“ไร้แสง…ไร้เงา…ไร้ผู้รอด”
คือข้อความที่สลักไว้เหนือบานประตูหินก่อนเข้าสู่แดนที่เจ็ด
ทันทีที่พวกเขาก้าวข้ามผ่าน
— ความมืดก็กลืนกินทุกสิ่ง
หลิวสิง ตะโกน
“เฮ้! ใครเอามืออุดตาข้า!?”
เฟยหลง ตอบเสียงเรียบ
“ไม่มีใครอุดหรอก…นี่มันความมืดของจริง”
ความมืดนั้นไม่ใช่แค่ แสงไม่มี
แต่มันคือสิ่งที่ “กลืนแสง”
แม้แต่ปราณยังส่องออกได้ไม่เกินคืบเดียว
ทุกย่างก้าว ลมหายใจ เสียงก้าวเดิน…สะท้อนชัดในความว่างเปล่า
ความเงียบแทบจะกดทับลมหายใจ
“ทุกเสียง…จะถูกรับฟัง”
เสียงกระซิบล่องลอยรอบกาย
แต่ไม่อาจระบุทิศทาง
หนิงเทียน หลับตา
“อย่าใช้ตา…ใช้หูฟังแทน”
เฟยหลง หยุดนิ่งทันที
“เสียงใบไม้…หายไป”
“เสียงลม…หายไป”
หลิวสิง เสริม
“แต่เสียงกระเพาะข้า…ยังดังอยู่”
พวกเขาเริ่มเดินต่ออย่างช้า ๆ
ยิ่งลึกเข้าไป เสียง “กระซิบ” ก็ยิ่งชัด
“เจ้าทิ้งพ่อแม่มาเพื่ออะไร...”
เสียงกระซิบเหล่านี้ ไม่ใช่เสียงจากภายนอก
แต่คือ "เสียงที่แฝงในใจ"
หลิวสิง เริ่มหน้าซีด
“นี่มันแดนสารภาพบาปรึไง…”
จู่ ๆ เสียงหนึ่งกระซิบข้างหูเขา
“ข้าจะฆ่าพ่อเจ้าอีกครั้ง…”
หลิวสิงชักยันต์ออกมาทันที
“ไอ้ผีบ้า! พ่อข้าตายเพราะเจ้าพวกสำนักใหญ่นั่นไม่ใช่เรอะ!”
ทันใดนั้น
รากไม้ขนาดยักษ์โผล่ขึ้นจากพื้น พุ่งเข้าใส่เฟยหลงราวกับมองเห็น
มันไม่ใช่รากไม้ธรรมดา แต่คือ "เงาความกลัว" ที่จับรูปร่างได้
เฟยหลงไม่พูดสักคำ
เพียงหมุนตัวอย่างแผ่วเบา
กระบี่ลู่เสียน ฟาดลงกลางความมืด
ฟิ่ว—ฉัวะ!!
เงาถูกตัดออกเป็นเส้น แต่ทันทีที่มันตาย…อีกสามเงาก็ผุดตามมา
หนิงเทียน เคลื่อนไหวรวดเร็ว
ปลดผ้าผูกกระบี่เยว่ซินออก ปราณเยือกเย็นแผ่ซ่าน
ฟุ่บ! ความมืดรอบกายถูกแช่แข็งชั่วพริบตา
“เงาเหล่านี้…ตอบสนองต่ออารมณ์เรา”
ทันใดนั้น
เสียงหัวเราะเล็ก ๆ ดังมาจากเบื้องหน้า
หญิงสาวในชุดสีม่วงเข้มปรากฏตัว
ผมยาวสะบัดเป็นลอน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมาตามสายลม
ในมือเธอถือ "กระจกเงาพันวิญญาณ" สลักตราลัทธิจันทราเร้นชัดเจน
“เจ้าสามคน…ดูน่าสนุกดีนี่”
เฟยหลง ยิ้มกวน
“ถ้าเจ้าจะจีบข้า…ก็ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก”
“จีบเจ้ารึ?”
นางหัวเราะ
“เปล่า…ข้าแค่อยากลองชำแหละดูว่า คนที่ฝ่าด่านกระจกมาได้ จะมีอะไรอยู่ข้างในหัวกันแน่…”
หญิงสาวในชุดม่วงเข้มที่ถือกระจกพันวิญญาณยืนยิ้มกลางความมืด
เสียงฝีเท้าทุกย่างกลับสะท้อนชัดราวตอกตรึงในจิต
“ข้า...ชื่อ เยี่ยนอิ๋ง เป็น ‘ผู้เฝ้าเงา’ ของลัทธิจันทราเร้นผู้ถูกเลือกให้ประจำแดนนี้”
หนิงเทียน จ้องเงียบ ๆ ไม่แสดงอารมณ์
เฟยหลง หมุนกระบี่เล่นในมือแล้วพูดเรียบ ๆ
“ผู้เฝ้าเงาเหรอ...เป็นอาชีพหรือชื่อเท่ ๆ ของพวกชอบสะกดรอย?”
หลิวสิง เสริมทันที
“ข้ารู้ละ! แบบพวกชอบแอบฟังชาวบ้านนินทากันใช่มั้ย!?”
“เปล่าเลย...” — เยี่ยนอิ๋งยิ้มบางแต่ดวงตาเยือกเย็น
“ข้า…คือผู้ส่องแสงของเงา หากแสงภายในเจ้ามัวหม่น เงาจะยิ่งชัดเจน…”
ทันใดนั้น
กระจกในมือของนางเปล่งแสงวูบ!
และปรากฏ “เงาอีกด้าน” ของทั้งสามคนขึ้นเบื้องหน้า!
เงาเฟยหลง: เยือกเย็น นิ่งขรึม ไร้รอยยิ้ม
เงาหนิงเทียน: ร้อนรน กระวนกระวาย เต็มไปด้วยอารมณ์
เงาหลิวสิง: หน้าซีด ขี้ขลาด เหยียดหยามตัวเอง
“ไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดา...” เยี่ยนอิ๋งกล่าวเสียงเบา
“แต่คือการทดสอบครั้งสุดท้ายก่อนผ่านแดนเงา…เอาชนะ ‘ความเป็นไปได้ที่แย่ที่สุดของตน’ ให้ได้”
เฟยหลง พุ่งเข้าปะทะเงาของตนเองทันที
กระบี่ลู่เสียนปะทะกับเงากระบี่ที่เย็นยิ่งกว่า ลมหายใจทั้งสองแผ่ปราณต่างกันสุดขั้ว
เงาพูดขึ้น
“เจ้าปากดีเพราะเจ้ากลัวความเงียบ…เจ้าหัวเราะเพราะกลัวจะถูกลืม…”
เฟยหลง แสยะยิ้ม
“ถูกต้อง…ข้ากลัว แต่กลัวแล้วไง? ข้ายัง ‘กล้า’ หัวเราะอยู่ดี!”
ฉัวะ!!
ลู่เสียนฟาดผ่านเงาเฉียดวิญญาณ แสงปราณทะลวงใจเงาในพริบตา
ด้านหนิงเทียน
เขาไม่ได้ชักกระบี่แม้แต่น้อย
เพียงมองเงาตนเองที่บันดาลโทสะตลอดเวลา
“เจ้าคิดว่าความนิ่งคือความแข็งแกร่ง? ไม่หรอก…เจ้ากลัวเสียใจอีกครั้งต่างหาก!”
หนิงเทียนพูดเบา ๆ
“จริง…แต่ความเจ็บปวดไม่เคยหยุดข้าได้…”
เงาพุ่งใส่ทันที หนิงเทียนหลับตา และ…
ควับ!
ชักกระบี่เยว่ซินพริบเดียว ปลายกระบี่ฟาดเฉือนผ่านเงาอย่างไร้ร่องรอย
ด้านหลิวสิง
เงาของเขาหัวเราะเยาะ
“เจ้าคือของปลอม เจ้าคือคนอ่อนแอที่แค่พยายามให้คนอื่นหัวเราะ…เพื่อกลบเสียงในใจ”
หลิวสิงเงียบ
...แล้วจู่ ๆ เขาก็หัวเราะลั่น!
“ข้ารู้ตัวอยู่แล้ว! ข้าไม่ใช่ยอดฝีมือ ไม่ใช่ฮีโร่…แต่ข้าคือข้า!”
เขาสะบัดยันต์ในมือ
ซัดเข้าใส่เงาตัวเองกลางหน้าผาก!
ผัวะ!!
เงาสลายกลายเป็นหมอก เสียงหัวเราะหลิวสิงยังดังต่อเนื่อง
“ฮ่า ๆ ๆ! สะใจว่ะ ข้าไม่เคยตบตัวเองมาก่อน!”
เยี่ยนอิ๋ง มองทั้งสามแล้วพยักหน้าเบา ๆ
“ผ่านแล้ว…พวกเจ้าสามารถผ่านแดนนี้ได้”
“เจ้าไม่สู้เองเหรอ?” — เฟยหลงถาม
“ข้าไม่จำเป็น…ข้าแค่เฝ้าไม่ให้ใครหนี ‘เงา’ ของตนเองก็พอ”
เธอหันหลังให้ แล้วละลายหายไปในหมอก
เสียงสุดท้ายคือคำกระซิบเบา ๆ…
“ข้ารอ…วันที่เจ้าคนปากดีจะหยุดหัวเราะลงจริง ๆ…”
ทันทีที่ก้าวข้ามขอบเขต…
ร่างทั้งสามกลับ “เบา” จนผิดปกติ
แรงกดดัน วิชาปราณ ค่ายกลยันต์—ทั้งหมดราวกับ ถูกลบเลือน
เฟยหลง
“เวรเอ๊ย...ปราณข้าหายไป!?”
หนิงเทียน หลับตา ตรวจสอบภายใน
พลังทั้งหมดหายไป...เหลือเพียง “เส้นลมปราณดั้งเดิม” บางเบา
ไม่มีพลัง
ไม่มีปราณ
มีเพียง... “แก่นแท้ดั้งเดิมของตนเอง”
พื้นดินที่เหยียบคือหินธรรมดา
ต้นไม้ใบหญ้าสีหม่นคล้ายไร้ชีวิต
แต่กลับแผ่ “ความนิ่งสงบ” ที่ลึกจนเยือกเย็น
“เหมือนโลกนี้...ไม่มีอะไรเลย แต่ก็ไม่มีอะไรขาด” — หลิวสิงพูดขึ้นอย่างผิดวิสัย
ทันใดนั้น เสียงของ ใครบางคน ก็ดังขึ้นจากฟ้า
เป็นเสียงชายชราลึกลับดั่งมาจากอดีตพันปี
“แดนรากแท้…คือบททดสอบที่ไม่สามารถผ่านด้วยพลังภายนอก”
“ผู้ใดมิอาจยอมรับ ‘ตนเองที่แท้จริง’ ย่อมมิอาจผ่าน…”
จู่ ๆ ร่างของ เฟยหลง ก็ลอยขึ้นกลางอากาศ
แสงสีแดงปะทุจากจุดตันเถียน แล้ว…ดับวูบ
“ข้าควรจะ...ปากร้ายไหมนะ ถ้าข้าไม่หัวเราะ จะมีใครจำข้าได้ไหม?”
เสียงภายในของเฟยหลงสะท้อนในอากาศ
เงาของเขากระพริบรอบตัว—เป็นภาพจากอดีต
เด็กน้อยผู้วิ่งตามหลังพ่อแม่ที่ไม่เคยมองกลับ
เฟยหลงวัยเยาว์ที่ถูกผลักออกจากสำนัก เพราะ "หัวเราะไม่เป็นกาลเทศะ"
เฟยหลงในวันที่ถูกทิ้ง แต่เลือกพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าสบายดี”
หลิวสิง เองก็นั่งลงเงียบ ๆ
“ข้า...แกล้งโง่เพื่อให้เขาหยุดถาม”
“ข้าขำ...เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าข้าร้องไห้ข้างใน”
“แต่ข้าก็คือข้านี่แหละ…”
เขาปิดตา แล้วกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ใบหญ้าบริเวณที่เขานั่งอยู่ เริ่มเปล่งแสงเขียวอ่อนออกมา
ส่วน หนิงเทียน ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
เขาหยิบสุราขวดเล็กขึ้นจากอกเสื้อ
จิบหนึ่งครั้ง แล้ววางลง
เบื้องหน้าคือภาพในอดีต...
หญิงสาวผู้หนึ่ง—ใบหน้าซีดเซียว กำลังบอกลาเขาในสวรรค์
และเขา...เลือกหันหลังให้ โดยไม่พูดสักคำ
“ข้าหมดสิ้นแล้วในวันนั้น...แต่ก็ยังหายใจต่อมาได้พันปี”
“หากข้าไม่ยอมรับมัน...ข้ายังจะเหลืออะไร?”
ทันใดนั้น เสียงหัวใจของเขาเต้นดัง ตึก...ตึก...
แสงจาง ๆ สีเงินผุดขึ้นจากจุดกึ่งกลางอก
นั่นคือ “รากแท้” ของเขา—เจตจำนงแห่งการยืนหยัดแม้ไร้สิ่งใดหลงเหลือ
ในอีกมุมของดินแดน
แผ่นดินเริ่มสั่นเบา ๆ
เสียงของชายชราลึกลับกลับมาอีกครั้ง
“ผู้ใดยอมรับความเปราะบางและความกล้าในตนได้...”
“ผู้นั้นจึงเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง”
เงาสุดท้ายแตกสลาย
ต้นไม้ทุกต้นในแดนรากแท้เริ่มผลิดอกสีทองอ่อน
และตรงกลาง...บังเกิดประตูหินจารึกอักษรคำเดียว
– สงคราม
เฟยหลง ยืดเส้นยืดสายพลางหัวเราะเบา ๆ
“ฮะ...ในที่สุดข้าก็กลับมาแล้ว...พร้อมปะทะทุกสิ่ง”
หลิวสิง ดีดนิ้ว
“ข้าคิดมุกได้เป็นร้อยในแดนนี้นะ! เสียดายไม่มีใครหัวเราะ!”
หนิงเทียน จิบสุราเงียบ ๆ
แต่ดวงตากลับแน่วแน่กว่าเดิม
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments