บทเรียนแห่งความเชื่อใจ

คืนที่สามผ่านไปอย่างเงียบสงบในถ้ำลับ นับตั้งแต่เหตุการณ์วุ่นวายที่เซียนเหลียงบุกเข้ามา ฟงหลงก็ไม่ยอมให้หงเจวี๋ยห่างจากสายตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาแทบไม่ได้กลับไปยังหมู่บ้านหมาป่าด้วยซ้ำ ทำเพียงส่งสัญญาณให้นักรบที่เชื่อใจนำอาหารและรายงานสถานการณ์มาให้เท่านั้น

ภายในถ้ำ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความใกล้ชิดที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ทั้งคู่นั่งอยู่ข้างกองไฟเล็ก ๆ ที่ฟงหลงก่อขึ้น หงเจวี๋ยกำลังใช้ปลายนิ้ววาดลวดลายบนแผงอกเปลือยเปล่าของฟงหลง ซึ่งตอนนี้สวมเพียงกางเกงขายาวอย่างสบาย ๆ

“ท่านแน่ใจหรือว่าไม่เป็นอะไรที่หายไปจากเผ่านานขนาดนี้?” หงเจวี๋ยถามเบา ๆ ดวงตาที่เคยสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวในวันแรก ๆ ตอนนี้เต็มไปด้วยความไว้วางใจ

ฟงหลงหลับตาลงรับสัมผัสอ่อนโยนนั้น ความนุ่มนวลของจิ้งจอกน้อยเป็นยาบรรเทาความเครียดที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับเขา “ข้าบอกพวกเขาไปว่าข้ากำลังติดตามร่องรอยของ ‘เงาเพลิง’ อย่างใกล้ชิด และข้าต้องการความเงียบเพื่อค้นคว้าวิธีรับมือ”

“แล้วพวกเขาเชื่อหรือ?”

“พวกเขาไม่มีทางเลือก” ฟงหลงตอบเสียงทุ้ม “อำนาจของผู้นำไม่ได้มาจากการออกคำสั่งเท่านั้น แต่มาจากการรักษาความลับและความแข็งแกร่งในการตัดสินใจ”

หงเจวี๋ยซบหน้าลงบนหน้าอกของฟงหลง สูดดมกลิ่นดิน กลิ่นป่า และกลิ่นหมาป่าที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา “แต่ท่านโกหกพวกเขานะ”

“ข้าไม่ได้โกหกทั้งหมด” ฟงหลงยิ้มมุมปาก “ข้ากำลัง ‘ค้นคว้า’ วิธีรับมือกับปัญหาที่สำคัญที่สุดอยู่จริง ๆ”

เขาเลื่อนมือไปโอบรอบเอวของหงเจวี๋ยให้เข้ามาใกล้ขึ้นอีก การได้กอดหงเจวี๋ยไว้แนบชิดแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าทุกความเสี่ยงที่ยอมแลกไปนั้นคุ้มค่า

“ข้ากลัวว่าพวกเซียนเหลียงจะ... จะยุยงให้ผู้อาวุโสไม่พอใจท่านมากขึ้น” หงเจวี๋ยเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

“ปล่อยให้พวกเขาทำไป” ฟงหลงกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “ความเชื่อใจ... คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นผู้นำ และความเชื่อใจก็ต้องแลกมาด้วยการพิสูจน์”

“บทเรียนแห่งความเชื่อใจงั้นหรือ?”

“ใช่” ฟงหลงตอบพลางลืมตาขึ้นมองจิ้งจอกน้อยอย่างจริงจัง “ข้ากำลังให้บทเรียนแก่เผ่าของข้าว่าพวกเขาควรเชื่อใจการตัดสินใจของข้าในฐานะผู้นำ แม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะดูขัดต่อกฎโบราณก็ตาม และข้า... ก็กำลังพิสูจน์ความเชื่อใจของข้าที่มีต่อเจ้า”

หงเจวี๋ยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสบาดแผลที่แขนของฟงหลง ซึ่งเกิดจากการถูกลูกธนูอาบพิษของ ‘เงาเพลิง’ ข่วนเข้าเล็กน้อยระหว่างการสำรวจร่องรอยในตอนแรก แต่ฟงหลงไม่ยอมให้หงเจวี๋ยรู้เรื่องนี้ จนกระทั่งจิ้งจอกน้อยสังเกตเห็นเอง

“ท่านบาดเจ็บแล้วยังโกหกข้า” น้ำเสียงของหงเจวี๋ยติดจะงอน ๆ เล็กน้อย

“มันแค่บาดแผลเล็กน้อย” ฟงหลงกล่าว

“ไม่เล็กน้อยเลย! ท่านเลือดออกเยอะมากตอนที่ข้าเห็น” หงเจวี๋ยรีบลุกขึ้นนั่ง “ข้าสามารถใช้สมุนไพรของข้าช่วยได้”

หงเจวี๋ยเป็นทายาทจิ้งจอกที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรและเวทมนตร์เล็กน้อย เขาเริ่มหยิบใบไม้สีเขียวเข้มและรากไม้แห้งออกจากถุงผ้าเล็ก ๆ ที่พกติดตัวมา แล้วเริ่มบดขยี้ด้วยมืออย่างชำนาญ

“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น”

“จำเป็นสิ!” หงเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมามองฟงหลงอย่างเอาจริงเอาจัง “ท่านปกป้องข้า ข้าก็ต้องตอบแทนท่าน ความเชื่อใจไม่ได้มาจากแค่คำพูด แต่มาจากการกระทำด้วย ข้าไม่ได้มีพลังต่อสู้เหมือนท่าน แต่ข้ามีพลังในการรักษา”

ฟงหลงยอมปล่อยให้หงเจวี๋ยจัดการแต่โดยดี เขาเฝ้ามองดวงหน้ามุ่งมั่นที่กำลังตั้งใจบดสมุนไพรอย่างพิถีพิถัน แสงไฟที่ลุกโชนสะท้อนอยู่ในดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้น ทำให้ใบหน้าของหงเจวี๋ยดูอ่อนโยนและน่าทะนุถนอมอย่างที่สุด

หงเจวี๋ยค่อย ๆ บรรจงทาสมุนไพรที่บดแล้วลงบนบาดแผลของฟงหลง กลิ่นฉุนของสมุนไพรทำให้ฟงหลงรู้สึกชาเล็กน้อย

“เสร็จแล้ว” หงเจวี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ

ฟงหลงเลื่อนมือขึ้นไปจับมือของหงเจวี๋ยที่กำลังแตะอยู่บนบาดแผลของเขาไว้แน่น เขาไม่พูดอะไร แต่การกระทำนั้นสื่อถึงความรู้สึกทั้งหมดที่เขามี

“ขอบคุณ... หงเจวี๋ย”

“ข้าอยากให้ท่านสบายใจ” หงเจวี๋ยพูด “ข้าไม่เหมือนพวกที่เคยทรยศเผ่าท่าน ข้าไม่ต้องการทำร้ายใคร ข้าแค่ต้องการที่พักพิง”

ฟงหลงดึงหงเจวี๋ยเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง เขากอดจิ้งจอกน้อยไว้แน่นราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยไปแล้วจะสลายหายไป

“ข้ารู้... ข้ารู้ดี” ฟงหลงกระซิบข้างหูของหงเจวี๋ย “และเจ้ามีที่พักพิงแล้ว เจ้าจะอยู่ที่นี่... ตราบใดที่เจ้ายังต้องการข้า”

ขณะที่ทั้งคู่กำลังใช้เวลาในความสงบนั้น สายตาที่คมกริบของฟงหลงก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ

กรอบแกรบ!

เสียงกิ่งไม้หักเบา ๆ ดังมาจากทางเข้าถ้ำ เสียงนั้นเบามาก จนมีเพียงสัญชาตญาณของหมาป่าชั้นยอดเท่านั้นที่จะได้ยิน

ฟงหลงผลักหงเจวี๋ยให้ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขา แล้วเปลี่ยนเป็นโหมดตื่นตัวในทันที เขาหยิบมีดสั้นที่เหน็บอยู่ที่เอวไว้แน่น ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองอำพันที่ลุกโชนในความมืด

“หงเจวี๋ย... อย่าส่งเสียง” ฟงหลงกระซิบเสียงต่ำ

หงเจวี๋ยรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เซียนเหลียง หรือนักรบธรรมดา กลิ่นที่ลอยมาพร้อมกับอากาศเย็น ๆ นั้นคือกลิ่นของ... ‘เงาเพลิง’ กลิ่นคาวเลือดและโลหะที่เขาจำได้ดีตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ

“ท่าน... ท่านบาดเจ็บอยู่” หงเจวี๋ยกระซิบด้วยความกังวล

“บาดแผลนี้ไม่ใช่ปัญหา”

ฉัวะ!

จู่ ๆ ก็มีลูกธนูอาบยาพิษพุ่งเข้ามาในถ้ำ พุ่งเข้าใส่ตำแหน่งที่หงเจวี๋ยเคยนั่งอยู่ ฟงหลงใช้แขนข้างหนึ่งกางออกเพื่อบังหงเจวี๋ยไว้

“พวกมันรู้ที่ซ่อน!” ฟงหลงกล่าวอย่างเดือดดาล

เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังมาจากด้านนอกถ้ำ มีร่างมนุษย์ที่สวมชุดหนังสีดำเข้มพร้อมหน้ากากปิดบังใบหน้าสองคนกำลังยืนอยู่

“เรามาตามหาสมบัติที่เหลือรอดอยู่นานแล้ว ผู้นำเผ่าหมาป่า!” หนึ่งในนักล่ากล่าวอย่างเยาะเย้ย

“ปล่อยจิ้งจอกตัวนั้นมาให้เราซะ แล้วเราจะไว้ชีวิตเจ้า!” นักล่าอีกคนตะโกน

ฟงหลงคำรามก้องในลำคอ เขาจับจ้องไปยังศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว เงาหมาป่า ที่ไม่เคยถอยหนี พร้อมที่จะต่อสู้กับคนทั้งโลกเพื่อ รอยยิ้มจิ้งจอก ที่อยู่เบื้องหลังเขา

“ถ้าพวกเจ้าอยากได้... ก็ก้าวข้ามศพของข้าไปก่อน!”

ฟงหลงพุ่งเข้าใส่ศัตรูทันที การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือดกลางป่าสนธยา การปะทะกันของความมืดมิดจากนักล่าและพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของหมาป่าได้เริ่มขึ้นแล้ว หงเจวี๋ยในตอนนี้... ก็ทำได้เพียงภาวนาให้ความเชื่อใจที่เขามีต่อผู้นำเผ่าคนนี้ นำพาพวกเขาให้รอดพ้นจากอันตรายครั้งนี้ไปได้

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!