ตอนที่2 โรงเรียน

ในที่สุดก็มาถึงโรงเรียนสักที...

เมื่อพูดถึงอดีตอันขมขื่นของผมแล้ว โรงเรียนเองก็ถือเป็นสถานที่ที่สร้างบาดแผลในใจไม่น้อย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดเช็คดูเวลา "07:46" เป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะไปยืนเคารพธงชาติแล้ว ผมมองป้ายหน้าโรงเรียนที่เขียนชื่อกำกับไว้ “ ค.ส.ช. คิดเก่ง สามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” ไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งก็มักจะทำให้ผมเหนื่อยใจเสมอ

ผมเดินเข้าใปในโรงเรียน พบกับทางยาวเชื่อมไปถึงตัวของตึกเรียนตึกหลัก และข้างๆทางเดินนั้นจะมีทั้งหมดสองฝั่ง ในฝั่งขวาจะเป็นที่เคารพเสาธงซึ่งเป็นลานกว้างและมีเสาธงประเทศไทยปักไว้ ถ้าวันไหนโชคไม่ดีหน่อยผู้อำนวยการก็จะอภิปรายยาว ๆ ในตอนที่ร้อนๆ และข้างหลังที่เคารพธงชาตินั้นก็เป็นตึกเรียนอีกหนึ่งตึก เป็นตึกรอง ซึ่งเป็นตึกที่จะมีชมรมต่างๆ หอสมุด ห้องพยาบาล และที่สุดยอดกว่านั้นจะมีโรงยิมเล็กๆอยู่ใต้ตึก มักจะใช้ตอนที่ฝนตกหรือเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เล่นข้างนอกไม่ได้เท่านั้น

ในส่วนซ้ายนั้นจะเป็นสนามฟุตบอลผสมกับบาสเก็ตบอลขนาดย่อมๆ และมีกรงเหล็กคอยกั้นเพื่อไม่ให้ลูกฟุตบอลหรือลูกบาสเก็ตบอลกระเด็นออกนอกโรงเรียน

ส่วนข้างในตึกเรียนหลักนั้นจะมีโรงอาหารที่ไม่ใหญ่มากอยู่ เนื่องจากมันไม่ใด้ใหญ่มาก จึงทำให้จุคนได้แค่หนึ่งชั้นเรียนเท่านั้น ทำให้ในแต่ละชั้นเรียนก็จะมีเวลากินอาหารกลางวันที่แตกต่างกันไป อย่างตัวผมเองที่อยู่ปี1 ก็ได้กินก่อนชั้นอื่นๆล่ะนะ

และหากคุณยังคิดภาพของโรงเรียนไม่ออกแล้วล่ะก็ สมมุติว่าผมหันหน้าไปทางทิศตะวันออกอยู่ในตอนนี้ซึ่งเป็นทางเข้าของโรงเรียน หากผมหันไปทางทิศเหนือก็จะพบกับหน้าเสาธง ซึ่งเสาธงจะตั้งอยู่ทางทิศใต้ เมื่อเราจะเคารพธงชาติ เราก็จะหันหน้าไปยังทิศใต้ แล้วก็จะพบกับสนามฟุตบอลขนาดย่อม ๆ ส่วนข้างหลังที่เคารพเสาธงก็คือตึกเรียนตึกรอง อย่างที่ผมว่าไปและถ้าหันกลับมาที่ทิศตะวันออกเหมือนเดิมก็จะพบกับตึกเรียนที่เป็นตึกหลัก ถ้าไม่เข้าใจก็แสดงว่าผมอธิบายไม่เก่ง แต่อ่านๆไปเดี๋ยวก็ปรับตัวได้เอง ทีนี้ก็จบเรื่องอธิบายเกี่ยวกับสภาพของโรงเรียนโดยรวมแล้ว

