I Woke In The Demon Realm. จู่ๆ ก็วาร์ปมาต่างโลก แถมมีพ่อเป็นจอมมาร!
มาทำความรู้จักกันก่อน!
[“Begin”
A single word, a gentle spark, Can light the fire within the dark.
The tale you seek is yours to write—Just take the pen, and start the flight.]
[“เริ่มต้น”
เพียงหนึ่งถ้อยคำ นั้นคือเปลวไฟ แสงพลันปรากฏในความมืด
เรื่องราวที่ค้นหาคือสิ่งที่ใจเขียน จับปากกา…แล้วบินไปกับจินตนาการพร้อมกัน]
สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ :)
เราขอฝากตัวในฐานะ "นักเขียนฝึกหัด"คนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มก้าวเข้าสู่โลกของการเล่าเรื่องออนไลน์ นิยายเรื่องนี้คือผลงานชิ้นแรกที่เราเขียนและตั้งใจจะแบ่งปันเพื่อให้ทุกคนได้ร่วมเดินทางไปพร้อมกันกับจินตนาการของเราค่ะ ก่อนเราจะเขียนเรื่องนี้ขึ้น เราได้รับแรงบันดาลใจจากการ์ตูนแนวต่างโลก เรื่อง โอเวอร์หลอร์ด กับเรื่อง เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ (เราไม่ได้นำสองเรื่องนี้มาแต่ง) เพราะเป็นแรงบันดาลที่ทำให้เราสร้างจินตนาการในหัวออกมาได้ เราก็เป็นคนหนึ่งที่รักการวาดภาพด้วย นานๆอาจจะเจอมีภาพประกอบให้ได้ดู
[เนื้อหาในนิยาย]
เราแต่งขึ้นจินตนาการทั้งหมด เนื้อเรื่องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลใดทั้งชื่อสถานที่และข้อมูลที่ปรากฏในเรื่อง ไม่ได้นำประวัติศาสตร์มาอ้างอิง
ถ้าเจอคำศัพท์แปลกๆหรือตัวอักษรแปลกๆ มันคืออักษรที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่และคำเรียกชื่อที่ไม่คุ้นหูเราแต่งขึ้นมาเองใส่ลงไปเพื่อความบันเทิง
หากนักอ่านพบว่ามีสิ่งใดผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องไป ขอน้อมรับทุกคำแนะนำและจะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นในทุกบทถัดไป และหากนิยายเรื่องนี้ทำให้ทุกคนยิ้มได้ ลุ้นไปกับเรื่องราวได้ นั่นก็คือความสุขของเราแล้ว ช่วยฝากกดไลค์และกดติดตามผลงานของเราด้วยนะคะ
#แอ็คชั่น แฟนตาซี เวทมนตร์ ต่างโลก ปีศาจ เทพเจ้า สงคราม นิยายไลท์ พีเรียสตะวันตก
-จะลงเนื้อหาเรื่อยๆ ทุกวันเสาร์ค่ะ อ่านฟรีจนจบ-
หวังว่านักอ่านทุกท่านจะสนุกและตื่นเต้นและอินไปกับเรื่องราวที่กำลังจะเริ่มต้นนี้…
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ♡
– [Nim of Nowhere]
...อารัมภบท...
หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊ค นิ้วกดคีบอร์ดรัวๆไม่ยั้ง เธอชื่อว่า "แอนนา" เธอมีชีวิตวนเวียนอยู่กับการทำงานเดิมวนไป วันนี้ก็เหมือนกับเมื่อวานและพรุ่งนี้ก็จะเหมือนวันนี้ เธอกำลังขลุกอยู่กับนิยายคู่ใจ เปิดเพลงเบาๆ นั่งเก้าอี้ตัวเดิมและโต๊ะที่ไม่มีพื้นที่ว่างจะวางของ…จริงจัง ปั่นต้นฉบับนิยายอย่างขะมักเขม้น แต่แล้ว... ความหายนะก็มาเยือน น้ำส้มปั่นว่างผิดที่เธอเผลอมือปัดมันหกใส่ต้นฉบับที่เขียนไว้จนเปียกปอนไปหมด ความรู้สึกร้อนวูบตีขึ้นหน้าจนแทบจะร้องไห้ เธอลุกไปเปิดน้ำก๊อกให้เต็มอ่างแล้วกดหัวตัวเองแช่น้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ โดยลืมเก็บต้นฉบับเหล่านั้นให้ออกห่างจากน้ำส้ม นึกได้แบบนั้น ก็กระดกหัวขึ้นจากอ่าง ยืนนิ่งมองตัวเองในกระจก ความโมโหกลิ่นกินความเจ็บปวดแม้จะหยิกเนื้อก็ตาม คิดแล้วก็ร้องอย่างเงียบๆ กำมือแน่นกระฟัดกระเฟียดไปหยิบกระดาษมาฟาดลงพื้นนอกระเบียง
แอนนาเดินกลับไปปลดเสื้อผ้าออกทุกชิ้นกองไว้หน้าประตูห้องน้ำ
เสียงน้ำดัง ซ่า! ไปทั่วห้องราวกับจังหวะน้ำตก ไม่นานน้ำก็หล้นอ่าง วินาทีที่เท้าลงในอ่างเย็นๆละลายความร้อนในร่างกาย จู่ๆ ความรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นผ่านร่างก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดิ่งลง
ฟองน้ำป้วนจากปากเธอ มือแหวกว่ายยิ่งพยายามว่ายขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งจมลึกลงเรื่อยๆ
“นี่มันอะไรกัน ฉันกำลังจะตาย!!”
จมลง
จมลง
จมลง
เธอนิ่ง ภาพสุดท้ายในหัวคือกระดาษเปียกๆ ที่ลอยคว้างอยู่ในน้ำรอบตัวเธอ
“ฉันตายแล้วเหรอ?”
ความรู้สึกวูบวาบเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาเต้นนอกร่างกาย ความเย็นเฉียบพลันของน้ำทำให้เธอดึงสติกลับมาอีกครั้ง
ว่ายขึ้น
ว่ายขึ้น
ว่ายขึ้นไปสู่ผิวน้ำ
.
.
.
สายลมพัดใบไม้ปลิวละล่อง
“คุณหนู ระวังนะเจ้าค่ะ! ต้นนั้นมันสูง ลงมาเถอะเจ้าค่ะ!”เสียงหวานๆของสาวใช้ร้องเตือนขึ้นอย่างร้อนรน ใบหน้าซีดเผือดเมื่อมองขึ้นไปบนกิ่งไม้สูงที่ตอนนี้มีเด็กสาวตัวเล็กคนหนึ่งกำลังปีนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว
มือเล็กๆนั้น จับกิ่งไม้แน่น ผมยาวสีดำสนิทปลิวตามสายลม ดวงตาสีอำพันฉายแววความซุกซน
“อีกนิดเดียวก็จะถึงลูกครายซาแล้ว\~”
เด็กหญิงหัวเราะเบาๆ ขณะเอื้อมมือไปคว้าผลไม้สีม่วงอมแดงที่แกว่งอยู่ปลายกิ่ง ความสดใสของเธอราวกับไม่เคยรู้จักคำว่า “อันตราย”
“คุณหนู เดี๋ยวข้าน้อยเก็บให้เจ้าค่ะ ช่วยลงมาก่อน…”
ยังไม่ทันที่คำพูดของสาวใช้จะจบลง เสียง กร๊อบ! ของกิ่งไม้ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงหวีดร้องสั้นๆ ที่ตามมาอย่างรวดเร็ว
ตุบ!
“คุณหนู!”
ร่างเล็กกระแทกพื้นเสียงดังฝุ่นกระจาย ดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆ ปิดลง
หัวใจสาวใช้แทบหยุดเต้น เธอพรวดพราดเข้าไปกอดเด็กหญิงขึ้นมา มือสั่นระริก
“ไม่… ไม่… อย่าหลับนะเจ้าคะ คุณหนู!”
เลือดซึมออกจากไรผมตรงขมับเล็กๆ สีหน้าของเด็กหญิงซีดขาวราวหิมะ
“รีบเอารถมารับคุณหนู เดี๋ยวนี้!”
รถม้าสีดำขลับวิ่งมาแต่ไกลมาจอดอยู่หน้าประตูประสาทสูงตระหง่านที่ตั้งอยู่บนเนินหูบเขา
“เปิดประตู! พาคุณหนูวาร์นเข้าไปในปราสาท เดี๋ยวนี้!”เสียงตะโกนของสาวใช้ที่ยังไม่หยุดสะอื้นเรียกความสนใจของเหล่าคนรับใช้ในปราสาทรัตติกาลวิ่งมา พวกเธอเข้ามาช่วยกันอุ้มร่างเด็กหญิงไปยังห้องด้านในอย่างเร่งรีบ
“เกิดอะไรกับลูกสาวข้า”
เสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากชั้นบนของบันได ร่างสูงสง่าที่สวมชุดดำยาวคล้ายชุดพิธีกรรม ค่อยๆ ก้าวลงมา ดวงตาสีม่วงวาววับ
“ท่านไวร์เวน คุณหนูวาร์นพลัดตกจากต้นไม้เจ้าค่ะ”
ไวร์เวนเมื่อได้ยินแบบนั้น เขามองร่างลูกสาวตัวน้อยที่แน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของคนใช้ หัวใจของชายผู้เยือกเย็นเยี่ยงน้ำแข็งแทบจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ
“พาเธอไปที่ห้องบรรทม… แล้วเรียกหมอมาทันที”เสียงของเขานิ่ง แต่นัยน์ตาที่จ้องมองลูกสาวกลับเต็มไปด้วยแรงสั่นไหวที่ไม่อาจปิดบังได้
ในห้องนอนหรูหราอบอวนกลิ่นน้ำยาสมุนไพรและผ้าชุบน้ำกลิบดอกมหัศจรรย์ ถูกว่างไว้ข้างเตียง
เด็กหญิงยังไม่ฟื้น สาวใช้ทำหน้าที่ซับร่างเธอตลอดเวลา
แต่แล้ว…
ในขณะที่กลิบดอกเคลื่อนไปตามสายลมที่พัดผ่านโดยไร้ที่มา…
อื้อ\~
เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้นจากเด็กหญิงบนเตียง ใบหน้าที่เคยซีดเผือดค่อย ๆ มีเลือดฝาดเล็กน้อย เปลือกตาสีอ่อนเริ่มเคลื่อนไหว
“คุณหนูฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้เอ่ยขึ้น
หมอหลวงกับเหล่าคนใช้ก้มมองร่างเด็กหญิงที่งัวเงียตื่น
ณ ตอนนี้…
เด็กหญิงสัมผัสความนุ่มนวลโอบล้อมร่างกายอย่างแผ่วเบาราวกับถูกห่มด้วยกลีบเมฆ กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้ที่เธอไม่คุ้นเคยลอยมากระทบปลายจมูก มันหอมหวานและผ่อนคลายจนน่าแปลกใจ
เธอลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เปลือกตาหนักอึ้งเหมือนหลับไปนานมาก สิ่งแรกที่เห็นคือผ้าม่านสีงาช้างปลิวไสวช้า ๆ อยู่ข้างหน้าต่าง พร้อมแสงแดดยามสายที่ลอดผ่านเข้ามาเป็นเส้นแสงสีทองอ่อน ๆและเมื่อกวาดสายตาไปรอบห้อง สิ่งที่เห็นก็ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
“…ที่นี่มัน…ที่ไหน?”
เตียงขนาดใหญ่ที่เธอนอนอยู่ไม่ใช่ฟูกเก่า ๆ กับผ้าห่มเน่าๆในอพาร์ตเมนต์แคบ ๆ แต่เป็นเตียงลายลูกไม้งามผ้าปูสีขาวสะอาด ล้อมด้วยเสาไม้สลักลวดลายวิจิตรราวกับยืมมาจากฉากละครเวทีแนวแฟนตาซีหรูหรา เพดานสูงด้านบนประดับภาพวาดสีซีเปียรูปเทพเจ้าบนเมฆ ไม่มีหลอดไฟ LED เหลือให้เห็นแม้แต่หลอดเดียว รอบห้องเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มแกะลายแปลกตาอย่างประณีต
เธอไม่รู้หรอกว่ามันแพงแค่ไหน แต่ถ้าไมเคิลแองเจโลมาเห็นเข้า ก็คงจะคำนับด้วยความนับถือในฝีมือ
ผนังห้องสีครีมอ่อนตกแต่งด้วยกรอบรูปสีทองลายลูกไม้ละเอียด ห้อยภาพวิวทิวทัศน์ชนบทอยู่หลายรูป ทว่า… มีหนึ่งภาพที่ดึงดูดสายตาเธอมากที่สุด
กรอบทองนั้นตั้งอยู่เหนือเตาผิง แสงแดดลอดผ่านทำให้เห็นเพียงเสี้ยวเงา เด็กสาวในภาพนั้น…หน้าตาคุ้นราวกับเคยเจอกันมาก่อน แต่เธอกลับนึกไม่ออกว่าเคยพบที่ไหน
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…” แอนนาพึมพำเสียงแผ่ว “ฉัน…อยู่ที่ไหน?”สติที่เหลืออยู่พยายามหาคำตอบแต่ไม่มีคำตอบไหนฟังดูสมเหตุสมผลเลยสักนิด
โรงพยาบาลรัฐไม่ใช่แบบนี้
โรงละครเหรอ?
โรงแรมหรูๆในย่านไหนแห่งหนึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ แต่…สิ่งเดียวที่เธอรู้แน่ๆคือ…ที่นี่ไม่ใช่หอพัก
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments