ตอนที่ 15 สงสัยจะหึง

ดินแดนอสูรมีทั้งหมดเก้าเมืองใหญ่

และมีราชันอสูรปกครอง ไม่มีการตั้งชื่อเมืองให้เกิดความยุ่งยาก

ก็เพียงเรียกขานตามลำดับฝีมือของราชันแต่ละตน

เรียกได้ว่าทุกสิบปี

ชื่อเมืองจะเปลี่ยนไปตามพลังของผู้ปกครอง อย่างเมืองอสูรที่สี่

ที่กลุ่มของโจจื่อเสียนมาถึงในตอนนี้

ข่าวการต่อสู้และข่าวการปรากฏกายของเทพธิดาชั้นสูง

ส่งไปถึงทั้งเก้าเมืองก่อนที่ทั้งกลุ่มจะมาถึงเสียอีก

พอกลุ่มคนทั้งห้าผ่านเข้าเมืองมา จึงตกเป็นที่สนใจของเหล่าอสูรทุกระดับ

สิ่งปลูกสร้างในดินแดนอสูรค่อนข้างแตกต่างจากดินแดนมนุษย์

ด้วยความที่อสูรเหล่านี้มักมีร่างกายใหญ่โต

สิ่งปลูกสร้างก็เลยใหญ่โตคล้ายถ้ำขนาดยักษ์

โจจื่อเสียนพาทั้งกลุ่มมาถึงปราสาทที่สร้างขึ้นจากหินขนาดใหญ่ และมีค่ายกลล้อมรอบกำแพงเอาไว้อย่างแน่นหนา บนยอดปราสาทมีรูปปั้นของราชันอสูรกางปีกเกาะอยู่

"เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นที่นี่"

คำถามของเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์

ไม่ได้ทำให้โจจื่อเสียนหันไปสนใจ เพราะดวงตากลมโตเอาแต่เพ่งมองไปยังยอดปราสาท

ในใจหวนคิดไปถึงเรื่องราวในอดีต

เจ้าหญิงแห่งเมืองอสูรที่สี่แห่งนี้

ในอดีตก็คือหนึ่งในสตรีของเทพอสูรบรรพกาลเทียนจวิน

มิหนำซ้ำความงามของนางยังถือว่าเป็นหนึ่งในแดนอสูร

ในช่วงเวลาที่เขาถูกกักขังไม่รู้ว่านางจะเป็นอย่างไร

"เสียนเอ๋อ เป็นอะไรไป?"

เห็นร่างบอบบางในอ้อมอกนิ่งไป

หนานเฟิ่งหวงอดที่จะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

"ข้าไม่เป็นไร ท่านวางข้าลงเถิด

ผลึกอยู่ที่นี่แหละ"

ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย

แต่ก็ยังโอบประคองเอวคอดกิ่วเอาไว้ไม่ให้ห่างกาย ส่วนโจจื่อเสียนก็ไม่คิดหลบเลี่ยง

เพราะมองเห็นจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ของหนานเฟิ่งหวง

เมื่อจิตวิญญาณหลอมเข้ากับดวงไฟไม่มีวันดับ

โจจื่อเสียนก็ได้ทักษะเพิ่มขึ้น คือทักษะส่องจิต

ที่สามารถมองเข้าไปถึงจิตวิญญาณของผู้อื่น

และไม่เพียงเสี้ยวดวงจิตของมหาเทพเท่านั้นที่โจจื่อเสียนมองเห็น

จิตวิญญาณของเทพธิดาผู้งดงามก็เช่นกัน

แต่ที่น่าตื่นตะลึงก็คือ

ดวงจิตที่สมควรจะบริสุทธิ์อย่างดวงจิตเทพกลับมีแต่เงาดำชั่วร้าย นั่นก็หมายความว่า

เซิ่งหนี่ว์มีร่างเป็นเทพแต่จิตวิญญาณเป็นมาร

ถึงแม้โจจื่อเสียนจะรู้ว่านางมีจิตใจไม่ดี แต่ไม่นึกว่าจะถึงขั้นนี้

หน้าประตูเมืองมีอสูรระดับสูงออกมาต้อนรับคนทั้งห้าด้วยความเคารพนบนอบ

เรียกได้ว่าราชันอสูรที่สี่

เปิดเมืองต้อนรับเทพธิดาชั้นสูงด้วยความเต็มอกเต็มใจ ซึ่งเรื่องนี้

แท้จริงแล้วก็เป็นเจตนาของโจจื่อเสียน เพราะอสูรเฒ่าผู้นี้เป็นพวกมักมาก

ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด ขอเพียงงดงามเป็นหนึ่ง อสูรชราต้องอยากลิ้มลอง

หากจะพูดให้ถูกก็คือ

เทพธิดาเซิ่งหนี่ว์กำลังถูกโจจื่อเสียนหลอกใช้งานโดยไม่รู้ตัว

โถงกว้างใหญ่ภายในปราสาทหินใหญ่โต

บนเก้าอี้สูงขึ้นไปจากพื้นเท่าบันไดสิบขั้น

ราชันอสูรที่สี่จับจ้องสตรีผมสีเงินยวงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาแวววาว

มุมปากอ้าค้างแทบจะมีน้ำหยด

โจจื่อเสียนเห็นแล้วต้องกัดฟันกรอด

นึกอยากจะดึงทึ้งผมตัวเองขึ้นมา อุตส่าห์หวังจะใช้ประโยชน์จากเทพธิดาคนงาม

แต่ที่ไหนได้ ดันลืมไปว่าตนเองในตอนนี้งดงามกว่านางตั้งไม่รู้กี่เท่า

แล้วมีหรือเจ้าอสูรลามกจะสนใจแม่เทพธิดาตัวจริง

"แม่นางน้อยคงจะเป็นเทพธิดากระมัง

ช่างงดงามเหลือเกิน" วาจากรุ้มกริ่มของราชันอสูรดังก้องโถงกว้าง

สร้างความตลกขบขันให้เหล่าข้าทาสบริวารที่ยืนเรียงแถวอยู่สองฟากข้าง

จนมีเสียงหัวเราะตามมา

ด้วยความหงุดหงิดเป็นทุนเดิม

โจจื่อเสียนกำลังตั้งท่าจะยกมือเท้าสะเอวเอ่ยปากด่า

"นางหาใช่เทพธิดา แต่เป็นภรรยาข้า!" จู่ๆ

น้ำเสียงเหยียบเย็นที่ฟังแล้วหนาวจนเสียดกระดูกก็ดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะโห่ฮาปากของเหล่าอสูร

ฝ่ามือเรียวบางที่กำลังจะยกขึ้นต้องหยุดชะงักลง

โจจื่อเสียนก้มมองฝ่ามือที่ถูกจับอย่างกะทันหัน

ก่อนจะเงยมองใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษข้างกาย เห็นอีกฝ่ายมีใบหน้าเย็นชา

ซ้ำยังคล้ายจะโกรธเคือง

 สงสัยจะหึงกระมัง ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด

มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เดี๋ยวก็รู้ หึหึ

"ข้าไม่ใช่เทพธิดาเจ้าค่ะ แต่เป็นนาง"

โจจื่อเสียนชี้ไปที่ร่างระหงที่ยืนด้านซ้ายมือของหนานเฟิ่งหวง

ก่อนจะหันกลับมาฉีกยิ้มเอียงอายให้ราชันอสูร ดึงมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มยกขึ้นทัดผมที่ใบหู

"แต่เสียนเอ๋อต้องขอบคุณท่านราชันนะเจ้าคะ

ที่มองเห็นเด็กสาวธรรมดาอย่างข้าเป็นเทพธิดา

ราชันอย่างท่านก็หล่อเหลามากเลยเจ้าค่ะ"

"ฮ่า

ๆ สาวน้อย นอกจากงดงามแล้ว ปากยังหวานอีกด้วย ข้าชักอยากรู้เสียแล้ว

ว่าร่างกายเจ้าจะหวานสักแค่ไหน"

"อ๊ะ!"

คราวนี้หนานเฟิ่งหวงไม่จับที่มือ

แต่รั้งเอาเอวคอดกิ่วให้ร่างบางเข้ามาแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่าง

ใบหน้าที่เคยไร้อารมณ์  เปลี่ยนเป็นถมึงทึง

"ห้ามพูดกับชายอื่นเยี่ยงนั้นอีก!"

ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่รู้ว่าความรู้สึกเช่นนี้เรียกว่าอะไร

แต่รู้ว่าในอกมันร้อนราวไฟสุม ไม่ชอบที่จะเห็นโจจื่อเสียนทำท่าทำทางสนิทสนมกับกับผู้ใด

"เห...? พูดอย่างไรหรือเจ้าคะ?" โจจื่อเสียนได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆ

ทำหน้าตาใสซื่อมองสบตาชายหนุ่มราวกับคนไม่รู้เรื่องรู้ราว  แต่ในใจกลับหัวเราะอย่างสนุกสนาน หึงจริงๆ ด้วย

ฮะๆ

ซือซานเห็นการกระทำของผู้เป็นนายแล้วเกือบจะสำลัก

ไม่รู้ว่ามรดกของผู้สร้างจะยังสำคัญอยู่หรือไม่ แค่มีคุณหนูโจอยู่ใกล้ เจ้านายของเขาก็มีจวนจะครบเจ็ดอารมณ์อยู่แล้ว

หากจะว่าไปการที่จะทำให้เสี้ยวดวงจิตของมหาเทพอย่างหนานเฟิ่งหวงเกิดเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาได้นั้นมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

เพราะถึงอย่างไรก็เป็นดวงจิตที่ลงมาจุติเป็นมนุษย์

แต่กับมหาเทพเทียนหลงหรือบุตรของผู้สร้างที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หรือบางทีอาจจะไม่มีโอกาสเลยก็ว่าได้ เพราะมหาเทพเทียนหลงเองก็ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้

นอกจากซือซาน

พลังแห่งความหึงหวง

ทำให้โถงกว้างตกอยู่ในความเงียบ

รังสีเย็นเหยียบไม่ได้มีเพียงบนร่างของชายหนุ่มผู้หล่อเหลา

แต่ยังมีบนร่างของหญิงงามอย่างเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์อีกด้วย

หลายหมื่นปีมานี้นางเคยเป็นที่หนึ่ง ไม่ว่าบุรุษเผ่าพันธุ์ใดต่างก็พากันสนใจแต่นาง

แล้วจู่ๆ กลับมีเด็กสาวที่เป็นเพียงมนุษย์อ่อนแองดงามเกินหน้า หากรับได้

ก็คงไม่ใช่เทพธิดาเซิ่งหนี่ว์แล้ว มิหนำซ้ำความหึงหวงจนออกนอกหน้าของหนานเฟิ่งหวง

ยังสร้างความเจ็บปวดให้นางเข้าไปอีก

"โจจื่อเสียน! เจ้าอย่าได้มัวมาทำตัวไร้ยางอายอยู่

คงลืมไปแล้วกระมังว่าพวกเรามาที่นี่ด้วยเรื่องอันใด!!"

เสียงเย็นชาของเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์

ทำให้ราชันอสูรรวมทั้งเหล่าบริวารพึ่งจะมองเห็นการมีอยู่ของสตรีผู้มีความงามอีกคนหนึ่ง

"โอ้ว!

วันนี้ข้าได้ต้อนรับหญิงงามถึงสองนางเลยหรือนี่ ฮ่า ๆ ดี! ๆ"

ราชันอสูรถึงกับหัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจ

แต่เสียงหัวเราะก็ต้องติดอยู่ในลำคอ เพราะคำพูดต่อมาของเทพธิดาคนงาม

"ข้าหาใช่สตรีที่เจ้าจะล้อเล่นได้!

อยู่ที่นี่เจ้าเป็นราชันก็จริง แต่สำหรับเทพธิดาที่มาจากดินแดนเทพอย่างข้า

เจ้ามันก็แค่มดปลวก! อย่าได้บังอาจ!!!"

แสงทองบนร่างระหงเริ่มส่องประกาย

ทำให้บริวารอสูรเบื้องล่างหายใจลำบาก

เทพธิดาเซิ่งหนี่ว์คล้ายจะเอาความโกรธเกรี้ยวและความแค้นเคืองที่มีต่อโจจื่อเสียนมาลงกับพวกเหล่าบรรดาอสูรทั้งหลาย

ราชันอสูรที่สี่ยังมิทันตอบโต้

หมอกสีม่วงพร้อมกลิ่นหอมหวานก็ลอยผ่านประตูห้องโถงเข้ามา

"อย่าคิดว่าเป็นเทพธิดา

แล้วจะมาดูถูกเผ่าพันธุ์อสูรของข้าได้ ที่นี่หาใช่ดินแดนเทพของเจ้า!!"

เงาร่างงดงามของสตรีชุดม่วงวาบผ่านกลุ่มของโจจื่อเสียน ก่อนจะปรากฏขึ้นข้างกายอสูรราชัน

"ฉิงฉิง!!"

ใบหน้างดงาม มองไปยังร่างเด็กสาวในชุดสีฟ้าด้วยความประหลาดใจ

"เจ้ารู้จักข้า?"

ราชันอสูรเองก็รู้สึกแปลกใจไม่แพ้กัน

จนทำให้ลืมวาจาหยามเหยียดของเทพธิดาคนงามไปชั่วขณะ

ทุกสายตาในโถงกว้างต่างจับจ้องไปที่เด็กสาวผมสีเงินยวง

โจจื่อเสียนเผลอพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้าไปมารัวๆ รีบหยิกต้นขาตัวเอง

จะไม่ให้เทียนจวินลืมตัวได้อย่างไร ก็สตรีตรงหน้าเคยเป็นสตรีของเขา

เมื่อถูกดวงตาคมกริบจ้องมออย่างสำรวจ

โจจื่อเสียนจำต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

"เอ่อ..คือ พวกเรามาเรื่องผลึกของผู้สร้าง"

วาจานี้สร้างความตกตะลึงให้กับอสูรทุกตนที่อยู่ที่นี่

โดยเฉพาะผู้เป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองอสูร

ในดินแดนมนุษย์

ผลึกนี้จะถูกเรียกว่าผลึกเซียนบรรพกาล

แต่หากเป็นดินแดนอื่นที่สิ่งมีชีวิตมีอายุขัยยืนยาว ย่อมรู้เรื่องราวของมันเป็นอย่างดี

ฉิงที่เก้า หรือเจ้าหญิงอันดับที่เก้า

แห่งเมืองอสูรที่สี่ มองผ่านแขกผู้มาเยือนด้วยสายตาเย็นชา ผลึกอยู่กับจิตวิญญาณของนางมาตั้งแต่ถือกำเนิด เรื่องนี้ไม่สมควรมีผู้ใดรู้ โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์

น่าแปลกที่ดวงตาคู่งามไม่สะดุดความหล่อเหลาของหนานเฟิ่งหวง แต่กลับไปหยุดมองร่างบอบบางของโจจื่อเสียนนิ่งนาน

ความคุ้นเคยที่ส่งผ่านดวงตากลมโต

ทำให้เจ้าหญิงเผ่าพันธุ์อสูรใจเต้นแรง

"เสียนเอ๋อ! เจ้ามองอะไรนักหนา!"

"หา?"

น้ำเสียงดุดันของบุรุษข้างกายทำให้สติของโจจื่อเสียนกลับคืนมา

รีบย้ายสายตากลับมามองใบหน้าหล่อเหลา เฮ้ย! นี่อย่าบอกนะว่าหึงกระทั่งสตรี

"มองข้า!" เท่านั้นยังไม่พอ ฝ่ามือหนายังประทับลงที่ข้างแก้มไม่ยอมให้ใบหน้าเล็กหันกลับไป

"ห๊ะ!" เด็กสาวได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆ

อ้าปากพะงาบๆ

"หึหึ"

เสียงหัวเราะในลำคอของฉิงที่เก้าทำให้โจจื่อเสียนรู้สึกอับอายจนหน้าแดง

ก้มหน้างุด บ่นอู้อี้ในลำคอ "พี่เฟิ่ง ดูสิท่านทำข้าอับอายผู้อื่นหมดแล้ว"

นอกจากจะไม่นึกอายแล้ว

หนานเฟิ่งหวงยังกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก  ยิ่งเห็นการกระทำของชายหนุ่มโจจื่อเสียนก็ได้แต่คิดอย่างกลัดกลุ้ม

สงสัยว่าข้าจะคิดร้ายกับผู้อื่นไม่ขึ้นกระมัง

ถึงได้ลงมือทีไรเป็นต้องเข้าตัวทุกที

ความโกรธเรื่องผลึกของเจ้าหญิงเมืองอสูรมลายหายไปสิ้น

เพราะไม่เพียงแค่รู้สึกคุ้นเคยกับโจจื่อเสียน

แต่ยังมีรอยยิ้มกว้างของเด็กสาวร่างอวบอ้วนที่ยืนอยู่เบื้องหลังคนทั้งสอง

ฉิงฉิงย่อมจำมังกรน้อยของเทพอสูรบรรพกาลได้

เพราะไข่ใบนี้นางเป็นคนมอบให้เขาเองกับมือ

ในขณะที่หนานเฟิ่งหวงและโจจื่อเสียนทำให้บรรยากาศในห้องโถงกลับมาครึกคื้น

ผู้ที่ต้องกลับมาไร้ตัวตนอีกครั้งอย่างเทพธิดาเซิ่งหนี่ว์ก็ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นเป็นเท่าตัว

"พวกเราควรเอาผลึกแล้วไปได้แล้ว!

นี่ก็เสียเวลามามากแล้ว!"

แรงกดดันในร่างเทพธิดาเริ่มแผ่กระจายไปทั่ว  จิตวิญญาณในร่างแผ่รังสีอำมหิต

รักกันมากใช่ไหม! ได้!

หลังจากที่ข้าได้ผลึกมาครบเมื่อไหร่ ข้าจะทำให้พวกเจ้าอยู่ไม่สู้ตาย!!

ในเมื่อนางไม่ได้ใจจากเสี้ยวดวงจิตของมหาเทพเทียนหลงดวงนี้

ก็ควรจะทำลายมันทิ้งไปพร้อมกับนางเด็กมนุษย์ ก็แค่รอให้เทียนหลงส่งดวงจิตลงมาจุติใหม่

และที่สำคัญนางต้องได้ผลึกทั้งหมดมาครอบครอง

เพื่อต่อรองกับมหาเทพ

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!