เส้นทางหินแคบทอดผ่านกลางหุบเขาหมอก
บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายลางร้ายจากพลังตกค้างของแดนต้องห้าม
เสียงฝีเท้าของสามหนุ่มดังก้องในความเงียบ
เฟยหลง, หนิงเทียน, และ หลิวสิง กำลังมุ่งหน้าไปยัง “แดนกระจกพันเงา”
สายลมพัดกลิ่นหมอกและกลิ่นดอกไม้แปลกประหลาดมาจาง ๆ
หลิวสิง เดินไปบ่นไป
“เราควรได้พักยาวกว่านี้หน่อยนะ ข้าเจ็บหลัง ข้าเหนื่อย ข้า—”
เฟยหลง หยุดเดิน หันหลังกลับ
“เจ้าอยากขี่ข้าไหมล่ะ?”
หนิงเทียน เอ่ยเสียงเรียบโดยไม่หันกลับ
“อย่าชวน…เดี๋ยวเขารับจริง”
“ข้าว่ากลิ่นนี่…ไม่ธรรมดา” — หนิงเทียนเอ่ยเยือกเย็น
หลิวสิง ดมกลิ่นแล้วเบิกตากว้าง
“ข้ารู้จัก! นี่มัน...กลิ่น ‘บุปผาทลายจิต’ ของศาลาร้อยบุปผา!”
ไม่ทันจะก้าวต่อ
เสียงหญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นกลางหมอก
“มีคนรู้จักกลิ่นข้าด้วย...น่ายินดีนัก”
ซูเม่ยฮวา ก้าวออกมาจากม่านหมอกด้วยท่วงท่าราวบทกวี
ชุดประจำสำนักศาลาร้อยบุปผาสีชมพูม่วงพริ้วไหว เธอถือพัดเล็กประดับดอกเหมย
ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในแววตาซ่อนพิษเย็นเฉียบ
ข้างเธอคือชายหนุ่มรูปร่างสูง ผมยาวดำสนิท ใส่ชุดดำปักลายจันทรา
เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงยืนสงบ เงียบ เย็นชา
หลิวสิง รีบบอกเบา ๆ
“หมอนั่นคือ เยว่เหิน จากลัทธิจันทราเร้น…เขาใช้อาคมเงาและคำสาป”
เฟยหลง ยิ้มกว้าง
“หืม? หญิงงามกับชายลึกลับปรากฏตัวพร้อมกัน...เหมือนนิยายรักเลยแฮะ”
ซูเม่ยฮวา หัวเราะเบา ๆ
“เจ้าคือเฟยหลง อันดับหนึ่งจากประลองสินะ? ข้าเพียงอยากรู้ว่าทำไมกระบี่เจ้าจึงเลือกเจ้าเป็นนาย”
เฟยหลงหมุนกระบี่ลู่เสียนในมือเบา ๆ
“ข้าให้มันกินใบชาดี ๆ ทุกเช้า มันเลยรักข้า”
เยว่เหิน เอ่ยด้วยเสียงเย็น
“เสียใจด้วย แต่ข้าจะขอผ่านทางนี้…อย่างสงบ หรือไม่สงบก็ได้”
หนิงเทียน เอ่ยเรียบ
“ก็แล้วแต่เจ้าจะเลือก”
บรรยากาศตึงเครียดทันที
กลิ่นบุปผาพิษแผ่กระจายในอากาศ ปนกับเงาดำที่ไหลจากเงาเท้าของเยว่เหิน
ซูเม่ยฮวา กระดิกนิ้ว พัดในมือปล่อยละอองสีชมพูบางเบา
“อย่าห่วง ข้าไม่ฆ่าใครหรอก…แค่หลอกให้หลับไปเท่านั้น”
เฟยหลง หรี่ตา ยิ้มกว้าง
“ดีเลย…ข้าก็แค่ ‘อยากเล่น’ เช่นกัน”
การปะทะเริ่มขึ้น!
ซูเม่ยฮวาโจมตีด้วย “กลิ่นหอมลวงจิต”
แต่หนิงเทียนปล่อยปราณเย็นพิเศษจากร่างต้านกลิ่นนั้นจนกลายเป็นน้ำแข็ง
เยว่เหิน ใช้เงาจันทราแยกร่างมาสามสาย เข้าโจมตีด้านหลังพร้อมคำสาป
หลิวสิงใช้ยันต์สะท้อนขัดไว้ชั่วคราว
“พวกเจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้พังทีมเวิร์คเรอะ!?”
เฟยหลงโผล่ขึ้นด้านบน
กระบี่ในมือหมุนตวัดฟาดเบา ๆ อย่างรวดเร็ว
ฉัวะ!
เส้นผมของเยว่เหินขาดไปสามเส้น
เสื้อของซูเม่ยฮวาขาดเป็นรอยเล็ก ๆ ตรงแขนเสื้อ โดยไม่มีใครโดนจริง
เฟยหลง ยิ้มกว้าง
“ข้าบอกแล้วไง…แค่หยอก”
ซูเม่ยฮวา หัวเราะเสียงต่ำแต่เยือกเย็น
“ถ้าหยอกแล้วทิ้งรอยแบบนี้…ข้าจะตอบเจ้ากลับให้หวานพอ ๆ กันนะ”
เยว่เหิน (เงาเงียบ)
“คราวหน้า เจ้าจะไม่หยอกได้อีก…”
ทั้งสองจากไปโดยไม่ยื้อ
บรรยากาศเงียบลงอีกครั้ง
หลิวสิง หอบเหนื่อย
“เจ้าหยอกเขา…แต่หัวใจข้าจะหยุดเต้นอยู่แล้ว!”
เฟยหลง
“งั้นคราวหน้าข้าจะหยอกข้าเอง แล้วเจ้าจะไม่ต้องลำบากใจ”
หนิงเทียน พูดเบา ๆ
“อย่าหยอกบ่อยเกิน…เดี๋ยวจะเจอคนไม่เล่นด้วย”
ม่านแสงสีเงินทอดยาวเป็นเส้นขอบระหว่างโลก
เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไป…โลกทั้งใบกลับกลายเป็น “กระจก”
พื้นสะท้อนเงา
ท้องฟ้าก็สะท้อนเงา
แม้แต่เสียง…ยังสะท้อนกลับมาเป็นเสียงตนเอง
"นี่มันแดนกระจกพันเงาจริง ๆ..." — หลิวสิงกลืนน้ำลายเอื๊อก
ทันใดนั้น
ร่างของแต่ละคนถูกดูดแยกจากกัน
พวกเขาไม่ทันตั้งตัว รู้สึกเพียงแรงกระชาก ก่อนทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่า
ฝั่งเฟยหลง
เขาลืมตาขึ้น…พบว่าตัวเองยืนอยู่ในหุบเขาไร้แสง
กระจกนับพันบานลอยวนรอบร่าง
และในแต่ละบาน สะท้อน “เฟยหลง” คนละอารมณ์
บางบานเย็นชา
บางบานโหดเหี้ยม
บางบาน...อ่อนแอและร้องไห้
แต่แล้ว "เงาเฟยหลง" บานหนึ่งก้าวออกมาจากกระจก
มันหัวเราะและพูดอย่างดูแคลน
“เจ้าหัวเราะได้ตลอด…เพราะกลัวเงียบไงล่ะ”
เฟยหลงชะงัก
ดวงตาเงานั้นเต็มไปด้วยบาดแผลจากอดีต
ความรู้สึกที่เขาซุกซ่อนไว้
“เจ้าคิดว่าการปากหมา การยิ้ม…จะช่วยให้เจ้าไม่รู้สึกผิดหรือ?”
เฟยหลงกัดฟัน
“ข้าไม่เคยหนี…แค่เลือกจะเดินหน้าในแบบของข้าเท่านั้น!”
เขาชักกระบี่ลู่เสียนในจังหวะที่เงาพุ่งเข้าใส่
ฉัวะ!
เสียงกระบี่ปะทะกันสะท้อนในอากาศ
และศึกกับ “ตัวตนอีกด้าน” ได้เริ่มขึ้น…
ฝั่งหนิงเทียน
เขายืนอยู่ท่ามกลางลานหิมะนิ่งงัน
เบื้องหน้า…มี "ชายในชุดสีขาว" คนหนึ่งยืนหันหลังให้เขา
“เจ้าไม่เคยเชื่อใจใครเลยสินะ…แม้แต่ตนเอง”
หนิงเทียนเงียบ แต่มือกุมกระบี่เยว่ซินแน่น
ชายคนนั้นหันกลับมา
หน้าตาเหมือนเขาทุกประการ…แต่ดวงตาเต็มไปด้วย “ความว่างเปล่า”
“เจ้าฆ่าศิษย์น้องเพียงเพราะกลัวความตายเบื้องหน้าที่ศิษย์น้องนำมาให้”
“เจ้าเยือกเย็น…แต่ไม่กล้าเปิดใจ”
หนิงเทียนพึมพำเบา ๆ
“ข้า...ไม่ลืมทุกชีวิตที่เคยจบลงเพราะข้า”
เขาก้าวเดินช้า ๆ
เงาหนิงเทียนยิ้มและชักกระบี่
“มาดูกันว่า ‘เจ้า’ จะตัด ‘ตัวเจ้า’ ได้หรือไม่…”
ฝั่งหลิวสิง
เขาตื่นมาในห้องสอบโบราณ
ตรงหน้าคือ “ตนเอง” ในเวอร์ชันผอมแห้ง ใส่ชุดขาด ๆ
“ข้าไม่กล้าเป็นคนเก่ง เลยเลือก ‘เป็นตัวตลก’ ใช่ไหม?”
หลิวสิงนิ่ง
“เพราะถ้าคนหัวเราะข้า…ข้าจะไม่ต้องกลัวเขาดูถูก”
เงาเดินเข้าใกล้ พร้อมกับโยนกระจกบานหนึ่งให้เขา
ในนั้นคือภาพแม่ของเขา…ร้องไห้ข้างศพพ่อที่ตายเพราะศิษย์สำนักใหญ่บีบฆ่า
เขา…ยังเด็กและหนีไปซ่อน
หลิวสิงกำหมัดแน่น
“ข้าไม่ลืม…แต่ข้าก็ไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นคนขมขื่น”
เงาเลิกคิ้ว
“แล้วเจ้าพร้อมจะสู้แบบไร้หน้ากากหรือยัง?”
“พร้อมสิ…”
ยันต์ผนึกฟ้าระเบิดเงา ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ
เมื่อแต่ละคนสามารถ “สู้และยอมรับ” ตัวเองได้
เงาสลาย กลายเป็นแสงที่หลอมรวมเข้าสู่ร่าง
และสุดท้าย พวกเขาทั้งสามกลับมาพบกันที่ใจกลางลานกระจก
เฟยหลง เลียริมฝีปาก
“ข้าเพิ่งรู้ว่าตัวเองหน้าตาดีขนาดนั้นตอนโมโห…”
หลิวสิง ทำหน้าซึ้งแล้วตบอก
“โอ้โห...ข้าคุยกับตัวเองแล้วขำจนน้ำตาไหล!”
หนิงเทียน พยักหน้าเบา ๆ
“พวกเรา...เปลี่ยนไปแล้ว”
ทางข้างหน้าคือประตูสลักลายป่าไร้แสง
และตัวอักษรลอยเรืองแสงบนบานประตูเขียนไว้ว่า...
“แดนรัตติกาลไร้สิ้นสุด – ผู้ที่ไม่ยินดีในความเงียบ...จะถูกกลืนไป”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments