ตอน : เงามืดของคำสาป

ความมืดรอบตัวมาริยังคงเหมือนกับมีชีวิต มันอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนจะกลืนกินทุกอย่างไว้ ความกลัวยังคงเกาะกุมหัวใจของเธออย่างหนักหน่วง ในคืนก่อนที่พิธีจะเริ่มขึ้น ทุกอย่างดูเหมือนจะนิ่งสงบ แต่สำหรับมาริเอง ความสงบเหล่านั้นกลับยิ่งทำให้ความวิตกกังวลรุนแรงขึ้นไปอีก

เธอไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ในห้องนั้นยังคงมีแสงไฟจากตะเกียงที่ส่องให้ความอบอุ่นเบาๆ ในบรรยากาศที่น่ากลัว ราวกับไฟนั้นคือสิ่งเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ในขณะที่ตัวมาริกลับรู้สึกเหมือนกับกำลังจะถูกทิ้งให้อยู่ในโลกมืดที่ไม่มีวันกลับ

“พรุ่งนี้… ข้าจะต้องไป…” มาริคิดในใจ เธอยังคงยืนอยู่ในห้องอันมืดมิด ร่างของเธอกลายเป็นเพียงเงาที่หลบอยู่ในความมืด ทำให้ไม่สามารถแยกแยะระหว่างตัวตนของเธอกับความว่างเปล่าได้อย่างชัดเจน

มาริค่อยๆ ยกมือขึ้นปิดหน้า ดวงตาของเธอเริ่มพร่าเลือนจนเกือบจะมองไม่เห็น เสียงลมหายใจของเธอดังก้องอยู่ในหู ราวกับทุกอย่างรอบตัวเธอไม่ได้มีความหมายอีกต่อไปแล้ว

เธอคิดถึงภาพของผู้ที่เคยถูกส่งไปก่อนหน้า คนเหล่านั้นที่ไม่มีวันกลับมา ทุกคนต้องเดินไปสู่ศาลเจ้าในคืนนั้น เพียงเพื่อจะกลายเป็นวิญญาณที่ไม่มีใครสามารถเรียกชื่อได้อีก คำสาปของตระกูลนี้มันรัดรึงและไม่ยอมปล่อยให้ใครหลุดพ้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับการสูญเสียตัวตนของตนเอง แต่ทุกคนที่เคยทำสัญญากับศาลเจ้าก็ต้องสูญเสียเวลาและความหวัง ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้มาริรู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงเข้าไปในความมืดลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุด

เสียงก้าวเท้าที่เบาบางจากทางด้านหลังทำให้มาริสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันไปมองเห็นเงาของอายาเมะที่ยืนอยู่ที่ประตู เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หัวหน้าตระกูลมาถึง แต่ในใจเธอกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

อายาเมะยืนอยู่ในเงามืด ไม่เหมือนคนธรรมดา แต่เหมือนกับบางสิ่งที่ไม่มีวันตาย สภาพของเธอดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

“เจ้ากลัวหรือไม่…” อายาเมะเอ่ยถามเสียงเบา ความเยือกเย็นจากน้ำเสียงของเธอทำให้มาริรู้สึกเหมือนกับมันกำลังคลี่คลายความกลัวในใจออกมาเป็นชั้นๆ

มาริไม่ตอบอะไร เธอเพียงแต่หลบสายตาของอายาเมะไป เพราะคำถามนี้มันไม่ได้มีคำตอบสำหรับเธอ เธอรู้ดีว่าไม่ว่าจะตอบไปยังไง ก็ไม่สามารถหนีจากชะตากรรมของตัวเองได้

“เจ้าไม่ต้องกลัว หากเจ้าเตรียมตัว…” อายาเมะพูดด้วยท่าทางที่สงบ เหมือนกับว่าเธอเข้าใจความกลัวของมาริเป็นอย่างดี

“เตรียมตัว?” มาริถามด้วยเสียงแผ่วเบา เธอมองไปที่อายาเมะเหมือนพยายามค้นหาคำตอบที่บางทีอาจจะไม่อยู่ในที่นี้

“เจ้าจะเข้าใจเมื่อมันถึงเวลา… ความกลัวนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา” อายาเมะพูด ก่อนจะยิ้มบางๆ อย่างเศร้าๆ ที่ไม่มีความหวังในนั้นเลย

มาริยังคงยืนอยู่ท่ามกลางความมืด และไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่มันไม่มีใครที่สามารถให้คำตอบที่เธออยากฟังได้

การเดินทางในคืนพรุ่งนี้จะเป็นการเดินทางที่ไม่มีวันหวนกลับ ทุกคนที่เคยยืนอยู่ในจุดนี้ก็ไม่เคยกลับมา มาริจะต้องเป็นคนต่อไปที่จะสูญเสียทุกสิ่งที่เธอเคยมี ความมืดที่อยู่รอบตัวเธอเหมือนกำลังจะกลืนกินทุกสิ่งในรอบตัว จนเธอไม่สามารถหาคำตอบได้

เธอพยายามหลับตา แต่มันกลับทำให้ภาพทั้งหมดที่เธอพยายามหลีกหนีมันยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น ความรู้สึกของการสูญเสีย มันเหมือนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเธอไปแล้ว ไม่ว่าจะพยายามหนีไปไหนก็ไม่อาจจะลบล้างมันได้

“มันคงไม่มีทางเลือก…” มาริพูดออกมาอย่างพึมพำ มันไม่ใช่คำพูดที่เธออยากพูด แต่ในตอนนี้ มันเหมือนกับเธอไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้

อายาเมะยืนเงียบ ไม่พูดอะไรอีก เมื่อเธอเห็นมาริที่เริ่มยอมรับชะตากรรมของตัวเองได้แล้ว

“พรุ่งนี้… ทุกสิ่งจะเริ่มต้น…” อายาเมะพูด

คำพูดนี้สะท้อนออกมาเหมือนคำสั่ง แต่มันก็เปรียบเสมือนการบอกลา มาริจะต้องจากไปจากทุกสิ่งที่เธอรู้จักและกลายเป็นส่วนหนึ่งของคำสาปที่ไม่อาจหลีกหนี

มาริหลับตาลงอีกครั้ง น้ำตาของเธอหยดลงมาที่มือ ขณะที่ภาพของผู้คนที่เคยถูกส่งไปยังศาลเจ้าปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ แต่ในที่สุด ร่างกายของเธอก็จะต้องเดินไปสู่เส้นทางเดียวกับพวกเขา

ในที่สุดแล้ว ความมืดจะกลืนกินทุกสิ่ง และมาริจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันตลอดกาล

อายาเมะยืนมองมาริด้วยแววตาที่เย็นชา แต่ในความเย็นชานั้นกลับแฝงไปด้วยความสงสารบางอย่างที่มาริไม่สามารถเข้าใจได้ มาริยืนนิ่ง มือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้นกุมอกเหมือนกำลังพยายามปิดกั้นความเจ็บปวดที่กำลังจะเข้ามา แม้ในใจของเธอจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่น้ำเสียงที่อายาเมะใช้พูดกลับสร้างความสับสนให้กับเธอ

“เจ้าจะเข้าใจในเร็วๆ นี้…” อายาเมะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับว่าเธอได้ทำนายอนาคตของมาริไว้แล้ว

มาริพยักหน้าเบาๆ เธอไม่สามารถบอกว่าเธอเข้าใจหรือไม่เข้าใจ มันเป็นแค่คำพูดที่หลุดออกมาโดยไม่มีความหมายอะไรจริงๆ ในตอนนี้ ไม่มีคำพูดใดที่จะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้ นอกจากความเงียบที่เกือบจะฆ่าเธอให้ตายไปทีละนิด

“ข้ากลัว… ข้ากลัวว่า…” มาริพึมพำออกมาเสียงเบา น้ำเสียงนั้นสั่นเครือ มันเป็นเสียงของคนที่หมดหนทางแล้ว

อายาเมะหันมามองเธออีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ท่าทางนั้นเหมือนกับกำลังจะดึงมาริออกจากความมืดที่เริ่มกลืนกินเธอไปทีละนิด

“ความกลัวนั้น… ไม่อาจช่วยอะไรได้หรอก มาริ” อายาเมะพูด ราวกับรู้ดีว่าอีกไม่นานมาริก็จะต้องเผชิญกับสิ่งที่หนีไม่พ้น

มาริไม่ตอบอะไร เธอแค่ยืนนิ่ง ความรู้สึกภายในใจของเธอกำลังต่อสู้กันเอง เธอต้องการจะวิ่งหนี แต่ขาเธอกลับไม่ขยับ ความกลัวที่ยิ่งมากขึ้นกลับทำให้เธอรู้สึกติดอยู่ในห้วงของความมืดรอบตัว

“ทุกอย่างจะจบลงในไม่ช้า… เมื่อเจ้าเดินเข้าไปในศาลเจ้า” อายาเมะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความจริงจังและความเยือกเย็นที่มาริไม่อาจปฏิเสธได้

คำพูดเหล่านั้นทำให้มาริรู้สึกเหมือนถูกผลักเข้าไปในความมืดที่ไม่มีวันออกมาได้ เธอยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม คำสาปจากบรรพบุรุษของเธอกำลังจะกลายเป็นความจริง

“เมื่อเจ้าทำพิธีแล้ว เจ้าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องศาลเจ้า… แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าจะสูญเสียทุกสิ่งที่เคยมี” อายาเมะพูดด้วยท่าทางที่ไร้ความรู้สึก

มาริรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่หนักหน่วงกระแทกเข้ามาในหัวใจของเธอ ทุกสิ่งที่เธอเคยรู้จักและรักจะต้องหายไปในไม่ช้า ขณะที่เธอจะต้องสละทุกอย่างเพื่อพิทักษ์ศาลเจ้าของตระกูล

“ข้า… ข้าจะเป็นเหมือนคนก่อนๆ หรือไม่…” มาริถามเสียงสั่น เมื่อเธอคิดถึงผู้หญิงในตระกูลที่เคยถูกส่งไปเพื่อปกป้องศาลเจ้า และไม่มีใครกลับมาอีกเลย

อายาเมะเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ขาดความปรานี

“ใช่… เจ้าจะกลายเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ ที่ไม่มีวันหลุดพ้นจากคำสาปนี้ จนกว่าจะถึงเวลาที่ตัวแทนคนใหม่จะถูกเลือกขึ้นมา”

คำพูดนี้ทำให้มาริรู้สึกเหมือนว่าทุกสิ่งที่เธอเคยมี จะถูกตัดขาดออกไปจากชีวิตของเธอ เธอจะต้องจากลาทุกสิ่งที่เคยรู้จักไปตลอดกาล และจะถูกบังคับให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์

“แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจ… ทำไมถึงต้องเป็นเช่นนี้…” มาริพูดออกมาด้วยความเจ็บปวดในใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องเป็นคนที่รับภาระนี้

อายาเมะเงียบไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอยิ้มบางๆ เงียบๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวมาริอย่างอ่อนโยน

“คำถามนี้ ไม่มีคำตอบที่เจ้าจะชอบหรอก มาริ สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้ คือเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะมาถึง… และยอมรับมัน” เธอกล่าวพร้อมเสียงที่หนักแน่นและไม่มีการขัดขืน

มาริหลับตาลง สงบสติอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความสับสนและความกลัว จากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น มองไปที่อายาเมะที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอรู้สึกเหมือนกำลังเดินไปสู่จุดสิ้นสุดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงไปสู่ความมืดที่ไม่อาจกลับมาได้

“พรุ่งนี้… ข้าจะไป… ข้าจะทำตามที่ต้องทำ” มาริพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

อายาเมะพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ “ใช่… เมื่อเจ้าก้าวเท้าออกไปในคืนนั้น ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป”

มาริยืนนิ่งอยู่กับความคิดของตัวเอง ความกลัวยังคงหลอนเธอ แต่ในแววตาของเธอก็มีความมุ่งมั่นที่เริ่มก่อตัวขึ้นจากความเข้าใจบางอย่าง แม้เธอจะไม่อาจหนีจากชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ แต่สิ่งที่เธอรู้ก็คือ เธอไม่อาจยอมแพ้โดยไม่มีการต่อสู้

“ข้าจะทำตามทางที่ถูกกำหนด แม้จะเป็นทางที่เต็มไปด้วยความมืดมิด…” มาริกล่าวกับตัวเอง พร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้า รู้ดีว่าเธอกำลังเดินไปสู่จุดที่ไม่อาจกลับหลังได้

อายาเมะมองมาริเดินไปอย่างเงียบๆ ความเยือกเย็นในตัวเธอสะท้อนออกมาในทุกก้าวที่มาริย่างไป ขณะที่อากาศในห้องเริ่มหนาวเย็นยิ่งขึ้น เหมือนกับว่าคำสาปกำลังคืบคลานเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ…

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!