(เขินแต่ไม่ถอย หนีไม่พ้นก็ต้องนอนกับผัวมันไปเลย!)
หลังจากพิธี "ขอแต่งงานด้วยการหอมแก้ม" ที่อูฮายังยืนยันว่านั่นมันแค่จังหวะลื่นล้มแต่เผ่าดันตีความผิด ทุกอย่างก็วุ่นวายยิ่งกว่าหมูวิ่งลงแม่น้ำ
ตอนนี้ชาวเผ่า "เขี้ยวดิน" ต่างเรียกอูฮาว่า “เมียแต่งของโกรัน” อย่างเป็นทางการ แล้วก็ลงความเห็นว่า... ถ้านอนแยกถ้ำแบบนี้ ท่านเทพอาจจะไม่พอใจ
“พวกข้าไม่อยากให้เทพลงโทษด้วยพายุฝนเจ็ดวันหรอกนะ!”
“ในตำนาน เมียผัวต้องนอนร่วมผืนหนังสัตว์เดียวกันก่อนพระจันทร์เต็ม!”
“ไม่งั้นลูกที่เกิดมาจะพูดช้า!”
“ลูก!?” อูฮาเกือบหงายหลังไปกับคำนี้
“เดี๋ยว! ข้าไม่มีแผนจะมีลูกกับ เอ่อ…” เขาหันไปมองโกรันที่ยืนเกาท้ายทอยแล้วจ้องเขาตาแป๋ว “...เจ้าหมายถึงข้าใช่ไหม?”
โกรันทำหน้าตายพยักหน้าแบบเรียบง่าย “เจ้าคือภรรยาข้า ข้าคือสามีเจ้า… ข้ารู้แค่นี้”
“เจ้ารู้จักคำว่าค่อยเป็นค่อยไปไหม…”
โกรันส่ายหน้า “ไม่รู้ ข้ารู้จักแค่คำว่า 'ตอนนี้' กับ 'คืนนี้'”
อูฮาเงียบไปพักหนึ่ง หน้าร้อนวูบวาบเหมือนโดนไฟเผาแม้ตอนนี้จะลมหนาวตีเข้าถ้ำ
"คืนนี้อะไรวะ... จะเอาข้าไปทำซุปหรือไง..."
⋯⋯⋯⋯⋯
ตกค่ำ ณ ถ้ำของโกรัน
อูฮาถูกกึ่งลากกึ่งจูงให้เข้ามานั่งบนหนังสัตว์ขนาดใหญ่ที่ปูอยู่กลางถ้ำ พื้นนุ่มจนยุบลงไปเล็กน้อย กลิ่นของถ้ำมีทั้งกลิ่นควันไฟอ่อน ๆ และกลิ่นตัวของโกรัน… ซึ่งอูฮาไม่อยากยอมรับว่ามันหอมแบบลึกลับพิกล
“เจ้าทำกลิ่นนี้ยังไง?” อูฮาเผลอถามขณะม้วนตัวอยู่กับหนังสัตว์
“ไม่ได้ทำ ข้าเกิดมาก็มีกลิ่นนี้เลย” โกรันยืดอกอย่างภูมิใจ
“…เหมือนเกิดมาพร้อมกลิ่นผัวเลยเหรอ…”
“หือ?”
“เปล่า!”
โกรันเดินไปนั่งข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ ก่อนยื่นถ้วยไม้ไผ่เล็ก ๆ ใส่น้ำผึ้งผสมใบอะไรบางอย่างมาให้
“นี่ช่วยให้เจ้าหลับดี ข้าฝนใบนี้เอง”
อูฮารับถ้วยมาอย่างไม่อยากยอมรับว่าใจอ่อน เขาจิบแล้วเลิกคิ้ว “มัน... หอมดีนะ ไม่เหม็นเหมือนตอนแรกเจ้าให้ข้ากินไอ้ผลไม้สีม่วงอะไรนั่น”
“เพราะข้ารู้แล้วว่าเจ้าปากแหลม ข้าจึงเลือกของหวานให้เจ้า”
“…พูดดีแฮะ”อูฮามองค้อน
โกรันเอียงคอเล็กน้อย เหมือนเด็กชายในร่างคนเถื่อน “เจ้าชอบไหม เวลาข้าทำให้แบบนี้”
อูฮาชะงัก หัวใจเต้นแปลก ๆ “ก็… ไม่แย่หรอก ข้าหมายถึง… ดีกว่ากินเห็ดดิบ ๆ คนเดียวกลางป่า…”
โกรันยิ้มมุมปาก “งั้นนอนตรงนี้เถอะ ข้าจะไม่แตะเจ้า หากเจ้าไม่อนุญาต”
“ข้าจะหนุนแขนเจ้าก็ได้ไหม…”
โกรันล้มตัวลงด้านข้าง เปิดแขนอย่างเร็วเหมือนรออยู่แล้ว อูฮามุดเข้าไปหนุนช้า ๆ
“อืม... แขนเจ้าหนักเหมือนขอนไม้ แต่นอนแล้วอุ่นแปลก ๆ”
“เพราะแขนข้าเกิดมาเพื่อให้เมียหนุนนอน”
“อีกแล้ว! หยุดเรียกเมียได้ไหม! ข้ายัง... ยังไม่พร้อม...”
โกรันเงียบไป ก่อนพูดว่า
“งั้นวันนี้เจ้าคือเพื่อนข้า ที่นอนในอ้อมแขนข้า... แล้วพรุ่งนี้ค่อยเป็นเมียข้า”
อูฮาเบิกตากว้าง “ไม่ใช่ว่าต้องรออีกหลายปีเรอะ!”
“ข้าใจร้อน” โกรันพูดพลางดึงผ้าห่มมาคลุมตัวทั้งสองคนไว้ “แต่ถ้าเจ้าบอกให้รอ ข้าจะรอ... แต่เจ้าต้องนอนกับข้าแบบนี้ทุกคืนจนกว่าจะตกลงใจ”
“ทำไมต้องทุกคืน…”
“เพราะข้าฝันดีทุกครั้งที่มีเจ้าหนุนแขน”
อูฮาเงียบไป… ใจสั่นยิ่งกว่าตอนหลงทางในป่าหรือโดนลิงขโมยผ้าเตี่ยว
เขาไม่ตอบอะไรอีก หน้าซุกแขนโกรันแน่นขึ้นเล็กน้อย… แต่ปากก็ยังบ่นเบา ๆ
“นอนนะ ข้าไม่อยากโดนเจ้าจ้องทั้งคืนหรอก…”
โกรันยิ้ม แล้วกระชับแขนเบา ๆ
คืนนี้ ในถ้ำเล็ก ๆ กลางป่า อะไรบางอย่างเริ่มเติบโตทีละนิด …ช้า ๆ แต่ชัดเจน
ยามค่ำในเผ่าเขี้ยวดินเต็มไปด้วยเสียงไฟปะทุเบา ๆ กับเสียงกบโบราณร้องระงมไปทั่วป่า
อูฮานั่งหน้ามุ่ยอยู่ริมกองไฟหน้า "ถ้ำของโกรัน" ด้วยสภาพสะพายย่าม หนังสัตว์ห่อผม และมือข้างหนึ่งถือ “หอกไม้ฝึกซ้อม” ขนาดเท่าตะเกียบ
“จะย้ายมานอนตรงนี้แน่เหรอ?” มูแซถามด้วยสีหน้าครึ่งเป็นห่วง ครึ่งกลั้นหัวเราะ
“เขา...อุตส่าห์ทำเพื่อข้านะ ข้าจะปฏิเสธก็ได้ แต่...” อูฮาทำเสียงเบา “...แต่เขาทำเตียงจากฟางให้ข้าเลยนะ มีหมอนด้วย ถึงมันจะเหม็นกลิ่นนกตายก็เถอะ”
โกรันโผล่ออกมาจากถ้ำพอดี เขาสวมผ้าหนังหมีคลุมไหล่ และในมือมีหม้อน้ำต้มหอมแดงป่ากับรากไม้ร้อน ๆ
“ข้าเอาน้ำซุปมาให้เจ้ากินก่อนนอน จะได้หลับง่าย”
“ขอบคุณ...” อูฮารับไว้พลางนั่งลงบนแผ่นหนังสัตว์ขาด ๆ ตรงหน้าถ้ำ
โกรันนั่งข้าง ๆ เขาเงียบ ไม่พูดมาก แต่คอยดันถ้วยให้ตอนอูฮาซดน้ำซุปเข้าไป และคอยไล่แมลงตัวเขียว ๆ ที่จะบินเกาะหลังคออูฮา
“เจ้าหยุดมองข้าและทำแบบนั้นได้ไหม?” อูฮาบ่นเบา ๆ
“เจ้าดูบอบบางเกินไป ข้ากลัวเจ้าจะละลาย”
“ข้าเป็นคนนะ เจ้าบื้อ ไม่ใช่น้ำแข็ง!”
โกรันหัวเราะในลำคอ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วปูฟางให้เรียบขึ้นอีกนิด ใช้มือใหญ่ ๆ เคาะหมอนฟางให้ฟู
“เจ้านอนข้างในถ้ำเถอะ ข้าจะเฝ้าหน้าถ้ำให้ ถ้ามีสัตว์ร้ายมา ข้าจะกัดมัน!”
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ... ข้านอนในถ้ำเดียวกับเจ้า แล้วเจ้าจะนอนเฝ้านอกถ้ำ? มันควรสลับกันไหม?”
โกรันส่ายหน้า
“เจ้าคือ...เมียของข้า” เขาพูดช้า ๆ “ซึ่ง 'ของข้า 'ก็คือคนที่ข้าต้องดูแลก่อนตัวเอง”
คำพูดเรียบง่ายทำเอาอูฮาหยุดเงียบ
“…น่ารักชะมัดเลยคนบ้าบ้าเนี้ย” อูฮาพึมพำเบา ๆ แล้วล้มตัวลงบนฟางกลิ่นแปลก ๆ พลางยิ้มมุมปาก
ก่อนหลับ เขาได้ยินเสียงโกรันค่อย ๆ พูดว่า...
“ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าจนกว่าเจ้าจะยิ้มแล้วบอกว่า… เจ้าพร้อมให้ข้ากอดแน่น ๆ”
อูฮาปิดตาแน่น หัวใจเต้นตุ้บ
“ใครจะไปพูดอะไรแบบนั้นกันเล่า...เจ้าบ้าเอ๊ย!”
แต่ในใจก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า คืนนี้เขาจะฝันดี หรือแค่เขินจนแทบจะไม่ได้นอนเลยกันแน่
ฟ้าสางในเผ่า เสียงนกยุคหินร้องก๊ากเหมือนโดนเตะตื่นทุกเช้า
อูฮาค่อย ๆ ลืมตา รู้สึกถึงอะไรนุ่ม ๆ อุ่น ๆ อยู่ใต้ศีรษะเขา
"......!!!"
ศีรษะเขานอนพิงอยู่บน… “แขนของโกรัน” ที่ตอนนี้อยู่ในสภาพไม่ได้นอนเพราะกลัวอูฮาจะหนาว
“ทำไมเจ้าไม่นอนล่ะ…” อูฮาถามเสียงแหบเบา
“แขนข้าอยู่ใต้คอเจ้าทั้งคืน ข้ากลัวเจ้าจะตกใจถ้าข้าขยับ”
“ข้าไม่ใช่ลูกแมวนะ…”
“แต่เจ้าเสียงครางตอนหลับเหมือนลูกแมวเลย” โกรันพูดหน้าตาเฉย
“อะไรนะ!!?”
“ข้าชอบ...”
“อย่าพูดสิ๊!!”
โกรันยิ้มมุมปากแบบคนไม่เข้าใจความอาย แต่อูฮารู้สึกเขินเกินไปกระเทิบตัวลุกขึ้นยกหมอนขนสัตว์ขึ้น
เขาใช้หมอนตีหน้าโกรันเบา ๆ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้
“ข้าจะอยู่ถ้ำนี้...ไปอีกสักพักก็ได้” อูฮาบอกเบา ๆ ขณะจัดฟางให้ตัวเองนอนต่ออีกหน่อย
“หมายความว่า...เจ้าเป็นของข้าแล้ว?” โกรันถามขึ้นมาเงียบ ๆ
อูฮาเงียบไปก่อนตอบ…
“ยัง...แต่ข้าก็ไม่ได้อยากหนีไปไหนตอนนี้หรอกนะ”
........
หลังจากเช้าวันนั้น อูฮาก็ยังคิดไม่ตกนักว่าเขาจะอยู่ต่อจริง ๆ หรือแค่ 'ยังไม่อยากหนีตอนนี้
แต่สิ่งที่ชัดเจนขึ้น คือเขาเริ่ม “ชิน” กับเงาร่างใหญ่ข้าง ๆ มากขึ้นทุกวัน
โกรันยังคงตื่นก่อนเสมอ...เพื่อไปล้างหน้าที่ลำธารแล้วกลับมาวางลูกไม้เปรี้ยว ๆ ข้างหมอน
บางวันเขาเอากระรอกย่างมาวางไว้พร้อมหินแกะรูปเป็ดเบี้ยว ๆ ที่เขาบอกว่า “มันคือของขวัญ”
อูฮาไม่เคยขอบคุณตรง ๆ แต่อมยิ้มทุกครั้งที่เห็น
และในคืนหนึ่ง… เมื่อฤดูใบไม้ผลิคืบคลานเข้ามาช้า ๆ กลิ่นฝนจาง ๆ จากยอดเขาก็เริ่มพัดผ่านเข้าถ้ำ
อูฮานั่งนิ่งอยู่ริมแผ่นฟาง สวมผ้าคลุมไหล่จากหนังสิงโตที่โกรันไปล่ามาเฉียดตาย
ข้างหลังเขา มีร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาช้า ๆ พร้อมเสียงไม้แห้งใต้ฝ่าเท้าดังกรอบแกรบเบา ๆ
“ข้า… จะนอนตรงนี้ได้ไหม” โกรันถามเสียงทุ้ม
อูฮาหันกลับไปมอง แล้วพยักหน้าเงียบ ๆ
นั่นคือคืนแรก ที่เขาให้โกรันนอนข้าง ๆ ในถ้ำเดียวกันไม่ใช่แค่นอนเฝ้าอยู่หน้าถ้ำ
และในคืนนั้นเอง…
สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านเข้ามา ทำให้เปลวไฟในถ้ำไหวเบา ๆ ทิ้งเงาซ้อนกันของร่างสองร่างบนผนังหินหยาบ
มือใหญ่วางเบา ๆ ข้างลำตัวของอูฮา
ห่างกันเพียงความรู้สึก
แต่หัวใจ… เริ่มขยับเข้าใกล้แล้วทีละนิดเข้าสู่…
คืนหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นฝนจาง ๆ จากยอดเขาเริ่มซึมผ่านสายลมเย็นเข้ามาในถ้ำ แสงจากคบไฟริบหรี่ทอเงาอ่อนบนผนังหินหยาบ โกรันนอนตะแคง หัวพิงแขนตัวเอง ส่วนอีกแขนหนึ่งยื่นมาวางเบา ๆ ข้างลำตัวของอูฮา
“ยังไม่หลับอีกเหรอ” เสียงทุ้มถามเบา ๆ
อูฮากระพริบตาปริบ ๆ พยายามไม่มองกล้ามอกหนา ๆ ที่อยู่ใกล้แค่คืบ “มัน… หนาวอะ ข้าขยับตัวไม่ได้เลย หินนี่มันแข็งมาก”
โกรันหัวเราะในลำคออย่างทุ้ม ๆ ก่อนจะเอื้อมดึงตัวเขาเข้าไปในอ้อมแขนแบบไม่ถามความสมัครใจ
“เอ้า ขยับมาใกล้ ๆ เดี๋ยวอุ่นขึ้น”
อูฮาตาโต “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ๆ อย่าลากแบบนั้น! ข้ายังไม่พร้อม”
“พร้อมอะไร? ข้าแค่กอด” โกรันทำหน้าซื่อตาใสแบบโบราณสุดขีด แต่อูฮารู้ทัน! นี่มันกอดแบบไหนล่ะ แขนแข็งแรงแบบนี้ ร่างกายร้อนขนาดนี้…
“เจ้าคิดอะไรอยู่เนี่ย!”
“คิดว่าเจ้าตัวอุ่นดี” โกรันยิ้มกว้าง
อูฮาหลุดขำอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังหน้าแดงแบบสุดๆ พอเขาไม่ได้ดิ้นหนีต่อ โกรันก็ถือโอกาสเลื่อนมือมาลูบไหล่เขาเบา ๆ
“ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า... แค่รู้สึกว่าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้าชอบเจ้านะ”
อูฮานิ่งไปครู่ใหญ่ เขากัดริมฝีปาก กลั้นยิ้ม แล้วเอาหน้าซุกกับอกอุ่น ๆ ของโกรัน
“ข้าก็...ไม่ได้ไม่ชอบเจ้าหรอก” เขากระซิบเบา ๆ
คืนนั้น อูฮารู้สึกถึงจังหวะการหายใจของคนตัวใหญ่ที่ชิดกันแน่น กลิ่นเนื้อไม้แห้งที่เผาไฟผสมกับกลิ่นหนังสัตว์ กลิ่นเหงื่อจาง ๆ ของโกรัน กลายเป็นกลิ่นที่...ทำให้หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
มือหนาค่อย ๆ ลูบผ่านท่อนแขนของเขาลงมาอย่างระมัดระวัง ทุกการสัมผัสนั้นอบอุ่น ไม่เร่งเร้า แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ
“ข้าจะทำให้เจ้าสบายใจ... ได้ไหม?” โกรันกระซิบ มือหยุดอยู่ที่สะโพกผายของอูฮา
“ก็… ลองดูสิ ถ้าเจ้าทำข้าจั๊กจี้อีก ข้าจะเตะจริง ๆ” อูฮายิ้มแบบเขิน ๆ ก่อนจะหลับตาปี๋
โกรันหัวเราะเบา ๆ แล้วเริ่มจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของเขา เลื่อนไปที่สันจมูก และปลายคาง ลมหายใจของทั้งคู่ประสานกันอยู่ในความเงียบของถ้ำ
มือของโกรันค่อย ๆ ลูบไล้ร่างของอูฮา ไล่จากแผ่นหลังเรียวไปจนถึงเอวเล็กที่เริ่มสั่นเบา ๆ ผิวของอูฮาเรียบเนียนแต่เริ่มร้อนระอุขึ้นชัดเจน เขารู้สึกได้ถึงแรงเต้นในหน้าอกตัวเอง มือใหญ่สอดเข้ากระหวัดจากด้านหลัง ดึงตัวให้แผ่นอกแนบชิดกับแผ่นหลังของตน
“เจ้าใจเต้นแรงนะ…”
“ก็เจ้าทำน่ะสิ… มะ ไม่ใช่ข้าเริ่มก่อนนะ”
โกรันไม่ได้ตอบ แต่เริ่มขบเบา ๆ ที่ติ่งหูของอูฮา จนอูฮาต้องกอดอกตัวเองแน่น ขยับตัวหนีอย่างเขิน ๆ
“มันรู้สึกแปลก ๆ…”
“แปลกแต่ดีไหม?”
“…อือ”
เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่โกรันได้ยินชัดทุกคำ เขาค่อย ๆ ขยับตัวให้นอนตะแคงซ้อนหลัง แล้วเอื้อมมือข้างหนึ่งลูบหน้าท้องเรียบเนียนของอูฮาเบา ๆ
“ตรงนี้… วันหนึ่งจะมีลูกของเราอยู่ตรงนี้”
อูฮาหันขวับ “พูดอะไรบ้า ๆ! ใครจะมีลูกกับเจ้าเล่า!”
“เจ้าต่างหากที่บอกว่าฝันเห็นตัวเองอุ้มท้อง”
“…โอ๊ย อย่าพูดแล้ว ข้าอาย!”
รอยยิ้มอบอุ่นของโกรันไม่หายไป เขาค่อย ๆ เลื่อนริมฝีปากลงจูบที่ต้นคอขาว ไล่ลงมายังบ่า ลมหายใจอุ่นปะทะกับผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ ร่างบางเริ่มหายใจติดขัด ขาเรียวขยับหนีแต่กลับโดนมือใหญ่อีกข้างตรึงไว้อย่างแนบแน่น
“อูฮา… เจ้าไม่ต้องทำอะไรเลย แค่อยู่เฉย ๆ ข้าจะดูแลเจ้าเอง”
โกรันใช้ปลายนิ้วมือหยอกล้อไล้ไปตามเส้นกล้ามเนื้อแผ่นหลังบาง ๆ ของอูฮา ผิวเนียนนุ่มที่ไม่คุ้นกับความรุนแรงทำให้เขารู้สึกอยากทะนุถนอมมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เจ้ารู้ไหม... ผิวเจ้าราวกับเปลือกผลไม้ที่ยังไม่สุกดี แต่ข้ากลับอยากลิ้มรสมันซ้ำ ๆ” โกรันพูดติดตลก พลางรอยยิ้มมุมปากเผยให้เห็นฟันขาว ๆ
อูฮาเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเขิน ๆ “เจ้าอย่าพูดบ้า ๆ แบบนั้น ข้าจะหัวเราะไม่หยุด!” เขาวิ่งมือมาปิดปากตัวเอง พลางกลั้นเสียงหัวเราะนุ่มนวล
แต่โกรันไม่ปล่อยโอกาสง่าย ๆ เขาเลื่อนใบหน้าลงมาจูบซอกคอขาวซีดของอูฮาเบา ๆ ปลุกความรู้สึกอบอุ่นและความหวั่นไหวขึ้นทีละน้อย
“เจ้าหายใจแรงแบบนี้... ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าหายใจไม่ออก” โกรันกระซิบใกล้ใบหูอูฮา พร้อมดึงผ้าขนสัตว์หยาบ ๆ ที่คลุมอูฮาลงเล็กน้อย
อูฮารู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่สัมผัสผิวเขาอย่างอ่อนโยน มือบางลูบที่แขนโกรันอย่างลังเล พลางพึมพำเสียงสั่น
“ถ้าเจ้าจะทำแบบนี้... ข้าจะไม่รับผิดชอบนะ ถ้าข้าทำอะไรแปลก ๆ”
โกรันหัวเราะเบา ๆ แล้วกดจูบลงบนริมฝีปากบาง ๆ อย่างทะนุถนอม อูฮาตอบรับอย่างช้า ๆ ราวกับกำลังเรียนรู้การสัมผัสนั้นครั้งแรก มือของเขาพยายามจับต้องเนื้อหนังร่างใหญ่แต่ก็ยังไม่กล้าลุยมากนัก
ร่างกายของอูฮาค่อย ๆ ตอบสนองต่อสัมผัส ความอบอุ่นเริ่มไหลเวียนผ่านทุกอณูผิวหนัง ความรู้สึกเขินอายผสมผสานกับความอยากสัมผัสกลายเป็นพลังที่ทำให้เขาลืมความกลัวไปชั่วขณะ
โกรันเลื่อนมือขึ้นไปลูบไหล่ ลากลงมาถึงต้นแขนแข็งแรง ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจับเส้นผมดำหยักศกของอูฮาแล้วดึงเบา ๆ อย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความปรารถนา
“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ทำอะไรเกินกว่าที่เจ้าต้องการ” เขากระซิบแล้วจูบลงบนหน้าผากอูฮาอีกครั้ง
อูฮายิ้มหวาน แม้ใบหน้ายังแดงระเรื่อแต่ก็เริ่มรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นที่มีโกรันอยู่เคียงข้าง
จากนั้นโกรันค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมขนสัตว์ที่กั้นกลางร่างทั้งคู่ เปิดเผยผิวกายเปลือยเปล่าที่โถงถ้ำเย็นเยียบ ในแสงคบไฟ ร่างใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหยาบกร้านแต่ก็มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ อูฮาก้าวออกจากผ้าคลุมอย่างช้า ๆ สัมผัสผิวเนื้อหยาบกระด้างของโกรันด้วยมือที่ยังสั่นเล็กน้อย
โกรันจับมืออูฮาไว้แน่นก่อนจะจูบที่ฝ่ามือเล็ก ๆ นั้นอย่างนุ่มนวล
“ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ… ข้าจะทำให้หมด” โกรันพูดเสียงทุ้มลึก ขณะที่มืออีกข้างเลื่อนไปตามแผ่นหลังบาง ๆ ของอูฮาอย่างทะนุถนอม
ดำเนินต่อด้วยสัมผัสที่ค่อยเป็นค่อยไป มือของโกรันสำรวจและลูบไล้แต่ละส่วนของร่างอูฮาอย่างช้า ๆ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความเคารพและความรัก ขณะที่อูฮาเริ่มรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น
เสียงหัวใจสองดวงเต้นสอดประสาน ความอบอุ่นจากร่างกายของกันและกันทำให้ความเย็นของถ้ำเลือนหายไป กลายเป็นคืนที่เต็มไปด้วยความหวานละมุนและความรักในยุคหินแบบไม่ต้องพูดมาก
แสงไฟจากกองคบเพลิงสาดส่องเป็นจังหวะบนผิวหนังเปลือยเปล่าของทั้งคู่ โกรันที่ร่างสูงใหญ่และแข็งแรงตั้งแต่หัวจรดเท้า ผิวสีแทนไหม้แดด ตะปุ่มตะป่ำของกล้ามเนื้อเรียงรายชัดเจนเป็นระเบียบ สายตาเข้มข้นจับจ้องไปยังอูฮาอย่างทะนุถนอม
อูฮาซึ่งร่างเล็กกว่าหลายเท่า แต่กลับมีความนุ่มนวลและความยืดหยุ่นในทุกสัดส่วน ผิวเนียนละเอียดดั่งกำมะหยี่ ผอมบางแต่มีเสน่ห์ในแบบเฉพาะตัว ริมฝีปากบางสีชมพูอมแดงขยับขบกัดอย่างเขินอายเมื่อโกรันค่อย ๆ ปลดผ้าคลุมขนสัตว์ออกเผยผิวขาวเนียนที่เปล่งประกายระยิบในแสงไฟ
“เจ้าจะเย็นไปไหม?” โกรันถามเสียงทุ้ม ขณะที่มือใหญ่ไล้ลงไปตามแผ่นหลังแกร่งของอูฮาอย่างอ่อนโยน
อูฮาเบิกตากว้าง “เย็น? ข้า... ข้าไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะใจเต้นแรงมาก!”
โกรันหัวเราะในลำคอแล้วโน้มตัวลงมาแนบชิด ริมฝีปากอุ่น ๆ ประทับลงบนซอกคอที่ขาวซีดของอูฮาอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกที่แผ่ซ่านตามเส้นประสาททั้งตัวทำให้อูฮาสั่นสะท้านจนต้องขยับตัวหนีออกเล็กน้อย
“อย่าหนี ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า” โกรันพูดพลางกอดเขาแน่นกว่าเดิม
เสียงลมหายใจของทั้งคู่สลับกันราวกับดนตรีบรรเลงเบา ๆ ในถ้ำที่เงียบสงัด แม้จะอยู่ในยุคหินที่ไม่มีคำพูดหวาน ๆ ซับซ้อน แต่การสัมผัสและสายตาที่โกรันมอบให้อูฮานั้นแทนความรักได้ดีกว่าคำพูดใด ๆ
ระหว่างที่โกรันลูบไล้แผ่นหลังของอูฮา มือใหญ่นั้นบังเอิญไปโดนก้อนหินยาวๆ แข็งๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าขนสัตว์ อูฮารีบขยับตัวหลบแล้วบ่นเสียงเบา ๆ
“ข้าไม่ใช่ลูกหินนะ อย่าเอาหินอันใหญ่มาถูหลังข้า!”
โกรันหัวเราะจนหน้าแดง “ข้าก็คิดว่าเจ้าแข็งเหมือนหินหินที่กำลังกลิ้งพอแตะปุ๊บเจ้ารีบหนีปั๊บ!”
ต่อจากนี้โกรันค่อย ๆ เลื่อนมือจากแผ่นหลังลงมาตามเอวเล็ก ๆ ของอูฮา ช้า ๆ และระมัดระวังทุกการสัมผัสเพื่อให้เขารู้สึกปลอดภัย มือหนาสัมผัสผิวเนื้อที่เรียบเนียนนุ่มละมุน ปลายนิ้วมือสัมผัสเส้นเอ็นกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่กระตุ้นให้อูฮาหัวใจเต้นแรงขึ้น
โกรันโน้มตัวลงมาอีกครั้ง ริมฝีปากเริ่มจูบไล่ตั้งแต่ซอกคอ ไล่ขึ้นมาที่กราม และถึงแม้จะไม่มีแสงไฟมากพอจะเห็นอย่างชัดเจน แต่สายตาของทั้งคู่ยังคงประสานกันแนบแน่น
“เจ้ารู้ไหม... ทุกครั้งที่ข้าสัมผัสเจ้า หัวใจข้าจะเต้นแรงขึ้นเหมือนกัน” โกรันกระซิบ
ร่างของอูฮาถูกโอบไว้ในอ้อมแขนของโกรันอย่างแนบแน่น ราวกับนักรบหนุ่มผู้นี้จะปกป้องเขาจากทุกสิ่ง มือหยาบกร้านของโกรันเลื่อนไล้จากช่วงเอว ลูบผ่านสะโพกที่โค้งมนราวกับสลักมาจากหินล้ำค่า
ผิวของอูฮาเนียนละเอียดราวกับกลีบดอกไม้ในฤดูผลิบาน โกรันค่อย ๆ ลูบวนรอบส่วนนั้นอย่างนุ่มนวล ปลายนิ้วเรียวยาวสัมผัสผิวเนื้อที่กำลังสั่นไหว
อูฮากัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่น มือบางขยุ้มกล้ามอกของโกรันไว้แน่น ใบหูแดงระเรื่อ ลมหายใจเริ่มถี่และร้อนรุ่ม
“เจ้า... จับตรงนั้นแล้วข้าจะกลายเป็นปลาวาฬติดทรายไหม” อูฮาพูดเสียงสั่น แล้วหลุดหัวเราะคิก
โกรันเลิกคิ้ว “ปลาวาฬติดทรายคืออะไร?”
“ก็... เอาเถอะ ข้าแค่รู้สึกตัวเองเหมือนสัตว์ติดกับดัก” เขาหัวเราะตัวสั่นจนไหล่กระตุก
โกรันหัวเราะเบา ๆ แล้วจูบซอกคออูฮาแรงขึ้นกว่าเดิม “ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกเหมือนถูกจับโดยนักล่า ไม่ใช่กับดัก”
แล้วเขาก็โน้มตัวลง ริมฝีปากหนานุ่มของโกรันลากไล้ลงตามลำคอ ไปจนถึงยอดอกของอูฮา ดูดเม้มเบา ๆ สลับซ้ายขวา ขณะที่มือยังลูบไล้สะโพกและข้างต้นขาด้านในที่เริ่มสั่นระริก
เสียงครางแผ่ว ๆ หลุดจากปากอูฮาโดยไม่รู้ตัว ร่างกายบิดเล็กน้อยขณะรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ปลายลิ้นของโกรันแตะสัมผัสยอดอกนุ่ม ๆ อย่างแผ่วเบา และไม่หยุดเคลื่อนไหว
กล้ามอกของโกรันแน่นแข็ง ราวกับรูปสลักที่ผ่านสงคราม เขาเต็มไปด้วยรอยแผลจาง ๆ จากการต่อสู้ แต่อูฮากลับมองมันราวกับตราแห่งความแข็งแกร่ง ส่วนอูฮานั้น ร่างกายดูเล็กบางแต่กลับมีส่วนเว้าโค้งละมุนที่ชวนสัมผัส
หน้าท้องของเขาเรียบแบนแต่มีความยืดหยุ่น พวงสะโพกกลมกลึงรับกับต้นขาที่นุ่มแน่น โกรันชื่นชอบที่จะลูบไล้จุดนั้นอยู่เรื่อย ๆ เพราะมัน “เด้งสู้มือ” แบบที่เขาพูด
“สะโพกเจ้ามัน… เหมือนหนังสัตว์ที่ยัดด้วยขนนุ่ม ๆ เลย ข้าชอบมาก”
“หยุดเปรียบข้าเป็นของใช้เถอะ ข้ากำลังจะขำจนหมดอารมณ์แล้ว!” อูฮาทุบอกเขาเบา ๆ
แล้วโกรันก็ค่อย ๆ ไล้มือไปที่ต้นขาด้านใน ลากปลายนิ้วช้า ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนสัมผัสกับปากทางอุ่นร้อนที่กำลังบีบรัดเล็กน้อยเพราะความประหม่า
“ตรงนี้… เจ้ายอมให้ข้าไหม?”
อูฮาเม้มปากแน่น ก้มหน้าแนบกับอกเขา “ข้ายอมแล้ว… แต่ข้ากลัวมันจะเจ็บ”
โกรันจูบหน้าผากอูฮา “ข้าจะไม่ทำให้เจ้าบาดเจ็บ ข้าจะค่อย ๆ เข้าไป”
โกรันค่อย ๆ เลื่อนนิ้วสัมผัสรอยแยบเล็ก ๆ นั้น ปลายนิ้วหยาบกร้านไล้เบา ๆ ไปมาจนร่างของอูฮาเกร็งเล็กน้อย สัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความทะนุถนอมมากพอที่จะไม่ทำให้เจ็บ แต่ก็เร้าอารมณ์จนร่างกายร้อนวูบ
เสียงน้ำจากแหล่งน้ำในถ้ำไหลเบา ๆ คล้ายกล่อมจังหวะเร่าร้อนนั้นให้เนิบนาบแต่หนักแน่น โกรันค่อย ๆ สอดปลายนิ้วเข้าไปทีละน้อย แผ่วเบาแต่ลึกซึ้ง
“อืม… มันรู้สึก… แปลก ๆ” อูฮากระซิบพลางซุกหน้า
“เจ้าจะรู้สึกดีกว่านี้… เมื่อเจ้าปล่อยใจให้ข้า”
เสียงลมหายใจของทั้งสองสอดประสานกันในความเงียบของถ้ำ โกรันประคองใบหน้าของอูฮาไว้เบา ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย
“พร้อมหรือยัง?”
อูฮาหลับตาลงพยักหน้าเบา ๆ แก้มแดงระเรื่อ ราวกับดอกผลในป่าแรกแย้ม
โกรันเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน ร่างกายของทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้นในทุกวินาที ความรู้สึกอุ่นร้อนระหว่างผิวหนังที่สัมผัสกันเปรียบเสมือนผ้าคลุมหนานุ่มในคืนหนาวเหน็บ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากนั้น มีเพียงเสียงลมหายใจ และเสียงหัวใจที่เต้นแรงประสานกัน
มือของโกรันลูบแผ่นหลังของอูฮาไปเรื่อย ๆ ด้วยจังหวะช้า ๆ จนเหมือนกล่อมให้เจ้าตัวเล็กผ่อนคลายลงได้ ร่างของอูฮาเกร็งเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอุ่นใจ
“ข้า… ไม่เจ็บแล้ว” เสียงของอูฮาแผ่วเบาราวกับเสียงลมกระซิบผ่านกิ่งไม้
โกรันขยับตัวเบา ๆ เหมือนคลื่นซัดชายฝั่ง ช้า สม่ำเสมอ ไม่รุนแรง แต่กลับทำให้ใจเต้นแรงอย่างประหลาด อูฮาซบหน้าลงกับไหล่กว้างของโกรัน กลิ่นกายของนักรบและกลิ่นเผาไม้จากกองไฟคละคลุ้งอยู่ในอากาศ
“เจ้ารู้ไหม” อูฮาพูดเบา ๆ เสียงสั่น “กล้ามอกของเจ้ากระเด้งใส่หน้าข้าทุกครั้งที่เจ้าขยับ ข้าจะสำลักอยู่แล้ว…”
โกรันหลุดหัวเราะในลำคอ พร้อมจูบหน้าผากเขาเบา ๆ “เจ้านี่มัน… แม้ในเวลานี้ก็ยังทำให้ข้าหัวเราะได้”
พวกเขายังคงเคลื่อนไหวช้า ๆ ไม่เร่งเร้า ร่างกายแนบสนิทจนรู้สึกถึงทุกแรงสั่นของกันและกัน มือของโกรันลูบผมนิ่มของอูฮาไปเรื่อย ๆ เหมือนจะกล่อมให้เขาฝันดี ทั้งที่ความฝันนี้กำลังเกิดขึ้นจริงในค่ำคืนนี้
ความสัมพันธ์ที่เริ่มจาก “ตีหัวลากเข้าถ้ำ” เปลี่ยนเป็นความใกล้ชิดที่อบอุ่น เป็นการยอมรับกันโดยสมัครใจ เป็นเสียงหัวเราะระหว่างจังหวะอ่อนไหว เป็นความรักที่เบ่งบานกลางความป่าเถื่อนของยุคหิน
เสียงหัวใจของทั้งสองดังประสานกันไปจนถึงจุดที่ความเร่าร้อนค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนที่อิ่มเต็ม… พวกเขาไม่ได้ถึงจุดหมายเพียงเพราะร่างกาย หากแต่เป็นใจที่หลอมรวมกัน
เมื่อทุกอย่างจบลง อูฮานอนพิงอกของโกรัน ห่มผ้าหนังสัตว์ด้วยกัน ใบหน้าซุกอยู่ใต้คางของชายร่างโต
“เจ้ารู้ไหม” โกรันพูดเบา ๆ “ข้ารู้สึกเหมือนเจ้าไม่ใช่แค่คนที่ข้ารัก... แต่เป็นบ้านของข้า”
อูฮายิ้มบาง ๆ ก่อนจะพึมพำกลับ
“บ้านของเจ้าต้องมีขนหนาแน่นและเด้งสู้มือมากแน่เลย”
เสียงหัวเราะของทั้งคู่กลบทุกความเหน็บหนาวของค่ำคืนนั้น... และในถ้ำกลางป่าที่ไร้ผู้คน ก็เหลือเพียงสองหัวใจที่เต้นเคียงกันอย่างสงบ
โปรดติดตามตอนต่อไป
เชิงอรรถ
^ในบริบทนี้หมายถึงการบด เช่น บดยา
^กิริยานี้หมายถึง 'เหล่ตามอง'
^คล้ายกับการเปรียบตัวเองว่า ใหญ่เทอะทะ อึดอัด เคลื่อนไหวไม่ได้ ติดขัดอยู่กับที่ เหมือน ปลาวาฬที่มาเกยตื้นบนหาดทราย ซึ่งเป็นภาพที่ทั้งน่าสงสารและตลก
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 11
Comments