เมื่อจัดบ้านเสร็จญาติของภาคินยกโขยงกันมาที่บ้านเพื่อจะมาดูหน้าเมียของหลานหรือน้อง ราณีนั่งพับเพียบอยู่บนแคร่หน้าบ้าน เหล่าญาติๆก็เข้ามานั่งจ้องจนร่างบางไม่กล้าขยับไปไหน
"ยาย...สิมาจ้องเมียผมเฮ็ดหยังละนิ่" (ยายจะมาจ้องช่องเมียผมทำไมละเนี่ย) ภาคินพูดภาษาบ้านด้วยความเคยชิน ร่างบางก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเพราะเป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด แต่ก็มีเพื่อนเป็นชาวต่างจังหวัดเยอะเหมือนกัน ราณี ศุภวัฒน์เป็นคนเพื่อนน้อยแต่จริงใจ ราชพฤกษ์ก็เหมือนกัน
"ก็ต้องเบิ่งว่านังหนูคนนี้หลงผิดมาเอามึงได้จังได๋"
"เอ๋า...ยายว่าจังซี่ ผมบ่ดีหม่องได๋"(อ้าวยายทำไมถึงพูดอย่างนี้ผมไม่ดีตรงไหน) ภาคินพูดขึ้นมาเมื่อยายของตนพูดเหมือนว่าตนเป็นคนไม่ดี
"โอ๊ย!อย่าให้กูเว่าเถาะ หลายโพด"
"แม่นยาย ข่อยกะบ่ฮู้ว่าน้องสาวคนนี้มาหลงฮักอ้ายพาคิดถึงจังได๋ จะบอกเด้อว่าไปฉุดลูกสาวเขามาทำเมีย"
"ไปกันใหญ่แล้วครับ ผมก็เคยฉุดผู้ใด๋มาทำเมียเด้อ" ภาคินหาข้อแก้ต่างให้ตนเอง ราณีที่นั่งฟังก็อดขำออกมาไม่ได้
"หัวเราะอะไรครับ"
"เปล่าค่ะ แค่รู้สึกว่าเวลาอาพูดภาษาบ้านเกิดดูมีเสน่ห์มากเลยค่ะ ณีชอบ" ร่างสูงใหญ่กระแอมในลำคอเล็กน้อย ในใจคาดโทษคนตัวเล็กไว้ที่ทำให้เขาเขินต่อหน้าผู้ใหญ่ เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนชอบเขาแบบนี้มาก่อนเลย
"ยาย..ข่อยว่าพวกเฮากลับก่อนดีบ่" ญาติคนนึงของภาคินพูดขึ้นกับยาย เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังสร้างโลกส่วนตัวกัน
"สิอยู่เฮ็ดหยังล่ะ ฟ้าวกลับ!!" เมื่อญาติของภาคินกลับกันไปหมดแล้ว ร่างบางก็เก็บขันน้ำเข้ามาไว้ในบ้าน
"อาจะทานอะไรก่อนไหมคะ เดี๋ยวณีทำให้"
"คุณหนูทำอาหารเป็นด้วยหรอครับ" ภาคินทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าราณีทำอาหารได้
"ทำได้สิคะ ตอนณียังเรียนอยู่ก็ช่วยเพื่อนเข้าครัวทำกับข้าวอยู่เป็นประจำเลยค่ะ" ตอนเรียนมหาลัยราณีไปเที่ยวหอเพื่อนบ่อยๆและช่วยเพื่อนทำกับข้าวอยู่บ่อยครั้ง เลยมีวิชาการทำอาหารติดจากเพื่อนมาด้วย รสชาติก็พอกินได้ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร
"แล้วคุณหนูจะทำอะไรให้ผมกินล่ะครับ" เขาลองหยั่งเชิง
"อืม...อาชอบทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ"
"ไข่ลูกเขยครับ"
"ถ้าอย่างนั้นณีจะทำไข่ลูกเขยกับอาหารสัก 2-3 อย่าง อาจะได้ไม่ต้องกินแต่ไข่ลูกเขยอย่างเดียว" ว่าแล้วร่างบางก็ไปดูวัตถุดิบทำอาหารว่าพอที่จะทำอาหารไหม
"วัตถุดิบทําไข่ลูกเขยครบ โอเค ที่เหลือก็เอาเป็นแกงมะระยัดไส้ ผัดผักก็แล้วกัน" ภาคินดูร่างบางหยิบจับของในครัวอย่างคล่องแคล่ว เขาเชื่อแล้วว่าราณีไม่ได้เป็นลูกคุณหนูอย่างที่ใครๆเขาพูดกัน หรือว่าที่ผ่านมาราณีไม่ได้ทำตัวร้ายกาจทำอะไรไม่เป็นอย่างที่คุณพิมพ์ดาวเขาพูดไปทั่วบ้านศุภวัฒน์ แต่ที่จริงภาคินก็เข้าใจถูกแล้วว่าราณี ศุภวัฒน์ ร้าย แต่เธอทำอาหารอร่อย มีน้ำใจกับเพื่อนฝูงเธอแค่มีความอดทนต่ำกับพวกที่ชอบยั่วยุอารมณ์ของเธอ คนภายนอกจึงมองเธอเป็นนางร้ายละครหลังข่าวที่ไร้สมอง นอกจากความสวยก็ไม่มีอะไรดี ต่างจากพิมดาวที่ภายนอกดูสวย เรียบร้อยน่ารัก หน้าเข้าหาต่างจากราณี ที่แม้แต่คุณอิทธิพลก็ยังเอ็นดูลูกติดเมียน้อยคนนี้มากกว่าลูกในไส้ของตัวเอง ปกป้องลูกติดเมียน้อยอย่างออกหน้าออกตา ต่างจากราณีที่ต้องยืนด้วยตัวเอง ถึงเธอจะล้มกี่ครั้งก็ยืนหยัดลุกขึ้นมาสู้ใหม่ มีเพราะมีเพื่อนคอยให้กำลังใจคอย support เธออยู่ห่างๆ แต่ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าราณีคนเก่าได้ตายไปแล้วมีแต่ราณีคนใหม่ที่พร้อมจะคอยปกป้องตนเองและคนรอบข้างที่ดีกับเธออย่างสุดกำลัง
"เสร็จแล้วค่ะ ไข่ลูกเขยของโปรดของอา แล้วนี่ก็แกงมะระยัดไส้กับผัดผัก ลองชิมดูก่อนค่ะ" ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆเสียงหวานใสก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างบางยกอาหารระวังไว้บนโต๊ะทานข้าว
"หอมน่ากินจังครับ" อาหารส่งกลิ่นหอมไปทั่วทำให้ร่างสูงรู้สึกหิวขึ้นมา
"ถ้าน่าทานก็ทานเยอะๆสิคะ ณีทำสุดฝีมือเลยนะ" ร่างบางพูดพร้อมตักไข่ลูกเขยของโปรดของร่างสูงให้
"ไม่ต้องตักให้ผมก็ได้ครับคุณหนู"
"ณีบอกแล้วไงคะว่าห้ามเรียกคุณหนู ตอนนี้ณีไม่ได้เป็นคนหนูแล้วนะคะ มีแค่ณีภรรยาของอาภาคินเท่านั้นค่ะ ต่อไปนี้ห้ามเรียกณีว่าคุณหนูนะคะ ให้เรียกณีหรือหนูณีก็ได้" ร่างบางพูดเย้าเล่นถึงแม้ว่าเธอจะดูร้ายกาจแต่ก็มีนิสัยขี้เล่นเหมือนกัน คงเพราะติดนิสัยขี้เล่น ขี้แกล้งมาจากเพื่อนๆละมั้ง
"ครับหนูณี" คำว่าหนูณีน่ะ เธอพูดหยอกล้อร่างสูงไปอย่างนั้นไม่คิดว่าเขาจะเรียกจริงๆ ราณีพยายามขับไล่ความร้อนที่กำลังวิ่งผ่านใบหน้า พลางหลบตาคมที่มองมาด้วยสายตาแพรวพราวปนหยอกล้อ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 8
Comments