หลังจากค่ำคืนที่ฝนตกนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเจมส์กับคลิโอก็เข้าสู่บทใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิม คลิโอไม่ได้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกต่อไป แต่ก็ยังคงรักษาระยะห่างที่แสนละมุนเอาไว้ เจมส์เองก็เข้าใจสัญญาณนั้นดี เขาไม่เร่งรัดหรือบีบคั้นใดๆ แต่เปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการมอบ ‘ความบังเอิญ’ ที่จริงใจและแนบเนียนยิ่งขึ้น
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจมส์ได้รับเชิญไปงานแสดงนิทรรศการภาพวาด ซึ่งเขารู้ว่าคลิโอชื่นชอบงานศิลปะเป็นพิเศษ เขาตัดสินใจชวนคลิโอไปงานนี้ ไม่ใช่ในฐานะ ‘ความบังเอิญ’ อีกต่อไป แต่เป็นการชวนอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก
“คุณคลิโอครับ ผมจะไปงานแสดงภาพวาดในวันศุกร์นี้ คุณสนใจจะไปกับผมไหมครับ” เจมส์โทรหาเขาในตอนบ่ายวันพุธ
คลิโอเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเหมาะกับงานแบบนั้นนะครับคุณเจมส์” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ลังเล
“คุณไม่เหมาะได้ยังไงครับ” เจมส์หัวเราะเบาๆ
“คุณเป็นนักดนตรีผู้เปี่ยมไปด้วยศิลปะนะ”
คำพูดนั้นทำให้คลิโอรู้สึกใจเต้น เขารู้สึกได้ถึงความจริงใจที่เจมส์มอบให้ผ่านน้ำเสียงและคำพูดทุกคำ
“งั้นถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมก็ยินดีครับ” คลิโอตอบตกลงในที่สุด
ในค่ำคืนนั้นที่งานแสดงภาพวาด เจมส์ในชุดสูทสีเทาอ่อนเดินเคียงข้างคลิโอที่มาในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขายาวสีครีม ทั้งคู่ดูเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาเดินดูภาพวาดไปเรื่อยๆ โดยมีเจมส์คอยอธิบายเรื่องราวของศิลปินแต่ละคนให้คลิโอฟัง ซึ่งคลิโอเองก็รับฟังอย่างตั้งใจและเสนอแง่มุมความรู้สึกของตัวเองกลับมาด้วย
ระหว่างที่กำลังยืนดูภาพวาดรูปท้องฟ้ายามค่ำคืน เจมส์หันไปถามคลิโอด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าปกติ
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสนใจงานศิลปะมากขนาดนี้จนกระทั่งได้เจอคุณ”
คลิโอได้สบตาเจมส์ “ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครคนหนึ่งสนใจฟังเรื่องราวเกี่ยวกับดนตรีของผมมากขนาดนี้เหมือนกันครับ”
ในขณะที่บทสนทนากำลังดำเนินไป เจมส์สังเกตเห็นว่าคลิโอเลื่อนมือมาใกล้กับมือของเขาที่กำลังวางแนบข้างลำตัว แต่ก็ยังคงเว้นระยะห่างไว้เพียงไม่กี่เซนติเมตร เจมส์เองก็ไม่กล้าแตะต้องมือของคลิโอ แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่แล่นผ่านอากาศระหว่างพวกเขาทั้งคู่ ราวกับบทเพลงที่กำลังจะบรรเลงถึงท่อนที่สองแล้ว
ก่อนจะกลับ เจมส์เดินมาส่งคลิโอที่อพาร์ตเมนต์อีกครั้ง เขามองไปยังดวงตาที่แสนซื่อตรงของคลิโอและตัดสินใจที่จะเปิดเผยความรู้สึกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ผมไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงกับผมนะครับคลิโอ แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่ได้สร้างความบังเอิญเหล่านี้ขึ้นมาแค่เพราะอยากให้เราเป็นเพื่อนกัน” เจมส์พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน
คลิโอหลบสายตาไปเล็กน้อย เขาเขินอายจนรู้สึกเหมือนใบหน้าร้อนผ่าว
“ผ..ผมรู้ครับ” คลิโอตอบ
“ผมก็รู้สึกได้ว่าคุณคือคนพิเศษสำหรับผมเช่นกัน”
“งั้น… ถ้าอย่างนั้น”
เจมส์เอื้อมมือไปจับมือของคลิโอที่ยังคงกำแน่นอยู่ข้างลำตัว
“คุณจะอนุญาตให้ผมก้าวข้ามเส้นบางๆ นี้ไปได้ไหมครับ”
สัมผัสจากมือของเจมส์ที่แสนอบอุ่นและมั่นคงทำให้คลิโอรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่จำเป็นต้องลังเลอีกต่อไปแล้ว
คลิโอเงยหน้าขึ้นสบตากับเจมส์ ดวงตาของเขาสะท้อนถึงความรู้สึกที่กำลังล้นปรี่ออกมาจากหัวใจ ก่อนที่เขาจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่เจมส์เคยเห็นมา
“คุณก้าวข้ามมันไปตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วครับคุณเจมส์”
ในวินาทีนั้น บทเพลงแห่งความรักก็เริ่มต้นบรรเลงขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ มันไม่ใช่บทเพลงที่ดังกระหึ่มเหมือนวงออร์เคสตรา แต่เป็นบทเพลงที่ไพเราะและอ่อนโยนเหมือนเสียงไวโอลินที่บรรเลงคลอเคล้ากับเสียงเปียโนที่อบอุ่น… บทเพลงที่สองหัวใจได้ประสานเสียงกันเป็นครั้งแรก และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป.
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments