แสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ ส่องลอดผ่านม่านโปร่งสีขาว รอยฝนยังคงเกาะพราวตามกระจกหน้าต่าง แต่บรรยากาศในห้องดูสงบขึ้นกว่าตอนสายอย่างเห็นได้ชัด
พริมยืนเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ขณะที่ในมือของเธอยังคงถือจดหมายฉบับนั้น — จดหมายจากคิริน
เธออ่านมันมาหลายรอบ จนทุกคำ ทุกประโยคฝังอยู่ในหัว
“พริม… หากเธอได้อ่านข้อความนี้ แสดงว่าฉันอาจไม่มีโอกาสได้พูดมันกับเธออีกแล้ว”
มันไม่ใช่จดหมายลาจาก แต่เป็นจดหมายที่เหมือนจุดเริ่มต้นของบางอย่าง ที่เธอยังไม่รู้ว่าคืออะไร
เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิด พริมละสายตาจากหน้าต่าง แล้วหยิบมือถือขึ้นมา
คิริน: “วันนี้ว่างไหม อยากเจอ”
ใจเธอสั่นวูบ ไม่ใช่เพราะกลัว… แต่เพราะไม่แน่ใจว่าจะรับมือกับความรู้สึกตัวเองยังไง
แม้จะยังมีคำถามมากมายที่ไม่มีคำตอบ แต่ลึกๆ แล้วเธอก็อยากเห็นหน้าเขา อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง และอยากรู้ว่าที่ผ่านมา เขารู้สึกยังไงเหมือนกันไหม
พริม: “ได้ เจอกันที่คาเฟ่เดิม 4 โมง”
⸻
คาเฟ่เล็กๆ ริมสวนสาธารณะยังคงเงียบสงบ เหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ตั้งแต่โคมไฟสไตล์วินเทจ ยันกลิ่นกาแฟจางๆ ที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
คิรินมาถึงก่อน เขานั่งอยู่ที่มุมประจำ สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับขึ้นถึงข้อศอก ใบหน้ามีเคราน้อยๆ เหมือนคนที่ผ่านความเหนื่อยล้ามาหลายวัน
เมื่อพริมเดินเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้น สบตาเธอ
“ขอบคุณที่มานะ” เขาพูดเสียงเบา
พริมพยักหน้า ไม่ได้ตอบอะไรในทันที เธอนั่งลงฝั่งตรงข้าม แล้วมองเขาอยู่อย่างนั้นเงียบๆ
คิรินยกกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนวางลง
“ฉันรู้ว่าพริมยังโกรธ… และอาจไม่อยากฟังอะไรจากฉัน แต่ฉันอยากเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากการพูดความจริงทุกอย่าง”
พริมขมวดคิ้วเบาๆ
“ความจริง… หมายถึงเรื่องที่พี่ตะวันบอก หรือเรื่องที่พี่เขาไม่รู้ด้วย?”
คิรินยิ้มเศร้าๆ “อาจจะทั้งสองอย่าง”
⸻
ตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงที่นั่งอยู่ในคาเฟ่นั้น คิรินค่อยๆ เล่าถึงปัญหาครอบครัวของเขา — การที่พ่อเขาเข้าไปพัวพันกับกลุ่มนักลงทุนเถื่อน การล้มละลายที่ถูกปิดไว้ด้วยเงินเงียบๆ และการที่เขาต้องเข้ามาแบกรับทุกอย่างตั้งแต่อายุยังน้อย
“ฉันไม่ได้อยากปิดบังพริมเลย แต่ฉันไม่อยากให้เธอเป็นห่วง หรือยิ่งไปกว่านั้น… ถูกดึงเข้าไปในวงจรที่อันตราย”
พริมฟังเงียบๆ น้ำตาเอ่อคลอโดยไม่รู้ตัว
“แล้วตอนนี้พี่จะเอายังไงต่อ?”
“ฉันกำลังเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จ เพื่อจะได้ออกมาใช้ชีวิตแบบคนปกติจริงๆ สักที… ถ้าทำได้ ฉันอยากเริ่มใหม่กับพริม”
คำว่า “เริ่มใหม่” ทำให้ใจของพริมสะดุดเล็กน้อย
เธอรู้ว่าความรู้สึกของเธอยังไม่หายไปไหน แต่คำว่า “เริ่มใหม่” มันไม่ใช่สิ่งที่จะพูดแล้วเกิดขึ้นได้ทันที
“มันไม่ง่ายหรอกนะคิริน” พริมตอบเสียงเรียบ “ใจของคนไม่ใช่สวิตช์ที่เปิดแล้วจะเหมือนเดิมได้ทันที”
“ฉันรู้…” คิรินตอบเบาๆ “ฉันแค่ขอเริ่ม… ใกล้กันอีกนิดก็ยังดี”
⸻
จากวันนั้น ทั้งสองเริ่มกลับมาคุยกันบ่อยขึ้น ไม่ใช่ในฐานะคนรัก… แต่ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไป
คิรินพยายามหมั่นส่งข้อความ พาพริมไปทานข้าวในร้านเดิมๆ ที่เคยไปด้วยกัน หรือบางทีก็แค่เดินเล่นในสวนสาธารณะเงียบๆ พูดคุยเรื่องทั่วไป
มันไม่ใช่ความโรแมนติกหวือหวา
แต่กลับอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
พริมเริ่มรู้สึกว่าเขา “เปิดใจ” มากกว่าที่เคยเป็น คิรินในวันนี้พูดน้อยลง แต่จริงใจขึ้น เขาไม่ปิดบังอีกต่อไป และเวลาที่อยู่ด้วยกัน… พริมเริ่มยิ้มได้อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
⸻
คืนหนึ่ง หลังจากแยกกันที่สวนสาธารณะ พริมกลับมานั่งเหม่อที่ระเบียงห้อง ลมเย็นๆ พัดผ่านผิวหน้าอย่างแผ่วเบา
เธอนั่งทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งบทสนทนา รอยยิ้ม และความเงียบที่เข้าใจกันโดยไม่ต้องพูด
“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมนะ…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ
เธอยังไม่ลืมความเจ็บปวดในอดีต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า… เธอเริ่มหวั่นไหวอีกครั้ง
บางที… ความรักอาจไม่ต้องรีบร้อน
บางที… การ “ใกล้กันอีกนิด” อาจเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นใหม่หลังจากวันนั้นที่พริมและคิรินได้พบกันที่คาเฟ่ พวกเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องร้ายแรงอีกเลย ไม่มีคำถามที่ค้างคา ไม่มีความรู้สึกบีบคั้นในบทสนทนา
มีเพียงแค่ “การเริ่มต้น” เล็กๆ เหมือนต่างฝ่ายต่างพยายามจะก้าวข้ามอดีต โดยไม่ต้องพูดออกมา
วันถัดมา คิรินส่งข้อความมาหาเธอแต่เช้า
“วันนี้ว่างไหม? ไปเดินเล่นกันหน่อย”
มันไม่ใช่คำชวนที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับทำให้พริมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
มือเธอวางอยู่บนหน้าจอ นิ้วชี้นิ่งค้างตรงปุ่มตอบกลับ ความรู้สึกขัดแย้งในใจต่อสู้กันระหว่าง “ควรไป” กับ “ควรอยู่ห่าง”
แต่ในที่สุด เธอก็ตอบกลับไปสั้นๆ
“ว่าง เจอกันบ่ายสามที่สวนเดิมนะ”
⸻
สวนสาธารณะในฤดูฝนดูเงียบสงบเป็นพิเศษ
ต้นไม้เปียกชื้น ม้านั่งริมทางเปื้อนน้ำฝนบางๆ แต่บรรยากาศกลับน่าอยู่ และกลิ่นหญ้าเปียกฝนก็ชวนให้นึกถึงความทรงจำเก่าๆ อย่างประหลาด
คิรินมายืนรออยู่ใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ต้นเดิม — ต้นไม้ที่เคยเป็นพยานความรักของพวกเขาเมื่อหลายปีก่อน
เมื่อพริมเดินเข้าไปใกล้ เธอสังเกตเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่คิรินไม่เคยแสดงออกมาในช่วงหลายเดือนก่อน
มันไม่ใช่รอยยิ้มฝืนใจ
แต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากความสุขเงียบๆ ที่ได้เห็นเธออีกครั้ง
“พริมดูผอมลงนะ” คิรินทัก
“เพราะพี่ทำให้หนูนอนไม่หลับต่างหาก” เธอตอบพลางเลี่ยงสายตา
เขาหัวเราะเบาๆ ราวกับไม่ได้โกรธอะไร คำตอบของเธอทำให้บรรยากาศคลี่คลายขึ้นอย่างไม่คาดคิด
⸻
ทั้งสองเดินไปตามทางเดินในสวนโดยไม่รีบร้อน ไม่ได้คุยกันตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่พูด มันกลับเต็มไปด้วยความหมาย
พริมเล่าเรื่องงาน เรื่องแมวที่เพื่อนฝากเลี้ยง เรื่องละครที่เธอดูแล้วอินจนน้ำตาไหล คิรินนั่งฟังเงียบๆ บางครั้งก็แทรกคำแซวบ้างนิดหน่อย
มันธรรมดามาก
แต่ความธรรมดานี่แหละ ที่ทำให้หัวใจพริมค่อยๆ อ่อนลง
⸻
หลังจากนั่งพักใต้ศาลาเล็กๆ คิรินยื่นกล่องเล็กๆ มาให้เธอ
“ของขวัญอะไรอีกล่ะ?” พริมทำหน้าแปลกใจ
“ไม่ได้พิเศษอะไรหรอก แต่ฉันเห็นแล้วคิดถึงพริมเลยซื้อมา” เขาว่า
พริมเปิดกล่อง พบสมุดบันทึกปกผ้าลินินสีฟ้าเรียบๆ ข้างในเป็นกระดาษแบบที่เธอชอบ — ไม่มีเส้น
แต่ที่ทำให้เธอนิ่งไป คือข้อความหน้าแรกที่เขาเขียนไว้
“อยากให้ใช้มันเขียนความสุขใหม่ๆ ของเรา … ถ้าเธออนุญาตให้ฉันอยู่ในนั้น”
พริมเงียบไปนานมาก ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะตอบยังไง แต่เพราะเธอไม่กล้าสบตาเขา
หัวใจของเธอสั่น
ไม่ใช่เพราะคำพูดของเขา
แต่เพราะ… เธอเองก็รู้ตัวว่าเธออยากให้เขาอยู่ในนั้นเช่นกัน
⸻
ช่วงเย็นหลังจากแยกกัน พริมกลับมานั่งอยู่ที่ระเบียงห้อง
เธอเปิดสมุดเล่มนั้นออกมาอีกครั้ง ใช้นิ้วลูบตัวอักษรที่คิรินเขียน
เธอเริ่มเขียนหน้าว่างแรกว่า
“วันนี้… เขาไม่พูดว่ารัก แต่การกระทำของเขากลับทำให้ใจฉันสั่นมากกว่าคำว่ารักเสียอีก”
⸻
ช่วงเวลาหลายวันหลังจากนั้น พริมกับคิรินเริ่มเจอกันบ่อยขึ้น
ไม่ใช่เพราะบังเอิญ
แต่เพราะตั้งใจ
เขาพาเธอไปนั่งดูหนังกลางแปลงที่ลานชุมชน ไปเดินตลาดกลางคืนที่เธอเคยบ่นว่าอยากไปแต่ไม่มีเพื่อนไปด้วย และแม้กระทั่งนั่งฟังเพลงเงียบๆ หน้าร้านกาแฟโดยไม่มีบทสนทนาใดๆ
มันคือช่วงเวลาที่ไม่มีคำว่า “ขอโอกาส” หรือ “ขอคืนดี”
มีแต่การแสดงออกว่า
เขาอยาก “อยู่” ตรงนี้
อยู่ในจังหวะของเธอ
และพริมเอง… ก็ยอมรับว่า เธอรู้สึกปลอดภัยเมื่อเขาอยู่ใกล้
⸻
วันหนึ่ง คิรินชวนเธอไปยังสถานที่ที่เธอไม่เคยไป — เวิร์กช็อปศิลปะกลางแจ้งริมแม่น้ำ ที่จัดขึ้นโดยเพื่อนของเขา
“ไม่คิดว่าพี่จะชอบวาดรูป” พริมแซว
“ก็ไม่ชอบหรอก แต่พอรู้ว่ามันทำให้พริมยิ้มได้ ฉันก็อยากลอง” คำพูดเขาตรงไปตรงมาแต่ทำให้หน้าเธอร้อนผ่าว
พริมลองระบายสีลงบนผ้าใบใบเล็ก ข้างๆ คิรินที่นั่งวาดภาพบางอย่างอย่างตั้งใจ
แม้ฝีมือของเขาจะไม่น่าชมเท่าไหร่
แต่การที่เขา “อยู่” กับเธออย่างเต็มที่ มันทำให้วันธรรมดากลายเป็นวันที่มีความหมาย
⸻
คืนนั้น ก่อนจะกลับ พริมถามเขาขึ้นมาเบาๆ ขณะรอรถ
“คิริน… ถ้าวันนั้นพี่ไม่เลือกหายไป ถ้าเราไม่เคยห่างกัน… พี่คิดว่าเราจะเป็นยังไงตอนนี้”
เขาหันมามองหน้าเธอ ชั่วขณะนั้น แววตาของเขาดูเศร้าแต่ก็อ่อนโยน
“ฉันคงรักเธอเหมือนเดิม” เขาตอบ “แต่ฉันจะไม่มีวันรู้ว่าการได้กลับมา มันมีค่าขนาดไหน”
เธอเงียบไป หัวใจอบอุ่นอย่างประหลาด
⸻
ก่อนแยกกัน คิรินถามเธอ
“พริม… วันนี้ฉันได้เข้าใกล้เธออีกนิดแล้วใช่ไหม?”
เธอยิ้ม
“นิดเดียว… แต่พรุ่งนี้อาจจะมากขึ้นก็ได้”
เขาหัวเราะเบาๆ แล้วบอก
“ฉันจะไม่รีบ แต่จะไม่ถอย”
หลังจากวันนั้น พริมรู้สึกได้ว่าใจของเธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
คิรินเปลี่ยนไปจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือการกระทำของเขาทุกอย่าง
เขาไม่พยายามเร่งเธอ ไม่อ้อนวอนให้รักกันเหมือนเดิม แต่เขา “อยู่” อย่างมั่นคง
เหมือนเป็นคนที่พร้อมจะเดินข้างเธอ โดยไม่หวังจะลากเธอไปในทิศทางของเขาเอง
วันต่อมา เขาชวนเธอไปร้านหนังสืออิสระเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ชั้นสองของตึกเก่า ริมแม่น้ำสายเดิมที่เคยไปเมื่อปีก่อน
บรรยากาศในร้านสงบ มีแสงไฟสีอุ่นส่องสะท้อนกับไม้เก่าๆ เสียงเพลงแจ๊สคลอเบาๆ กับกลิ่นกระดาษหนังสือเก่า ทำให้เธอผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว
คิรินเดินนำเข้าไปก่อน และหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมายื่นให้เธอ
“จำได้ไหม เล่มนี้พริมเคยอยากอ่าน แต่ตอนนั้นมันหมด”
พริมรับเล่มนั้นมา เป็นวรรณกรรมญี่ปุ่นเล่มบางที่เธอเคยพูดถึงแค่ครั้งเดียวเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “พี่ยังจำได้?”
“จำทุกอย่างที่เกี่ยวกับพริมได้หมด” เขาตอบเรียบๆ พร้อมรอยยิ้มบางๆ
คำพูดนั้นเรียบง่ายมาก แต่กลับทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างไม่ทันตั้งตัว
⸻
หลังจากเลือกหนังสือกันคนละเล่ม ทั้งคู่ก็นั่งลงตรงมุมโซฟาใกล้หน้าต่างของร้าน
ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างอ่านหนังสือของตัวเอง แต่ในความเงียบนั้น กลับมีความรู้สึกบางอย่างแทรกซึมอยู่ในอากาศ
พริมรู้สึกได้ถึงความสงบที่ไม่เคยมีมานาน… ความสงบที่เกิดขึ้นเพราะมีเขาอยู่ข้างๆ
เมื่อเธอหันไปมอง เขาก็หันมาพอดี รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่โดยไม่ได้นัดหมาย
ไม่มีคำพูดใด…
แต่นั่นคือช่วงเวลาที่ใกล้กันมากที่สุด เท่าที่ทั้งสองคนเคยเป็นมา
⸻
คืนนั้น ก่อนแยกย้าย คิรินยืนส่งเธอที่หน้าคอนโดเหมือนเคย
ฝนเริ่มตกลงมาเล็กๆ ละอองเย็นปะทะใบหน้า ทำให้พริมต้องรีบกางร่ม
“รีบขึ้นไปเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย” เขาบอก
เธอพยักหน้า แล้วเดินขึ้นบันไดมาสองขั้น ก่อนจะหยุด หันกลับไป
“คิริน…” เธอเรียกเขาเบาๆ
เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ
พริมสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดว่า…
“วันนี้… ขอบคุณนะ ที่ไม่เร่งอะไรหนูเลย”
คิรินยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฉันไม่รีบร้อนหรอก เพราะสิ่งที่ฉันต้องการที่สุด ไม่ใช่แค่การกลับมาคบกัน… แต่คือการได้กลับมาอยู่ในชีวิตของพริมอีกครั้ง ต่างหาก”
พริมยิ้มจางๆ แล้วหันหลังเดินขึ้นห้องไปอย่างช้าๆ พร้อมหัวใจที่เริ่มเปิดประตูออกทีละน้อย
⸻
และในคืนนั้นเอง…
เธอเปิดสมุดบันทึกที่เขาให้ไว้อีกครั้ง แล้วเขียนบันทึกสั้นๆ ลงไปว่า
“บางทีการกลับมา อาจไม่ใช่แค่การย้อนคืน
แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่… ที่เราเลือกจะก้าวไปด้วยกันอีกครั้ง — อย่างช้าๆ และจริงใจ”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 15
Comments