ผู้ประพันธ์ทรงวุฒิ แสนละมูล นปก.กระเต็นเขียว
ตอนที่ 3ลำน้ำกกที่รัก และร่องรอยปริศนา
แสงตะวันสีทองสาดส่องเหนือทุ่งหญ้าเขียวขจี นายฮ้อยอินทร์ยืนตระหง่านอยู่หน้าขบวนควาย ดวงตาคมกริบสำรวจลูกน้องและฝูงสัตว์ที่กำลังพักผ่อนริมฝั่งแม่น้ำกก สายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนแห่งเชียงรายมานานนับแต่บรรพบุรุษ
"พักผ่อนให้เต็มที่เด้อหล่า" นายฮ้อยอินทร์เอ่ยเสียงนุ่มกับควายตัวใหญ่สีดำขลับที่ชื่อ "ทับทิม" มันเงยหน้ามองเจ้านายด้วยแววตาซื่อตรง ก่อนจะก้มลงแทะเล็มหญ้าอ่อนต่อ
การเดินทางสองวันที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดี ไม่มีอุปสรรคใหญ่หลวงให้ต้องกังวล ลูกน้องทุกคนต่างแข็งขัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามประสาคนร่วมทุกข์ร่วมสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะยังคงมีให้ได้ยินเป็นระยะ บรรเทาความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
หลังอาหารเช้าที่ปรุงจากปลาที่จับได้จากแม่น้ำกก นายฮ้อยอินทร์เรียกประชุมลูกน้องเป็นการ สั้นๆ
"มื้อนี้เฮาจะเดินทางเลาะเลียบแม่น้ำกกไปเรื่อยๆ ยามบ่ายค่อยหาที่พักค้างแรมกันใหม่ ระหว่างทางให้ทุกคนคอยสังเกตสิ่งผิดปกติ อย่าประมาท" นายฮ้อยอินทร์กำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ขบวนควายเริ่มเคลื่อนพลอีกครั้ง ช้าๆ เนิบๆ ตามจังหวะการก้าวเดินของสัตว์ใหญ่ สองข้างทางเต็มไปด้วยทิวทัศน์งดงามของป่าเต็งรังและทุ่งนาที่กำลังเขียวขจี เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วประสานกับเสียงกระดิ่งคล้องคอควาย เป็นท่วงทำนองแห่งการเดินทางที่คุ้นเคย
ในช่วงบ่าย ขณะที่ขบวนกำลังจะเลี้ยวเลาะไปตามโค้งน้ำ นายฮ้อยโทน ลูกน้องคนสนิทของนายฮ้อยอินทร์ก็ร้องทักขึ้น
"นายฮ้อย! นั่นมันรอยอีหยังน่ะ?"
ทุกคนหยุดชะงัก หันไปมองตามนิ้วที่นายฮ้อยโทนชี้ไป บนพื้นดินริมตลิ่งที่เพิ่งมีฝนตกลงมาเมื่อคืน ปรากฏร่องรอยเท้าขนาดใหญ่ ผิดแปลกจากรอยเท้าควายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง รอยเท้าลึกและกว้างกว่ามาก นิ้วเท้าดูยาวและมีกรงเล็บ
นายฮ้อยอินทร์ขมวดคิ้วและใช้สายตาทั้งสองดวงตาจ้องไปยังร่องรอยปริศนานั้น เขาเดินเข้าไปพิจารณาอย่างละเอียด
"บ่ใช่รอยควายเฮาแน่นอน" นายฮ้อยอินทร์พึมพำเสียงต่ำ "ใหญ่โตปานนี้... หรือว่าจะเป็นเสือ?"
"แต่รอยเสือมันบ่ได้เป็นแบบนี้นี่นายฮ้อย" จ่อย ลูกน้องอีกคนท้วง "นี่มันคล้ายๆ..." จ่อยเงียบไป ราวกับนึกอะไรบางอย่างที่ไม่อยากพูดออกมา
บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ความสงบสุขเมื่อครู่มลายหายไป นายฮ้อยอินทร์สั่งให้ลูกน้องทุกคนระมัดระวังตัวมากขึ้น พวกเขาเดินสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบร่องรอยอื่นเพิ่มเติม
"เอาล่ะ" นายฮ้อยอินทร์ตัดสินใจ "เฮาจะพักค้างแรมกันที่นี่แหละ จัดเวรยามให้ดี อย่าให้คลาดสายตา"
ค่ำคืนนั้นผ่านไปด้วยความเงียบสงัด ทุกคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้ายาม ดวงตาจับจ้องไปยังความมืดมิดรอบด้าน เสียงลมพัดหวีดหวิวผ่านใบไม้ดังคล้ายเสียงกระซิบชวนขนลุก ไม่มีใครกล้าหลับลงสนิท
รุ่งเช้า นายฮ้อยอินทร์ตัดสินใจที่จะไม่เล่าเรื่องรอยเท้าปริศนาให้ลูกน้องทุกคนฟัง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ในใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความกังวล ร่องรอยนั้นคืออะไรกันแน่? มันเข้ามาใกล้ขบวนควายของพวกเขาทำไม?
การเดินทางเลาะเลียบแม่น้ำกกยังคงดำเนินต่อไป แต่บรรยากาศกลับเปลี่ยนไป ทุกคนเงียบขรึม ระแวดระวังภัยมากขึ้น สายตาคอยสอดส่ายมองไปรอบข้าง หูคอยฟังเสียงผิดปกติ
จนกระทั่งบ่ายแก่ๆ ขณะที่ขบวนควายกำลังเดินผ่านป่าละเมาะรกทึบ นายฮ้อยคำปัน ลูกน้องที่เดินนำหน้าสุดก็ร้องเสียงหลง
"ซุ่ม! ซุ่มอยู่ทางพุ้น!"
สิ้นเสียงนายฮ้อยคำปัน เงาดำทะมึนหลายร่างก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง พวกมันส่งเสียงร้องขู่คำรามดุดัน พร้อมอาวุธครบมือ!
"โจร!" นายฮ้อยอินทร์ตวาดเสียงดัง "เตรียมตัวสู้!"
การปะทะกันอย่างดุเดือดเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว โจรป่ากลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามาหมายปล้นทรัพย์สินและควายในขบวนของนายฮ้อยอินทร์ ลูกน้องของนายฮ้อยแม้จะมีจำนวนน้อยกว่า แต่ทุกคนก็ฮึดสู้ ปกป้องทรัพย์สินและชีวิตของตนเองอย่างสุดกำลัง
นายฮ้อยอินทร์คว้าดาบประจำตัวออกมา แกว่งไกวป้องกันลูกน้องและฝูงควาย เขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ว่องไว ฟาดฟันโจรที่เข้ามาประชิดตัวอย่างไม่ยั้ง
เสียงดาบปะทะกัน เสียงร้องโอดโอยของคนเจ็บดังระงมไปทั่วป่า ควายบางตัวตกใจตื่น วิ่งแตกฝูงอลหม่าน นายฮ้อยอินทร์ต้องคอยควบคุมสถานการณ์ทั้งการต่อสู้และการดูแลฝูงควายไปพร้อมๆ กัน
ท่ามกลางความชุลมุน นายฮ้อยอินทร์สังเกตเห็นหัวหน้าโจร รูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ดวงตาดุดันเต็มไปด้วยความโลภ มันพุ่งตรงเข้ามาหานายฮ้อยอินทร์ด้วยดาบในมือ
"แกนั่นแหละ... นายฮ้อยอินทร์!" หัวหน้าโจรคำรามเสียงต่ำ "ส่งควายมาให้ข้าเสียดีๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว!"
"ฝันไปเถอะ!" นายฮ้อยอินทร์ตวาดกลับ "ชีวิตข้า... ควายของข้า... ข้าจะปกป้องจนถึงที่สุด!"
ทั้งสองปะทะดาบกันอย่างรุนแรง เสียงเหล็กกระทบกันดังก้องป่า นายฮ้อยอินทร์ใช้ความคล่องแคล่วหลบหลีกการโจมตีของหัวหน้าโจร ก่อนจะหาจังหวะฟันดาบสวนกลับไป
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างตึงเครียด ไม่มีใครยอมใคร นายฮ้อยอินทร์รู้ดีว่าหากพลาดพลั้งเพียงเสี้ยววินาที อาจหมายถึงชีวิตของเขาและลูกน้อง
ในที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งและไหวพริบ นายฮ้อยอินทร์ก็สามารถประคองตัวและหาจังหวะเหมาะ ฟันดาบเข้าใส่หัวหน้าโจรอย่างแม่นยำ ร่างของหัวหน้าโจรทรุดฮวบลงกับพื้นดิน
เมื่อเห็นหัวหน้าถูกโค่น โจรที่เหลือก็เริ่มเสียขวัญ พากันแตกกระเจิงหนีเข้าป่าไป ทิ้งไว้เพียงความเสียหายและร่องรอยการต่อสู้
นายฮ้อยอินทร์ถอนหายใจยาว มองไปยังลูกน้องที่ต่างก็มีบาดแผล แต่ทุกคนก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้
"พวกเฮาปลอดภัยแล้ว" นายฮ้อยอินทร์เอ่ยเสียงแผ่วเบา แต่แฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า
ทว่าในใจของนายฮ้อยอินทร์ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย ร่องรอยเท้าปริศนาเมื่อวานนี้... กับการโจมตีของโจรในวันนี้... มันเป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่ามันมีความเชื่อมโยงกัน?
การเดินทางจากเชียงรายสู่เมืองย่ายังอีกยาวไกล นายฮ้อยอินทร์รู้ดีว่าอุปสรรคและความท้าทายยังคงรออยู่ข้างหน้า แต่ด้วยความกล้าหาญ ความสามัคคี และความมุ่งมั่น เขาจะนำพากองทัพควายและลูกน้องไปถึงจุดหมายปลายทางให้จงได้... แม้จะต้องเผชิญกับอันตรายใดๆ ก็ตาม
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments