รุ่งเช้าแสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านช่องถ้ำเข้ามากระทบใบหน้าอูฮา เขาลืมตาขึ้นแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเสียงกรนเบา ๆ ข้าง ๆ ยังอยู่
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอ... หัวหน้าเผ่าเขี้ยวดินของข้า…”
โกรันนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขา มือใหญ่ ๆ พาดข้ามหน้าท้องเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่านี่คือการนอนประจำวัน
“นี่ข้าไม่ได้เป็นหมอนข้างนะ” อูฮาพึมพำ ก่อนจะค่อย ๆ ดันแขนใหญ่นั่นออก แต่ยังไม่ทันดันแรง มือใหญ่ก็กระตุกกลับมาอีกครั้ง ราวกับสัญชาตญาณนักรบที่ไม่ปล่อยเป้าหมายหลุดมือ
“ข้าฝันว่าเจ้าจะหนี…” โกรันพึมพำทั้งที่ยังหลับตา
อูฮาสะดุ้งนิด ๆ “…ฝันแม่นจริงวุ้ย”
เขาค่อย ๆ คลานออกจากถ้ำแบบไม่ให้ปลุกสัตว์ป่า หรือผัวเผลอ ก่อนจะไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธารใกล้ ๆ
ระหว่างทาง ก็เจอกลุ่มหญิงเผ่ากำลังถักเชือกกับปูหอยกันอยู่ บางคนหันมาทักเขา
“อรุณสวัสดิ์เมียหัวหน้า!”
“ข้าไม่ใช่เมีย!!”
“ยังไม่ใช่! แต่เร็ว ๆ นี้ใช่แน่นอน ฮิ ๆ ๆ” พวกนางหัวเราะร่วนกันเป็นระลอกคลื่น
อูฮาปั้นหน้าปกติแล้วเดินต่อไปอย่างเร็ว “ข้าเป็นแค่คนหลงป่า! ยังไม่อยากหลงรักใคร!”
พอถึงลำธาร เขาก็รีบก้มหน้าล้างตัวแรง ๆ เหมือนจะลบความรู้สึกบางอย่างที่แปลกไปในใจ
‘โกรันไม่ได้ทำอะไรไม่ดี…เขาแค่…เอาใจแบบป่าเถื่อน’
พอคิดถึงตอนที่โกรันย่างเนื้อให้อย่างตั้งใจ ปูผ้าขนสัตว์หนา ๆ ให้เขานอน แล้วยังช่วยไล่แมลงด้วยมือเปล่าเมื่อคืน...
“…แล้วทำไมข้าต้องรู้สึกเขินกับคนที่เคยเอาไม้ฟาดหัวข้าด้วยล่ะวะ!?”
ทันใดนั้น เสียงน้ำกระเพื่อมข้าง ๆ ก็ดังขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ เมียของข้า”
อูฮาหันขวับ โกรันยืนอยู่ในน้ำครึ่งตัว เปลือยท่อนบนเต็ม ๆ พร้อมหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามกล้ามเนื้อแน่นราวกับปั้นจากหิน
“เจ้า!! มะ-มาเงียบอะไรขนาดนั้น!?”
“ข้าฝึกเดินล่ากวางแบบไม่ให้เหยื่อรู้ตัว… แต่เห็นเจ้าหน้าแดงกว่าเหยื่อเสียอีก”
“บะ…บ้า! ข้าหน้าแดงเพราะล้างหน้าด้วยน้ำเย็น!”
โกรันหัวเราะในลำคอ เดินเข้ามาใกล้ แล้วหยิบปลาที่เพิ่งจับได้มาจ่อหน้าเขา
“เจ้าหิวไหม ข้าจับปลามาให้”
อูฮามองปลากระดิก ๆ แล้วถอนหายใจ “เจ้าจับปลาทุกเช้ารึไง?”
“ไม่เคยเลย… จนเจอเจ้า”
“อึก…”
ไม่รู้ทำไมอยู่ดี ๆ ลมหายใจก็ติดขัด อูฮารีบรับปลาแล้วหันหลังหนีทันที
“ข้าจะเอาไปปิ้ง!” เขาวิ่งกลับถ้ำโดยไม่รอคำตอบ ใบหูแดงแจ๋
ที่หน้าไฟกลางเผ่า
อูฮากำลังย่างปลาอยู่เงียบ ๆ พลางพยายามไม่มองโกรันที่นั่งขัดหินข้าง ๆ แบบจริงจัง… และไม่มีเสื้อ
‘นี่มันทรมานแบบไหนวะเนี่ย’
ขณะนั้นเอง มูแซเดินมาจากมุมหนึ่ง ใส่เสื้อคลุมหนังสัตว์ฟูฟ่องสีรุ้งที่เหมือนขโมยมาจากละครโรงเล็ก
“เหวอ~ นี่มันเช้าแล้วเหรอ ข้าแสบตาเหลือเกินไม่ใช่ว่าเจ้านั้นกำลังมาเดินแบบเหรอ?”อูฮาพูดเบาๆ ในลำคอ
“เจ้าพูดว่าอะไรยะ?”มูแซจีบปากจีบคอพูด
“เจ้าอย่าใส่ใจเลย…”เหลือบมองโกรันที่ยังคงตั้งใจขัดหินกับมูแซผู้สวยเริ่ดที่สุดในปฐพีแล้วอูฮาก็ถอนหายใจ
มูแซทิ้งตัวลงข้างอูฮาแล้วกระซิบกระซาบ “เจ้าดูหน้าร้อนนะยะ หรือโดนคนป่าหล่อเล่นกล้ามใส่แต่เช้า?”
“ข้าไม่ได้ร้อน! แค่…ไฟมันแรง!!” อูฮาปฏิเสธเสียงแข็งทำท่านำปลาร้อน ๆ ใส่ใบไม้แก้เขิน
มูแซหัวเราะคิก “ถ้าไม่ชอบเขา เจ้าไม่หน้าแดงทุกครั้งที่เขายิ้มให้หรอกนะ”
“ข้าไม่ได้ชอบ…”
แต่เสียงเบากว่าตอนที่เขาเคยตะโกนว่า 'ข้าไม่ใช่เมีย!' มากนัก
โกรันเดินเข้ามา วางหินขัดใหม่ไว้ข้างเขา
“ข้าขัดหินให้เจ้าทำกระจก”
“เอ่อ…ขอบใจนะ?”
“ข้าอยากให้เจ้าเห็นว่าเจ้า…น่ามองแค่ไหน เวลายิ้ม”
อูฮาที่โดนดาเมจนิ่งไป ใบหน้าของเขาแดงเหมือนแอปเปิ้ลเลย
มูแซเงียบไป
ชาวเผ่าหยุดเคี้ยวหอยชั่วขณะ
อูฮากลั้นใจแล้วหันไปพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า
“...นี่ข้ากำลังพ่ายแพ้คนป่าหล่ออย่างงั้นเรอะ?”
โกรันเลิกคิ้ว “เจ้าเรียกข้าว่าหล่อเหรอ?”
“ไม่! ข้าหมายถึง…แพ้…ปลา!! เจ้าอย่าเข้าใจผิดล่ะ! ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้ารอแต่อย่างใด”
มูแซล้มลงกับพื้นหัวเราะลั่นกับคนปากแข็งข้างเขาที่ยิ่งพูดยิ่งเผยไต๋ออกมา
อูฮารู้เลยว่าเช้านี้จะถูกล้อไปอีกสามวันแน่นอน…
บ่ายแก่ ๆ แสงแดดผ่านช่องถ้ำมากระทบลำตัวของอูฮาที่นั่งซ่อมเครื่องมือหินอยู่ข้างกองไฟ ไอร้อนจากเปลวไฟผสมกลิ่นไม้แห้งชวนให้อบอุ่นแต่ยังคงรู้สึกสดชื่นในอากาศช่วงเย็น
โกรันยังนั่งอยู่ไม่ไกล มือใหญ่หยิบกิ่งไม้แห้งขึ้นมา ก่อนจะเริ่มถูหินสองก้อนจนมีประกายไฟลุกโชนขึ้นมาเป็นจุดเล็ก ๆ
“เจ้าเห็นไหม ข้าใช้เวลาเกือบครึ่งวันกว่าจะได้ไฟกองนี้” โกรันพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
อูฮายิ้มแหย ๆ พร้อมถอนหายใจเบา ๆ “นี่นายโกรัน... ข้ารู้ว่าเจ้าทำดีที่สุด แต่มันเหมือนตอนที่ข้าพยายามวิ่งแล้วล้มทุกครั้งไงไม่รู้”
โกรันขมวดคิ้ว “เจ้าจะบอกข้าว่าข้าไม่เก่ง?”
“เปล่า ข้าแค่บอกว่า... ข้าแพ้ในหลาย ๆ เรื่อง แต่ถ้าคิดจะล้ม... ล้มให้สวย ๆ ก็พอ”
โกรันยิ้มอย่างอบอุ่น มือหยาบกร้านของเขาลูบผ่านไหล่อูฮาอย่างทะนุถนอม
“ข้าจะไม่ยอมแพ้กับเจ้าเด็ดขาด” เขาพูดเสียงต่ำแต่หนักแน่น
อูฮารู้สึกแก้มร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าบาง ๆ เผลอสบตากับโกรัน รู้สึกเหมือนลมหายใจร้อน ๆ จากปากหนาของเขาเป่ารดอยู่ที่แก้ม
“โกรัน... ข้ารู้สึก...แปลก ๆ”
“แปลกยังไง?”
“ก็... ข้าคิดถึงเจ้าทุกวัน อยากให้เจ้าอยู่ใกล้ ๆ แต่ข้าก็ยังกลัวไม่ยอมรับว่ารู้สึกยังไง”
โกรันไม่พูดอะไร แต่ขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้น มือหยาบกร้านจับมืออูฮาอย่างแน่น
“ถ้าเจ้ากลัว ข้าจะเป็นที่พักให้” โกรันว่า แล้วเอื้อมมือลูบไล้ปลายนิ้วอูฮาอย่างแผ่วเบา
อูฮาหายใจติดขัด รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นจนแทบทะลุอก
“ข้า... ข้าไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ไม่รู้ว่าข้าจะเชื่อความรู้สึกนี้ได้หรือไม่”
“ข้าเชื่อเจ้า”
เสียงโกรันกระซิบเหมือนเวทมนตร์ที่ทำให้อูฮาผ่อนคลายลง เขาค่อย ๆ ปล่อยมือให้โกรันจับได้เต็ม ๆ อย่างไม่ขัดขืน
โกรันเลื่อนมือไปจับแผ่นหลังบาง ๆ ของอูฮา ค่อย ๆ กดลงอย่างนุ่มนวล และเริ่มสัมผัสถึงเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงแต่อ่อนโยนภายใต้ผิวหนังเรียบเนียน
“เจ้าผอมแต่ก็แข็งแรงมากนะ ข้าชอบเวลาที่เจ้าขัดเครื่องมือหินแบบนี้ ดูตั้งใจจนข้ารู้สึกว่าเจ้าทุ่มเททุกอย่าง”
“อย่ามาชมข้าแบบนั้นสิ ข้าจะเขินจนทำเครื่องมือแตกซะเปล่า ๆ”
โกรันหัวเราะเสียงทุ้ม ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบที่ขมับอย่างเบามือ
“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าพัง แต่จะคอยปกป้องทุกอย่างที่เป็นเจ้า”
อูฮายิ้มออกมา รู้สึกหัวใจฟูขึ้นเป็นลูกโป่งที่พองใหญ่เต็มอก
แต่ก็ยังมีความกลัวเล็ก ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ
“นายโกรัน... ข้า... กลัวนะ กลัวจะเสียใจ กลัวจะเจ็บ”
“ข้าจะอยู่กับเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
โกรันพูดด้วยเสียงหนักแน่น จนอูฮารู้สึกได้ถึงความจริงใจที่มาจากใจลึก ๆ
ในขณะที่สองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น โกรันจึงหยิบกิ่งไม้ที่เปล่งประกายไฟขึ้นมาอีกครั้ง แล้วลูบไล้มือของอูฮาอย่างนุ่มนวล
“วันนี้ข้าจะสอนเจ้าอีกอย่างนะ”
“อะไร?”
“การสัมผัสด้วยใจ ไม่ใช่แค่มือ” โกรันกระซิบพร้อมส่งสายตาอบอุ่น
อูฮาหัวเราะเบา ๆ “ข้าไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่ก็พร้อมจะเรียนรู้”
แล้วสองคนก็เริ่มเล่นเกมจับมือกัน ลูบไล้สัมผัสไปตามนิ้วมือและหลังมือของอีกฝ่าย จนหัวใจของอูฮากระตุกตลอดเวลา
ในใจเขารู้ดีว่า นี่ไม่ใช่แค่เกม...
แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความรักแบบคนป่าที่นุ่มละมุนและจริงใจ
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดเข้ามาในถ้ำเบา ๆ ทำให้ใบหน้าขาวของอูฮาที่นอนห่มหนังสัตว์อยู่ดูนวลเนียนและน่ามองยิ่งขึ้น แม้เขาจะยังหลับตาอยู่ แต่คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังฝันประหลาด
“อือ... อย่าเอาไม้ตีหัวข้านะ...” เขาพึมพำในฝัน ก่อนจะสะดุ้งลุกขึ้นมาแล้วหันซ้ายขวาอย่างงง ๆ
โกรันนั่งอยู่ตรงประตูถ้ำ หันหน้ามาทางอูฮา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าฝันว่าเจ้าพูดถึงข้า”
“เจ้าแอบฟังข้าพูดละเมอเหรอ!” อูฮาหน้าแดงทันที รีบคว้าหนังสัตว์คลุมหน้าตัวเอง
“เปล่าเลย ข้าไม่ได้แอบฟัง ข้าแค่บังเอิญได้ยิน” โกรันยักคิ้ว ทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้
วันนั้นตรงกับวันพิธีประจำปีของเผ่าเขี้ยวดิน พิธีที่จัดขึ้นเพื่อบูชาดวงจันทร์และเสริมดวงผัวเมียให้ครองรักกันยืนยาว ใคร ๆ ก็ต้องเข้าร่วม แม้แต่ “เมียจากท่านเทพ” ส่งมาอย่างอูฮา
อูฮาถูกจับแต่งตัวด้วยชุดประจำเผ่า ใบหน้าถูกทาสีด้วยดินขาวและถ่านดำ ลิงลูน่ายืนมองเขาแล้วก็แค่นเสียงคล้ายจะบอกว่า “อย่าเขินไปหน่อยเลย”
“ข้าไม่อยากไปเลย จะให้ข้าร่วมพิธีกับคนที่ลากข้าเข้าถ้ำเนี่ยนะ!”
มูแซเดินเข้ามาในฉาก ชุดเต็มยศพร้อมขนนกประดับ “เลิกบ่นแล้วออกไปสวยด้วยกันเร็ว เจ้าโดนเลือกเป็น ‘คนรับหอม’ ด้วยนะ!”
“หอมอะไร!?”
“ก็ในพิธีวันนี้ มีธรรมเนียมว่า หัวหน้าเผ่าจะหอมแก้มคู่ของตนเพื่อประกาศต่อดวงจันทร์ว่า ‘นี่คือเมียข้า’”
อูฮาช็อก เหงื่อแตกพลั่ก
“ไม่นะ! ไม่! ข้าไม่อยากให้คนทั้งเผ่ารู้ว่าข้าเป็น... เป็นอะไรแบบนั้นน่ะ!”
“เอ้า ก็เป็นเจ้าเมียเขาไปแล้วไม่ใช่เรอะ?” มูแซแซวพลางขำ อย่างไม่สนใจประมาณว่าอูฮาพูดอะไรไร้สาระ
ตัดฉากมาที่พิธีโกรันยืนอยู่ท่ามกลางวงเต้นไฟ กล้ามเนื้อสะท้อนแสงเพลิงอย่างอลังการ ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา และที่อูฮาที่เดินเขิน ๆ ตามมาทีหลัง
โกรันส่งยิ้มมาให้ แล้วจับแขนอูฮาเบา ๆ “เจ้าพร้อมหรือยัง?”
“ไม่... ไม่พร้อมเลยซักนิด!”
“ดี ข้าก็ไม่รอแล้ว”
พูดจบ โกรันก็ก้มลงหอมแก้มอูฮาเต็ม ๆ เสียงดังฟอด! คนทั้งเผ่าร้องเฮกันสนั่น ลิงลูน่าปรบมือด้วยสองเท้าอย่างตื่นเต้น
อูฮายืนตัวแข็งเป็นหิน แก้มแดงลามไปถึงหู
“เจ้า... เจ้าทำบ้าอะไร!”
“ธรรมเนียม ข้าก็แค่ประกาศว่าเจ้าคือของข้าแล้ว”
“บ้าที่สุด!”
แต่ในใจอูฮากลับเต้นระรัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน... เขาไม่รู้เลยว่า การหอมแก้มแค่ครั้งเดียว จะทำให้รู้สึกเหมือนแต่งงานแล้วจริง ๆ...
และนั่นแหละ... คือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกใหม่ที่กำลังค่อย ๆ งอกงามในใจเขา
ในยามเช้าที่พระอาทิตย์แง้มปากฮื่มเบา ๆ เหนือขอบเขา แสงแดดอุ่น ๆ เลียปลายหญ้าเหมือนลิ้นของกวางจิ๋ว อูฮาก็ยังนอนตะแคงอยู่ในผ้าหนังสัตว์ ซุกหัวกับท่อนแขนของโกรันอย่างหมดสภาพ
เหตุการณ์เมื่อคืนยังสะท้อนอยู่ในหัวเหมือนเสียงกลองของชาวเผ่า...
‘หอมแก้ม’
‘หอม’
‘แก้ม!’
“บ้าเอ๊ย...” อูฮาเอามือปิดหน้าตัวเอง พลิกตัวออกจากแขนโกรันเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ย่องไปนั่งกอดเข่าอยู่ริมถ้ำ
“หอมแก้ม... แปลว่าแต่งงานเหรอ? แล้วข้าก็... คือว่าข้า...”
เขานั่งเขินอยู่กับหินอย่างนั้นอยู่เกือบสิบนาที ก่อนที่เสียงฝีเท้าตุ๊บตั๊บของมูแซจะวิ่งกระแทกถ้ำเข้ามาอย่างไม่มีมารยาท
“โอ๊ย! หน้าข้าเปรี้ยวขึ้นมาเลย ข้าบอกแล้วว่าเผ่านี้มันรุนแรง! แต่โรแมนติกนะยะ!” มูแซพรางพูดอะไรที่ไม่ค่อยรู้เรื่องวิ่งมานั่งข้างอูฮาอย่างตื่นเต้น พร้อมส่งผลไม้กลม ๆ สีแดงให้ “กินนี่ คลายความเขิน”
อูฮาเหล่มองไปทีก่อนถาม“ผลไม้อะไรนี่?”
“ลูกบ๊วยยุคหิน! เปรี้ยวจนใจสั่น” มูแซหัวเราะร่วน “แล้วตกลงว่าไง เจ้าแต่งแล้วเหรอ?”
“ข้ายังไม่ได้ผูกอะไรเลย!”
“นี่มันไม่มีพิธีผูกเพื่อสมรสหรอก! มีแต่หอมแล้วปักหอก!”
“เอ่อ... ปักหอก?”
“หมายถึงปักหอกหน้าถ้ำ เป็นสัญลักษณ์ว่าคู่นี้ ‘จองแล้ว’ ใครเข้าไปแทรกก็จะโดนหักหอก”
“...พวกเจ้าชอบเล่นคำกับหอกมากไปไหม?”
ขณะที่สองคนกำลังเถียงกันสนุกสนาน โกรันก็ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เดินมาหลังอูฮาแบบเงียบกว่ากิ้งก่าไต่ไม้ แล้ววางมือปุ ๆ บนหัวเขา
“อรุณสวัสดิ์ เมียของข้า”
อูฮาสะดุ้งสุดตัว “ข้าไม่ใช่เมียเจ้า!”
“เจ้าหอมแล้ว”
“ข้าถูกเจ้าหอมนะ!!”
“ไม่ต่างกัน ข้ารับผิดชอบ” โกรันพูดหน้าตายแล้วเอาหอก (ของจริง) ไปปักหน้าถ้ำอย่างภูมิใจ
อูฮาเบิกตาโพลง “นี่เจ้าทำอะไร!?”
“ปักหอก ป้องกันคนมาแย่งเมียข้า”
“ข้าไม่ใช่เมียเจ้า!!”
มูแซปรบมือกรุ๊บ “ยินดีด้วยจ้า! คืนนี้เตรียมเข้าเรือนหอ!”
“ถ้ำ!! ไม่ใช่เรือนหอ!!”
ไม่ว่าจะพูดยังไง โกรันก็ดูจะไม่เข้าใจเรื่อง ‘พื้นที่ส่วนตัว’ หรือ ‘การตกลงร่วมกัน’ เลยแม้แต่น้อย เขาคิดแค่เพียงว่า ‘รัก \= ปักหอก’ เท่านั้น
อูฮาได้แต่นั่งหมดอาลัย ปากพึมพำเบา ๆ ว่า “สงสัยข้าต้องหนีอีกรอบ...”
แต่แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหอกที่ปักหน้าถ้ำ มันมีขนนกสีขาวผูกอยู่กับปลาย เป็นสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนจะมีความหมายพิเศษอะไรบางอย่าง...
“...แล้วเจ้าผูกขนนี่มาทำไม?”
“ขนของนกที่ข้าล่าได้ครั้งแรก เป็นของสำคัญ ข้าผูกให้เจ้า เพราะข้ารักเจ้า” โกรันตอบง่าย ๆ เหมือนบอกว่า ‘ฟืนวันนี้เยอะดี’
อูฮากัดปากแน่น เขาไม่รู้จะโต้กลับอย่างไรดี กับผู้ชายที่ซื่อกว่าหมูป่า แต่กลับทำให้หัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะ
“...ข้าจะไม่ยิ้ม ข้าจะไม่ใจอ่อน... ข้าจะ... ฮึก...”
“เจ้าร้องไห้?” โกรันรีบเข้ามานั่งข้าง ๆ ใช้นิ้วปาดน้ำตาอย่างเบามือแบบที่ไม่เข้ากับภาพลักษณ์เลยสักนิด
“เปล่า ฝุ่นเข้าตา!”
“เจ้าร้องไห้แล้วดูน่ารัก”
“โอ๊ย! พอเลยยย!!” อูฮาทุบพื้นถ้ำ แล้วล้มตัวลงนอนกลิ้งหนีเหมือนลิงป่วนเมือง
โกรันหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “คืนนี้ ข้าจะกอดเจ้าแน่น ๆ นะ”
“ไม่ต้องมาแตะเลย!!”
“กอดผ่านผ้าหนังสัตว์”
“นั่นก็ไม่ช่วยอะไรเลย!!”
เสียงหัวเราะก้องอยู่ในถ้ำอีกครั้ง ก่อนพระอาทิตย์จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมเสียงตีกลองประกาศข่าวใหม่...
ตึง! ตึง! ตึง!
“เผ่าหมีกำลังจะเดินทางมาเยี่ยม!”
...และแล้วเรื่องราววุ่นวายในวันนี้ก็ได้จบลงไปอีกวัน
โปรดติดตามตอนต่อไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 11
Comments