ในคืนที่มืดมิด ฝนตกหนักจนเกือบจะกลืนกินเสียงทุกสิ่ง ทุกอย่างเงียบงันจนฟ้าผ่าเป็นเสียงเดียวที่สะท้อนในห้วงความคิดของฮารุกะ เธอยืนอยู่หน้าศาลเจ้าแห่งนี้ ใบหน้าของเธอแสดงถึงความอ่อนล้าหลังจากการเดินทางที่ยาวนาน แต่เธอก็ยังคงยืนหยัดอยู่ในที่เดิมเหมือนทุกครั้งก่อนหน้า ไม่มีความหวัง ไม่มีการหนีจากชะตากรรมที่ต้องเผชิญ เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ต้องทำหน้าที่นี้ และเธอก็ไม่ใช่คนสุดท้ายที่ต้องเสียสละ
ฮารุกะหันมองไปยังศาลเจ้าที่อยู่เบื้องหน้า ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า คำสาปที่ได้มาจากการทำสัญญากับเทพเจ้าในอดีตทำให้สมาชิกในตระกูลทุกคนต้องจบชีวิตแบบนี้ สัญญาที่บังคับให้เธอเป็นผู้พิทักษ์แห่งศาลเจ้า และยืนรอให้วันที่ตัวแทนคนใหม่จะเกิดขึ้นมา เธอคิดถึงการเสียสละของผู้หญิงคนก่อนหน้าที่ต้องถูกส่งไปยังที่แห่งนี้ ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ และคาดว่าเธอจะต้องเป็นเช่นนั้นในไม่ช้า
ทุกๆ วันในชีวิตของฮารุกะคือการคอยเฝ้ารอวันที่ชีวิตของเธอจะถูกแทนที่ด้วยชีวิตของหญิงสาวคนใหม่ เธอรู้ดีว่าการเสียสละนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เธอจะต้องเป็นหนึ่งในคนที่ไม่อาจหนีจากคำสาปนี้ได้ ความทรมานที่หล่อหลอมเธอมาเรื่อยๆ ทำให้หัวใจของเธอหนักอึ้ง ทุกย่างก้าวที่เธอเดินเข้ามาในศาลเจ้านี้ เธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่การทำหน้าที่ แต่เป็นการรอคอยการจากไปที่เงียบงัน
ในยามค่ำคืน เมื่อแสงจากตะเกียงในศาลเจ้าเปล่งแสงอ่อนๆ หญิงสาวรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของตัวเอง ความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่สามารถลบเลือนออกไปได้ ทุกครั้งที่นึกถึงการถูกเลือกให้มาอยู่ที่นี่ ความทรงจำของเธอก็เริ่มปรากฏขึ้นมา
ฮารุกะเติบโตมาในครอบครัวที่ดูเหมือนจะมีความสุข ก่อนที่คำสาปนี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของเธอ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเกิดขึ้นในวันที่เธอได้รู้ว่าตัวเองถูกเลือกให้เป็นผู้เสียสละ เมื่อวันนั้นมาถึง เธอก็รู้ดีว่าไม่มีทางเลือก
ในวันสุดท้ายก่อนที่จะเดินเข้ามาในศาลเจ้านี้ ฮารุกะได้เห็นใบหน้าของแม่ที่เต็มไปด้วยความเศร้า และเสียงของพ่อที่พยายามให้กำลังใจเธอ แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ไม่อาจพูดคำใดออกมาได้
ฮารุกะเข้าใจดีว่าเธอเป็นเพียงเครื่องมือของคำสาปนี้ ไม่มีทางเลือก ไม่มีการหนี สิ่งที่เธอทำได้เพียงแค่รอคอยวันที่ผู้หญิงคนใหม่จะมาถึง เพื่อแทนที่ชีวิตที่เธอได้สละไป
วันที่แรกที่ฮารุกะได้มาที่ศาลเจ้า เธอได้พบกับคนที่เคยทำหน้าที่นี้มาก่อน พวกเขาทุกคนเหมือนกันหมด ไม่มีความหวัง ไม่สามารถหาทางหลุดพ้นจากคำสาปได้ พวกเขาเคยมีชีวิต มีความฝัน แต่ทุกอย่างได้จบลงเมื่อคำสาปเข้ามา ทุกคนที่เคยอยู่ในศาลเจ้ารู้ดีว่าไม่มีทางที่จะหลบหนีจากมันได้
ฮารุกะค่อยๆ เริ่มรับรู้ถึงความหมายของการเป็นผู้เสียสละที่แท้จริง เธอได้ยินเสียงของหญิงสาวคนอื่นๆ ที่เคยอยู่ในที่นี้ พวกเธอบอกเล่าเรื่องราวของการรอคอยการตายและการเปลี่ยนแปลง พวกเธอพูดถึงการรอคอยวันที่จะมีผู้หญิงคนใหม่มาพร้อมกับความหวังใหม่ แม้ว่าพวกเธอจะไม่สามารถหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้ แต่พวกเธอก็ยังคงมีกำลังใจในการช่วยเหลือผู้ที่มาถึง
เวลาผ่านไป ฮารุกะก็เริ่มเชื่อว่าเธอไม่อาจหลุดพ้นจากการเสียสละนี้ได้จริงๆ ทุกๆ วันเธอใช้ชีวิตอยู่ในความเงียบสงบภายในศาลเจ้า รอคอยวันเวลาให้มันผ่านพ้นไป โดยไม่รู้ว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าใด
แต่สิ่งที่ฮารุกะไม่เคยคาดคิดก็คือในที่สุดเธอจะต้องทำการเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อให้คำสาปนี้ยังคงอยู่ การหลุดพ้นไม่เคยเป็นทางเลือก แต่มันเป็นการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด
วันที่เธอเข้ามายังศาลเจ้านี้ ครั้งแรกเธอได้เห็นภาพของผู้หญิงคนก่อนที่ต้องออกไปเพื่อรับหน้าที่นี้ ภาพของเธอยังตรึงอยู่ในใจ ไม่มีใครในที่นี้สามารถหลีกหนีจากชะตากรรมได้ แม้ว่าฮารุกะจะพยายามทำใจให้แข็งแกร่ง แต่ความอ่อนแอในตัวเธอไม่อาจปฏิเสธได้ ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในที่นี้ถูกเลือกอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ความเงียบและความมืดมิดนั้นเริ่มกินใจเธอทีละน้อย
ฮารุกะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว แม้รู้ดีว่าเธอจะไม่มีทางหวนกลับไปยังชีวิตเดิม แต่การเดินทางนี้จะไม่สิ้นสุดจนกว่าจะมีผู้มาแทนที่ชีวิตของเธอ
“นี่คือเส้นทางที่ไม่มีทางหวนกลับ…”
ฮารุกะรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่แผ่กระจายไปทั่วร่าง เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องพิธีภายในศาลเจ้า เสียงฝนที่กระทบหลังคาดังไปทั่ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียงของการเคลื่อนไหวใดๆ ภายในศาลเจ้าหายไป ความเงียบที่แฝงอยู่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจหลีกหนีได้อีกต่อไป
เธอหยุดยืนตรงกลางห้องพิธี ขณะที่แสงจากตะเกียงท่ามกลางความมืดสลัวยังคงสะท้อนเงาของเธอลงบนพื้นหินเย็นเฉียบ ในอากาศนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นของไม้หอมและฝุ่นโบราณที่คอยห้อมล้อม เธอก้มมองไปที่พื้น หัวใจของเธอกำลังเต้นแรงเหมือนเสียงระฆังที่ดังขึ้นในจิตใจ
คำสาปที่เธอได้รับ ไม่ต่างจากคำสาปของผู้หญิงที่ถูกส่งไปก่อนหน้า ทุกๆ คนที่ผ่านมาที่ศาลเจ้านี้ต้องสวมบทบาทแห่งการเสียสละเหมือนกัน โดยไม่มีวันหลุดพ้น เมื่อร่างของเธอถูกเลือกให้เป็นผู้เสียสละ หน้าที่นี้ก็กลายเป็นชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกหนีไปได้ การตั้งคำถามในใจถึงเหตุผลและความยุติธรรมของมันกลายเป็นเรื่องไร้ค่า
ฮารุกะเดินไปยังแท่นพิธีที่วางอยู่กลางห้อง หน้าตาของมันดูแปลกประหลาดและน่าขนลุก ผนังห้องที่เปียกชื้นจากฝนทำให้การมองเห็นทุกรายละเอียดยิ่งทวีความมืดหม่น ร่างของเธอสั่นเทาเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจยืนตรงนั้นเงียบๆ ก่อนที่จะมีผู้มาเปลี่ยนสถานะเธอ เธอรู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการยอมรับชะตากรรมที่รออยู่
ภาพของหญิงสาวที่เคยยืนอยู่ในที่นี้มาก่อนเธอ ยังปรากฏขึ้นในความคิด ทุกคนที่มาในที่นี้ต่างก็ต้องจบลงเช่นเดียวกัน เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ต้องสละชีวิต เพียงแต่เธอเป็นคนที่ต้องเข้ามาในขั้นตอนนี้ในช่วงเวลานี้
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงที่เธอคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากที่มุมหนึ่งของห้องเสียงดังมาอย่างช้าๆ ก่อนที่เงามืดจากแสงตะเกียงจะเผยให้เห็นร่างของผู้คนที่มาเป็นพยานในการพิธีที่กำลังจะเกิดขึ้น
“มันคือทางเดียวที่เราต้องก้าวผ่านไป…” เสียงของหญิงผู้หนึ่งดังขึ้นจากมุมมืดที่ฮารุกะไม่อาจมองเห็น เธอหันไปมองและเห็นแสงเพียงน้อยนิดสะท้อนจากภายในห้อง
“ไม่มีการหันหลังกลับมาได้อีก…” เสียงนั้นยังคงดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมนี้
ฮารุกะรู้สึกถึงแรงกดดันที่เริ่มเข้ามา หัวใจของเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้น เหมือนในเวลาไม่กี่นาที เธอจะต้องทำการตัดสินใจในสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะทำได้ ภาพของหญิงสาวที่เคยมาอยู่ในที่นี้มาก่อนเธอเหมือนจะผุดขึ้นในใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาคือการลิขิตจากคำสาปนี้ ที่ต้องทำตามจังหวะที่กำหนดไว้โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีการพูดคุยเพื่อการเข้าใจ ทุกสิ่งในชีวิตของเธอถูกนำมาทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมที่ไม่อาจหลุดพ้น บางครั้งเธอก็คิดว่า หากเธอได้เลือกอย่างอื่นแล้วจะเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้ เธอรู้ดีว่าไม่ว่าจะคิดอะไร ก็ไม่มีทางแก้ไขได้แล้ว
แม้ว่าเธอจะพยายามทำใจให้แข็งแกร่งในทุกก้าวของชีวิต แต่การต้องเผชิญหน้ากับความจริงนี้ มันเกินกว่าที่เธอจะคาดเดา ทุกๆ การตัดสินใจที่เธอเคยทำก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมาย
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ สายตาของเธอจับจ้องไปยังสัญลักษณ์ที่ประดับอยู่บนแท่นพิธี มันเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงการผูกพันระหว่างมนุษย์และเทพเจ้า ความเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่อาจแยกจากกันได้
ทันใดนั้น เสียงของลมที่พัดผ่านจากข้างนอกดังเข้ามาในห้อง คละเคล้ากับเสียงฝนที่ยังคงตกกระหน่ำ ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเธอกลายเป็นเรื่องที่ไร้คำพูด ไม่มีความหวัง ไม่มีอนาคต ราวกับการเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนต้องยอมรับชะตากรรม…” ฮารุกะพูดกับตัวเองเบาๆ อย่างไม่มั่นใจ แต่ก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว
การเสียสละนี้เริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของเธอไปแล้ว ทุกย่างก้าวในวันนี้จะเป็นการยืนยันว่าต่อจากนี้ ชีวิตของเธอจะไม่มีวันเหมือนเดิม
“ไม่มีทางหวนกลับแล้ว…” เสียงในใจของฮารุกะดังก้องไปทั่วความมืด ก่อนที่ทุกสิ่งจะจางหายไปภายในพิธีกรรมที่รอคอยเธอ
ความเงียบในห้องพิธีหนาตาขึ้นเมื่อฮารุกะยืนอยู่ท่ามกลางแสงตะเกียงที่ส่องออกมาอย่างอ่อนแรง ทุกย่างก้าวของเธอดูเหมือนจะหนักหน่วงยิ่งขึ้น ทุกเสียงที่เธอได้ยินมันหายไปเหมือนสูญสลายกับความมืดมิด ที่หล่อหลอมจิตใจเธอให้กลายเป็นหินแข็ง
การถูกเลือกให้มาทำหน้าที่นี้ไม่ใช่การตัดสินใจของเธอเอง แต่เป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดขึ้นโดยคำสาปแห่งศาลเจ้า ทุกอย่างที่เธอเคยรู้ ทุกสิ่งที่เธอเคยรักในชีวิต ถูกทำลายไปพร้อมกับการมาถึงของค่ำคืนนี้ การเดินทางที่เธอเริ่มขึ้นในวันนี้จะไม่มีวันจบลงจนกว่าผู้หญิงคนใหม่จะก้าวมาแทนที่เธอ
ฮารุกะสูดหายใจลึก ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว เสียงฝนยังคงกระหน่ำและบดบังทุกสิ่งรอบตัว เสียงลมหายใจของเธอดังเบาๆ เหมือนจะกลายเป็นเสียงเดียวกับเสียงฝนที่ตกลงมาเงียบๆ ในที่สุดความรู้สึกที่แสนเศร้าก็ครอบงำเธออย่างเต็มที่ เธอรู้สึกเหมือนทุกความฝันที่เคยมีมันสลายหายไปในค่ำคืนนี้
เมื่อยืนอยู่หน้าศาลเจ้า ฮารุกะรู้สึกถึงการตัดสินใจของตัวเองอย่างชัดเจน ไม่มีอะไรที่สามารถหวนกลับไปได้อีกแล้ว ความจริงที่เธอหลีกเลี่ยงมาตลอดมาถึงตอนนี้ เสียงของผู้หญิงที่ถูกส่งไปก่อนหน้าผุดขึ้นมาในใจเธอ
“ทุกคนที่มายืนอยู่ในที่นี้จะต้องยอมรับการเสียสละ… ไม่มีวันหลีกหนีได้…” เสียงนั้นดังก้องในหูของฮารุกะไม่ต่างจากคำสาปที่บังคับให้เธอเดินมาในทางนี้ ทุกคำพูดที่เคยถูกบอกเล่าจากผู้ที่มาที่นี่ก่อนเธอ ล้วนทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดยิ่งขึ้น
เธอรู้ว่าไม่มีทางหลีกหนีจากการเป็นผู้พิทักษ์ของศาลเจ้า เธอจะต้องยืนอยู่ที่นี่เฝ้าเวรกรรมที่ถูกสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนไม่มีที่สิ้นสุด แม้ว่าในใจของเธอจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความเคียดแค้นต่อชะตากรรมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่เธอก็รู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่น
ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดร้าว เธอหันกลับไปยังแท่นพิธีที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์โบราณ สัญญาณแห่งการยอมรับชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เสียงฝนที่ตกลงบนหลังคาผสมกับเสียงลมหายใจของเธอ กลายเป็นจังหวะเดียวกันที่ล่องลอยไปในความมืด
ในที่สุดฮารุกะก้าวขึ้นไปบนแท่นพิธี มองไปยังองค์เทพที่ประดิษฐานอยู่ภายในศาลเจ้าด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า ทุกการเคลื่อนไหวของเธอในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นการดำเนินตามขั้นตอนที่ถูกกำหนดไว้แล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือเพียงการรอคอย ผู้หญิงคนใหม่ที่จะมารับหน้าที่นี้ และโลกภายนอกที่เธอเคยรู้จักจะหายไป
การเสียสละที่เธอทำในตอนนี้ ไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของชีวิต แต่อย่างใด มันเป็นเพียงการปิดฉากชีวิตหนึ่ง และเปิดทางให้กับคนรุ่นถัดไปที่จะต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมเดียวกัน ทุกสิ่งที่เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับคำสาปนี้ ทำให้หัวใจของเธอต้องร้าว
“และจะไม่มีวันสิ้นสุด…จนกว่าผู้ที่ถูกเลือกจะมาแทนที่…”
คำพูดที่เคยยินดีจากผู้หญิงคนก่อนหน้านี้กลับมาดังในหัวของฮารุกะอีกครั้ง ร่างของเธอเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าไปยังตำแหน่งของเธอในพิธีกรรม ทุกอย่างรอบตัวเธอดูเหมือนจะล่องลอยไปในความมืด ทุกสิ่งที่เคยเป็นความหวังตอนนี้ได้จมหายไปในความเงียบงันของคำสาป
ฮารุกะยืนอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้อย่างหลงทาง ทุกสิ่งที่เคยเป็นความรัก ความหวัง ความฝัน ในตอนนี้ได้ถูกกลืนหายไปกับคำสาปที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง การเดินทางของเธอจะยังคงดำเนินต่อไปในเส้นทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าจะถึงเวลาที่ผู้หญิงคนใหม่จะก้าวเข้ามาและกลายเป็นผู้พิทักษ์ต่อไป
“แล้ววันหนึ่ง ฉันก็จะเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้…เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เคยมา…”
เธอพูดในใจ ก่อนที่จะเริ่มเดินทางที่ไม่มีวันจบสิ้น…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 4
Comments