เล่ารักวายจากAI
ค่ำคืนแห่งงานเลี้ยงอำลาของมหาวิทยาลัยกำลังดำเนินไปอย่างงดงาม แสงไฟระยิบระยับสาดส่องทั่วหอประชุมใหญ่ เสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อมบรรยากาศให้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและหวนระลึกถึงความทรงจำ ภาคิน นักศึกษาปีสุดท้ายคณะนิเทศศาสตร์ยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง สวมสูทเรียบร้อยแต่แววตาเต็มไปด้วยความกังวล เขาไม่ถนัดกับงานเต้นรำหรือความเป็นทางการนัก หากแต่เหตุผลที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงในคืนนี้ไม่ใช่เรื่องงานเลี้ยงเลย
แต่เป็นคนคนหนึ่ง…
“ธันวา” รุ่นพี่คณะเดียวกัน ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะประธานชมรมดนตรีคลาสสิก บุคลิกของเขาเงียบขรึมและสง่างาม ทุกครั้งที่เขาขึ้นเวทีบรรเลงไวโอลิน เสียงดนตรีจะตราตรึงผู้ฟังจนเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน สำหรับภาคินแล้ว ธันวาไม่ได้เป็นเพียงรุ่นพี่คนหนึ่ง แต่เป็นคนที่เขาเฝ้ามองอย่างลึกซึ้งมาตลอดสี่ปี
แต่ความรู้สึกนั้นเขาไม่เคยกล้าเอื้อนเอ่ย
เสียงดนตรีเปลี่ยนจังหวะจากเพลงเร็วสู่ทำนองวอลซ์แผ่วหวาน ภาคินกะพริบตา กำลังคิดว่าควรหาทางออกไปพักด้านนอก ทว่าเสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างกาย
“ภาคิน”
เขาหันขวับ ราวกับเวลาหยุดเดิน ธันวายืนอยู่ตรงนั้น สวมชุดสูทสีเข้มที่ทำให้ดูสง่างามยิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากหยักยกยิ้มบาง ๆ ดวงตาคมทอดมองมาอย่างอ่อนโยน
“อยากเต้นกับฉันสักเพลงไหม?”
ภาคินตกใจ ใจเต้นแรงจนพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าช้า ๆ มือสั่นเล็กน้อยเมื่อธันวายื่นมือมาให้ เขาวางมือลงไปอย่างเก้อเขิน ทั้งสองก้าวลงสู่ฟลอร์เต้นรำท่ามกลางสายตาของผู้คนรอบข้าง
จังหวะก้าวของพวกเขาสอดประสานกันอย่างน่าประหลาด ถึงภาคินจะไม่เคยเต้นรำจริงจัง แต่เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของธันวา เขากลับรู้สึกปลอดภัย ราวกับว่าฝีเท้าทั้งหมดถูกชี้นำไปด้วยหัวใจของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องเกร็ง” ธันวาพูดเบา ๆ ขณะจับมือเขาแน่นขึ้น “แค่ปล่อยตัวไปตามจังหวะ”
เสียงดนตรีคลอเบาเหมือนหายไป เหลือเพียงเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นประสาน ภาคินเงยหน้าขึ้นสบตารุ่นพี่ โลกทั้งใบพลันพร่าเลือน
“รู้ไหม ภาคิน” ธันวาเอ่ยขึ้นในจังหวะที่หมุนเขาไปช้า ๆ “ฉันเฝ้ามองเธอมาตลอดตั้งแต่ปีแรก แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ฉันกลัวว่าเธอจะมองฉันเป็นเพียงคนแปลกหน้า”
ภาคินชะงัก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ความรู้สึกที่กักเก็บมานานพลันเอ่อท้น เขาเม้มปากแน่น ก่อนเอ่ยออกมาเสียงสั่น
“ผมก็เหมือนกัน…ผมชอบพี่มาตลอด แต่ผมไม่กล้าบอก”
ความเงียบเข้าปกคลุมเพียงเสี้ยววินาที ธันวายกยิ้มอย่างอบอุ่นที่สุดเท่าที่ภาคินเคยเห็น ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับมีดาวนับพันส่องอยู่ภายใน
“งั้นก็ดี…เพราะคืนนี้ ฉันจะไม่ยอมปล่อยมือเธออีกแล้ว”
---
หลังจากคืนนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน แต่มั่นคง ภาคินยังคงเป็นนักศึกษาที่สดใสร่าเริง ส่วนธันวายังคงเป็นรุ่นพี่ที่เคร่งขรึม แต่เมื่ออยู่ด้วยกัน ทั้งสองกลับเติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างน่าประหลาด พวกเขาแบ่งปันรอยยิ้ม ความฝัน และความเหนื่อยล้าในทุกวัน
เวลาผ่านไป หลังจากเรียนจบ ภาคินเลือกทำงานสายสื่อสารมวลชน ส่วนธันวากลายเป็นนักดนตรีเต็มตัว แม้เส้นทางชีวิตจะต่างกัน แต่หัวใจทั้งคู่ยังคงเชื่อมโยงกันเสมอ พวกเขาเรียนรู้ที่จะอดทนต่อระยะทางและความยุ่งเหยิงของชีวิตผู้ใหญ่
“เหนื่อยไหมวันนี้” ธันวาถามเสมอทุกครั้งที่ภาคินโทรหา แม้เขาเองจะเพิ่งซ้อมไวโอลินเสร็จจนดึกดื่น
“เหนื่อย แต่ได้ยินเสียงพี่แล้วก็หาย” ภาคินตอบพร้อมหัวเราะแผ่วเบา
ธันวาจะเงียบไปสักพัก ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ กลับมาเหมือนกัน นั่นเป็นเสียงหัวเราะที่ภาคินรักที่สุดในโลก
---
หลายปีต่อมา ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ประดับและเสียงดนตรีอันอบอวล งานแต่งงานเล็ก ๆ จัดขึ้นอย่างอบอุ่น ครอบครัวและเพื่อนสนิทมาร่วมเป็นสักขีพยาน ภาคินในชุดเจ้าบ่าวสีขาวยืนรอด้วยหัวใจที่เต้นแรงไม่ต่างจากวันแรกที่เคยก้าวลงบนฟลอร์เต้นรำ
เมื่อเสียงประกาศดังขึ้น ธันวาในชุดเจ้าบ่าวอีกคนเดินเข้ามาอย่างสง่างาม เขามองภาคินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความมั่นคงที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยตลอดหลายปี
ทั้งสองยื่นมือออกไป จับกันแน่นเหมือนสัญญา
“ครั้งแรกเราเต้นรำด้วยกัน…” ธันวากระซิบเบา ๆ ขณะเสียงเพลงวอลซ์เริ่มบรรเลงอีกครั้ง “คืนนี้เราจะเต้นรำไปตลอดชีวิต”
น้ำตาคลอเต็มขอบตาภาคิน เขายิ้มทั้งน้ำตาและตอบกลับ
“ตลอดชีวิตครับพี่”
ทั้งสองก้าวลงบนฟลอร์เต้นรำอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ฟลอร์ในงานเลี้ยงอำลา แต่เป็นฟลอร์ที่พวกเขาสร้างขึ้นเองสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ แขกทุกคนต่างมองด้วยรอยยิ้ม บางคนถึงกับน้ำตาไหล
เสียงดนตรีบรรเลงท่ามกลางหัวใจที่เต้นไปพร้อมกัน ไม่มีการจากลาอีกต่อไป มีเพียงการเริ่มต้นของบทเพลงใหม่ที่สองคนเขียนขึ้นด้วยกัน
---
หลังพิธี ทุกอย่างค่อย ๆ สงบลง ท่ามกลางแสงไฟสลัวในห้องจัดเลี้ยงที่ว่างเปล่า ภาคินนั่งลงบนเก้าอี้ เหนื่อยล้าจากการยิ้มและทักทายไม่หยุด แต่พอหันไปมองคนข้างกาย เขาก็รู้ว่านี่คือความสุขที่แท้จริง
ธันวานั่งลงข้าง ๆ จับมือเขาไว้แน่น
“เธอจำได้ไหม วันแรกที่เราสบตากันในห้องเรียนดนตรี”
“จำได้สิ” ภาคินหัวเราะ “ตอนนั้นผมคิดว่าพี่น่ากลัวมาก”
“เหรอ” ธันวาหัวเราะเบา “ฉันก็คิดว่าเธอเป็นเด็กเสียงดังเกินไป แต่พอได้รู้จัก…ก็กลายเป็นเสียงหัวใจที่ฉันขาดไม่ได้”
ภาคินน้ำตาคลออีกครั้ง เขาเอนหัวพิงไหล่รุ่นพี่เหมือนที่เคยทำมาตลอด
เสียงดนตรีแผ่วเบายังคงดังอยู่ในความทรงจำ แต่ไม่ว่าทำนองใดจะบรรเลง สิ่งเดียวที่ภาคินได้ยินชัดเจนคือเสียงหัวใจของคนข้างกาย
และเขารู้ว่า ตลอดไป…เสียงหัวใจคู่นี้จะไม่มีวันแยกจากกัน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 14
Comments