บทที่ 3 : ความอบอุ่นของนักรบตัวโต

(เขินแต่ไม่ถอย หนีไม่พ้นก็ต้องนอนกับผัวมันไปเลย!)

หลังจากพิธี "ขอแต่งงานด้วยการหอมแก้ม" ที่อูฮายังยืนยันว่านั่นมันแค่จังหวะลื่นล้มแต่เผ่าดันตีความผิด ทุกอย่างก็วุ่นวายยิ่งกว่าหมูวิ่งลงแม่น้ำ

ตอนนี้ชาวเผ่า "เขี้ยวดิน" ต่างเรียกอูฮาว่า “เมียแต่งของโกรัน” อย่างเป็นทางการ แล้วก็ลงความเห็นว่า... ถ้านอนแยกถ้ำแบบนี้ ท่านเทพอาจจะไม่พอใจ

“พวกข้าไม่อยากให้เทพลงโทษด้วยพายุฝนเจ็ดวันหรอกนะ!”

“ในตำนาน เมียผัวต้องนอนร่วมผืนหนังสัตว์เดียวกันก่อนพระจันทร์เต็ม!”

“ไม่งั้นลูกที่เกิดมาจะพูดช้า!”

“ลูก!?” อูฮาเกือบหงายหลังไปกับคำนี้

“เดี๋ยว! ข้าไม่มีแผนจะมีลูกกับ เอ่อ…” เขาหันไปมองโกรันที่ยืนเกาท้ายทอยแล้วจ้องเขาตาแป๋ว “...เจ้าหมายถึงข้าใช่ไหม?”

โกรันทำหน้าตายพยักหน้าแบบเรียบง่าย “เจ้าคือภรรยาข้า ข้าคือสามีเจ้า… ข้ารู้แค่นี้”

“เจ้ารู้จักคำว่าค่อยเป็นค่อยไปไหม…”

โกรันส่ายหน้า “ไม่รู้ ข้ารู้จักแค่คำว่า 'ตอนนี้' กับ 'คืนนี้'”

อูฮาเงียบไปพักหนึ่ง หน้าร้อนวูบวาบเหมือนโดนไฟเผาแม้ตอนนี้จะลมหนาวตีเข้าถ้ำ

"คืนนี้อะไรวะ... จะเอาข้าไปทำซุปหรือไง..."

⋯⋯⋯⋯⋯

ตกค่ำ ณ ถ้ำของโกรัน

อูฮาถูกกึ่งลากกึ่งจูงให้เข้ามานั่งบนหนังสัตว์ขนาดใหญ่ที่ปูอยู่กลางถ้ำ พื้นนุ่มจนยุบลงไปเล็กน้อย กลิ่นของถ้ำมีทั้งกลิ่นควันไฟอ่อน ๆ และกลิ่นตัวของโกรัน… ซึ่งอูฮาไม่อยากยอมรับว่ามันหอมแบบลึกลับพิกล

“เจ้าทำกลิ่นนี้ยังไง?” อูฮาเผลอถามขณะม้วนตัวอยู่กับหนังสัตว์

“ไม่ได้ทำ ข้าเกิดมาก็มีกลิ่นนี้เลย” โกรันยืดอกอย่างภูมิใจ

“…เหมือนเกิดมาพร้อมกลิ่นผัวเลยเหรอ…”

“หือ?”

“เปล่า!”

โกรันเดินไปนั่งข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ ก่อนยื่นถ้วยไม้ไผ่เล็ก ๆ ใส่น้ำผึ้งผสมใบอะไรบางอย่างมาให้

“นี่ช่วยให้เจ้าหลับดี ข้าฝนใบนี้เอง”

อูฮารับถ้วยมาอย่างไม่อยากยอมรับว่าใจอ่อน เขาจิบแล้วเลิกคิ้ว “มัน... หอมดีนะ ไม่เหม็นเหมือนตอนแรกเจ้าให้ข้ากินไอ้ผลไม้สีม่วงอะไรนั่น”

“เพราะข้ารู้แล้วว่าเจ้าปากแหลม ข้าจึงเลือกของหวานให้เจ้า”

“…พูดดีแฮะ”อูฮามองค้อน

โกรันเอียงคอเล็กน้อย เหมือนเด็กชายในร่างคนเถื่อน “เจ้าชอบไหม เวลาข้าทำให้แบบนี้”

อูฮาชะงัก หัวใจเต้นแปลก ๆ “ก็… ไม่แย่หรอก ข้าหมายถึง… ดีกว่ากินเห็ดดิบ ๆ คนเดียวกลางป่า…”

โกรันยิ้มมุมปาก “งั้นนอนตรงนี้เถอะ ข้าจะไม่แตะเจ้า หากเจ้าไม่อนุญาต”

“ข้าจะหนุนแขนเจ้าก็ได้ไหม…”

โกรันล้มตัวลงด้านข้าง เปิดแขนอย่างเร็วเหมือนรออยู่แล้ว อูฮามุดเข้าไปหนุนช้า ๆ

“อืม... แขนเจ้าหนักเหมือนขอนไม้ แต่นอนแล้วอุ่นแปลก ๆ”

“เพราะแขนข้าเกิดมาเพื่อให้เมียหนุนนอน”

“อีกแล้ว! หยุดเรียกเมียได้ไหม! ข้ายัง... ยังไม่พร้อม...”

โกรันเงียบไป ก่อนพูดว่า

“งั้นวันนี้เจ้าคือเพื่อนข้า ที่นอนในอ้อมแขนข้า... แล้วพรุ่งนี้ค่อยเป็นเมียข้า”

อูฮาเบิกตากว้าง “ไม่ใช่ว่าต้องรออีกหลายปีเรอะ!”

“ข้าใจร้อน” โกรันพูดพลางดึงผ้าห่มมาคลุมตัวทั้งสองคนไว้ “แต่ถ้าเจ้าบอกให้รอ ข้าจะรอ... แต่เจ้าต้องนอนกับข้าแบบนี้ทุกคืนจนกว่าจะตกลงใจ”

“ทำไมต้องทุกคืน…”

“เพราะข้าฝันดีทุกครั้งที่มีเจ้าหนุนแขน”

อูฮาเงียบไป… ใจสั่นยิ่งกว่าตอนหลงทางในป่าหรือโดนลิงขโมยผ้าเตี่ยว

เขาไม่ตอบอะไรอีก หน้าซุกแขนโกรันแน่นขึ้นเล็กน้อย… แต่ปากก็ยังบ่นเบา ๆ

“นอนนะ ข้าไม่อยากโดนเจ้าจ้องทั้งคืนหรอก…”

โกรันยิ้ม แล้วกระชับแขนเบา ๆ

คืนนี้ ในถ้ำเล็ก ๆ กลางป่า อะไรบางอย่างเริ่มเติบโตทีละนิด …ช้า ๆ แต่ชัดเจน

ยามค่ำในเผ่าเขี้ยวดินเต็มไปด้วยเสียงไฟปะทุเบา ๆ กับเสียงกบโบราณร้องระงมไปทั่วป่า

อูฮานั่งหน้ามุ่ยอยู่ริมกองไฟหน้า "ถ้ำของโกรัน" ด้วยสภาพสะพายย่าม หนังสัตว์ห่อผม และมือข้างหนึ่งถือ “หอกไม้ฝึกซ้อม” ขนาดเท่าตะเกียบ

“จะย้ายมานอนตรงนี้แน่เหรอ?” มูแซถามด้วยสีหน้าครึ่งเป็นห่วง ครึ่งกลั้นหัวเราะ

“เขา...อุตส่าห์ทำเพื่อข้านะ ข้าจะปฏิเสธก็ได้ แต่...” อูฮาทำเสียงเบา “...แต่เขาทำเตียงจากฟางให้ข้าเลยนะ มีหมอนด้วย ถึงมันจะเหม็นกลิ่นนกตายก็เถอะ”

โกรันโผล่ออกมาจากถ้ำพอดี เขาสวมผ้าหนังหมีคลุมไหล่ และในมือมีหม้อน้ำต้มหอมแดงป่ากับรากไม้ร้อน ๆ

“ข้าเอาน้ำซุปมาให้เจ้ากินก่อนนอน จะได้หลับง่าย”

“ขอบคุณ...” อูฮารับไว้พลางนั่งลงบนแผ่นหนังสัตว์ขาด ๆ ตรงหน้าถ้ำ

โกรันนั่งข้าง ๆ เขาเงียบ ไม่พูดมาก แต่คอยดันถ้วยให้ตอนอูฮาซดน้ำซุปเข้าไป และคอยไล่แมลงตัวเขียว ๆ ที่จะบินเกาะหลังคออูฮา

“เจ้าหยุดมองข้าและทำแบบนั้นได้ไหม?” อูฮาบ่นเบา ๆ

“เจ้าดูบอบบางเกินไป ข้ากลัวเจ้าจะละลาย”

“ข้าเป็นคนนะ เจ้าบื้อ ไม่ใช่น้ำแข็ง!”

โกรันหัวเราะในลำคอ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วปูฟางให้เรียบขึ้นอีกนิด ใช้มือใหญ่ ๆ เคาะหมอนฟางให้ฟู

“เจ้านอนข้างในถ้ำเถอะ ข้าจะเฝ้าหน้าถ้ำให้ ถ้ามีสัตว์ร้ายมา ข้าจะกัดมัน!”

“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ... ข้านอนในถ้ำเดียวกับเจ้า แล้วเจ้าจะนอนเฝ้านอกถ้ำ? มันควรสลับกันไหม?”

โกรันส่ายหน้า

“เจ้าคือ...เมียของข้า” เขาพูดช้า ๆ “ซึ่ง 'ของข้า 'ก็คือคนที่ข้าต้องดูแลก่อนตัวเอง”

คำพูดเรียบง่ายทำเอาอูฮาหยุดเงียบ

“…น่ารักชะมัดเลยคนบ้าบ้าเนี้ย” อูฮาพึมพำเบา ๆ แล้วล้มตัวลงบนฟางกลิ่นแปลก ๆ พลางยิ้มมุมปาก

ก่อนหลับ เขาได้ยินเสียงโกรันค่อย ๆ พูดว่า...

“ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าจนกว่าเจ้าจะยิ้มแล้วบอกว่า… เจ้าพร้อมให้ข้ากอดแน่น ๆ”

อูฮาปิดตาแน่น หัวใจเต้นตุ้บ

“ใครจะไปพูดอะไรแบบนั้นกันเล่า...เจ้าบ้าเอ๊ย!”

แต่ในใจก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า คืนนี้เขาจะฝันดี หรือแค่เขินจนแทบจะไม่ได้นอนเลยกันแน่

ฟ้าสางในเผ่า เสียงนกยุคหินร้องก๊ากเหมือนโดนเตะตื่นทุกเช้า

อูฮาค่อย ๆ ลืมตา รู้สึกถึงอะไรนุ่ม ๆ อุ่น ๆ อยู่ใต้ศีรษะเขา

"......!!!"

ศีรษะเขานอนพิงอยู่บน… “แขนของโกรัน” ที่ตอนนี้อยู่ในสภาพไม่ได้นอนเพราะกลัวอูฮาจะหนาว

“ทำไมเจ้าไม่นอนล่ะ…” อูฮาถามเสียงแหบเบา

“แขนข้าอยู่ใต้คอเจ้าทั้งคืน ข้ากลัวเจ้าจะตกใจถ้าข้าขยับ”

“ข้าไม่ใช่ลูกแมวนะ…”

“แต่เจ้าเสียงครางตอนหลับเหมือนลูกแมวเลย” โกรันพูดหน้าตาเฉย

“อะไรนะ!!?”

“ข้าชอบ...”

“อย่าพูดสิ๊!!”

โกรันยิ้มมุมปากแบบคนไม่เข้าใจความอาย แต่อูฮารู้สึกเขินเกินไปกระเทิบตัวลุกขึ้นยกหมอนขนสัตว์ขึ้น

เขาใช้หมอนตีหน้าโกรันเบา ๆ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้

“ข้าจะอยู่ถ้ำนี้...ไปอีกสักพักก็ได้” อูฮาบอกเบา ๆ ขณะจัดฟางให้ตัวเองนอนต่ออีกหน่อย

“หมายความว่า...เจ้าเป็นของข้าแล้ว?” โกรันถามขึ้นมาเงียบ ๆ

อูฮาเงียบไปก่อนตอบ…

“ยัง...แต่ข้าก็ไม่ได้อยากหนีไปไหนตอนนี้หรอกนะ”

........

หลังจากเช้าวันนั้น อูฮาก็ยังคิดไม่ตกนักว่าเขาจะอยู่ต่อจริง ๆ หรือแค่ 'ยังไม่อยากหนีตอนนี้

แต่สิ่งที่ชัดเจนขึ้น คือเขาเริ่ม “ชิน” กับเงาร่างใหญ่ข้าง ๆ มากขึ้นทุกวัน

โกรันยังคงตื่นก่อนเสมอ...เพื่อไปล้างหน้าที่ลำธารแล้วกลับมาวางลูกไม้เปรี้ยว ๆ ข้างหมอน

บางวันเขาเอากระรอกย่างมาวางไว้พร้อมหินแกะรูปเป็ดเบี้ยว ๆ ที่เขาบอกว่า “มันคือของขวัญ”

อูฮาไม่เคยขอบคุณตรง ๆ แต่อมยิ้มทุกครั้งที่เห็น

และในคืนหนึ่ง… เมื่อฤดูใบไม้ผลิคืบคลานเข้ามาช้า ๆ กลิ่นฝนจาง ๆ จากยอดเขาก็เริ่มพัดผ่านเข้าถ้ำ

อูฮานั่งนิ่งอยู่ริมแผ่นฟาง สวมผ้าคลุมไหล่จากหนังสิงโตที่โกรันไปล่ามาเฉียดตาย

ข้างหลังเขา มีร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาช้า ๆ พร้อมเสียงไม้แห้งใต้ฝ่าเท้าดังกรอบแกรบเบา ๆ

“ข้า… จะนอนตรงนี้ได้ไหม” โกรันถามเสียงทุ้ม

อูฮาหันกลับไปมอง แล้วพยักหน้าเงียบ ๆ

นั่นคือคืนแรก ที่เขาให้โกรันนอนข้าง ๆ ในถ้ำเดียวกันไม่ใช่แค่นอนเฝ้าอยู่หน้าถ้ำ

และในคืนนั้นเอง…

สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านเข้ามา ทำให้เปลวไฟในถ้ำไหวเบา ๆ ทิ้งเงาซ้อนกันของร่างสองร่างบนผนังหินหยาบ

มือใหญ่วางเบา ๆ ข้างลำตัวของอูฮา

ห่างกันเพียงความรู้สึก

แต่หัวใจ… เริ่มขยับเข้าใกล้แล้วทีละนิดเข้าสู่…

คืนหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นฝนจาง ๆ จากยอดเขาเริ่มซึมผ่านสายลมเย็นเข้ามาในถ้ำ แสงจากคบไฟริบหรี่ทอเงาอ่อนบนผนังหินหยาบ โกรันนอนตะแคง หัวพิงแขนตัวเอง ส่วนอีกแขนหนึ่งยื่นมาวางเบา ๆ ข้างลำตัวของอูฮา

“ยังไม่หลับอีกเหรอ” เสียงทุ้มถามเบา ๆ

อูฮากระพริบตาปริบ ๆ พยายามไม่มองกล้ามอกหนา ๆ ที่อยู่ใกล้แค่คืบ “มัน… หนาวอะ ข้าขยับตัวไม่ได้เลย หินนี่มันแข็งมาก”

โกรันหัวเราะในลำคออย่างทุ้ม ๆ ก่อนจะเอื้อมดึงตัวเขาเข้าไปในอ้อมแขนแบบไม่ถามความสมัครใจ

“เอ้า ขยับมาใกล้ ๆ เดี๋ยวอุ่นขึ้น”

อูฮาตาโต “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ๆ อย่าลากแบบนั้น! ข้ายังไม่พร้อม”

“พร้อมอะไร? ข้าแค่กอด” โกรันทำหน้าซื่อตาใสแบบโบราณสุดขีด แต่อูฮารู้ทัน! นี่มันกอดแบบไหนล่ะ แขนแข็งแรงแบบนี้ ร่างกายร้อนขนาดนี้…

“เจ้าคิดอะไรอยู่เนี่ย!”

“คิดว่าเจ้าตัวอุ่นดี” โกรันยิ้มกว้าง

อูฮาหลุดขำอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังหน้าแดงแบบสุดๆ พอเขาไม่ได้ดิ้นหนีต่อ โกรันก็ถือโอกาสเลื่อนมือมาลูบไหล่เขาเบา ๆ

“ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า... แค่รู้สึกว่าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้าชอบเจ้านะ”

อูฮานิ่งไปครู่ใหญ่ เขากัดริมฝีปาก กลั้นยิ้ม แล้วเอาหน้าซุกกับอกอุ่น ๆ ของโกรัน

“ข้าก็...ไม่ได้ไม่ชอบเจ้าหรอก” เขากระซิบเบา ๆ

คืนนั้น อูฮารู้สึกถึงจังหวะการหายใจของคนตัวใหญ่ที่ชิดกันแน่น กลิ่นเนื้อไม้แห้งที่เผาไฟผสมกับกลิ่นหนังสัตว์ กลิ่นเหงื่อจาง ๆ ของโกรัน กลายเป็นกลิ่นที่...ทำให้หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ

มือหนาค่อย ๆ ลูบผ่านท่อนแขนของเขาลงมาอย่างระมัดระวัง ทุกการสัมผัสนั้นอบอุ่น ไม่เร่งเร้า แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ

“ข้าจะทำให้เจ้าสบายใจ... ได้ไหม?” โกรันกระซิบ มือหยุดอยู่ที่สะโพกผายของอูฮา

“ก็… ลองดูสิ ถ้าเจ้าทำข้าจั๊กจี้อีก ข้าจะเตะจริง ๆ” อูฮายิ้มแบบเขิน ๆ ก่อนจะหลับตาปี๋

โกรันหัวเราะเบา ๆ แล้วเริ่มจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของเขา เลื่อนไปที่สันจมูก และปลายคาง ลมหายใจของทั้งคู่ประสานกันอยู่ในความเงียบของถ้ำ

มือของโกรันค่อย ๆ ลูบไล้ร่างของอูฮา ไล่จากแผ่นหลังเรียวไปจนถึงเอวเล็กที่เริ่มสั่นเบา ๆ ผิวของอูฮาเรียบเนียนแต่เริ่มร้อนระอุขึ้นชัดเจน เขารู้สึกได้ถึงแรงเต้นในหน้าอกตัวเอง มือใหญ่สอดเข้ากระหวัดจากด้านหลัง ดึงตัวให้แผ่นอกแนบชิดกับแผ่นหลังของตน

“เจ้าใจเต้นแรงนะ…”

“ก็เจ้าทำน่ะสิ… มะ ไม่ใช่ข้าเริ่มก่อนนะ”

โกรันไม่ได้ตอบ แต่เริ่มขบเบา ๆ ที่ติ่งหูของอูฮา จนอูฮาต้องกอดอกตัวเองแน่น ขยับตัวหนีอย่างเขิน ๆ

“มันรู้สึกแปลก ๆ…”

“แปลกแต่ดีไหม?”

“…อือ”

เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่โกรันได้ยินชัดทุกคำ เขาค่อย ๆ ขยับตัวให้นอนตะแคงซ้อนหลัง แล้วเอื้อมมือข้างหนึ่งลูบหน้าท้องเรียบเนียนของอูฮาเบา ๆ

“ตรงนี้… วันหนึ่งจะมีลูกของเราอยู่ตรงนี้”

อูฮาหันขวับ “พูดอะไรบ้า ๆ! ใครจะมีลูกกับเจ้าเล่า!”

“เจ้าต่างหากที่บอกว่าฝันเห็นตัวเองอุ้มท้อง”

“…โอ๊ย อย่าพูดแล้ว ข้าอาย!”

รอยยิ้มอบอุ่นของโกรันไม่หายไป เขาค่อย ๆ เลื่อนริมฝีปากลงจูบที่ต้นคอขาว ไล่ลงมายังบ่า ลมหายใจอุ่นปะทะกับผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ ร่างบางเริ่มหายใจติดขัด ขาเรียวขยับหนีแต่กลับโดนมือใหญ่อีกข้างตรึงไว้อย่างแนบแน่น

“อูฮา… เจ้าไม่ต้องทำอะไรเลย แค่อยู่เฉย ๆ ข้าจะดูแลเจ้าเอง”

โกรันใช้ปลายนิ้วมือหยอกล้อไล้ไปตามเส้นกล้ามเนื้อแผ่นหลังบาง ๆ ของอูฮา ผิวเนียนนุ่มที่ไม่คุ้นกับความรุนแรงทำให้เขารู้สึกอยากทะนุถนอมมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เจ้ารู้ไหม... ผิวเจ้าราวกับเปลือกผลไม้ที่ยังไม่สุกดี แต่ข้ากลับอยากลิ้มรสมันซ้ำ ๆ” โกรันพูดติดตลก พลางรอยยิ้มมุมปากเผยให้เห็นฟันขาว ๆ

อูฮาเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเขิน ๆ “เจ้าอย่าพูดบ้า ๆ แบบนั้น ข้าจะหัวเราะไม่หยุด!” เขาวิ่งมือมาปิดปากตัวเอง พลางกลั้นเสียงหัวเราะนุ่มนวล

แต่โกรันไม่ปล่อยโอกาสง่าย ๆ เขาเลื่อนใบหน้าลงมาจูบซอกคอขาวซีดของอูฮาเบา ๆ ปลุกความรู้สึกอบอุ่นและความหวั่นไหวขึ้นทีละน้อย

“เจ้าหายใจแรงแบบนี้... ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าหายใจไม่ออก” โกรันกระซิบใกล้ใบหูอูฮา พร้อมดึงผ้าขนสัตว์หยาบ ๆ ที่คลุมอูฮาลงเล็กน้อย

อูฮารู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่สัมผัสผิวเขาอย่างอ่อนโยน มือบางลูบที่แขนโกรันอย่างลังเล พลางพึมพำเสียงสั่น

“ถ้าเจ้าจะทำแบบนี้... ข้าจะไม่รับผิดชอบนะ ถ้าข้าทำอะไรแปลก ๆ”

โกรันหัวเราะเบา ๆ แล้วกดจูบลงบนริมฝีปากบาง ๆ อย่างทะนุถนอม อูฮาตอบรับอย่างช้า ๆ ราวกับกำลังเรียนรู้การสัมผัสนั้นครั้งแรก มือของเขาพยายามจับต้องเนื้อหนังร่างใหญ่แต่ก็ยังไม่กล้าลุยมากนัก

ร่างกายของอูฮาค่อย ๆ ตอบสนองต่อสัมผัส ความอบอุ่นเริ่มไหลเวียนผ่านทุกอณูผิวหนัง ความรู้สึกเขินอายผสมผสานกับความอยากสัมผัสกลายเป็นพลังที่ทำให้เขาลืมความกลัวไปชั่วขณะ

โกรันเลื่อนมือขึ้นไปลูบไหล่ ลากลงมาถึงต้นแขนแข็งแรง ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจับเส้นผมดำหยักศกของอูฮาแล้วดึงเบา ๆ อย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความปรารถนา

“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ทำอะไรเกินกว่าที่เจ้าต้องการ” เขากระซิบแล้วจูบลงบนหน้าผากอูฮาอีกครั้ง

อูฮายิ้มหวาน แม้ใบหน้ายังแดงระเรื่อแต่ก็เริ่มรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นที่มีโกรันอยู่เคียงข้าง

จากนั้นโกรันค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมขนสัตว์ที่กั้นกลางร่างทั้งคู่ เปิดเผยผิวกายเปลือยเปล่าที่โถงถ้ำเย็นเยียบ ในแสงคบไฟ ร่างใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหยาบกร้านแต่ก็มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ อูฮาก้าวออกจากผ้าคลุมอย่างช้า ๆ สัมผัสผิวเนื้อหยาบกระด้างของโกรันด้วยมือที่ยังสั่นเล็กน้อย

โกรันจับมืออูฮาไว้แน่นก่อนจะจูบที่ฝ่ามือเล็ก ๆ นั้นอย่างนุ่มนวล

“ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ… ข้าจะทำให้หมด” โกรันพูดเสียงทุ้มลึก ขณะที่มืออีกข้างเลื่อนไปตามแผ่นหลังบาง ๆ ของอูฮาอย่างทะนุถนอม

ดำเนินต่อด้วยสัมผัสที่ค่อยเป็นค่อยไป มือของโกรันสำรวจและลูบไล้แต่ละส่วนของร่างอูฮาอย่างช้า ๆ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความเคารพและความรัก ขณะที่อูฮาเริ่มรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น

เสียงหัวใจสองดวงเต้นสอดประสาน ความอบอุ่นจากร่างกายของกันและกันทำให้ความเย็นของถ้ำเลือนหายไป กลายเป็นคืนที่เต็มไปด้วยความหวานละมุนและความรักในยุคหินแบบไม่ต้องพูดมาก

แสงไฟจากกองคบเพลิงสาดส่องเป็นจังหวะบนผิวหนังเปลือยเปล่าของทั้งคู่ โกรันที่ร่างสูงใหญ่และแข็งแรงตั้งแต่หัวจรดเท้า ผิวสีแทนไหม้แดด ตะปุ่มตะป่ำของกล้ามเนื้อเรียงรายชัดเจนเป็นระเบียบ สายตาเข้มข้นจับจ้องไปยังอูฮาอย่างทะนุถนอม

อูฮาซึ่งร่างเล็กกว่าหลายเท่า แต่กลับมีความนุ่มนวลและความยืดหยุ่นในทุกสัดส่วน ผิวเนียนละเอียดดั่งกำมะหยี่ ผอมบางแต่มีเสน่ห์ในแบบเฉพาะตัว ริมฝีปากบางสีชมพูอมแดงขยับขบกัดอย่างเขินอายเมื่อโกรันค่อย ๆ ปลดผ้าคลุมขนสัตว์ออกเผยผิวขาวเนียนที่เปล่งประกายระยิบในแสงไฟ

“เจ้าจะเย็นไปไหม?” โกรันถามเสียงทุ้ม ขณะที่มือใหญ่ไล้ลงไปตามแผ่นหลังแกร่งของอูฮาอย่างอ่อนโยน

อูฮาเบิกตากว้าง “เย็น? ข้า... ข้าไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะใจเต้นแรงมาก!”

โกรันหัวเราะในลำคอแล้วโน้มตัวลงมาแนบชิด ริมฝีปากอุ่น ๆ ประทับลงบนซอกคอที่ขาวซีดของอูฮาอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกที่แผ่ซ่านตามเส้นประสาททั้งตัวทำให้อูฮาสั่นสะท้านจนต้องขยับตัวหนีออกเล็กน้อย

“อย่าหนี ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า” โกรันพูดพลางกอดเขาแน่นกว่าเดิม

เสียงลมหายใจของทั้งคู่สลับกันราวกับดนตรีบรรเลงเบา ๆ ในถ้ำที่เงียบสงัด แม้จะอยู่ในยุคหินที่ไม่มีคำพูดหวาน ๆ ซับซ้อน แต่การสัมผัสและสายตาที่โกรันมอบให้อูฮานั้นแทนความรักได้ดีกว่าคำพูดใด ๆ

ระหว่างที่โกรันลูบไล้แผ่นหลังของอูฮา มือใหญ่นั้นบังเอิญไปโดนก้อนหินยาวๆ แข็งๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าขนสัตว์ อูฮารีบขยับตัวหลบแล้วบ่นเสียงเบา ๆ

“ข้าไม่ใช่ลูกหินนะ อย่าเอาหินอันใหญ่มาถูหลังข้า!”

โกรันหัวเราะจนหน้าแดง “ข้าก็คิดว่าเจ้าแข็งเหมือนหินหินที่กำลังกลิ้งพอแตะปุ๊บเจ้ารีบหนีปั๊บ!”

ต่อจากนี้โกรันค่อย ๆ เลื่อนมือจากแผ่นหลังลงมาตามเอวเล็ก ๆ ของอูฮา ช้า ๆ และระมัดระวังทุกการสัมผัสเพื่อให้เขารู้สึกปลอดภัย มือหนาสัมผัสผิวเนื้อที่เรียบเนียนนุ่มละมุน ปลายนิ้วมือสัมผัสเส้นเอ็นกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่กระตุ้นให้อูฮาหัวใจเต้นแรงขึ้น

โกรันโน้มตัวลงมาอีกครั้ง ริมฝีปากเริ่มจูบไล่ตั้งแต่ซอกคอ ไล่ขึ้นมาที่กราม และถึงแม้จะไม่มีแสงไฟมากพอจะเห็นอย่างชัดเจน แต่สายตาของทั้งคู่ยังคงประสานกันแนบแน่น

“เจ้ารู้ไหม... ทุกครั้งที่ข้าสัมผัสเจ้า หัวใจข้าจะเต้นแรงขึ้นเหมือนกัน” โกรันกระซิบ

ร่างของอูฮาถูกโอบไว้ในอ้อมแขนของโกรันอย่างแนบแน่น ราวกับนักรบหนุ่มผู้นี้จะปกป้องเขาจากทุกสิ่ง มือหยาบกร้านของโกรันเลื่อนไล้จากช่วงเอว ลูบผ่านสะโพกที่โค้งมนราวกับสลักมาจากหินล้ำค่า

ผิวของอูฮาเนียนละเอียดราวกับกลีบดอกไม้ในฤดูผลิบาน โกรันค่อย ๆ ลูบวนรอบส่วนนั้นอย่างนุ่มนวล ปลายนิ้วเรียวยาวสัมผัสผิวเนื้อที่กำลังสั่นไหว

อูฮากัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่น มือบางขยุ้มกล้ามอกของโกรันไว้แน่น ใบหูแดงระเรื่อ ลมหายใจเริ่มถี่และร้อนรุ่ม

“เจ้า... จับตรงนั้นแล้วข้าจะกลายเป็นปลาวาฬติดทรายไหม” อูฮาพูดเสียงสั่น แล้วหลุดหัวเราะคิก

โกรันเลิกคิ้ว “ปลาวาฬติดทรายคืออะไร?”

“ก็... เอาเถอะ ข้าแค่รู้สึกตัวเองเหมือนสัตว์ติดกับดัก” เขาหัวเราะตัวสั่นจนไหล่กระตุก

โกรันหัวเราะเบา ๆ แล้วจูบซอกคออูฮาแรงขึ้นกว่าเดิม “ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกเหมือนถูกจับโดยนักล่า ไม่ใช่กับดัก”

แล้วเขาก็โน้มตัวลง ริมฝีปากหนานุ่มของโกรันลากไล้ลงตามลำคอ ไปจนถึงยอดอกของอูฮา ดูดเม้มเบา ๆ สลับซ้ายขวา ขณะที่มือยังลูบไล้สะโพกและข้างต้นขาด้านในที่เริ่มสั่นระริก

เสียงครางแผ่ว ๆ หลุดจากปากอูฮาโดยไม่รู้ตัว ร่างกายบิดเล็กน้อยขณะรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ปลายลิ้นของโกรันแตะสัมผัสยอดอกนุ่ม ๆ อย่างแผ่วเบา และไม่หยุดเคลื่อนไหว

กล้ามอกของโกรันแน่นแข็ง ราวกับรูปสลักที่ผ่านสงคราม เขาเต็มไปด้วยรอยแผลจาง ๆ จากการต่อสู้ แต่อูฮากลับมองมันราวกับตราแห่งความแข็งแกร่ง ส่วนอูฮานั้น ร่างกายดูเล็กบางแต่กลับมีส่วนเว้าโค้งละมุนที่ชวนสัมผัส

หน้าท้องของเขาเรียบแบนแต่มีความยืดหยุ่น พวงสะโพกกลมกลึงรับกับต้นขาที่นุ่มแน่น โกรันชื่นชอบที่จะลูบไล้จุดนั้นอยู่เรื่อย ๆ เพราะมัน “เด้งสู้มือ” แบบที่เขาพูด

“สะโพกเจ้ามัน… เหมือนหนังสัตว์ที่ยัดด้วยขนนุ่ม ๆ เลย ข้าชอบมาก”

“หยุดเปรียบข้าเป็นของใช้เถอะ ข้ากำลังจะขำจนหมดอารมณ์แล้ว!” อูฮาทุบอกเขาเบา ๆ

แล้วโกรันก็ค่อย ๆ ไล้มือไปที่ต้นขาด้านใน ลากปลายนิ้วช้า ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนสัมผัสกับปากทางอุ่นร้อนที่กำลังบีบรัดเล็กน้อยเพราะความประหม่า

“ตรงนี้… เจ้ายอมให้ข้าไหม?”

อูฮาเม้มปากแน่น ก้มหน้าแนบกับอกเขา “ข้ายอมแล้ว… แต่ข้ากลัวมันจะเจ็บ”

โกรันจูบหน้าผากอูฮา “ข้าจะไม่ทำให้เจ้าบาดเจ็บ ข้าจะค่อย ๆ เข้าไป”

โกรันค่อย ๆ เลื่อนนิ้วสัมผัสรอยแยบเล็ก ๆ นั้น ปลายนิ้วหยาบกร้านไล้เบา ๆ ไปมาจนร่างของอูฮาเกร็งเล็กน้อย สัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความทะนุถนอมมากพอที่จะไม่ทำให้เจ็บ แต่ก็เร้าอารมณ์จนร่างกายร้อนวูบ

เสียงน้ำจากแหล่งน้ำในถ้ำไหลเบา ๆ คล้ายกล่อมจังหวะเร่าร้อนนั้นให้เนิบนาบแต่หนักแน่น โกรันค่อย ๆ สอดปลายนิ้วเข้าไปทีละน้อย แผ่วเบาแต่ลึกซึ้ง

“อืม… มันรู้สึก… แปลก ๆ” อูฮากระซิบพลางซุกหน้า

“เจ้าจะรู้สึกดีกว่านี้… เมื่อเจ้าปล่อยใจให้ข้า”

เสียงลมหายใจของทั้งสองสอดประสานกันในความเงียบของถ้ำ โกรันประคองใบหน้าของอูฮาไว้เบา ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย

“พร้อมหรือยัง?”

อูฮาหลับตาลงพยักหน้าเบา ๆ แก้มแดงระเรื่อ ราวกับดอกผลในป่าแรกแย้ม

โกรันเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน ร่างกายของทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้นในทุกวินาที ความรู้สึกอุ่นร้อนระหว่างผิวหนังที่สัมผัสกันเปรียบเสมือนผ้าคลุมหนานุ่มในคืนหนาวเหน็บ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากนั้น มีเพียงเสียงลมหายใจ และเสียงหัวใจที่เต้นแรงประสานกัน

มือของโกรันลูบแผ่นหลังของอูฮาไปเรื่อย ๆ ด้วยจังหวะช้า ๆ จนเหมือนกล่อมให้เจ้าตัวเล็กผ่อนคลายลงได้ ร่างของอูฮาเกร็งเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอุ่นใจ

“ข้า… ไม่เจ็บแล้ว” เสียงของอูฮาแผ่วเบาราวกับเสียงลมกระซิบผ่านกิ่งไม้

โกรันขยับตัวเบา ๆ เหมือนคลื่นซัดชายฝั่ง ช้า สม่ำเสมอ ไม่รุนแรง แต่กลับทำให้ใจเต้นแรงอย่างประหลาด อูฮาซบหน้าลงกับไหล่กว้างของโกรัน กลิ่นกายของนักรบและกลิ่นเผาไม้จากกองไฟคละคลุ้งอยู่ในอากาศ

“เจ้ารู้ไหม” อูฮาพูดเบา ๆ เสียงสั่น “กล้ามอกของเจ้ากระเด้งใส่หน้าข้าทุกครั้งที่เจ้าขยับ ข้าจะสำลักอยู่แล้ว…”

โกรันหลุดหัวเราะในลำคอ พร้อมจูบหน้าผากเขาเบา ๆ “เจ้านี่มัน… แม้ในเวลานี้ก็ยังทำให้ข้าหัวเราะได้”

พวกเขายังคงเคลื่อนไหวช้า ๆ ไม่เร่งเร้า ร่างกายแนบสนิทจนรู้สึกถึงทุกแรงสั่นของกันและกัน มือของโกรันลูบผมนิ่มของอูฮาไปเรื่อย ๆ เหมือนจะกล่อมให้เขาฝันดี ทั้งที่ความฝันนี้กำลังเกิดขึ้นจริงในค่ำคืนนี้

ความสัมพันธ์ที่เริ่มจาก “ตีหัวลากเข้าถ้ำ” เปลี่ยนเป็นความใกล้ชิดที่อบอุ่น เป็นการยอมรับกันโดยสมัครใจ เป็นเสียงหัวเราะระหว่างจังหวะอ่อนไหว เป็นความรักที่เบ่งบานกลางความป่าเถื่อนของยุคหิน

เสียงหัวใจของทั้งสองดังประสานกันไปจนถึงจุดที่ความเร่าร้อนค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนที่อิ่มเต็ม… พวกเขาไม่ได้ถึงจุดหมายเพียงเพราะร่างกาย หากแต่เป็นใจที่หลอมรวมกัน

เมื่อทุกอย่างจบลง อูฮานอนพิงอกของโกรัน ห่มผ้าหนังสัตว์ด้วยกัน ใบหน้าซุกอยู่ใต้คางของชายร่างโต

“เจ้ารู้ไหม” โกรันพูดเบา ๆ “ข้ารู้สึกเหมือนเจ้าไม่ใช่แค่คนที่ข้ารัก... แต่เป็นบ้านของข้า”

อูฮายิ้มบาง ๆ ก่อนจะพึมพำกลับ

“บ้านของเจ้าต้องมีขนหนาแน่นและเด้งสู้มือมากแน่เลย”

เสียงหัวเราะของทั้งคู่กลบทุกความเหน็บหนาวของค่ำคืนนั้น... และในถ้ำกลางป่าที่ไร้ผู้คน ก็เหลือเพียงสองหัวใจที่เต้นเคียงกันอย่างสงบ

โปรดติดตามตอนต่อไป

เชิงอรรถ

^ในบริบทนี้หมายถึงการบด เช่น บดยา

^กิริยานี้หมายถึง 'เหล่ตามอง'

^คล้ายกับการเปรียบตัวเองว่า ใหญ่เทอะทะ อึดอัด เคลื่อนไหวไม่ได้ ติดขัดอยู่กับที่ เหมือน ปลาวาฬที่มาเกยตื้นบนหาดทราย ซึ่งเป็นภาพที่ทั้งน่าสงสารและตลก

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!