แสงแดดยามเช้าส่องลงบนลานวัดที่ถูกกางเต็นท์สีขาวเอาไว้
เก้าอี้พลาสติกนับร้อยถูกเรียงแน่นเต็มลาน เสียงช่างเครื่องกำลังลองไมค์ดังลอดออกมา
“ฮัลโหล ๆ หนึ่ง สอง สาม” เสียงแตกพร่าเรียกเสียงหัวเราะจากเด็ก ๆ ที่นั่งเล่นอยู่แถวนั้น
กลิ่นแกงกะทิจากครัวใหญ่ลอยมากับลม
ผสมกับกลิ่นเนื้อย่างที่เริ่มปิ้งกันข้างหลังงาน
ชาวบ้านทยอยเดินเข้ามาในงานทีละกลุ่ม
บางคนถือพวงมาลัย
บางคนหอบขนมของฝากมา
“วันนี้ตลาดเงียบเลยนะ” ป้าศรีบ่นพลางพัดตัวเอง
“ก็ลูกสาวยายดวงแต่งทั้งที ใครมันจะไปขายของได้” น้าใบหัวเราะรับ
เสียงกลองยาวดังขึ้นมาจากท้ายซอย
ขบวนขันหมากกำลังเคลื่อนเข้ามา
เด็กเล็กวิ่งตาม หัวเราะคิกคัก
บางคนวิ่งถือดอกไม้
บางคนตีกลองเลียนแบบเสียงผู้ใหญ่
พี่เอกในชุดสูทเรียบ ๆ เดินนำขบวนมา
ใบหน้าของเขาดูภูมิฐานและมั่นใจ
เดือนในชุดไทยสีหวานกำลังยืนรออยู่ข้างแม่
ผมถูกเกล้ามวยเรียบ
ใบหน้าแต่งบาง ๆ แต่ยิ่งขับให้ดูสวยสะอาด
เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นรอบ ๆ
“นังเดือนนี่งามจริง ๆ ว่ะ”
“เหมาะกับไอ้เอกดี หล่อ–สวยพอกัน”
เดือนก้มหน้ายิ้มเขิน ๆ
มือบีบชายผ้าซิ่นแน่นเพื่อระงับความประหม่า
เสียงพิธีกรเรียกให้บ่าวสาวออกมานั่งคู่กันกลางลาน
โต๊ะยาววางอยู่ตรงหน้า
บนโต๊ะนั้นถูกปูผ้าขาวสะอาดรอสินสอด
ไม่นาน ขันเงิน ขันทอง และกล่องเงินสดก็ถูกยกมาวาง
แสงทองเหลืองแวววาวจับตาทุกคนในงาน
แขกหลายคนถึงกับลุกขึ้นยืนเพื่อจะได้เห็นชัด ๆ
แม่ของเดือน—ดวง—ยืนมองอยู่ข้าง ๆ
พอเห็นจำนวนสินสอดที่มากมายเกินคาด
ก็เผลออุทานออกมาเสียงดัง
“โอย… มากขนาดนี้เชียวเรอะ!”
เสียงนั้นดังไปทั่ว
ทุกคนหันขวับมามองทันที
เสียงซุบซิบตามมาไม่หยุด
“ถ้าเด็กมันไม่รักกันจริง ๆ ละก็ นี่ยายดวงขายลูกกินชัด ๆ”
“เออ แต่ก็ดีที่เห็นกันอยู่ว่ามันรักกันจริง ไม่งั้นชาวบ้านคงพูดกันทั้งหมู่บ้าน”
ดำรง—พ่อของเดือน—ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง
ควันบุหรี่ลอยขึ้นช้า ๆ
ใบหน้าเคร่งเครียดแต่ไม่พูดอะไรออกมา
เดือนนั่งก้มหน้า
ใจเต้นแรง
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี
พิธีดำเนินต่อไป
เสียงพระสวดคลอเบา ๆ
ตามด้วยการผูกข้อไม้ข้อมือ
แขกผู้ใหญ่ทยอยมาผูกสายสิญจน์
พร้อมกับอวยพรให้บ่าวสาว
“ขอให้ครองรักกันยืนนานนะลูก”
“ให้มีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมือง”
เสียงหัวเราะและรอยยิ้มอบอุ่นแผ่ไปทั่วงาน
เมื่อเสร็จพิธี พิธีกรประกาศเรียกบ่าวสาวขึ้นเวที
เสียงเพลงดังคลอ
ไฟเวทีสาดสว่าง
แขกทุกคนหันไปมอง
พี่เอกหันไปจับมือเดือน
สายตาของเขาจริงจังและเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“เดือน…” เสียงเขาดังผ่านไมโครโฟน
“ตั้งแต่ผมกลับมาอยู่บ้าน ทุกครั้งที่เห็นน้องยืนขายแกง ผมก็รู้เลยว่านี่แหละคือคนที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วย”
เสียงซุบซิบรอบงานเงียบลงทันที
“ผมสัญญาต่อหน้าทุกคน ว่าจะดูแลน้องให้ดีที่สุด ดูแลแม่ ดูแลครอบครัว และจะไม่ทำให้น้องเสียใจ”
เสียงปรบมือดังขึ้นสนั่น
เดือนหันไปมองพี่เอก
ดวงตาสั่นไหว น้ำตาคลอเล็กน้อย
เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดเสียงสั่นผ่านไมค์
“พี่เอก… หนูเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครจริงใจกับหนูขนาดนี้ ถึงหนูจะยังเด็ก แต่หนูรู้ว่าหนูรักพี่จริง ๆ”
เสียงแขกในงานถึงกับเงียบอึ้ง แล้วตามมาด้วยเสียงปรบมือโห่ร้อง
“หนูจะพยายามเป็นเมียที่ดี จะช่วยพี่ทำมาหากิน จะไม่ปล่อยให้พี่เหนื่อยคนเดียว”
เสียงปรบมือดังกว่าเดิม
บางคนถึงกับน้ำตาคลอ
ป้าศรีกระซิบกับน้าใบ
“เออ อย่างน้อยเด็กสองคนนี้มันก็รักกันจริง ๆ ว่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องสินสอด”
“จริง ๆ ไม่งั้นยายดวงโดนซุบซิบตายแน่”
เสียงหัวเราะเบา ๆ แทรกเข้ามา
แต่บรรยากาศโดยรวมอบอุ่น
เพลงลูกทุ่งจากเครื่องเสียงเริ่มบรรเลง
บางคนลุกขึ้นมาเต้น
เด็ก ๆ วิ่งเล่นไปมา
เดือนนั่งยิ้มบนเวที
แม้ในใจยังรู้สึกว่าทุกอย่างมันเร็วเกินไป
แต่เมื่อได้ยินคำปฏิญาณของพี่เอก
หัวใจเธอก็อุ่นขึ้น
เธอหันไปสบตาพี่เอกอีกครั้ง
สายตานั้นเต็มไปด้วยความเชื่อใจ
งานแต่งเดินไปท่ามกลางเสียงหัวเราะ เสียงดนตรี และกลิ่นกับข้าว
ผู้คนในตลาดพากันบอกต่อว่าเป็นงานใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี
และในค่ำคืนนั้น
เดือนก็ยอมรับชะตาของตัวเอง
แม้จะไม่ใช่ทางที่เธอเลือกทั้งหมด
แต่เธอก็พร้อมจะก้าวไปกับพี่เอก
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments