เวลาล่วงเลยมาเกือบตีหนึ่งเห็นจะได้ อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับใจของคนสองคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินที่ร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผาสุมอก ภายในเต็มไปด้วยความร้อนรน
"คนไข้เป็นอย่างไรบ้างคะหมอ" คุณนายสมรนีบลุกจากม้านั่งแล้วเอ่ยถามหมอ
"ตอนนี้คนไข้อาการทรงตัวแล้วครับ แต่ยังไม่ได้สติ เดี๋ยวหมอจะย้ายคนไข้ขึ้นไปห้องพักฟื้นพิเศษนะครับ" หมอวัยกลางคน เจ้าของเสื้อกาวน์สีขาว ใส่แว่นหนาเตอะ เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินได้ตอบคุณนายสมร จากนั้นคุณหมอก็พาทั้งสองขึ้นลิฟต์ชั้นที่ 15 ซึ่งเป็นห้องพักผู้ป่วยพิเศษ
"นิ่ม โทรหาพี่ชายของลูกที แม่เริ่มเป็นห่วงพี่เขาแล้ว" คุณนายสมร หันไปบอกกับลูกสาวของเธอ
"ค่ะ คุณแม่" คุณนิ่มหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าหรู แล้วรีบกดโทรหาพี่ชายของเธอทันที
'หมายเลขที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ'
คุณนิ่ม เริ่มกังวลใจเมื่อติดต่อพี่ชายของเธอไม่ได้
อีกด้านหนึ่งของเมืองใหญ่ที่ไม่เคยนอน แสงสีเสียง ราวกับวิมานชั้นสรวงสวรรค์
"แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ....." เสียงหอบอย่างเหนื่อยล้าของใครคนหนึ่งดังขึ้น ท่ามกลางความมืด คืนนี้เป็นคืนที่ท้องฟ้าสว่างไสวมีแสงดาว แต่กลับไม่มีแสงจันทร์ส่องสว่าง ใช่.... คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด
"ตัวบ้าอะไรวะ" เสียงชายหนุ่มดังขึ้น ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ ไหลลงมาถึงคาง เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาซุดนั่งกับพื้นซีเมนต์ แลหันซ้าย หันขวา ราวกับว่าดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามเขามา เขาพลันคิดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
'มึงหนีกูไม่พ้นหรอก ไม่ว่ามึงจะหนีกูไปที่ใด กูก็จะตามมึงจนเจอ' เสียงปริศนาอันเย็นยะเยือกลอยมาตามลมหนาวท่ามกลางหมอกที่ปกคลุมพื้นที่นั้น
"แกเป็นใคร ทำไมถึงพยายามทำร้ายชั้น" ชายหนุ่มตะโกนถามไปยังเบื้องหน้าของเขาที่ไม่มีแม้แต่เงาของคน มีเพียงหมอกหนาๆที่ปกคลุมรอบๆกายเขา
'หึ มึงจำกูไม่ได้ แต่กู...ไม่มีวันลืมสิ่งที่มึงทำเอาไว้กับกู' เมื่อสิ้นเสียงปริศนา ก็มีเงาสีดำพุ่งเข้าใส่เขาจนเขาหงายหลังล้มตึง ทันใดนั้นก็มีแสงสีขาวสว่างปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้าของเขา
'ลามือเสียเถอะ หากท่านยังดึงดันเช่นนี้ต่อไป ท่านจะได้รับโทษอย่างแสนสาหัส' เสียงของหญิงสาวนาวหนึ่งดังขึ้น ท่ามกลางแสงสีขาวนั้น
'เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า มันเป็นเรื่องของข้ากับมัน' เสียงจากเงาดำตอบกลับด้วยคำพูดที่เคร่งขรึมและเกรี้ยวกราด
'ท่านกำลังฝ่าฝืนกฎธรรมชาติ ตอนนี้เราอยู่คนละภพภูมิ เหตุใดท่านยังไม่ปล่อยวางมันลงอีก' หญิงสาวค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาเงาดำที่อยู่เบื้องหน้า หมอกที่เคยอยู่รอบๆตัวนางค่อยๆจางลง
'คนละภพภูมิแล้วอย่างไร ข้าก็ได้เจอกัยมันแล้ว นี่เป็นชะตาของข้ากับมันที่ไม่มีทางหลุดพ้น จนกว่า...จะได้รับการชำระ' เงาดำตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ดวงตากลับบรรจุไปด้วยความแค้น
'เช่นนั้น ข้าก็จะขวางท่านให้ถึงที่สุดเช่นกัน' หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นและนุ่มนวล
'ถ้าหากเจ้าหมายจะช่วยมันแล้วไซร้ ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าอีกต่อไป... ญาณี' เจ้าของเงาดำทมิฬคำรามเสียงใส่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า หมอกค่อยๆหนาขึ้นๆตามแรงโกรธของเงาดำ
ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบกลับมีสายลมแรงๆสายหนึ่งพัดขึ้นทำให้หมอกที่ปกคลุมพื้นที่สลายไปตามแรง เจ้าของเงามืดรับรู้ถึงอันตรายบางอย่างจึงหายไปกับหมอกนั้น เหลือไว้เพียงของร่างชายหนุ่มที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นกับหญิงสาวเจ้าของเงาแสงสว่างนั้น ทันใดนั้นเมื่อสายลมสงบลง ก็มีชายหนุ่ม กายกำยำไม่ใส่เสื้อซ้ำยังนุ่งโจงกระเบนสีเขียวใบตอง พาดสังวาลย์สีทองปรากฏตัวขึ้น
'เจ้าพบกับท่านพี่นิรกาลแล้วหรือ' ชายที่เพิ่งปรากฏกายถามญาณีที่กำลังมองพี่ชายตนค่อยๆหายไป แล้วหันกลับมาตอบชายที่เพิ่งปรากฏตัว
'เจ้าค่ะท่านพี่ หากท่านไม่ปรากฏตัว ข้าไม่มั่นใจเลยว่าจะห้ามท่านพี่นิรกาลได้อย่างไร' นางตอบด้วยความกังวลใจ
'เราคงเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้มากมิได้ มันเป็นชะตากรรมที่พวกเขาต้องเจอ' ชายร่างกำยำตอบด้วยเสียงเรียบ เหมือนไม่ไยดีกับเหตุการณ์ตรงหน้า
'แล้วจะให้น้องทำเช่นไรเจ้าคะ' นางถามด้วยความร้อนรน
'ชะตากรรมนี้เป็นของพวกเขา มีเพียงพวกเขาเท่านั้น' ชายร่างกำยำหันมาตอบหญิงสาว ด้วยน้ำเสียงห้ามปรามมิให้นางเข้าไปยุ่ง
'เช่นนั้น ก็คงมีเพียง 'นาง' .... นางเท่านั้นใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านพี่นรภพ' นรภพไม่ตอบญาณี เขาได้แต่พยักหน้าแล้วมองไปยังร่างที่นอนนิ่งนั้น
'ใช่ มีเพียงนางเท่านั้น' เมื่อสิ้นสุดเสียง ทั้งสองคนก็หายตัวไปในความมืด กับลมพัดอ่อนๆ กิ่งไม้ใบหญ้าสั่นไหวไปตามแรงลมนั้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 8
Comments