เจ้าหนุ่มรูปงามบ้านป่ามีนามว่าจุนซา เจ้านี่ฝีมือการใช้ธนูเก่งชะมัดอยู่ในป่าผมก็ไม่ได้อดอยากอะไรมีไก่มีเนื้อกินทุกวันเพราะเจ้าจุนซานี้เลย ผม ชักหลงใหลในการยิงธนูเสียแล้วสิ ดีกว่าใช้ดาบ กับปืนตั้งเยอะ หากเป็นปืนในยุคปัจจุบันคงจะดีไม่น้อย
“ท่านต้องเล็งให้แม่นและแน่ใจ มืออย่าสั่น หากว่าท่านยิงธนูได้แม่นยำแล้วศัตรูอยู่ไกลแค่ไหนท่านก็จะยิ่งโดนแม้กระทั่งนกบินอยู่ท่านก็ จะยิ่งมันถูก”
“เจ้าไปร่ำเรียนวิชายิงธนูนี้มาจากที่ใดในเมื่อเจ้าอยู่แต่ในป่า”
“ พ่อข้าเป็นพรานป่าน่ะสิยิงธนูเพื่อที่จะเอาไว้ป้องกันตัวจากสัตว์ป่าและเอาไว้ล่าสัตว์ไว้เป็นอาหารไม่ได้คิดจะไปฆ่าผู้ใด”
“ เจ้าอยู่คนเดียวไม่คิดที่จะ แต่งงานบ้างหรอ?”
“กระไรคือแต่งงานขอรับ?”
“เอ่อ ..อะไรวะ? แต่งงานภาษาโบราณเรียกว่าอะไร?”
“ท่านคุยกับผู้ใด?”
“อ่อ ข้าคุยกับตัวเองถามตัวเอง”
“ท่านคงเหงาหรือไม่ก็เพี้ยนคุยกับตัวเองก็ได้แล้วแต่งงานคือกระไร”
“แต่งงานก็คือออกเรือน มีคู่ครองมีภรรยา ต้องถูกสักข้อล่ะว่ะ”
“อ๋อข้าไม่อยาก พาผู้ใดมาลำบากกับข้าหรอกขอรับ”
กระท่อมกลางป่าห่างไกลผู้คนยามค่ำคืนช่างเงียบสงบมีเพียงเสียงสัตว์ปีกตัวเล็กๆแข่งขันกันร้องฟังแล้วเพลิดเพลินดีเหมือนกันผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในวังหลวงมาแล้ว คราวนี้ลองใช้ชีวิตในป่าดูบ้างป่านนี้พระราชาคงตามหาผมให้วุ่นแล้ว เขาขาดผมไม่ได้ไม่ใช่สิเขาขาดเจ้าขันทีชเวอินแจไม่ได้ต่างหาก แต่ถ้าวันใด เขารู้ว่าขันทีชเวได้ตายไปแล้วเขาจะรู้สึกอย่างไรนะ ขณะที่ผมนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศ ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดพวกมันได้พากันมารุมผมทั้งกองทัพ มันพวกนั้นคือ
“วี๊.วี๊ .วี๊ๆๆๆโอ้ยเลือดจะหมดตัวแล้วเนี่ย เอาดาบฟันแม่ง ขวับๆๆ”
“ ท่าน ข้านำต้นไม้สำหรับไล่แมลงกินเลือดมาให้ท่าน วางไว้บนหัวนอนของท่านมันจะไม่มารบกวนท่านอีก”
“ นี่เจ้าเพาะพันธุ์ยุงขายรึไง”
“ผู้ใดกันจะมาซื้อแมลงกินเลือดนี่ ท่านพูดประหลาดนัก”
“ ข้าประชด”
ได้ผลจริงๆไอ้ต้นไม้นี้ ผมหลับตาลงได้สักที แสงสว่างยามเช้าสาดส่องเข้ามาสายลมพัดเย็นๆอากาศในยามเช้าช่างสดชื่นเสียจริงป่านนี้พระราชาจะเป็นอย่างไรบ้างนะที่ผมคิดถึงเขาทุกวันเลย ไม่ได้นะผมจะไม่ยอมกลับไปตายอยู่ในวังหลวงอีกแล้วผมไม่รู้ว่าเจ้าขันทีชเวตอนที่ มีชีวิตอยู่ได้ไปขัดแข้งขัดขาใครไว้บ้าง มีอาหารว่างไว้แต่เจ้าหนุ่มจุนซา ไม่อยู่เจ้านี่บอกแล้วว่าถ้าจะไปล่าสัตว์ให้ปลุกด้วยอยากทดลองฝีมือดู เพียงไม่นานหลังจากผมได้กินอาหารที่เจ้าหนุ่มจุนซาทำไว้ให้ผม ผมก็ออกมาเดินเล่น แล้วก็เจอกับกลุ่มทหาร ในวังหลวงมาพร้อมกับเจ้าหนุ่มจุนชานั้น เจ้านั้นต้องบอกพวกทหารแน่ๆว่าผมอยู่ที่นี่ พระมเหสีคงสั่งคนมาฆ่าผมแน่ๆคิดได้ดังนั้นผมก็จะหาที่หลบซ่อนตัว ขณะที่ผมกำลังหาที่หลบซ่อนอยู่นั้น ผมได้ชนกับ ใครบางคน เวลานั้นหัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย ผมไม่มีอาวุธ เมื่อผมเงยหน้าขึ้นดูหัวใจของผมก็รู้สึกพองโต ตื่นเต้นดีใจ ความปรารถนาใน หัวใจความรู้สึก หลายสิ่งหลายอย่าง ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร พระราชาก็ดึงร่างของผมยื้อยุดฉุดกระชากผมเข้าไปในป่าพร้อมกับสั่งเหล่าบรรดาทหารว่า
“ห้ามผู้ใดตามมาข้าจะทำโทษเจ้าขันทีทรยศที่คิดหนีออกจากวังมา”
เจ้าจุนซาก็เป็นห่วงผม ตะโกนบอกว่า
“อย่าฆ่าเขาเลยเขาโดนทำร้ายมา”
แต่พระราชาโกรธจนไม่ฟังใครทั้งนั้นลากผมมาจนห่างไกลผู้คนมาก ตายแน่ๆผมตายแน่ๆ แต่
“เจ้าเบื่อข้สมากขนาดคิดหนีข้ามมาอยู่กลางป่ากับเจ้าหนุ่มรูปงามผู้นั้นเลยหรือ ข้าจะไม่ปล่อย เจ้าแน่โทษฐานบังอาจทิ้งขาและปันใจให้ชายอื่น”
ผมยังไม่ทันจะอธิบายอะไรพระราชาก็กระชาก ชุดของผมจนหลุดลุ่ย ริมฝีปากซุกไซ้เม้มกัดดูดเลียไปทั่วร่างของผมครั้งนี้เขาช่างดุดันจนผมรู้สึกเจ็บ
“พระองค์กระหม่อมเจ็บพะยะค่ะ”
“ข้าเจ็บกว่าเจ้าหลายเท่านัก อ่ะ..!.. บาดแผลนี้เจ้าไปโดนกะไรมา”
“กระหม่อมถูกผู้ไม่หวังดีภายในวังหลวงลวงมาสังหาร แต่ปืนของพระองค์ช่วยชีวิตของกระหม่อมไว้ กระหม่อมนึกว่า จะตายไปแล้วแต่เจ้าหนุ่มนั่นแบกกระหม่อมมาพะยะค่ะ”
ริมฝีปากที่อบอุ่น จูบลงบนบาดแผลอย่างทะนุถนอมความรู้สึกนี้ช่างดีเหลือเกินร่างกายเหมือนคุ้นเคยโขดหินกลางป่าใหญ่โตพอที่จะปิดบังเราทั้ง สอง มิให้ผู้ใดเห็น ความปรารถนาในกายของผมมันบังคับให้หยุดไม่ได้แล้วจุมพิตที่มอบให้กันมันช่างหวานหอม ผมนั่งคร่อมสิ่งนั้นของพระราชา ผมขยับบั้นท้ายขึ้นลงอย่างคุ้นชินหลายวันมานี้ผมปรารถนาสิ่งนี้ทุกวัน
“อ่าาา…เจ้าก็คิดถึงข้าเช่นกันสินะ แล้วทำไมเจ้าไม่กลับไปหาข้า”
“กระหม่อมบาดเจ็บสาหัส หลายวันนัก กว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้พะยะค่ะ”
“ช่างเถอะข้าเข้าใจเจ้าแล้ว มิต้องพูดอันใด อาา…ขันทีชเว ข้าคิดถึง เจ้าเหลือเกิน”
“อือออ…อาาา…กระหม่อมก็คิดถึงพระองค์พะยะค่ะ”
บทเพลงรักที่บรรเลงอยู่กลางป่า เสียงครวญคร่ำประสาน ผสมกัน ผมรู้สึกมีความสุขเสียเหลือเกิน
ภายในวังหลวงที่วุ่นวายผมได้กลับมาอยู่ในที่เดิมที่ผมเคยอยู่กับพระราชาผมรู้แล้วว่าใครที่ไม่หวังดีกับ เจ้าของร่างนี้คันทีชเวได้ ตายไปแล้ว หนึ่ง ครั้งแต่ขันทีชเวคนใหม่นี้จะไม่ยอมก้มหัวให้กับใครจะไม่อ่อนแอ อ่อนข้อให้ใคร มาทำร้ายได้อีกตาต่อตาฟันต่อฟันผม คิมมันจา มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ในร่างขันทีชเว ผมจะเดิมพันด้วยชีวิตของผมผมจะต้องอยู่ในร่าง นี้ในที่แห่งนี้ให้ได้เพื่อพระราชาที่ คลั่งรักขันทีคนนี้ซึ่งไม่ใช่ผม ผมรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อคิดว่าคนที่พระราชารักและต้องการไม่ใช่ผม แต่ตอนนี้เรื่องพระมเหสีสำคัญกว่าผมจะเอาตัวรอดจากใครรอบด้านได้อย่างไรกันนะใครคือมิตรใครคือศัตรูไว้ใจใครได้บ้างความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้ช่างแสนทรมานยิ่งนัก
“ท่านขันทีท่านหายไปไหน มาเจ้าค่ะข้าไม่เห็นหน้าท่านตั้งหลายวันท่านช่วยแต่งหน้าให้ข้า บ้างได้ไหมเจ้าคะ?”
อ้าวอะไรเนี่ยแต่งหน้าอะไรกันเจ้าขันทีนี่ชอบแต่งหน้าหรือแล้วยุคนี้เค้าใช้อะไรแต่งหน้ากันนะ หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเพื่อนสาวของเจ้าขันที
“ เจ้าช่วยบอกข้าหน่อยว่าข้ามีสหายกี่คนผู้ใดบ้างข้ามีคนคบไหม?”
“ เอ่อ…ไม่มีเจ้าค่ะท่านชอบตำหนิคนโน้นคนนี้ไม่ค่อยมีผู้ใดชอบใจท่าน เท่าใดนักเจ้าค่ะท่านปากร้ายถือว่าตัวเองเป็นคนโปรดของฝ่าบาทเลยไม่เห็นหัวผู้ใดแม้กระทั่งพระสนมเอกมีนางในไม่กี่คนที่ชอบทานเพราะท่านชอบ จับพวกนางมาแต่งหน้าเจ้าค่ะข้าก็ด้วยค่าชอบทานถึงท่านจะปากร้ายแต่ท่านใจดีเจ้าค่ะ แต่งหน้าสวยงามด้วย ว่าแต่วันนี้ท่านมิได้จะมาแต่งหน้าให้พวกข้าหรอกหรือเจ้าคะ?”
“ ข้าต้องขออภัยเจ้า ข้าบาดเจ็บ ใช้แขนข้างขวาไม่ได้”
“มิเป็นไรเจ้าค่ะหากท่านหายแล้ว ข้าขอมาแต่งหน้า กับท่านด้วยนะเจ้าคะ”
อ้าวงานงอกอีกแล้ว การใช้ชีวิตในร่างของเจ้า นี่ช่างยากเย็นนักมีอะไรมาเซอร์ไพรส์อยู่เรื่อยๆเสียดายที่เจ้าจุนซาไม่ยอมตามผมมาด้วยไม่งั้นผมจะได้มีผู้ติดตามฝีมือดีอยู่ด้วย ในแวดวงสังคมภายในวังหลวงผู้คนพร้อมที่จะหักหลังพร้อมที่จะแทงข้างหลังกันได้ทุกเมื่อหากแม้ว่าหมดผลประโยชน์ต่อกันแล้ว ทุกยุคทุกสมัยหนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้จริงๆ พระมเหสีผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเคยเป็นเพื่อนรักกับขันทีชเว ก็ยัง รอบทำร้ายกันถึง สอง ครั้งหรือว่า 3 ครั้งนะครั้งนั้นที่ผมโดน ทำร้ายไม่รู้ว่าเป็นพวกไหน แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกว่ามีใครตามผมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะยามกินยามนอนหรือแม้แต่ยามปลดหนักปลดเบาผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังตามหลังผมตลอด พอหันไปมองก็ไม่เห็นมีใครเลยหรือว่าผมจะหูแว่วคิดระแวงไปเอง
“ ท่านคันที่ชเวอินแจ พระมเหสีเรียกพบเจ้าค่ะ”
นางในรับใช้ของพระมเหสีมาตามผมให้ไปพบพระมเหสีเฮ้อจะมาไม้ไหนกันล่ะเนี่ยผมเดินตามนางไปจนถึงหน้าตำหนักของพระมเหสีหัวใจที่แข็งแกร่งของคิมมันจามิเคยเกรงกลัวผู้ใดแต่ก็รู้สึกหวาดหวั่นเพราะเคยแต่สู้กับผู้ชาย แต่ผู้หญิงไม่เคยเลย ผู้หญิงน่ากลัวกว่าผู้ชายเสียอีกผมจะต้องเจอกับอะไรบ้างยังไม่รู้เลยเอาวะ
“ พระมเหสีมีอันใดให้กระหม่อมรับใช้หรือพะยะค่ะ”
“พวกเจ้าออกไปก่อนข้ามีเรื่องต้องปรึกษาท่านขันทีเป็นการส่วนตัว”
(นางนัยรับใช้ออกไปแล้ว)
“เจ้ากลับมาทำไม? กลับมาได้เยี่ยงไร?”
“ พระองค์คงคิดว่ากระหม่อมตายแล้วสินะพะยะค่ะ แต่ว่าคนของพระมเหสีฝีมือมันอ่อนด้อยเกินไปจึงสู้ฝีมือของกระหม่อมไม่ได้พะยะค่ะ”
“ เจ้าไม่เคยชอบการต่อสู้แล้วเจ้ารอดมาได้เยี่ยงไร
พระองค์ยังมิ ทราบอะไรอีกมากมายในตัวของกระหม่อมหรอกะพะยะค่ะ”
“ เจ้าจะกลับมาแก้แค้นข้าหรือ”
“หามิได้พะยะค่ะกระหม่อมแค่อยากจะมาเป็นเสี้ยนคอยทิ่มแทง ยอกอกผู้ที่คิดจะทำร้ายกระหม่อมพะยะค่ะ”
ผมยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจ
“สักวันข้าจะเปิดโปงความชั่วช้าวิปริตผิดธรรมชาติของเจ้า”
“ เรื่องของหัวใจมิมีหลอกคำว่าวิปริตผิดธรรมชาติอนาคตเรื่องพวกนี้จะเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป”
แค่คำพูดคำจาของเจ้าก็วิปริตฟังไม่รู้ความ ทำจองหองอวดดีไปเถอะข้าจะเปิดโปงเจ้าให้ได้สักวัน”
“หากว่าพระองค์เปิดโปงเรื่องนี้ฝ่าบาทก็จะเดือดร้อนไปด้วยพระองค์จะกล้าธรรมหรือพระยะค่ะ”
“เจ้าคนถ่อย”
“ พระองค์อยากรู้มั๊ยพะยะค่ะว่ากระหม่อมกลับมาได้เยี่ยงไร กระหม่อมจะบอกให้ก็ได้พะยะค่ะ ฝ่าบาททรงไปรับกระหม่อมมาด้วยพระองค์เองพระยะค่ะค่ำคืนกลางป่าที่แสนเหน็บหนาว แต่เลือดในกายเร่าร้อนแล้วอะไรต่ออีกนะ เราทั้ง สอง ต่างแสดงความรัก ร่วมกัน”
“ ชั่วช้าต่ำ ออกไปให้พ้นหน้าข้าออกไป..!”
“กระหม่อมทูลลาพะยะค่ะ อยากให้กระหม่อมเล่าสิ่งใดให้ฟังอีก พระองค์ทรงเรียกกระหม่อมได้ตลอดเวลาพะยะค่ะ”
“ออกไป..!”
เสียงแผดร้องจนแสบแก้วหูของพระมเหสีทำให้ผมรู้สึกสะใจดี นี่ผมกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้อย่างไรน่ะผมได้ประกาศสงครามอย่างชัดเจนกับผู้ที่มีอำนาจ มากมายไม่แพ้พระราชาเลยช่างมันตายเป็นตายตายอีกครั้งจะเป็นไรไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments