตนเองสักวันหนึ่ง

       มีหลานๆหลายคนที่อยากให้ร่วมงาน หน่วยก้านหมาด ท่าส้มลูกชายสโนว์ไวท์สุอาดะก็เข้าท่า หัดเป็นช่างดีกว่าหมกมุ่นน้องเมีย พลาดท่าเสียทีถูกอิบลิสยุยอน ให้ชวนน้องเมียวิวาห์เหาะเสียคนง่ายๆ

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!