ตอนที่ 17 เทียนจวิน

ดวงไฟสีทองในดวงตาของเฟิ่งหวงลุกท่วมตาดำ

จับจ้องไปยังเงาร่างของปีศาจเซิ่งหนี่ว์ "เจ้าคงลืมไป

ว่าข้าก็คือเทียนหลง!"

ท้องฟ้าเริ่มแยกออก

แสงสีทองส่องผ่านกาลเวลามาเยือนดินแดนอสูร

เซิ่งหนี่ว์เริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว

แหงนมองท้องฟ้า หนานเฟิ่งหวงกล่าวไม่ผิด นางลืมไปได้อย่างไร

ว่าหนานเฟิ่งหวงสามารถดึงพลังจากดวงจิตหลักมาใช้ได้ในดินแดนละครั้ง

และเวลานี้

นางไม่มีทางต่อกรกับบุตรของผู้สร้างได้

"สักวันข้าจะทำให้วิญญาณของพวกเจ้ามาเป็นทาสของข้า!"

เงาร่างสีดำของเซิ่งหนี่ว์มองโจจื่อเสียนด้วยความอาฆาตแค้น ก่อนจะกะพริบหายเข้าไปในปากหลุมดำ

ไม่นานทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบดังเดิม

"เจ้าไม่น่าปล่อยให้นางหนีไปเลย!"

โจจื่อเสียนบ่นอุบอิบด้วยความไม่พอใจ หรี่ตามองรอยแยกบนท้องฟ้าที่กำลังปิดสนิท

ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบหันไปมองเจ้าหญิงเมืองอสูร ซึ่งก็เห็นนางมองมาอยู่แล้ว

ใบหน้างามจึงฉีกยิ้มกว้าง

กำลังคิดจะเข้าไปหาอีกฝ่าย

"อ๊ะ!"

แต่เอวกลับถูกรวบเอาไว้

ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นผู้ใด พอไม่มีเซิ่งหนี่ว์

โจจื่อเสียนก็คร้านจะเล่นละครอีก "จะกอดทำไมเนี่ย"

"เจ้าคิดจะทำอะไร"

"ข้าจะไปหาฉิงฉิง"

"นางก็อยู่แค่นี้

เจ้าจะพูดอะไรกับนางก็พูดสิ"

"นี่! เหตุใดพอมีอารมณ์แล้ว

เจ้าถึงเป็นคนขี้หึงเช่นนี้เล่า นางเป็นสตรีเห็นหรือไม่"

"เห็น แต่ไม่ให้ไป!"

"หนานเฟิ่งหวง เจ้าๆ"

โจจื่อเสียนได้แต่อ้าปากพะงาบๆ

ไม่รู้จะด่าอย่างไรดี

ฉิงที่เก้าเห็นท่าทางคนทั้งสอง

ถึงกับต้องปิดปากหัวเราะอย่างขบขัน แม้ร่างกายจะเปลี่ยนไป แต่ฉิงฉิงก็จำบุรุษของนางได้อยู่ดี

ขอเพียงพี่เทียนของนางมีความสุข นางก็พอใจแล้ว

โจจื่อเสียนหน้านิ่วคิ้วขมวดหันมามองเจ้าหญิงเมืองอสูรอย่างจนปัญญา

พอเห็นนางกำลังหัวเราะ ก็อดที่จะนึกอับอายไม่ได้

เลยทุบอกหนานเฟิ่งหวงไปหนึ่งทีด้วยความหงุดหงิด

ถ้ารู้อย่างนี้ ไม่ทำให้มีความรู้สึกตั้งแต่แรกก็ดี

ฮึ่ย!

ถึงโจจื่อเสียนจะคิดได้ตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว

มิหนำซ้ำยังผูกวิญญาณไว้ด้วยกันอีกด้วย ทำอย่างไรก็มิอาจหลุดพ้นจากกันไปได้

ภาพของหนานเฟิ่งหวงและโจจื่อเสียนดูอย่างไรก็ไม่เข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้

ทำให้มังกรขาวถึงกับต้องเอาหนวดปิดตา เหล่าราชันอสูรทั้งเก้าและผู้เฝ้าประตูก็ทำราวกับไม่มีตัวตน

ส่วนมังกรวารีตัวอ้วนรีบเข้ามาคลอเคลียฉิงที่เก้าด้วยความเคยชิน

"เจ้าโตขึ้นมากแล้วจริงๆ

อย่าได้นิสัยเสียเหมือนเจ้านายเสียล่ะ"

มังกรน้อยใช้ศีรษะคลอเคลียฝ่ามือเรียวบางอย่างประจบประแจง

แอบส่งสายตาเยาะเย้ยไปให้ผู้เป็นนาย

เจ้าหมูโง่งมบังอาจมาเยาะเย้ยข้า

โจจื่อเสียนได้แต่ระบายความโกรธใส่หนานเฟิ่งหวงด้วยการกัดเข้าที่ลำคออีกฝ่ายจนเลือดซิบ

ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

"เชิญทุกท่านเข้าไปในเมืองก่อนเถิด"

ฉิงฉิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มหันไปหาบิดา พร้อมกับยอบกายให้แปดราชัน และโฉ่วเหมินทั้งห้า

"ก็ดีเหมือนกัน ข้า.."

พอเห็นสายตาดุดันของบุรุษข้างกาย

โจจื่อเสียนก็หมดอารมณ์จะพูดต่อทันที

เมื่อราชันอสูรทั้งเก้าและห้าโฉ่วเหมินรู้ตัวตนที่แท้จริงของหนานเฟิ่งหวง

จึงเข้ามาทักทายด้วยความเคารพนบนอบ

ในเมื่อมีเสี้ยวดวงจิตของบุตรผู้สร้างอยู่ที่นี่ พวกเขาก็หมดห่วง ทั้งหมดเลยพากันแยกย้ายไป

พอกลับเข้าเมือง

โจจื่อเสียนก็ลากหนานเฟิ่งหวงไปที่ลับตาคนทันที

"พี่เฟิ่งเราต้องคุยกัน"

"เสียนเอ๋อมีอะไร"

"ข้าอยากคุยกับนางตามลำพัง"

"เหตุใดต้องคุยตามลำพัง"

พอได้ยินคำถาม

โจจื่อเสียนก็แทบอยากจะเอาหัวโหม่งกำแพงตาย

ความจริงหนานเฟิ่งหวงก็เหมือนเด็กที่พึ่งได้เรียนรู้

การจะอธิบายให้คนที่พึ่งมีอารมณ์ความรู้สึกยังไม่ครบฟังเข้าใจมันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย

ยิ่งคิดสีหน้าของโจจื่อเสียนก็ยิ่งดูแทบไม่ได้

            "ก็ได้ แต่ห้ามนานนะ"

ในที่สุด อีกฝ่ายก็ต้องยอม เพราะหนานเฟิ่งหวงก็รู้สึกไม่ค่อยดี ที่เห็นใบหน้างามแลดูยุ่งเหยิง

บนยอดปราสาท

จูจูกำลังนั่งกินขนมที่ฉิงที่เก้านำมาให้อย่างเอร็ดอร่อย

หากจะว่าไปที่มังกรน้อยติดนิสัยชอบกินก็เพราะฉิงฉิงผู้นี้นี่เอง

"เจ้าใช้รูปลักษณ์สตรีก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ"

"ข้าก็ชักจะชอบแล้ว"

เด็กสาวร่างอวบฉีกยิ้มกว้าง

"ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับพี่เทียนหรือ?"

"ถามข้าเองก็ได้ ถามเจ้าหมูโง่นั่น

จะไปรู้เรื่องอะไร"

"ข้าเป็นมังกรนะ ไม่ใช่หมู!"

ใบหน้าจูจูเปลี่ยนเป็นงอง้ำทันที ที่ได้ยินเสียงของโจจื่อเสียน

เทียนจวินคร้านจะสนใจมังกรงี่เง่า

หันมายิ้มให้สตรีชุดม่วง "ฉิงฉิง"

"พี่เทียน"

ไม่จำเป็นต้องมีวาจามากมายระหว่างคนทั้งสอง

แค่มองตาพวกเขาก็เข้าใจ "เด็กผู้นี้บังเอิญไปตายทับค่ายกลของมหาเทพ

ทำให้วิญญาณข้าถูกดูดเข้ามาในร่างของนาง"

"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

พวกเราคงไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว"

น่าแปลกที่ฉิงฉิงกลับไม่รู้สึกเศร้าเสียใจ เหมือนตอนที่รู้ว่าเทียนจวินโดนกักขัง

บางที นี่อาจจะมากกว่ารัก

ไม่เพียงแต่ไม่เสียใจ

แต่ออกจะดีใจด้วยซ้ำ ที่เห็นพี่เทียนของนางหลุดออกมาได้

โจจื่อเสียนสวมกอดร่างบอบบางของเจ้าหญิงเมืองอสูรเอาไว้แน่น

ความผูกพันเหมือนจะมีมากกว่าแต่ก่อน ทั้งสองกอดกันนิ่งนาน เสมือนพี่น้องที่พึ่งกลับมาเจอกัน

"ว่าแต่เรื่องของเซิ่งหนี่ว์ นี่มันคืออะไร"

"นางเป็นผู้วางแผนหลอกท่านให้ไปสู้กับมหาเทพ"

"ชั่วช้าจริง!"

