ตอนที่ 14 ทักษะแยกดวงจิต

ในขณะที่ดินแดนเก้าอสูรกำลังเกิดการต่อสู้

ร่างของเทพอสูรเทียนจวินที่เคยอยู่ในค่ายกลของมหาเทพก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ดินแดนเก้าอสูร

การต่อสู้ห้าต่อห้าเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด

แม้ทางฝ่ายของโจจื่อเสียนจะดูเหมือนเสียเปรียบ แต่กลับยังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

อภิหารปลิวว่อนท้องฟ้า

ทั้งฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ลมพายุหมุน

หรือกระทั่งเพลิงที่ลุกท่วมท่ามกลางสายฝน

ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นถูกทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

หากจะนับตามจริงเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์ถือว่ามีพลังมากที่สุด

บางทีอาจจะมากกว่าโฉ่วเหมินทั้งห้าเสียอีก แต่นางกลับไม่คิดลงมือจริงจัง

เพียงแค่รอโอกาส

แต่สิ่งที่เทพธิดาผู้งดงามไม่รู้ก็คือ

เทียนจวินมักมีสัมผัสไวกับศัตรูเป็นพิเศษ

โจจื่อเสียนสัมผัสกลิ่นอายที่ไม่มีวันลืมเลือนได้ตั้งแต่ก่อนที่ร่างของเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์จะออกมาจากไส้ตะเกียงเสียอีก

หึ! เทพธิดาหน้าตาย คิดจะแอบเล่นงานข้าเหมือนคราวที่แล้วอีกหรือ อย่าฝันไปหน่อยเลย!

"อ๊ากกก!"  เสียงโหยหวนของหนึ่งในโฉ่วเหมินดังขึ้นทันที

ที่ถูกแส้สายฟ้าของโจจื่อเสียนฟาดบนปีกสีดำขนาดใหญ่

หากเป็นเมื่อก่อน คงจะไม่ใช่แค่ฟาด

แต่คงถูกถอนขนปีกออกจนหมด

ที่โจจื่อเสียนกล้าเปิดฉากต่อสู้ไม่ใช่เพราะเก่งกว่าเทพอสูรเหล่านี้

แต่เพราะรู้จุดอ่อนของโฉ่วเหมินทั้งห้าเป็นอย่างดี

เมื่อจุดอ่อนถูกล่วงรู้

ทำให้อสูรที่เหลือทั้งสี่ เริ่มระวังตัวแจไม่กล้าลงมือส่งเดช

และในขณะที่ทุกคนกำลังต่อสู้ติดพัน

สะเก็ดไฟจากไส้ตะเกียงขนาดเล็กก็พุ่งเข้าไปในร่างของโจจื่อเสียนโดยไม่รู้ตัว มุมปากของเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์ยกยิ้มเล็กน้อยแทบมองไม่เห็น

ก่อนจะสะบัดมือเบาๆ ซัดร่างของหนึ่งในโฉ่วเหมินกระเด็นออกไปไกล

"เทพธิดา?!!!"

มาถึงตอนนี้ทุกคนถึงพึ่งจะเห็นการมีตัวตนของเทพธิดาชั้นสูง

ที่สมควรจะอยู่แต่ในดินแดนเทพ มาปรากฏกายอยู่ที่นี่

ความงดงามเหนือสามัญของนางทำให้การต่อสู้หยุดชะงักลง

เพราะสามโฉ่วเหมินที่เหลือถอนตัวออกมา

"เหตุใดเทพธิดาเหนือชั้นฟ้าอย่างท่านถึงได้มาอยู่ร่วมกับมนุษย์พวกนี้?"

เซิ่งหนี่ว์หาได้สนใจจะตอบคำพวกเหล่าผู้เฝ้าประตู ร่างงดงามกะพริบหายไป ปรากฏกายเบื้องหน้าหนานเฟิ่งหวง

แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแค่หนึ่งในเก้าดวงจิตที่ถูกแยกออกมา

แต่เซิ่งหนี่ว์ก็ยังอยากให้หนานเฟิ่งหวงมองนางเพียงผู้เดียวอยู่ดี

แต่นางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก

ร่างสูงโปร่งเบื้องหน้าก็กะพริบหายไป

"เสียนเอ๋อ!!!"

"คุณหนู!!!"

เพราะความสนใจของหนานเฟิ่งหวงมีเพียงแค่โจจื่อเสียน

มิหนำซ้ำยังผูกวิญญาณไว้ด้วยกัน

ย่อมสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังพุ่งเข้าไปทำลายจิตวิญญาณของโจจื่อเสียนได้

สองแขนรวบร่างบอบบางที่กำลังจะล้มเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

"เสียนเอ๋อเป็นอะไรไป?!"

"วิญญาณข้า! โอ๊ย!"

มังกรน้อยรีบคืนร่างลงมาหาเจ้านายด้วยใบหน้าแตกตื่น

"คุณหนู! เจ้านาย!

ทะ..ท่าน รอเดี๋ยวนะ ข้าหายาก่อน"

ขวดโอสถสารพัดชนิดถูกเรียกออกมากองเป็นภูเขาเลากา แต่กลับไร้ยาที่จูจูต้องการ "มันหายไปไหนของมันน๊า!!

ข้าเก็บไว้ตรงนี้นี่!!"

เทียนจวินที่วิญญาณกำลังเจ็บปวดคล้ายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

เห็นท่าทางของมังกรโง่งมก็นึกอยากจะเตะโด่งเจ้าตัวดีออกไปให้ไกล

"เจ้าหมูโง่! ไม่ต้องหาแล้ว!

เจ้าจะเอาขวดโอสถพวกนั้นมากลบฝังข้าหรือไงห๊ะ!!! อั้ก แฮ่กๆ"

"อ่าา  แหะ ขออภัยเจ้าค่ะ ก็ข้าหามันไม่เจอนี่เจ้าคะ"

ซือซานไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือว่าควรจะร้องไห้ให้นายบ่าวคู่นี้ดี

ทำได้แต่ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเรียกไข่มุกเก้าชีวิตของตนเองออกมายื่นให้ผู้เป็นนาย

เพื่อป้อนให้คุณหนูโจ

เด็กสาวส่ายหน้าปฏิเสธ

พร้อมกับหันหน้าเข้าหา

ยกวงแขนกอดรอบลำคอแกร่งซุกใบหน้าลงบนบ่ากว้างด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

แต่มุมปากกลับยกยิ้มชั่วร้าย ลอบส่งสายตาเยาะเย้ยไปให้เทพธิดาเซิ่งหนี่ว์

ที่ปรากฏกายมายืนอยู่เบื้องหลังหนานเฟิ่งหวง

"เสียนเอ๋อ เกิดอะไรขึ้น เหตุใดวิญญาณเจ้าถึงบาดเจ็บได้กัน?"

น้ำเสียงและท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของบุรุษที่เคยไร้อารมณ์

ยิ่งทำให้ไส้ตะเกียงในดวงจิตของเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์ลุกโชติช่วง พร้อมๆ

กับสะเก็ดไฟในจิตวิญญาณของเทียนจวินเริ่มขยายใหญ่ขึ้น

เมื่อหลายหมื่นปีก่อน

เทพอสูรบรรพกาลผู้เป็นอมตะ ต้องการจะมีทักษะแยกวิญญาณเป็นอย่างมาก

ถึงขั้นพยายามคิดค้นด้วยตนเองอยู่หลายครั้ง

หลังจากที่พยายามอยู่นาน

เทียนจวินก็ได้เบาะแสเกี่ยวกับตะเกียงอมตะ หากจะพูดให้ถูกคือเป็นเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์ปล่อยข่าวครึ่งจริงครึ่งเท็จให้เทียนจวินตามหาบ่อศักดิ์สิทธิ์

แต่ในข่าวของนางกลับมีความจริงที่เทพธิดาเซิ่งหนี่ว์ไม่เคยรู้

นั่นก็คือความลับที่แท้จริงของตะเกียง

และกว่าที่นางจะรู้

เวลานี้มันย่อมสายเกินไปแล้ว

ในเมื่อตะเกียงอมตะช่วยให้เทพธิดาเซิ่งหนี่ว์

แยกดวงจิตส่วนหนึ่งออกจากร่างมาจุติได้ นั่นก็หมายความว่า

หากเทียนจวินที่ต้องการทักษะแยกวิญญาณก็ต้องเรียนรู้มันจากไฟที่ไม่มีวันดับ

และเทพธิดาที่คิดทำลายผู้อื่น

ก็เป็นฝ่ายมอบดวงไฟอมตะมาให้เทียนจวินด้วยตัวเอง

โจจื่อเสียนซุกใบหน้าลงบนซอกคอแกร่งเพื่อหลบสายตาผู้คน

"พี่เฟิ่ง ขอข้าอยู่อย่างนี้สักครู่เถิด"

หนานเฟิ่งหวงเห็นท่าทางอ่อนเพลียของอีกฝ่ายจึงกระชับอ้อมแขนกอดแผ่นหลังบอบบางเอาไว้เป็นการตอบรับคำขอ

สายตาคมกริบมองไปยังโฉ่วเหมินทั้งห้า คล้ายต้องการข่มขู่กลายๆ

ทางด้านผู้เฝ้าประตูทั้งห้าก็ไม่คิดจะเปิดฉากต่อสู้เป็นครั้งที่สอง เพราะสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของกลุ่มผู้บุกรุก ร่างของโฉ่วเหมินทั้งห้าจึงกะพริบหายไป

ส่วนร่างระหงของเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์ยังยืนนิ่งอย่างสง่างาม

แม้ในใจจะทั้งเจ็บทั้งแค้น แต่สีหน้ากลับดูอบอุ่นอ่อนโยน

เทียนจวินใช้ทักษะแยกจิตที่เคยคิดค้นได้พร้อมกับพลังสายฟ้าในร่าง

ค่อยๆ หลอมสะเก็ดไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่ในดวงวิญญาณของตัวเองอย่างช้าๆ

แสงไฟที่ไม่มีวันดับเริ่มหายเข้าไปรวมอยู่กับจิตวิญญาณของเทียนจวินทีละเล็กทีละน้อย

เมื่อเห็นคุณหนูโจเงียบไป

ซือซานก็หันไปสนใจกองภูเขาโอสถของจูจู

"เจ้าควรเก็บพวกมันกลับไปได้แล้วกระมัง"

"อ่า ได้ๆ"

เด็กสาวร่างอวบที่พึ่งจะนึกขึ้นได้ รีบเรียกขวดโอสถกลับเข้าไปไว้ในมิติจนหมด

พื้นที่ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมของการต่อสู้มาบัดนี้กลับกลายเป็นเงียบสงัด

ในพื้นที่ห่างไกลยังมีอสูรชั้นสูงหลายเผ่าพันธุ์คอยเฝ้าจับตามองอยู่ไม่ห่าง

อึก! จู่ๆ

ใบหน้างดงามของเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์ก็เปลี่ยนเป็นเหยเก สองมือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อกำแน่น ค่อยๆ ก้าวถอยหลังห่างออกจากกลุ่ม

ไฟในตะเกียงอมตะที่ซ่อนอยู่ในดวงจิตกำลังหรี่ลงทีละเล็กละน้อย

โดยที่นางมิอาจต้านทาน

จิตวิญญาณของเทียนจวินกำลังสว่างเจิดจ้า

ไม่นาน ตะเกียงอมตะก็ดับสนิท

ผลกระทบของมันคือจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์ถูกทำลาย

ร่างสั่นเทาทรุดลงกับพื้น โดยไร้คนสนใจ

ส่วนจิตวิญญาณในร่างโจจื่อเสียนถูกแยกออกเป็นสองดวง

ในที่สุดเทียนจวินก็ทำสำเร็จ

เหลือเพียงหาทางส่งดวงจิตอีกดวงเข้าไปในร่างเดิมที่ถูกขังอยู่ในค่ายกล

พอคิดไปถึงค่ายกล

เด็กสาวก็เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลา

ไม่รู้ว่าควรจะหาทางแก้แค้นมหาเทพหน้าตายอย่างไรดี

แต่พอเห็นสายตาเป็นห่วงเป็นใยของหนานเฟิ่งหวง ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแรง

ช่างเถิด เขาก็แค่ร่างแยก

เอาไว้ส่งดวงจิตกลับเข้าไปในร่างเดิมเมื่อไหร่

ค่อยไปสู้กับเจ้ามหาเทพนั่นอีกทีก็แล้วกัน

"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" หนานเฟิ่งหวงยกฝ่ามือข้างหนึ่งสัมผัสแก้มขาวนวลด้วยความเป็นห่วง

"ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องห่วง"

จูจูฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นเจ้านายปลอดภัย

ซือซานเห็นแล้วมุมปากก็อดที่จะยกยิ้มตามไม่ได้

ทั้งสี่ต่างพากันลืมเลือนเทพธิดาชั้นสูงไปเสียสนิท

ยิ่งเห็นเช่นนี้ เซิ่งหนี่ว์ที่จิตวิญญาณบาดเจ็บก็ยิ่งแค้นเคือง ข้าเคยทำได้แล้วครั้งหนึ่ง

ครั้งนี้ข้าก็ต้องทำได้ ความต้องการสังหารลุกโชนขึ้นภายในใจของเทพธิดา ผู้ที่บังอาจมาทำให้เทียนหลงสนใจมันต้องตายอย่างทรมาน!

ไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น!

ร่างงดงามค่อยยันกายลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

กัดฟันทนกับความเจ็บปวด "ในเมื่อแม่นางโจไม่เป็นอะไรแล้ว เฟิ่งหวง

พวกเราก็ควรเดินทางต่อกันได้แล้วกระมัง"

หนานเฟิ่งหวงมองสบตาคู่งามเพื่อถามความเห็น

แต่คำตอบที่ได้คือโจจื่อเสียนถูใบหน้ากับบ่ากว้างไปมา ก่อนจะพูดจาออดอ้อน

"เสียนเอ๋อยังเหนื่อยอยู่เล็กน้อย พี่เฟิ่งอุ้มน้องไปหน่อยน๊า"

ความใกล้ชิดทางกายที่เด็กสาวกระทำเพียงเพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่นกลับทำให้หัวใจของหนานเฟิ่งหวงอ่อนยวบ

รีบอุ้มร่างบอบบางลอยขึ้นจากพื้น

"ได้! พี่เฟิ่งจะอุ้มเจ้าเอง"

ซือซานเห็นการกระทำของเจ้านายแล้ว

ต้องยกสองมือปิดหน้า เขาไม่เชื่อว่าผู้เป็นนายจะไม่รู้ว่าคุณหนูผู้นี้เสแสร้ง

แล้วเหตุใดยังยอมทำตามอย่างว่าง่ายเช่นนั้น หากมหาเทพเทียนหลงรู้เข้า

มีหวังได้รีบเรียกดวงจิตกลับคืนเป็นแน่

เซิ่งหนี่ว์กัดฟันมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด

จำต้องเรียกตะเกียงหมื่นปีออกมา เพื่อต้องการให้หนานเฟิ่งหวงหันมาสนใจ แต่นางก็ต้องผิดหวังอย่างแรง

ตะเกียงหมื่นปีเป็นเพียงตะเกียงที่ถูกสร้างเลียนแบบตะเกียงอมตะ

พลังของมันใช้ได้แค่ในดินแดนมนุษย์เท่านั้น  แต่เมื่อมาอยู่ในดินแดนอสูร ไหนเลยจะมีพลังกล้าแข็งพอที่จะส่องหาผลึกได้

ใบหน้างามล้ำที่เปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิง

สร้างความสะใจให้กับโจจื่อเสียนเป็นอย่างมาก

เด็กสาวยกยิ้มอ่อนหวานเอ่ยกับชายหนุ่มด้วยเสียงอันดัง

"พี่เฟิ่งเจ้าคะพวกเราควรไปเมืองอสูรที่สี่

เสียนเอ๋อรู้ว่าผลึกอยู่ที่ใด"

ในเวลานี้ไม่ว่าโจจื่อเสียนจะพูดหรือทำอะไร

หนานเฟิ่งหวงย่อมทำตามอย่างไม่มีอิดออด

ในที่สุดทั้งห้าก็มุ่งหน้าไปยังเมืองอสูรที่สี่

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!