มาดูที่ห้องของผมกันดีกว่า ห้องเรียนทุกห้องนั้นจะติดอยู่กับระเบียงที่เป็นทางเดิน ผมอยู่ห้อง4 ในโรงเรียนแห่งนี้นั้นเราจะไม่แบ่งระดับความฉลาดของห้อง ผมเดินบนระเบียง เห็นพวกเล่นเกมบ้าง อ่านหนังสือบ้าง คู่รักก็มี รู้สึกจุกๆแหะ และในที่สุดผมก็ได้มาถึงห้องของผมแล้ว ผมมองเข้าไปในห้อง บรรยากาศก็ดูครึกครื้นกันเป็นปกติ ทำให้รู้สึกว่าตัวผมนั้นไม่มีตัวตนอยู่เลย

ผมเตรียมที่จะไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง แต่ทว่า... "ตุบ!" เป็นเสียงของฝ่ามือหนึ่งที่กระทบกับหลังของผม ผมหันไปมองตามที่มาของแรงกระทบ ก็ได้ปรากฏรูปร่างชายหนุ่มที่มีความสูงใกล้เคียงกับผมกำลังยืนอยู่ข้างๆผม แล้วก็ไอ้แสงสะท้อนจากแว่นด้วย

"ไงรัตน์ ไม่เจอกันตั้งสองวัน ฉันคิดถึงแทบแย่เลย" ชายคนนั้นกล่าว

"คิดถึงมังงะที่แกให้ฉันยืมล่ะสิ" ผมสวนกลับเหมือนรู้ในสิ่งที่เขาต้องการ

ชายคนนี้ชื่อ "สมศักดิ์" เป็นชื่อที่โบราณสุดๆ และเรียกสั้นๆได้ว่า "ศักดิ์" เป็น "ไอ้หมอนี่" ที่ผมกล่าวถึง เขาเป็นคนที่มีนิสัยชอบอนิเมะ และมังงะเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าโอตาคุขนานแท้ และยังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผมอีก

"แล้วนายได้เอามันมาไหมล่ะ?" ศักดิ์ซักถาม แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"อรุณสวัสดิ์ ศักดิ์!" เป็นเสียงของผู้หญิงที่มีโทนเสียงสดใสร่าเริง และเมื่อสิ้นสุดเสียงของเธอนั้น เธอก็วิ่งตรงเข้ามาหาศักดิ์

เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสูงต่ำกว่าผมกับศักดิ์ประมาณสัก10เซนติเมตรได้ ความยาวของผมเธอนั้นไม่ถึงไหล่ เธอคนนี้คือ "นภา" สาวร่าเริงประจำห้อง เป็นเพื่องสมัยเด็กของศักดิ์

"โอ้ว! อรุณสวัสดิ์ โซระจัง~" ศักดิ์กล่าว และถ้าถามว่าทำไมศักดิ์ถึงเรียก นภา ว่า"โซระ" แล้วล่ะก็ นั่นเพราะ "โซระ" ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่าท้องฟ้า ซึ่งศักดิ์มันก็พอมีความสามารถในการพูดภาษาญี่ปุนอยู่ล่ะนะ

ตามตรงแล้ว ถึงแม้ว่านภาจะมีนิสัยร่าเริงก็เถอะ แต่ผมไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอเลย เนื่องจากนภานั้นมีใจให้ศักดิ์ ถ้าผมไม่มีเพื่อนเป็นศักดิ์ล่ะก็เธอคงไม่แม้แต่จะรับรู้ถึงตัวตนของผมด้วยซ้ำ การที่เธอมีใจให้ศักดิ์นี่มาจากพลังของเพื่อนสมัยเด็กงั้นเหรอ? ว้า...รู้สึกว่าน้ำตาจะไหลซะแล้วแหะ

"อ๊ะ! อรุณสวัสดิ์นะรัตน์..." เธอกล่าวพลางทำท่าเหมือนจะขอโทษที่ไม่เห็นผม นี่เธอได้เท่าไหร่กัน จากการแสดงละครบ้านี่? ผมหยิบมังงะจากกระเป๋าและเตรียมที่จะยื่นให้ศักดิ์ แต่จู่ๆบรรยากาศในห้องก็เงียบไป...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ...?

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!