เทียนจวินแทบอยากจะกลับเข้าร่างเดิมแล้วตามไปจัดการกับปีศาจเซิ่งหนี่ว์เสียเดี๋ยวนี้

พอคิดมาถึงตรงนี้

กลับร่างเดิม

ทักษะแบ่งจิตที่ได้จากตะเกียงอมตะ

ถูกนำมาใช้ทันทีที่โจจื่อเสียนนึกได้

"พวกเจ้าคุ้มกันข้าด้วย"

ฉิงฉิงและจูจูแม้จะแปลกใจ

แต่ก็พยักหน้ารับแต่โดยดี

การใช้ตะเกียงอมตะแบ่งจิตของเซิ่งหนี่ว์เพื่อจะลงมาจุติโดยที่ร่างเทพไม่ต้องแตกสลายนั้น

ถือว่ายังอ่อนด้อยกว่าที่โจจื่อเสียนกำลังจะทำ เพราะเซิ่งหนี่ว์ใช้พลังของตะเกียง

แต่จิตวิญญาณของโจจื่อเสียนคือตะเกียงย่อมมีพลังด้วยตัวเอง

ดวงจิตถูกแบ่งออกเป็นสอง

ก็แค่เพียงต้องเลือกว่าจะส่งดวงจิตหลักกลับเข้าไปในร่างเดิมหรือส่งดวงจิตรอง

และเทพอสูรเทียนจวินก็ตัดสินใจส่งดวงจิตหลักกลับไป

โดยหารู้ไม่ว่าร่างของตนเองไม่ได้อยู่ในค่ายกลของมหาเทพแล้ว

วูมมมมมมม

แสงสว่างบดบังร่างบอบบางที่กำลังนั่งขัดสมาธิ

ใบหน้าหล่อเหลาของหนานเฟิ่งหวงแหงนมองยอดปราสาท

ในเมื่อผูกวิญญาณไว้ด้วยกัน เฟิ่งหวงย่อมรับรู้ได้เป็นธรรมดา

ร่างสูงโปร่งกะพริบหายไปทันที

เหนือชั้นฟ้าดินแดนเทพ

ในมิติแห่งดวงดาว ร่างที่กำลังหลับใหลอยู่บนแท่นหิน ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ  เทียนจวินเหลียวมองรอบกายด้วยความประหลาดใจ

"ข้าไม่ได้อยู่ในค่ายกล?"

พอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมหาเทพเทียนหลงที่ตลบอบอวลไปทั่วมิติ

ใบหน้าหล่อเหลาก็เปลี่ยนเป็นถมึงทึงขึ้นมาทันที

คราวก่อนที่ต้องออมมือเพราะในมิติของบ่อศักดิ์สามารถทำลายได้ทุกอย่าง

แต่ถ้าเป็นมิตินี้ล่ะก็ หึหึ มหาเทพหน้าตาย คอยดูว่าข้าจะแก้แค้นเจ้าอย่างไร

เทียนจวินลุกขึ้นมายืนยืดเส้นยืดสาย

ลองเดินพลังในร่าง พอเห็นว่าทุกอย่างยังปกติดี ก็สาวเท้าออกมาจากถ้ำ

“เทียนหลง!!!”

ร่างสูงในชุดม่วงอมเทา

ก้าวเท้าพร้อมสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ มิติดวงดาวแห่งนี้

เป็นมิติที่งดงามราวกับภาพฝัน ไร้สิ่งปลูกสร้างใดๆ มีเพียงถ้ำ น้ำตก ป่าเขา ดอกไม้

ม่านหมอก ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมหาเทพสร้างขึ้น

ในที่สุด เทียนจวินก็เจอ

บนชะง่อนผาที่ถูกตกแต่งด้วยเถาองุ่น

ร่างสูงโปร่งในชุดขาวบริสุทธิ์ยืนเอามือไพล่หลังมองไปยังม่านเมฆ เทียนหลงย่อมรู้อยู่ก่อนแล้ว จึงไม่คิดหันกลับไปมอง

"เทียนหลง! แน่จริงก็มาสู้กันอีกที! เจ้ามันขี้โกง

ฉวยโอกาสกักขังข้า!"

"ข้าพูดเจ้าได้ยินหรือไม่!?"

เห็นอีกฝ่ายยังนิ่งเฉย

เทียนจวินก็เริ่มโกรธมากขึ้นไปอีก เร่งสาวเท้าเดินไปประชิดแผ่นหลังกว้าง

กระชากแขนอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้า

ดวงตาสองคู่มองสบกันนิ่งนาน

"ข้าจะสู้กับเจ้า

เมื่อข้าได้เจ็ดอารมณ์หกปรารถนามาแล้วเท่านั้น

เพราะฉะนั้นตอนนี้เจ้าจะต้องถูกกักขังอยู่ที่นี่กับข้า"

เอ่ยจบเงาร่างสีขาวก็หายไปทันที

"เพ้ย! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ! มหาเทพหน้าตาย!

เจ้ากลับมาคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อนเส้! เจ้าจะมากักขังข้าไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ!

เทียนหลง! มหาเทพ! บุตรผู้สร้าง! เจ้า! ๆ ๆ เจ้าตัวบัดซบ!!"

เทียนจวินทำได้เพียงตะโกนด่าไม่หยุดด้วยความโมโห

ไม่รู้เพราะเหตุใด เจ้ามหาเทพหน้าตายผู้นี้ถึงได้ชอบกักขังเขานัก

ส่วนเงาร่างสีขาวก็มาปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากระจกบานใหญ่

เทียนหลงแอบมองเทียนจวินที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่บนชะง่อนผาด้วยใบหน้าเฉยเมย

กระจกบานนี้

ถูกสร้างขึ้นด้วยหยดเลือดในร่างอมตะของเทียนจวิน ซึ่งมันใช่ส่องเจ้าของเลือดมานานหลายหมื่นปี

ตั้งแต่ที่เจ้าตัวถูกกักขัง

ดินแดนเก้าอสูร

หนานเฟิ่งหวงนิ่วหน้ามองเงาร่างในม่านแสงด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดี

แต่พอเห็นร่างของโจจื่อเสียนเริ่มชัดเจนขึ้น ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

โจจื่อเสียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ

สำรวจร่างกายตนเองอย่างถี่ถ้วน สัมผัสได้ถึงรากเล็กๆ ของเส้นวิญญาณเส้นที่หก

และเหมือนจะมีเพิ่มอีกหลายเส้น

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

รากวิญญาณ

แม้จะเกิดจากร่างกายของแต่ละคนก็จริง

แต่พลังวิญญาณก็เป็นจุดเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณด้วยเช่นกัน

เมื่อวิญญาณของเทพอสูรบรรพกาลไม่อาจเชื่อมต่อได้ทั้งหมด ทำให้เส้นวิญญาณในร่างโจจื่อเสียนเติบโตช้าเกินไป

แต่พอจิตวิญญาณถูกแบ่งและใช้ดวงจิตรองที่เข้ากันได้กับร่างกาย

ทำให้รากวิญญาณหลายเส้นผุดขึ้นมา

ดวงตาคู่งามมีประกายสายฟ้าวาบผ่าน

ร่างที่ล้อมรอบไปด้วยสายฟ้าค่อยยืนขึ้นช้าๆ เพียงแค่สองมือแบออก ฟ้าร้องฟ้าผ่าในดินแดนอสูรก็สะเทือนเลื่อนลั่น

เส้นวิญญาณเส้นที่หกกำลังจะตื่น

เหล่าอสูรราชันและโฉ่วเหมินที่พึ่งจะกลับไป

ต้องพากันหันกลับมามองเมืองอสูรที่สี่อีกครั้ง

อสูรระดับต่ำตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวเพราะพึ่งจะผ่านหายนะกันมาหยกๆ

แล้วจู่ ๆ ท้องฟ้าก็คำรามลั่นราวกับพิโรธ

พวกเขาได้แต่โทษเหล่ามนุษย์ที่นำพาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้

เส้นผมสีเงินยวงเริ่มยาวขึ้นอีกเล็กน้อย

ดวงตาสีฟ้าขาวเปล่งประกายเจิดจ้า

ในที่สุด

เส้นวิญญาณเส้นที่หกก็ตื่นขึ้นเต็มตัว

ทักษะมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของโจจื่อเสียน

กว่าที่ทุกอย่างจะสงบลงก็ทำเอาอสูรทั้งหลายเกือบต้องพากันอพยพหนีตาย

โจจื่อเสียนฉีกยิ้มกว้างให้ทุกคน

พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาของหนานเฟิ่งหวง ก็ค้อนขวับเข้าให้

เมื่อเทียนจวินทำอะไรมหาเทพเทียนหลงไม่ได้

โจจื่อเสียนก็คิดจะรังแกหนานเฟิ่งหวงเพื่อเป็นการเอาคืน

แต่บางทีเจ้าตัวอาจจะลืมไป

ว่าเวลาที่คิดร้ายกับผู้อื่นทีไรก็มักจะเข้าตัวทุกที

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!