พี่ชายต่างสายเลือด

ลุงกล้าคนขับรถของที่บ้านจิระไพศาล ขับรถไปก็รู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย ที่จำเป็นต้องทิ้งพิพัฒน์ไว้กลางทาง ให้นั่งรถเมล์ไปเรียนตามลำพัง เพราะปกป้องไม่อยากให้ภูริททำร้ายเขา

“ลุงก็เหมือนกันกับพ่อเลย รับมันอย่างกับลูกของตัวเอง แต่ทีกับลูกของตัวเองทั้งด่าทั้งตำหนิได้ทุกวี่ทุกวัน”

“คุณภู ก็ทำให้คุณพ่อภูมิใจเหมือนคุณพัฒน์บ้างสิครับ เธอทั้งน่ารักอ่อนน้อมถ่อมตน เรียนเก่ง และหน้าตาก็ดี รองเปิดใจรักเขาดูสักหน่อย บ้านจะได้สงบ มีคนเข้ามาอยู่เพิ่มอบอุ่นดีจะตายไปเมื่อก่อนคุณผู้ชายทำงานหนักๆคุณภู เคยพูดว่าอยากให้คุณพ่อกลับบ้าน เหงา แต่ตอนนี้คุณพ่อกลับบ้านทุกวันแถมยังพาสมาชิกมาเพิ่ม ให้ความอบอุ่นกับคุณภูด้วย”

“อุ่นจนร้อนระอุเลยล่ะสิไม่ว่า ผมเกลียด สอง แม่ลูกคู่นี้ และอีกอย่างผมไม่ใช่เกย์นะลุงจะได้รักมันไอ้หน้าจืดนั่นน่ะ”

“ลุงก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ หมายถึงรับเธอเหมือนน้องชายคนหนึ่ง อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็เป็นน้องชายของคุณอยู่บ้านเดียวกัน แถมยังใช้นามสกุลเดียวกันอีกด้วย เมื่อตอนเด็กๆคุณภูเคยบอกว่า อยากมีน้องชายอยากมีเพื่อนไม่ใช่เหรอครับ?”

“ แต่ไม่ใช่ไอ้นี่ และไม่มีวันที่จะรู้สึกชอบมัน มีแต่ความรู้สึกที่เกลียดมันมากขึ้นทุกวันทุกวัน ถึงโรงเรียนแล้วครับจอดตรงนี้แหละ ถึงโรงเรียนแล้วครับจอดตรงนี้แหละ ไอ้นัทตื่น ไอ้ห่านี่หลับตั้งแต่ที่บ้านจนถึงโรงเรียน”

ภูริแอบยืนมองผลงานของตัวเองอยู่บนตึกเรียนชั้นที่เขาเรียนอยู่ เพราะคิดว่าพิพัฒน์คงต้องมาโรงเรียนสายแน่ ๆ เพราะบ้านของเขาอยู่ไกลจากโรงเรียนมาก ภูริยิ้มเยาะในทันทีที่เห็นพิพัฒน์วิ่งกระหืดกระหอบ เข้ามาในรั้วโรงเรียนเขาดูนาฬิกาที่ข้อมือของเขาแล้วยิ้มออกมาด้วยความสะใจ ที่พิพัฒน์ ถูกทำโทษไปตามระเบียบ ภูริรู้สึกสะใจมาก

กลางวันที่โรงอาหารของโรงเรียน

พิพัฒน์เดินตรงเข้ามาเพื่อสั่งอาหารกลางวัน กินตามปกติโดยที่ไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่า ภูริกำลังกินอาหารกลางวันกับณัฐนนท์อยู่อีกมุมหนึ่ง ภูริยิ้มเยาะเย้ยในขณะที่เขาเดินตรงมายังโต๊ะของพิพัฒน์ ที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก

“ ไงวะ ไอ้กาฝาก วันนี้โดนทำโทษเป็นอย่างไรบ้าง? ถ้าไม่อยากมาสายก็ตื่นให้มันเช้ากว่านี้ แล้วก็ห้ามนั่งรถคันเดียวมาโรงเรียนพร้อมกับกู เพราะกูไม่ชอบไม่อยากหายใจร่วมกับมึงในรถกูรังเกียจ ไอ้นัทกูอิ่มแล้วไปหาอะไรแดกที่อื่นเถอะเห็นหน้ามันแล้วแดกข้าวไม่ลง”

“นายเป็นอะไรมากไหม? ชั้น ไปทำอะไรให้ พ่อนายรักแม่ของชั้น มาขอแม่ของชั้น แต่งงานตั้งหลายครั้ง แต่แม่ก็ปฏิเสธตลอดมา แม่ต้องการ จะตอบแทนที่พ่อนายหางานให้ และคอยดูแลเวลาที่แม่ลำบาก นายมันเห็นแก่ตัวเอง ไม่เคยมองคนรอบข้างเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ที่ทั้ง งี่เง่า เอาแต่ใจ สักวันถ้าพ่อของนายจากไปแล้วจะรู้สึก”

“ผลั๊กกก มึงแช่งพ่อกูเหรอ มึงกับแม่มึงคิดวางแผนอะไรกัน คงคิดวางแผนฆ่าพ่อคุณเพื่อชิงสมบัติไปจากกูสินะ”

“ผั๊วะ คิดว่าชั้นไม่มีกำปั้นหรือไง ชั้น ไม่ยอมหรอก”

ภูริและพิพัฒน์ชกต่อยกันชุลมุนวุ่นวายอยู่ตรงโรงอาหารของโรงเรียน จนข้าวของพังยับเยินอาหารที่อยู่ในถาดของเพื่อนๆหกกระจาย หน้าตาของทั้งคู่ยับเยินพอ ๆ กัน พิพัฒน์กำลังจะบอกให้ภูริรู้ว่าพ่อของเขากำลังอาการแย่ด้วยโรคหัวใจ และทุกๆวันโรคร้ายนั้นมันจะกำเริบจนเกือบจะฆ่าชีวิต ขอกฤษณะ ผู้เป็นพ่อของภูริไปแต่เพราะกำแพงทิฐิทำให้ภูริไม่สนใจคำอธิบายใดๆตั้งแง่ ตั้งป้อม คิดได้แต่ในแง่ลบตลอดเวลายิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของภูริและพิพัฒน์แย่ลงไปเรื่อย ๆ ทั้งคู่ถูกลงโทษจากอาจารย์ฝ่ายปกครอง

“ให้เรียกผู้ปกครองไหม…ห๊ะ…ทั้งสองคน”

“ไม่เป็นไรไม่ต้องก็ได้ครับ ผมไม่อยากให้แม่ต้องลำบากใจ”

“เรียกเลย อยากเรียกก็เรียกเลยสิครับผมไม่สน”

“ยังไม่คิดที่จะสำนึกอีกนะนายภู เป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ ครั้งนี้ครูจะลงทัณฑ์บนไว้ก่อน ถ้ามีอีกครั้งคงต้องเชิญผู้ปกครองทั้งคู่”

ภูริลุกออกไปจากห้องฝ่ายปกครอง สายตาที่เขาจับจ้องมาที่พิพัฒน์ทำให้พิพัฒน์ตระหนักได้ถึงภัยที่กำลังจะมาเยือน ในอีกไม่ช้า โชคดีที่วันนั้นภูริณัฐกินข้าวกับณัฐนนท์ ตามสัญญา พี่พัดจึงได้กลับบ้านไปกับคนขับรถของที่บ้านเพียงคนเดียว พิพัฒน์รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจที่ไม่มีภูริอยู่ในรถทำให้เขารู้สึก อึดอัด สุดท้ายก็ต้องทะเลาะกันเหมือนเดิม

“พิพัฒน์น่าไปโดนอะไรมา อย่าบอกนะว่าชกต่อยกับเพื่อน ปกติพัฒน์ไม่เคยใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาหนี้ แล้วทำไมครั้งนี้ถึงควบคุมอารมณ์ไม่ได้บอกเหตุผลแม่มาหน่อยซิ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยผมแค่โดนลูกหลงมา พัฒน์ ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

“แล้วก็รีบลงมากินข้าวพร้อมกันนะลูกแม่เตรียมอาหารไว้ให้แล้วล่ะของที่ลูกชอบทั้งนั้นเลย”

“แล้วมีของชอบของผมบ้างหรือเปล่านะ?”

“ มีสิคะ ทำไมวันนี้คุณกฤษกลับบ้านเร็วจังเลยคะ?”

“วันนี้อาการไม่ค่อยดี เลยอยากกลับบ้านมาพักผ่อน แล้วเจ้าภูมันกลับมาหรือยัง?”

“ ยังค่ะ แต่พัฒน์กลับมาแล้ว แต่พิมพ์คิดว่าอีกสักประเดี๋ยวคุณภูก็น่าจะกลับมาทันเวลากินข้าวมื้อค่ำให้เตรียมอาหารเผื่อคุณภูเลยไหมคะ?”

“ไม่ต้องหรอก ให้รอมันก็หิวตายกันพอดี ช่างมันเดี๋ยวมันก็หากินเองอยู่ข้างนอกนั่นแหละปกติก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว นึกอยากกลับตอนไหนก็กลับไม่สนว่ามีใครรออยู่ที่บ้าน”

กฤษณะ เดินขึ้นห้องไปด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยและกังวลใจถ้าหากว่าถึงวันที่เขาจากไปจริงๆภูริจะใช้ชีวิตอย่างไร พิพัฒน์รีบอาบน้ำแต่งตัวลงมารอที่โต๊ะอาหาร เพราะพิพิม เคยสอนเขาอยู่เสมอว่า อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอเวลาทานอาหาร พิพัฒน์ถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อแต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นขาด เพราะเขามีแม่ที่คอยเติมเต็มความรักให้อยู่ตลอด จนเปี่ยมล้น

“อ้าว ….พัฒน์ หน้าไปโดนอะไรมาล่ะนั่น? อย่าบอกนะว่ามีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียน เด็กเรียบร้อยอย่างพัฒน์ ไม่น่าจะไปทำเขาก่อน คงโดนรังแกมาใช่ไหม อย่ายอมนะลูก เราเป็นลูกผู้ชายใส่มาก็ใส่กลับคืนไม่อย่างนั้นมันจะได้ใจและพยายามหาเรื่องเราอยู่ตลอด”

“คุณกฤษคะ เหตุผลต้องมาก่อนความรุนแรงสิคะ”

“บางครั้งเหตุผลก็ไม่ได้ช่วยอะไรสำหรับคนนิสัยพานและเกเร ยิ่งเราอ่อนข้อให้กับมัน มันก็จะได้ใจ และหาเรื่องแกล้งเราไปเรื่อย ๆ ต้องเอาจริงกับมันบ้างมันจะได้ไม่กล้า”

ภูริกลับมาบ้านโดยการนั่งรถแท็กซี่ภายในบ้านที่ตั้งแต่มีพิพัฒน์และพิพิมพ์เข้ามาอยู่นั้นทำให้ดูคึกคักไม่เงียบเหงาเหมือนแต่ก่อน เสียงหัวเราะดูมีความสุข ของคน 3 คนที่อยู่ในบ้าน ภูริยืนมองด้วยความรู้สึกที่โดดเดี่ยวความสุขตรงนั้นไม่มีเขารวมอยู่ด้วย พ่อไม่เคยกลับมากินข้าวกับเขาเลยสักครั้ง ในเวลาที่เขาต้องการพ่อมากที่สุด มีเพียงแม่บ้านที่อยู่เป็นเพื่อนเขาและดูแลเมื่อยามป่วยไข้ตั้งแต่ภูริจำความได้ แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา ภูริต้องการเพียงแค่ความรักความอบอุ่นจากพ่อของเขาบ้างเท่านั้นเอง ทุกครั้งที่กลับมาบ้านแล้วเห็นพ่อมีความสุขอยู่กับ พิพัฒน์ และพิพิมพ์ มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับสองแม่ลูกนั้น พ่อไม่เคยแสดงความรักเช่นนี้กับเขาเหมือนที่ทำกับพิพัฒน์และพิพิมพ์เลย ภูริ แอบคิดในใจว่าที่พ่อทำแบบนี้กับเขาอาจจะเป็นเพราะว่า แอบคิดในใจว่าที่พ่อทำแบบนี้กับเขาอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นลูกของผู้หญิงที่พ่อเกลียด ภูริ ตัดสินใจก้าวเข้าไปในบ้านและทำเป็นไม่สนใจคนทั้ง 3 เขาเดินตรงไปยังบันไดเพื่อที่จะขึ้นไปบนห้องของตัวเอง แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะก้าวผ่านห้องอาหาร

“ ภู กินข้าวมาหรือยัง มากินข้าวกับพ่อก่อนสิลูก กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ภู เคยบอกกับพ่อว่าอยากกินข้าวเย็นกับพ่ออยู่บ่อยๆ นี่ไงพ่อกลับมาแล้วรอลูกทุกวันเลย”

“เชิญพ่อกินกันไปเถอะ ผมไม่อยากเป็นส่วนเกินในครอบครัวของพ่อ ผมไม่อยากเป็นส่วนเกินในครอบครัวของพ่อ เมื่อก่อนไม่เห็นพ่ออยากจะกลับมากินข้าวที่บ้านเลย แต่พอมี สอง คนนี้เข้ามา ช่างเถอะ …..”

“หน้าไปโดนอะไรมา?”

“ ถามเพราะความเป็นห่วงหรือเพียงเพราะอยากจะด่า แต่ก็จะตอบให้ได้รู้ไว้บ้างก็แล้วกันถ้าพ่ออยากรู้ และเพิ่งคิดจะสนใจผมขึ้นมาบ้าง หมาไงพ่อ หมามันกัด หมาที่พ่อเลี้ยงไว้ มันเลี้ยงไม่เชื่องอยู่ต่อหน้าพ่อทำเป็นกระดิกหาง ดิ๊ก ๆ แต่พอลับหลังมันก็แว้งกัดผมอย่างไรล่ะ”

“นายมาต่อยชั้นก่อน ชั้นก็แค่อยาก แสดงให้เห็นว่าชั้นไม่มีทางยอมนายตลอดไปหรอก ว่าคนอื่นเขาอย่างนู้นอย่างนี้ ไม่เคยมองดูตัวเอง พัฒน์ ขอโทษนะครับคุณลุงที่อดใจไม่ไหว”

“นี่ แกไปทำร้ายเขาก่อนอย่างนั้นเหรอ? ชั้นไม่เคยสั่งสอนแกให้เป็นอันธพาลเที่ยวไปต่อยตีกับใครอย่างไม่มีเหตุผล”

“ ก็มันแช่งพ่อไงนี่คือเหตุผล มันบอกว่าอีกสักหน่อยพ่อจะไม่อยู่ ความหมายของมันก็คือ มันรู้ว่าพ่อกำลังจะตาย นั่นหมายความว่ามันกับแม่ของมันกำลังวางแผนฆ่าพ่อเครื่องฮุกสมบัติของพ่อยังไม่รู้ตัวแล้วยังจะเข้าข้างมันอยู่ได้”

“พัฒน์ ไม่ได้แช่งแค่กำลังจะบอกความจริงแต่ลูกชายคุณลุงไม่ยอมฟังอะไรเลย คึกทักไปเองแล้วก็มัวแต่โกรธจนทำร้ายผมก่อน”

“ความจริงอะไร? ความจริงที่แม่มึงเอาตัวเข้าแลกเพื่ออยากจะไต่เต้าโดยใช้เต้าไต่ จนทำให้ได้ตำแหน่งสูงๆในบริษัทของพ่อกูอย่างนั้นน่ะเหรอ และบางทีอาจจะได้หมดทุกอย่างที่เป็นของพ่อกูไปแล้วก็ได้”

“ เพี๊ยะ…!...ชั้นทนแกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แกไปเอาความคิดต่ำช้าพวกนี้มาจากไหน? คงได้มาจาก…..”

“คงได้มาจากผู้หญิงที่พ่อเกลียด และพ่อก็คงเกลียดผมเหมือนกับขี้เกียจแม่ถึงได้ไม่เคยให้ความรักความอบอุ่นกับผมเลย ทีกับไอ้กาฝากเหี้ยนี่เห็นพะเนาคะนออย่างกับเป็นลูกของตัวเอง หรือว่า ที่จริงแล้วพ่ออาจจะเป็นชู้ กับนังโสเภณีนี่จนเกิดไอ้กาฝากนี่ขึ้นมา ผมหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลยจริงๆ”

“โอ๊ะ…โอย”

กฤษณะเอามือกุมหน้าอกข้างซ้าย แล้วทรุดลงกับพื้น พิพิมพ์ รีบหยิบยาให้เขาอมไว้ใต้ลิ้นเพื่อบรรเทาอาการ ภูริไม่สนใจที่จะสังเกตเห็นอาการผิดปกติของ กฤษณะผู้เป็นพ่อเลย กำแพงที่เขาสร้างขึ้นภายในจิตใจยิ่งเพิ่มความหนาแน่นขึ้นไปอีกจนกระทั่ง ไม่สนใจและใส่ใจคำพูดคำเตือนของพ่อ ภูริ วิ่งขึ้นไปบนห้องด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ที่ตรงนี้ไม่มีที่ให้เขายืนอยู่เลย ที่ตรงนี้ไม่มีที่ให้เขายืนอยู่เลยความแค้นและความเกลียดชังทวีความรุนแรง ขึ้นเรื่อย ๆ ภูริ น้ำตาร่วงไหลอาบแก้ม ข้าวของภายในห้องของ ภูริ กระจัดกระจายไปทั่วห้องเต็มพื้นจากการระเบิดอารมณ์ความโมโหและความแค้นลงมากับข้าวของจนพังเสียหาย ไฟแค้นที่ลุกโชนขึ้นและหนักกว่าเดิม แววตาแข็งกร้าวด้วยความโกรธอย่างหนักเพิ่มเท่าทวีคูณ

“ไอ้พัฒน์ มึงได้เห็นดีแน่ ครั้งต่อไปกูจะเอามึงให้หนักกว่าเดิม”

อาการของกฤษณะเริ่มดีขึ้นแล้วหลังจากที่ได้การปฐมพยาบาลจาก พิพิมพ์ การปะทะที่รุนแรงในครั้งนี้ทำให้ พิพิมพ์ ตระหนักได้ถึงความไม่ปลอดภัยของ พิพัฒน์ เธอรู้สึกกังวลใจ จึงตัดสินใจเอ่ยกับกฤษณะผู้เป็นสามีว่า จะขอออกไปอยู่ข้างนอกเพื่อหลีกหนีปัญหาที่กำลังจะตามมา

“คุณกฤษณ์คะ คุณกฤษณ์คะพิมพ์ว่า ให้เราสองแม่ลูกออกไปอยู่ข้างนอกดีกว่าค่ะ ที่คอนโดของคุณก็ได้”

“ไม่นะ คุณเป็นภรรยาของผมแล้ว และมีเพียงคุณคนเดียวที่ผมไว้ใจ ถ้าผมเป็นอะไรไปผมเป็นห่วง ภู คุณต้องเป็นคนที่ช่วยดูแลภู แทนผมสักวันเขาจะเห็นความดีของคุณเหมือนกับที่ผมเห็น”

พิพิมพ์ยอมตามใจกฤษณะด้วยแววตาวิตกกังวล ภูริ คิดเอาคืนความเจ็บปวดในครั้งนี้ เขาวางแผนทั้งคืน

“ไอ้นัทกูมีเรื่องสนุกๆอยากให้มึงช่วยกู”

“สนุกเหี้ยอะไรวะ สนุกของมึงเจ็บตัวกูทุกที”

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!