บทที่ 2 ตุนาหงัน

บ่าวได้ยินกิ่งมะม่วงโดนลมพัดปลุกให้ลุกขึ้นเตรียมตัวกรีดยางเช่นทุกวัน แต่เขายังไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง ห้องเงียบไร้สำเนียงใด เสร็จพิธีละหมาดแล้วไม่อยากไปกรีดยาง สมองวนเวียนถามคนยากจนไม่มีสิทธิ์รักใครเลยใช่ไหม

               เขายังนอนพลิกตัวไปมาแล้วเผลอหลับอีกครั้งนานเท่านาน เมื่อได้ยินรถพี่สาวขับไปซื้อกับข้าวทำให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์สับสนนั้น

ทันใดนั้น เสียงลึกลับสั่งสลัดภาพผู้สำรวมแทบไม่มีเหลือ คิดพิเรนทร์ควันพิษช่วยอาการเครียด รีบผุดลุกขึ้นราวติดปีกสองข้าง บึ่งไปซื้อใบจากและยาเส้นหวังสูบให้หนำใจ

เขาหยิบยาเส้นใส่มวนใบจากยกขึ้นสูบลงคอแรง ๆ ด้วยมือสั่นระริก ด้วยฤทธิ์ยาเส้นยี่ห้อโคกเมาที่ขึ้นชื่อมานาน ทำให้บ่าวน้ำตาเล็ดไอแสบคอตามมาทันที

บ่าวมองควันขาวลอยอ้อยอิ่ง คิดถึงโรงรถและรอยยิ้มเธอ ฝันหนึ่งผุดพรายแบบนี้หรือที่เรียกว่าอารมณ์ศิลปินเข้าสิง นึกอยากเขียนกวีรักสักบทหนึ่ง ทันที เพ่งมองกลุ่มควันเหม็นคลุ้ง เฟ้นหาถ้อยคำแรกประเดิม แต่สุดท้ายมันว่างเปล่า

ธิดาชอบจดหมายหรือกวี ถ้ารักกันจริง ๆต้องรักบทกวีด้วยสินะ ถ้าไม่ชอบกลิ่นหอมเธอก็จะพานไม่ชอบดอกไม้ทั้งโลกหรือเปล่า

บ่าวตกอยู่ในอารมณ์เมาหนึ่งเดือนกว่า ๆ  นิสัยไม่ชอบใบจากกลับม้วนดูดจนชำนาญ ทุกวันเต็มไปด้วยคำถามสับสน เช่นเดียวกับบทกวียังแต่งไม่เสร็จสักบท ทุกอย่างค้างคาเพ่นพ่านเป็นขยะถ้อยคำหาค่าอะไรไม่ได้เลย

             จู่ ๆ วันเสาร์นั้น ดนทุ่งบุหลังขับรถถึงสุเหร่าบ้านต้นประดู่ ขณะที่กำลังสอนหนังสือเด็ก ๆ เพื่อนเรียกพบข้างโรงครัว บอกข่าวดีบ่าวกับธิดามีโอกาสได้แต่งงานกันแล้ว

บ่าวยิ้มหน้าบาน สุลต่านยอมไฟเขียวให้ไปที่บ้านได้แล้ว นึกถึงวันที่ถูกสั่งห้ามเจอเด็ดขาดคิดว่าชาตินี้จะไม่มีวันได้พบอีก  คิดแล้วอดจะตื่นเต้นไม่ได้เลย

               สาเหตุใดกัน สายลมโกรธกริ้วกลับเป็นลมเสน่หาช่วงเวลาไม่นาน นอกจากสายลมรักร้องเพลงบนก้อนเมฆสีชมพูเท่านั้นแหละ

เพื่อนรักว่าเบื้องหลังข่าวดีเนื่องจากสุลต่านแอบแต่งเงียบ ๆ กับออแน แม่หม้ายพราวเสน่ห์ ไปให้วาลีอามหรือผู้ที่ได้รับแต่งตั้งพิเศษทำพิธีนิกะห์ให้เงียบ ๆ สองวันก่อนนี่เอง

เมื่อได้พบรักใหม่ทำให้ท่านสุลต่านเข้าใจรักแรกหนุ่มสาว รีบปลดล็อกให้หนุ่มคนยากเด็ดดอกฟ้าแห่งฮาเร็มห้วยยะวาทันที

ข่าวดีหนุ่มต้นประดู่ เป็นข่าวร้ายชายาเอกที่สามีเปิดตัวเมียใหม่ ทั้ง ๆ ที่เคยประกาศไม่ยอมยกธิดาให้บ่าว แต่แกกลับฉวยโอกาสเปิดตัวเมียใหม่หน้าตาเฉย

โอ้หนอ สายลมพัดให้คนมีรักทั้งหนุ่มและแก่เฒ่าได้ตื่นเต้นเสมอ ทำไมช่างเบาหวิวไม่ผิดก้อนฝ้ายเล่นลมอะไรเช่นนั้น

บ่าวนึกถึงใบหน้าสาวงามดั่งจันทร์เพ็ญแทบลืมกินข้าวกินปลา เนื้อคู่กันแล้วไม่แคล้วกันเป็นเช่นนี้เอง รีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ตั้งใจเยี่ยมยอดยาหยีให้เร็วที่สุด

             วันนั้นเขาไม่ลืมแวะซื้อแป้งน้ำสมใจนึกแทนขวดที่โดนขว้างทิ้ง หนึ่งเดือนคงใช้หมดแล้ว อยากให้เธอใช้ต่อเนื่องใบหน้าจะสวยผุดผ่อง ให้นอนฝันถึงทุกคืน ๆ  ข้างดวงจันทร์เต็มดวง

ชายหนุ่มจำสโลแกนสลากข้างขวดแป้งน้ำขึ้นใจ ใบหน้าขาวนวล เย็นกาย สบายใจ ไม่เคยลืม ยังจำทุกถ้อยคำวันที่เธอบ่นใบหน้าเป็นสิวให้ฟัง อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นเธอหัวเราะร่าเริง คิดว่าเขาพูดตลกให้ฟังกลางตลาดนัด

ชายหนุ่มจอดรถยามาฮ่าเบลล์สีเหลือง หน้าบ้านทรงปั้นหยาอายุไม่น้อยกว่าร้อยปี ครั้งหนึ่งเคยสวยงามกว่าใคร แต่เจ้าของปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรมไม่ยอมซ่อมแซม

ต้นเฟื่องฟ้าใกล้บันไดขึ้นบ้านน่าจะตัดแต่งให้ดูงามตากลับให้กิ่งก้านเรี่ยตามพื้นผิวดิน รอบบ้านมีหญ้ามาเลเซีย หญ้าเจ้าชู้รกรุงรัง สุ่มเสี่ยงสัตว์ประเภทงูอาศัยอย่างยิ่ง

ภายในคอกมีแม่วัวยืนเคี้ยวเอื้องสามตัว แม่แพะแก่กับลูกสามตัวแทะเล็มหญ้าแห้ง ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาวิ่งเล่นทุ่งนา แต่สัตว์เลี้ยงทั้งหมดยืนอยู่ในคอก ใบหน้าแห้งแล้งสิ้นหวัง

สายลมพัดจากท้องนาผ่านคอกวัว นำกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้าจมูก ให้ตายสิ กลิ่นช่างไม่น่าสูดดมเข้าจมูกเอาเสียเลย  บ่าวขึ้นบันได กลิ่นยังไล่อบอวลตามหลัง พวกเขาทนอยู่แบบนี้ได้ยังไงนะ

               วันก่อนอาจจะไม่ทันสังเกตเพราะยืนที่ปากทางเข้าบ้าน หรือกลิ่นรักหอมกว่าสิ่งใดในโลก จึงไม่มีเวลาสูดดมอะไรอีกแล้ว

ฮาเร็มเป็นเรือนไม้หลังใหญ่ปลูกท่ามกลางเงาไม้นานาพรรณ นอกจากบ้านมีสภาพเก่าคร่ำ เรื่องกลิ่นน่าจะเป็นสิ่งผิดปกติอันดับแรกที่สัมผัส มีคอกวัวตั้งอยู่หน้าบ้าน คอยส่งกลิ่นเหม็นต้อนรับแขกทุกคนที่มาเยือน

ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอเห็นว่ารังเกียจกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนนั้น เดินขึ้นเรือนไม้สองชั้นของสาวในฝันหน้าชื่นตาบาน

ทันทีที่ได้สัมผัสในบ้าน อดแปลกใจไม่ได้เลยเกือบจะทุกมุมเจอความไร้ระเบียบ สิ่งของเพ่นพ่าน โต๊ะและเก้าอี้รับแขกตั้งใกล้ครัว มุ้งสีคล้ำยังกางครอบเตียงนอน

สักวันหนึ่งจะขออาสาใหม่จัดวางใหม่ให้ดูดี จะย้ายคอกวัวอยู่หลังบ้าน ตัดแต่งกิ่งไม้ที่ขึ้นรกรุงรัง ถมดินพื้นใต้ถุนดับกลิ่นเหม็นสักที

             ป๊ะสอนลูก ๆ ความสะอาดเป็นส่วนหนึ่งของความศรัทธา คิดถึงบ้านที่ต้นประดู่มองแล้วไม่รกตา มีดอกเฟื่องฟ้า ชงโคอวดดอกสวยงาม บ่าวกับธิดามีแวดล้อมไม่เหมือนกัน

             “วันนี้อย่ารีบกลับนะ” ว่าที่แม่ยายเอ่ยขึ้น

แม่ยายนั่งเล่าวันแต่งงาน ผู้ใหญ่ทั้งสองให้แต่งแบบคลุมถุงชนที่นิยมสมัยนั้น นางนินทาความไม่เอาไหนสามีอย่างออกรส

ป๊ะเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ โต๊ะ หมานมี กับโต๊ะ ยีสันมี คำว่ามีคือสมบัติมาก สองครัวไม่มีใครเสียเปรียบ ผู้เฒ่าก็ชอบเข้าป่าล่าสัตว์เหมือน ๆ กัน

             “สมบัติมีก็ใช่ว่าได้พลอย” นางเอ่ยขึ้น

               “เป็นคนขี้เหนียว” พูดดัง ๆ

หลังจากนั้นก็ถ่มน้ำหมากปรี๊ดลงกระโถนข้าง ๆ แล้วหัวเราะลั่น ว่าที่แม่ยายเป็นโรคซึมเศร้าหรือจิตเภทอะไรหรือเปล่านะ

“ครับ” ชายหนุ่มตอบ

“รีบแต่งก็ดี แถวนี้พวกผีเยอะ” นางเอ่ย ก้มลงหยิบหมาก ใบพลูเช็ดปูนโยนใส่ปากอย่างชำนาญ

ผีหมายถึงคนที่ชอบชักใบให้เรือเสีย เวลามีคู่แต่งงาน เชื่อผีนี้มนุษย์คงสูญพันธุ์จากโลกแน่ ๆ

             นางว่ามีหนุ่มหลายราย ทั้งครู หมออนามัย ตำรวจ แต่ยังไม่ตกลงรับปากให้ใคร ให้บ่าวสบายใจได้เลย

“สินสอดสักห้าหมื่นไหวไหม”

“ได้ครับ” บ่าวเอ่ยน้ำเสียงยินดี ว่าที่แม่ยายยิ้มแก้มปริ บ่าวนึกถึงเงินทำพิธีอุมเราะห์ป๊ะต้องออกใช้ก่อน ถ้าลูกชายจะแต่งงานนั้นจำเป็นกว่าเพราะป๊ะทำฮัจญีหนึ่งครั้งแล้ว

ว่าที่แม่ยายบอกแรก ๆ เขาไม่ฟังใคร ไม่ยอมให้แต่งเด็ดขาด พอได้ยินค่าสินสอดก็ใจอ่อน เสนอขอยึดค่าสินสอดพร้อมซองร่วมทำบุญคนเดียว เมื่อไม่มีทางเลือกก็รีบตกลงทันที

แต่เจ็บปวดนั้นทั้งหมด นางว่าไม่เท่าเขาฉวยโอกาสเปิดตัวออแนเป็นเมียเลขสอง แม่หม้ายผู้เคยมีวีรกรรมบุกเมียหลวงมาแล้ว นางรู้สึกเหมือนถูกจับโยนเข้ากองไฟที่ลุกโชนก็ไม่ผิด

วันแต่งงานจัดในวันเสาร์ตามที่โต๊ะ ลีมะหญิงชราแนะนำ ชายปีมะเส็งหญิงปีหมู แต่งงานเดือนข้างขึ้นชีวิตคู่มีแต่ดีขึ้นทุกวัน ๆ

             ในวันแต่งงาน ฮาเร็มห้วยยะวา ครึกครื้นทั้งวัน สุลต่านเดินต้อนรับแขกเหรื่อ ส่วนชายาเอกหน้างอเป็นจวัก เพราะสุลต่านให้ตักแกงฝากเมียเบอร์สองที่สวนเงาะกัมปงโฉลง

               ท่านสุลต่านหวังให้ชาวบ้านยอเมียรักใคร่กันดีไม่มีปัญหา จึงเชื่อมทั้งสองด้วยแกงเนื้อวัว ไม่รู้ว่าชายาเอกถ่มน้ำหมากใส่ถุงเป็นของแถม

บ่าวชำเลืองดูพ่อตา ทั้ง ๆ ที่เป็นเงินลูกสาว ก่อนหน้านี้ก็รวบเงินสินสอดทั้งห้าหมื่นคนเดียว  วันแต่งก็เก็บซองเข้ากระเป๋าอีกหน้าตาเฉย

               ครั้นวันแต่งงานผ่านพ้น ทั้งสองไปมาบ้านที่ต้นประดู่กับห้วยยะวา ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ คนละหมู่บ้าน เพื่อปรับตัวให้เข้ากันได้

บ่าวตกในวันชื่นคืนสุข ด้วยคนรักมาเคียงคู่กาย ช่วงละหมาดขอบคุณตูฮันไม่ขาดที่เมตตาต่อโต๊ะละใบหนุ่มฐานะยากจนคนหนึ่ง

บ่าวเอาใจธิดาด้วยสลับพักค้างสองบ้านไม่เหน็ดเหนื่อย ให้ช่วงข้าวใหม่ปลามันผ่านพ้นด้วยดี เธอออกเรือนอายุยังน้อย ย่อมคิดถึงบ้านเกิดและผู้ให้กำเนิดเป็นธรรมดา

               เช้าตรู่วันนั้นอาบู ฮาซันขับรถถึงหมู่บ้านต้นประดู่ ป๊ะเดินออกต้อนรับ บ่าวตามติด ๆ  แกบอกจะมอบที่ดินพร้อมสวนเงาะให้ธิดาชิ้นแรกจำนวนห้าไร่ ราคาขายนับแสนบาททีเดียว

               มันเป็นข่าวดีที่ป๊ะกับลูกชายก็รู้สึกไม่ต่างกันที่รู้สึกมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แต่งงานไม่นานทำไมรีบมอบที่ดินทำกินเร็วถึงขนาดนั้น

               เช้านั้นพ่อตาขับรถนำให้สองคนขับตามหลังวิ่งตามเส้นทางใน เป้าหมายคือสวนเงาะริมฝั่งคลองที่มอบให้

               ช่วงนั้นเงาะอยู่ในช่วงแตกใบอ่อน ๆ ยืนต้นเรียงราย บรรยากาศยามเช้าเย็นเยือก เหมือนเดินใกล้เชิงเขาสักแห่งหนึ่ง

มองเห็นเงาดำต้นไม้เต็มบริเวณทั้งหมดเป็นสีดำ มากกว่าสีเขียวเย็นตาของหมู่ต้นเงาะและต้นไม้ที่อยู่ใกล้รั้วหนาม

               “เนื้อที่เริ่มตรงนี้” แกเอ่ยขึ้น เดินนำหน้าพาสองพ่อลูกถึงริมฝั่งคลอง

               “ปีที่แล้วสวนนี้ได้ห้าหมื่นครับ มีพ่อค้ามาเหมาเก็บทั้งหมด ฝั่งโน้นยี่สิบไร่จะปลูกยาง ผมต้องเข้าซื้อพันธุ์ยางดีจากมาเลเซีย” อาบู ฮาซันพูดฉอด ๆ

               เขาจงใจพูดคำว่าห้าหมื่นเท่าราคาสินสอดลูกสาว ลบคำครหาตกสินสอดปิดประตูหวังไม่ให้แต่งงานกันมากกว่า

               ฟังน้ำเสียงแทรกนิสัยขี้โม้โอ้อวดเรื่องเงินทองตลอดเวลา ให้ตายสิ เป็นเรื่องผิดปกติมากที่มอบที่ดินให้ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน แกแก้เก้อที่เคยขวางทางรักหรือเปล่านะ

นานแล้วสายลมเหนือกุนุงยือไรได้บันทึกเรื่องราววันวานและวันพรุ่งนี้ ทั้งที่เห็นและไร้ตัวตน ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาของมันได้เลย

มันเห็นภาพเหตุการณ์สมัยตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่เกิดกบฏหวันหมาดหลี ลุกขึ้นต่อสู้ปกป้องมาตุภูมิ นักรบผู้กล้าเสียชีวิตคนแล้วคนเล่า

สงครามหนนั้นเมืองไทรบุรีได้สูญเสียแม่ทัพคนสำคัญชื่อเชคซอมัด ปาเล็มบังนี  ศพท่านฝังอยู่ที่บ้านตรับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

ท่านเป็นทั้งนักสู้และคุรุแห่งนูซันตาราคนสำคัญผู้เขียนหนังสือ ฮิดายะตุซซาลีกิน เป็นสหายร่วมรบเชควันดาวุด อัลฟาตอนี ผู้ซึ่งได้ฝ่าวงล้อมหนีไปยังรัฐตรังกานู จากนั้นก็เดินทางต่อไป ใช้ชีวิตบั้นปลายที่ต่างประเทศ

นั่นคือกวีภาคสนามรบลูกผู้ชายบทหนึ่งที่ผู้ประพันธ์ได้ลาลับแล้ว ทิ้งถ้อยคำยังขับขานกังวานกึกก้องไปชั่วฟ้าดินดับ

สายลมกุนุงยือไรยังโบกพัดทำหน้าที่ต่อไปสม่ำเสมอ หลังจากรัฐสยามเป็นไทย ส่วนเมืองไทรบุรีเป็นเกอดะฮ์แล้ว ได้เห็นบรรพชนที่เดินเท้าทางไกลตั้งรกรากเซอตูล ร้อยปีก่อน รวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในฮาเร็มแห่งห้วยยะวา ประมุขวัน ๆ เที่ยวห้องอาหารมากกว่าที่มัสยิด ขุดดินลูกรังขายมีเงินใช้จ่ายสนุกมือเหมือนมีกระเป๋าวิเศษสะพายหลัง

วันนั้น บ่าวอาสาย้ายคอกวัวอยู่ใกล้ป่าสาคูหลังบ้าน  เก็บขยะ ถูพื้นทำความสะอาด ช่วยตัดแต่งกิ่งไม้ให้เรียบร้อย จะขอให้ดนมาช่วยอีกแรง แต่แม่ยายโบกมือห้ามทันควัน

“เอาไว้แบบนี้แหละ” แม่ยายพูดห้วนสั้น

               “อ้าว ทำไมล่ะครับ” บ่าวพูดแปลกใจ

             “ทำก็ไม่มีประโยชน์หรอก” นางพูด

บ่าวแสดงน้ำใจลูกเขยให้เห็น แทนที่แม่ยายจะดีใจกลับไม่เห็นด้วย แกจงใจให้เป็นเช่นนั้นอย่างหวังผล

วัน ๆ ตอบโต้ประสาผู้หญิง ประชดประเทียดให้บ้านรกรุงรัง ไม่ซักเสื้อผ้าให้ ใส่เสื้อผ้าเหม็นอย่างกับอีแร้ง ดูสิ ทนได้อีกนานแค่ไหน

               ตอนกลางวันยังเลี้ยงวัว ตกกลางคืนนั่งปอกมะขาม นิสัยนอนดึกตื่นสายเป็นกิจวัตร  สัตว์ในคอกพลอยเดือดร้อนไปด้วย

บ่าวไม่มีทางเข้าใจ ขนาดนางท้องแก่ใกล้วันคลอดก็ยังไม่สนใจ  ดูแลแต่ออแนที่ตั้งท้องเหมือนกันอย่างลำเอียง

นางยอมทำทุกอย่างเพื่อความหวัง แต่ก็ยังคงเป็นคนเดิมที่ขี้บ่น ขี้เกียจเป็นสันดาน นาน ๆ เข้านางเองที่ใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกวัน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!