รุ่งอรุณของวันใหม่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างแท้จริงสำหรับผู้นำเผ่าหมาป่า ฟงหลงลืมตาขึ้นมาในถ้ำลับข้างกายหงเจวี๋ย แสงเช้าสีทองอ่อนๆ ลอดผ่านช่องหินเข้ามาทำให้เห็นใบหน้าของจิ้งจอกน้อยที่กำลังหลับอย่างเป็นสุข แขนของหงเจวี๋ยพาดอยู่บนแผงอกของเขาอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรป่าและกลิ่นเฉพาะตัวของจิ้งจอกที่ติดอยู่กับตัวหงเจวี๋ยทำให้ฟงหลงรู้สึกสงบ แต่ความสงบนั้นอยู่ได้ไม่นาน หน้าที่และความรับผิดชอบที่เขามีต่อเผ่า ทำให้เขาต้องตื่นตัวอยู่เสมอ
ฟงหลงค่อยๆ ขยับตัวอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของหงเจวี๋ย แต่หงเจวี๋ยกลับรู้ตัวทันที ดวงตาสีฟ้าใสเปิดขึ้นมองฟงหลงอย่างงัวเงีย
“ท่านจะไปแล้วหรือ?” เสียงเล็กๆ นั้นฟังดูแผ่วเบาและน่าสงสาร
“ข้าต้องไปก่อนที่พวกนักรบจะเริ่มฝึกซ้อม” ฟงหลงตอบพลางลูบผมสีแดงส้มของหงเจวี๋ยเบาๆ “อย่าออกมาจากถ้ำจนกว่าข้าจะกลับมานะ ข้างนอกไม่ปลอดภัย”
“แต่ข้าเบื่อ” หงเจวี๋ยบ่นเบาๆ พลางทำหน้ามุ่ย แต่ก็ยอมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พลังของจิ้งจอกที่อยู่ในตัวเขาทำให้เขาฟื้นฟูได้เร็ว “ท่านไปจัดการพวกผู้อาวุโสเรียบร้อยแล้วใช่ไหม? ท่านจะไม่ได้ยินเสียงบ่นของท่านเซียนเหลียงใช่ไหม?”
ฟงหลงยิ้มเล็กน้อย พยักหน้ารับ “พวกเขาจะไม่ทำอะไรตราบใดที่ข้าอยู่ แต่ข้าต้องทำให้พวกเขารู้สึกว่าการมีเจ้าอยู่มีประโยชน์จริง ๆ”
“แผน ‘เหยื่อล่อ’ ของท่านน่ะหรือ?” หงเจวี๋ยเลิกคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์ “ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าจะมี ‘นักล่า’ โผล่มาเร็วขนาดนี้?”
“ร่องรอยของการตามล่าเจ้ามันมีอยู่ทุกที่หงเจวี๋ย” ฟงหลงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “กลุ่มมนุษย์ที่เรียกว่า ‘เงาเพลิง’ พวกเขาคลั่งไคล้พลังของสัตว์วิเศษ โดยเฉพาะเลือดของจิ้งจอกที่มีพลังล่อลวงสูง ข้าเพิ่งพบกับดักที่พวกมันวางไว้ใกล้เขตแดนของเราเมื่อสองวันก่อน พวกมันกำลังเข้ามาใกล้ และข้าเชื่อว่าพวกมันรู้แล้วว่าทายาทจิ้งจอกยังไม่ตาย”
เมื่อได้ยินชื่อ ‘เงาเพลิง’ รอยยิ้มบนใบหน้าของหงเจวี๋ยก็จางหายไปทันที ดวงตาของเขาฉายแววหวาดกลัวและเกลียดชัง
“พวกนั้นฆ่าครอบครัวข้า” หงเจวี๋ยกระซิบเสียงสั่น “ข้าจำกลิ่นของไฟและกลิ่นอับของชุดหนังที่พวกมันสวมได้ พวกมันตามล่าข้ามานานหลายปี”
ฟงหลงดึงหงเจวี๋ยเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง เขากดศีรษะของจิ้งจอกน้อยให้แนบชิดกับอกของเขา “เพราะอย่างนั้น เจ้าถึงต้องเชื่อฟังข้า อยู่ในนี้ให้ปลอดภัย ข้าจะออกไปสำรวจร่องรอยของพวกมันให้แน่ชัด”
หงเจวี๋ยพยักหน้าอย่างเงียบๆ เขาเข้าใจดีว่าฟงหลงไม่ได้ทำไปเพราะหน้าที่เท่านั้น แต่เพราะความรู้สึกที่ปกป้องอย่างลึกซึ้ง
ฟงหลงจุมพิตที่หน้าผากของหงเจวี๋ยอีกครั้ง ก่อนจะแปลงร่างเป็นหมาป่าและวิ่งหายไปจากถ้ำ มุ่งหน้าไปยังชายป่าด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ในขณะที่ฟงหลงออกไปปฏิบัติภารกิจ หงเจวี๋ยอยู่ในถ้ำเพียงลำพัง เขานั่งมองหยดน้ำที่ไหลลงมาจากเพดานถ้ำอย่างเบื่อหน่าย ความสามารถในการล่อลวงของเขานั้นมีอยู่จริง แต่หงเจวี๋ยใช้มันเพียงเล็กน้อยและไม่เคยทำร้ายใคร แต่เป็นพลังที่ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของคนชั่วและศัตรูของเหล่าหมาป่า
ไม่นานนัก ความเงียบงันก็ถูกทำลายลง
ครืนนน!
เสียงหินกระทบกันดังขึ้นที่ปากถ้ำ หงเจวี๋ยชะงัก หางของเขากระตุกด้วยความระมัดระวัง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่หนักและจงใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในนี้ จิ้งจอกน้อย”
เสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น เซียนเหลียง มนุษย์หมาป่าหนุ่มที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเกลียดชังเผ่าจิ้งจอก
หงเจวี๋ยยืนขึ้นช้าๆ ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความกลัว แต่เขาก็พยายามควบคุมตัวเอง
เซียนเหลียงเดินเข้ามาพร้อมกับนักรบหมาป่าอีกสองคน ใบหน้าของเขาดูเย้ยหยัน “คิดว่าผู้นำจะปกป้องเจ้าได้ตลอดไปหรือ? พวกเรานักรบต้องทนเห็นศัตรูมายืนหายใจรดต้นคอในอาณาเขตของเราไม่ได้!”
“ท่านฟงหลงสั่งให้ท่าน... ให้ท่านออกไป” หงเจวี๋ยพยายามพูดอย่างกล้าหาญที่สุด
เซียนเหลียงหัวเราะเสียงดัง “คำสั่งของเขามีความหมายสำหรับผู้อ่อนแอเท่านั้น! พวกเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อความบริสุทธิ์ของเผ่า! เจ้าเป็นแค่จิ้งจอกขี้ขลาดที่ซ่อนตัวอยู่หลังเงาหมาป่า”
ทันทีที่พูดจบ เซียนเหลียงก็พุ่งเข้าใส่หงเจวี๋ยพร้อมกับเสียงคำราม หงเจวี๋ยกระโดดหลบอย่างว่องไว สัญชาตญาณเอาตัวรอดของจิ้งจอกทำให้เขาว่องไวกว่ามนุษย์หมาป่ามาก
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร!” หงเจวี๋ยตะโกน
“โกหก!” เซียนเหลียงตะคอก “เจ้ากำลังหลอกล่อฟงหลงด้วยรูปลักษณ์ที่น่ารักของเจ้า! ข้าจะกำจัดเจ้าเสียที่นี่ ก่อนที่เจ้าจะนำความพินาศมาสู่เรา!”
การต่อสู้เล็กๆ เกิดขึ้นภายในถ้ำ หงเจวี๋ยใช้ความคล่องตัวหลบหลีกการโจมตีอันดุดันของเซียนเหลียง เขาแปลงกายเป็นหมาจิ้งจอกแดงตัวเล็กๆ ที่รวดเร็ว ใช้ความเล็กของตัวเองในการพรางตัว
ในขณะเดียวกัน...
ฟงหลง กำลังสำรวจบริเวณใกล้ชายป่า เขาพบกับดักที่ทำจากโลหะผสมและร่องรอยการเดินเท้าที่สลับซับซ้อน มันเป็นฝีมือของกลุ่ม ‘เงาเพลิง’ อย่างไม่มีผิด
“พวกมันเร็วกว่าที่คาดไว้” ฟงหลงคิด เขากำลังจะวิ่งกลับไปที่ถ้ำเพื่อไปรับหงเจวี๋ย ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงคำรามของมนุษย์หมาป่าที่ดังมาจากทิศทางของถ้ำลับ—ไม่ใช่เสียงคำรามที่ดุดัน แต่เป็นเสียงคำรามที่บ่งบอกถึงความโกรธและความเจ็บปวด
‘เซียนเหลียง...’
ฟงหลงเปลี่ยนเป็นร่างหมาป่าที่ใหญ่ที่สุดอย่างเต็มกำลัง เขาพุ่งทะยานผ่านป่าด้วยความเร็วเหนือเสียง ทิ้งรอยเท้าลึกๆ ไว้บนพื้นดิน
เมื่อมาถึงหน้าถ้ำลับ ฟงหลงเห็นหินก้อนใหญ่ถูกผลักออกไป และเห็นร่างของหงเจวี๋ยที่พยายามต่อสู้กับเซียนเหลียง
กรรร...
เสียงคำรามจากลำคอของฟงหลงดังกึกก้อง มันคือเสียงคำรามของผู้นำที่โกรธจัดจนควบคุมไม่อยู่
การปรากฏตัวของฟงหลงในร่างหมาป่าขนาดมหึมาทำให้การต่อสู้หยุดชะงัก นักรบหมาป่าอีกสองคนถึงกับเข่าอ่อนด้วยความเกรงกลัว
“เซียนเหลียง! เจ้ากำลังทำอะไร!” ฟงหลงคำรามก้องเป็นภาษาหมาป่าที่เต็มไปด้วยอำนาจ
เซียนเหลียงที่เพิ่งถูกหงเจวี๋ยข่วนเข้าที่แขนจนเลือดซึม หันมามองผู้นำของเขาด้วยความตกตะลึง “ท่านฟงหลง! ข้า... ข้ากำลังจะกำจัดภัยคุกคามให้เผ่าของเรา!”
ฟงหลงไม่พูดอะไร เขาพุ่งเข้าใส่เซียนเหลียงอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครมองเห็นทัน เซียนเหลียงถูกกระแทกเข้ากับผนังถ้ำอย่างแรงจนร่างทรุดลง
ฟงหลงลดตัวลง หางสีเทาเข้มของเขาล้อมรอบร่างหมาจิ้งจอกแดงตัวเล็กๆ ที่กำลังสั่นเทาด้วยความตกใจ
“เจ้า... เจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่งของข้าหรือเซียนเหลียง” ฟงหลงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำและเย็นยะเยือกในร่างมนุษย์ที่กลับมาแล้ว “ข้าบอกแล้วว่าไม่มีใครแตะต้องหงเจวี๋ยได้โดยปราศจากคำสั่งของข้า”
“เขาคือ... เขาคือจิ้งจอก!” เซียนเหลียงกัดฟันพูด “ท่านถูกเขาหลอกแล้ว! เขาจะทำลายท่าน!”
“เขากำลังจะทำลายความสงบสุขของเราต่างหาก!” ฟงหลงตวาดกลับ “เจ้ากำลังทำลายอำนาจของข้า และทำให้แผนการที่ข้าแจ้งแก่ผู้อาวุโสต้องล้มเหลว เจ้าทำให้ศัตรูรู้ถึงความขัดแย้งภายในเผ่าของเรา!”
ฟงหลงอุ้มหงเจวี๋ยที่กลับเป็นร่างมนุษย์แล้วขึ้นมาแนบอกอย่างปกป้อง “เจ้าสมควรได้รับโทษจากการฝ่าฝืนคำสั่ง!”
แต่ก่อนที่ฟงหลงจะลงโทษ เซียนเหลียงก็พยายามที่จะอ้างเหตุผลสุดท้าย
“ท่านฟงหลง... มีร่องรอยของ ‘เงาเพลิง’ อยู่ทางทิศตะวันตก ข้าไปเห็นมากับตา พวกมันอยู่ใกล้กว่าที่เราคิด พวกมันกำลังจะมา!”
คำพูดนั้นทำให้ฟงหลงชะงัก แต่ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะความจริงจังที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเซียนเหลียง
ฟงหลงมองไปที่เซียนเหลียงด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“พาตัวเซียนเหลียงไปขังไว้ใต้ดินสามวัน” ฟงหลงสั่งนักรบหมาป่าอีกสองคน “และห้ามนำเรื่องนี้ไปพูดกับผู้อาวุโสคนอื่นเด็ดขาด! ถ้าพวกเจ้าพูด... โทษจะหนักกว่าเซียนเหลียง”
นักรบทั้งสองรีบพยักหน้ารับและพาตัวเซียนเหลียงออกไป
เหลือเพียงฟงหลงและหงเจวี๋ยในถ้ำ หงเจวี๋ยมองฟงหลงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ทั้งซาบซึ้งและรู้สึกผิด
“ท่าน... ท่านไม่ควรทำขนาดนี้เพื่อข้า” หงเจวี๋ยกล่าวเบาๆ
ฟงหลงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก “ข้าทำเพื่อความปลอดภัยของเจ้า... และเพราะข้าไม่สามารถทนเห็นใครทำร้ายเจ้าได้”
“พวก ‘เงาเพลิง’ มาแล้วจริง ๆ หรือ?” หงเจวี๋ยถาม
ฟงหลงพยักหน้า สีหน้าเคร่งเครียด “ใช่... และเจ้าทำให้พวกมันเห็นตัวตนของเจ้ามากขึ้นแล้ว”
หงเจวี๋ยซบหน้าลงกับอกฟงหลง “ข้าขอโทษ... ข้าไม่ได้ตั้งใจให้ท่านต้องเดือดร้อน”
“ไม่ต้องขอโทษ” ฟงหลงลูบหลังหงเจวี๋ยอย่างปลอบโยน “ตอนนี้... เจ้าต้องปลอดภัย”
ฟงหลงพาหงเจวี๋ยไปที่เตียงหญ้าในถ้ำ แล้วเขาก็นั่งลงข้างๆ โอบกอดจิ้งจอกน้อยไว้แนบแน่น
“ข้าจะไม่ออกไปไหนอีก จนกว่าจะแน่ใจว่าพวกมันจากไป” ฟงหลงกระซิบเสียงทุ้มต่ำ “เราจะอยู่ด้วยกันตรงนี้... เพื่อให้ความอบอุ่นแก่กัน”
ในอ้อมกอดของหมาป่า หงเจวี๋ยรู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าจะมีภัยอันตรายจาก ร่องรอยของนักล่า รอบด้าน แต่ในอ้อมกอดของ เงาหมาป่า ที่แข็งแกร่ง หงเจวี๋ยก็ยังสามารถรักษา รอยยิ้มจิ้งจอก ไว้ได้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments