คิรินทร์นั่งนิ่งอยู่ในคาเฟ่เงียบ ๆ ไม่ไกลจากสถานีตำรวจ
แก้วกาแฟเย็นวางอยู่ตรงหน้า แต่เขาไม่ได้แตะมันเลยสักนิด
ข้างตัวคือกระเป๋าสะพายที่ภายในมีกล้องถ่ายภาพ—สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลในการอยู่ท่ามกลางเรื่องวุ่นวายนี้
เขายังคงจ้องภาพหนึ่งในหน้าจอโทรศัพท์
ภาพจี้ดาวเปื้อนเลือดที่เหยื่อกำไว้แน่นในมือ
ในใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะหลังบทสนทนาในห้องสอบสวนเมื่อเช้า
คำเตือนของสารวัตรธีร์ยังดังก้องอยู่ในหัว
“อยู่ห่างจากคดีนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้... และอยู่ห่างจากภัทร ยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งดี”
แต่เขาทำไม่ได้
เพราะแค่ได้เห็นจี้ดาวนั่น เขาก็รู้แล้วว่าอะไรบางอย่างจากอดีตกำลังไหลย้อนกลับมา
และมันมีมากกว่าแค่ความรู้สึก...
---
[ย้อนอดีต – 3 ปีก่อน]
“ถ้านายหายไปจากวงการตำรวจวันหนึ่ง ฉันจะรู้ได้ยังไง?”
คิรินทร์ถาม ขณะนอนหนุนตักภัทรบนดาดฟ้าเล็ก ๆ ที่พวกเขาชอบแอบขึ้นมาเวลาหนีความวุ่นวาย
ภัทรหัวเราะเบา ๆ ลูบผมเขาอย่างแผ่วเบา
“ฉันจะไม่หายไปไหนหรอก”
“แต่ถ้าหายไปจริง ๆ ล่ะ?”
“งั้นนายก็แค่ดูดาว... แล้วคิดถึงฉัน”
ภัทรพูดพร้อมยื่นจี้ดาวสีเงินให้
“เก็บไว้นะ ถ้ามันยังอยู่ แปลว่าฉันก็ยังอยู่เหมือนกัน”
---
[ปัจจุบัน]
เขาหยิบจี้ดาวอันเล็กที่เขาเองก็เก็บไว้ในกล่องเหล็กที่หอพักขึ้นมาดู
มันเหมือนกันทุกอย่าง—ขนาด ลวดลาย และแม้แต่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ ด้านข้าง
คิรินทร์เงียบไปนาน ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกฝึกงานขึ้นมาเปิดหน้าที่จดรายละเอียดของคดี
มีบางอย่างเริ่มขัดแย้งกันในใจเขา
ผู้ตายชื่อ “จักรพันธ์ นทีรัตน์” อายุ 47 ปี อดีตข้าราชการบำนาญ
ไม่มีลูก ไม่มีญาติที่ใกล้ชิด และไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับตำรวจโดยตรง
แต่ทำไมเขาถึงมีจี้ดาวที่ตรงกับของที่เขาเคยมอบให้ภัทร?
หรือว่า…เป็นคนที่รู้จักภัทรมาก่อน?
“ถ้าอยากรู้อะไรจริง ๆ ก็อย่าไว้ใจแค่รายงานในแฟ้ม”
เสียงของมีนาเคยพูดไว้เมื่อเขาบ่นว่าการสืบข่าวมันยาก
และวันนี้...เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไว้ใจแค่สิ่งที่ถูก ‘เขียนให้เชื่อ’
---
วันต่อมา
คิรินทร์ใช้ชื่อของรุ่นพี่ในกองบรรณาธิการข่าวโทรศัพท์ขอสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาอ้างว่าเป็นข้อมูลสำหรับสารคดีนักศึกษาเรื่อง "การทำงานของตำรวจ" จึงได้รับโอกาสเข้าไปนั่งฟังสรุปผลตรวจวัตถุพยานในคดี
“พบลายนิ้วมือของผู้ตายบนจี้ดาว... และพบอีกลายนิ้วหนึ่ง แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของใคร ยังไม่มีในฐานข้อมูล”
คิรินทร์ขมวดคิ้ว
เขาแน่ใจว่าอีกลายนิ้วมือคือของภัทร
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น...ทำไมภัทรถึงไม่พูดอะไรเลย?
หรือเขากำลังปกปิดบางอย่าง?
หรือแย่กว่านั้น...เขาคือคนสุดท้ายที่อยู่กับเหยื่อ?
“จี้ดาวนั่นมีรอยขีดด้านหลัง คล้ายตัวอักษร ถูกจารด้วยเข็มแหลม”
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพูดต่อ
“มันเขียนว่า... ‘ภัทร’ และด้านล่างคือเลขห้าหลัก ‘22015’ ”
“22015?” คิรินทร์พึมพำ
มันไม่ใช่วันเดือนปีปกติ
ไม่ใช่เลขทะเบียน
ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์
แต่เลขนั้น...ทำให้เขาสะดุดใจขึ้นมาทันที
---
[แฟลชแบ็คสั้น – ปีแรกที่คบกัน]
“เบอร์แฟ้มสืบสวนของฉันคือ 22015 อย่าจำผิดล่ะ”
ภัทรหัวเราะขณะชี้เลขบนแฟ้มตำรวจที่วางกองอยู่หน้าห้อง
“ใส่รหัสนี้ตอนล็อกโทรศัพท์ฉันด้วยนะ เผื่อวันไหนฉันตาย จะได้เข้าไปดูความลับได้”
---
[กลับสู่ปัจจุบัน]
คิรินทร์รู้แล้วว่าเลขนั้นคืออะไร
มันคือเลขแฟ้มสืบสวนที่ภัทรเคยบอกไว้... และนั่นแปลว่าจี้ดาวดวงนี้เคยอยู่กับภัทรจริง
คำถามคือ…เหยื่อได้มันมาได้ยังไง?
และ ทำไมต้องจารเลขแฟ้มนั้นไว้บนจี้ด้วย?
ไม่ว่าเหตุผลคืออะไร
เขาแน่ใจแล้วว่า…นี่ไม่ใช่คดีฆาตกรรมธรรมดา
และอดีตของภัทรดนัย—ที่เขาเคยคิดว่ารู้จักดี—อาจไม่ได้สว่างใสอย่างที่เคยคิด
---
[ฉากสุดท้ายของบท]
คิรินทร์กลับถึงหอพักในตอนค่ำ
มีนาออกไปเวรที่โรงพยาบาลพอดี
เขาเปิดกล่องเหล็กเล็ก ๆ บนชั้นหนังสือ หยิบจี้ดาวของตัวเองออกมาถือไว้ในมือ
จากนั้น...หยิบคัตเตอร์เล็ก ๆ
เขาขูดด้านหลังของจี้ตัวเองออกเบา ๆ
และสิ่งที่เขาเห็น...ทำให้ลมหายใจแทบหยุดลง
ใต้คราบเงินเก่าที่ขูดออก
มีรอยสลักบาง ๆ เช่นกัน
“ชื่อของคุณ...ยังอยู่ในรายงานคดี”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments