Seven Days : Sakata Gintoki
“ชาไต้หวันสอง ชากุหลาบหนึ่งนะครับ ทั้งหมดห้าร้อยสามสิบเยนครับ”
มือหนากดคำนวนเงินลงบนเครื่องคิดเงินอย่างชำนาญราวกับว่าเคยใช้มันมาก่อน
“นั่งรอสักครู่นะครับเดี๋ยวจะเอาไปเสริฟให้ ชินปาจิออเดอร์!”
ซากาตะ กินโทกิหันไปจัดการชงเครื่องดื่มตามออเดอร์ลูกค้าด้วยความชำนาญ
เสียงกริ่งประตูดังขึ้นเรื่อยๆ จนชิมูระ ชินปาจิต้องออกมาช่วยรับลูกค้าแทน วันนี้ร้านคาเฟ่ feratila ยุ่งเหยิงเป็นพิเศษแถมพนักงานของร้านต่างก็พากันลาหยุดพร้อมกันจนผู้จัดการร้านต้องจ้างสมาชิกร้านสารพัดรับจ้างมาช่วยงาน
ตอนแรกก็วุ่นวายเพราะต้องสอนทำขนมกับเครื่องดื่ม เรียกได้ว่าวุ่นจนปวดหัวเลยก็ว่าได้ โชคดีที่กินโทกิกับชินปาจิเรียนรู้เร็วเลยไม่ยุ่งยากแต่กับคางุระเนี่ยสิ กว่าจะสอนได้เกือบตาย
การทำงานยังคงดำเนินต่อไปอย่างเรื่อยๆ แม้จะมีลูกค้าเยอะแต่ก็ไม่ได้ทำให้วุ่นวายขนาดทำกันไม่ทัน
“สั่งออเดอร์หน่อยครับ อ่าว ลูกพี่นี่”
เสียงคุ้นเคยให้ทั้งชินปาจิกับกินโทกิต้องหันไปมอง “อ่าว โอคิตะคุงนี่ เอาอะไรล่ะ สนใจเหมาไปให้ชินเซ็นกุมิมั้ย”
“น่าสนนะลูพี่ งั้นเอาอย่างละยี่สิบชุดส่งบิลเก็บเงินที่ฮิจิคาตะ โทชิโร่นะครับ”
“ได้เลย ไปนั่งรอก่อนไป เสร็จแล้วเดี๋ยวเรียก”
“คร้าบ”
กินโทกิส่งออเดอร์ต่อให้ชินปาจิก่อนจะเริ่มทำเครื่องดื่มตามที่โอคิตะสั่ง ด้วยความที่จำนวนมันเยอะมากจึงต้องให้ผู้จัดการร้านมาช่วย
“นี่ลื้อมาทำไมน่อ” คางุระที่พึ่งเอาขนมมาเสริฟลูกค้าเอ่ยถามโอคิตะที่นั่งเล่นมือถือรอ
“แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้ล่ะ ฉันก็ลูกค้าคนหนึ่งมั้ย”
“ก็ไม่อยากจะพูกแบบนั้นน่อ แต่เห็นหน้าลื้อแล้วมังเหม็นขี้หน้าน่อ”
“แหม ทำเหมือนฉันไม่เหม็นขี้หน้าหล่อนตายล่ะ ยัยหมวยสาหร่ายดอง”
“ว่าไงนะ!! ไอ้ซาดิสหน้าตี๋!!!!”
พูดไม่ทันจบประโยคคางุระก็ทำท่าง้างจะใส่กับคู่กรณีอย่างโอคิตะทันที และแน่นอนว่าคนอย่างโอคิตะ โซโกะก็ไม่ยอมเช่นกันเขาทำท่าจะง้างแต่ทั้งคู่ก็ต้องหยุดด้วยฝีมือผู้อาวุโสที่สุดในร้าน
“เฮ้ยๆ ที่นี่มันในร้าน ถ้าจะตีก็ไปตีกันข้างนอก”
เด็กทั้งสองยังคงก่นด่าแม้จะถูกดึงให้แยกออกจากกันจนทำให้กินโทกิถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
เมื่อไหร่ไอ้สองคนนี้จะหยุดตีกันเสียทีเนี่ย เขาชักจะรำคาญแล้วนะ
“คุณกินแย่แล้วครับ! แป้งหมด”
“บอกผู้จัดการสิ มาบอกฉันแล้วได้อะไร”
“คุณนิชิโนะออกไปทำธุระครับ กลับมาอีกทีตอนปิดร้านเลย”
กินโทกิได้ยินแบบนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมา “เป็นผู้จัดการภาษาอะไรเนี่ย มาปล่อยให้ลูกน้องทำงานกันเองได้ไงเนี่ย เดี๋ยวก็ปล้นเงินร้านซะหรอก”
พูดจบกินโทกิก็หยิบกระดาษมาจดรายการของที่หมดก่อนจะยื่นเงินและกระดาษให้คางุระ
“ไปซื้อสิ ด่วนๆ เลยนะ”
“ได้เลยน่อ”
“แค่ยื่นกระดาษให้ร้านพอนะ ไม่ต้องไปหยิบเอง”
“ได้เลยน่อ” คางุระรับกระดาษกับเงินแล้วก็วิ่งปรู๊ดออกนอกร้านไปในทันที ก่อนตัวเองจะกลับไปทำงานในหน้าที่ของตัวเองต่อ
“เออนี่ลูกพี่ จะว่าไปช่วงนี้เจอพวกคนชุดดำแปลกบ้างมั้ย” โอคิตะเดินมานั่งที่เคาน์เตอร์ก่อนจะเอ่ยถามคนที่ยังคงวุ่นกับออเดอร์ไม่หยุด
“เห็นนะ เนี่ยก็คนนึง” พูดพร้อมกับหันมาชี้โอคิตะที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ “อย่าเหมารวมผมสิ มีแค่คุณฮิจิคาตะคนเดียวนั่นแหละที่แปลก”
“หรอเนี่ย”
“แล้วสรุปลูกพี่เห้นบ้างมั้ย”
“ไม่นะ ถามทำไม โจรหรอ”
“ก็ไม่เชิงครับ เอาเป็นว่าพวกมันเป็นพวกที่อันตรายมากๆ มีพลังเวทย์แปรธาตุ กำลังตามาล่าใครบางคนอยู่”
“อ๋อหรอ ดูน่ากลัวเนาะ” กินโทกิเอ่ยพร้อมกับใส่ท่าทางให้มันดูเว่อร์แต่ความจริงเขาไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด
ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขาหนิ สนใจทำไม
“เอาเป็นว่าถ้าลูกพี่เจอก็ช่วยบอกหน่อยล่ะกัน”
“ได้นะแต่มีค่าบอก”
“เรียกเก็บกับคุณฮิจิคาตะเลยครับ”
ทำออเดอร์กันอยู่ชั่วโมงกว่าในที่สุดก็เสร็จเสียที สามสมาชิกสารพัดรับจ้างยกออเดอร์ขึ้นรถของคาเฟ่โดยที่ไม่ลืมหันไปบออกับผู้จัดการร้านที่พึ่งจะกลับมาจากธุระข้างนอก
“งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ”
“โชคดีๆ อ้อ เรื่องเงินค่าจ้างฉันโอนให้แล้วนะ อย่าลืมเช็คด้วย”
“ขอบคุณมากครับ งั้นพวกเราขอตัวไปส่งออเดอร์ก่อนนะครับ”
รถกระบะขับเคลื่อนไปตามท้องถนนของเอโดะพร้อมกับเปิดเพลงสากลในรถไปพลางๆ ชินปาจิคอยดูคอนเช็คของที่อยู่หลังรถส่วนกินโทกิก็มีหน้าที่ขับรถไป
เพียง 15 นาทีก็ถึงชินเซ็นกุมิ กินโทกิถอยจอดถอยอย่างชำนาญแล้วเทียบจอดที่ด้านหน้า
“สวัสดีครับลูกพี่ มาส่งออเดอร์หรอครับ” ยามาซากิ ซางารุสายลับประจำหน่วยชินเซ็นกุมิเอ่ยทักทันทีที่สมาชิกสารพัดรับจ้างลงจากรถ
“เออ ไหนๆ ก็มาแล้วช่วยยกหน่อยสิ”
“ได้ครับลูกพี่ นี่พวกนาย!! มาช่วยกันของอาหารไปไว้ที่โรงอาหารที!” ขณะที่พวกชินเซ็นกุมิกำลังทยอยหยิบอาหารลงจากรถกินโทกิก็กวาดสายตามองหาใครบางคน
“นี่ หัวหน้าพวกนายไปไหน”
“หมายถึงคุณฮิจิคาตะกับคุณคอนโดใช่มั้ยครับ ออกลาดตระเวนน่ะครับ เดี๋ยวอีกสักพักก็กลับแล้ว”
เสียงรถยนต์จากทางด้านหน้าประตูให้กินโทกิรวมถึงคนอื่นๆ ต้องหันไปมอง รถตำรวจสายตรวจที่คุ้นหน้าคุ้นตาขับเข้ามาพร้อมกับลดกระจกลงมา
“พวกนายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย”
ฮิจิคาตะชะเง้อหน้าออกมาถามพร้อมกับมองถุงอาหารนับที่กำลังทยอยยกเข้าใหม่จนตอนนี้เกือบจะหมดหลังรถแล้ว
“แล้วนั่นอะไรน่ะ”
“ออเดอร์ไง เอ้อ ไหนๆ ท่านรองหัวหน้าปีศาจก็มาแล้วเดี๋ยวช่วยจ่ายค่าอาหารด้วย”
ฮิจิคาตะรับบิลมาแต่พอไล่อ่านตัวเลขก็ถึงกับตกใจกระโดดลงจากรถทันที
“นี่มันบ้าอะไร!!! ทำไมฉันต้องจ่ายด้วยฟร่ะ!!!” ไม่พูดเปล่าฮิจิตาตะยังขว้างบิลลงพื้นด้วยความโมโห “ยังไงฉันก็ไม่จ่าย! ฉันไม่ได้เป็นคนสั่งสักหน่อยทำไมต้องจ่ายด้วยฟร่ะ!!!”
“อะไรกันๆ นี่โองูชิคุงจะเบี้ยวค่าอาหารงั้นหรอเนี่ย ไม่มีความรับผิดชอบเลยนะ สงสัยคงต้องแจ้งตำรวจซะแล้วล่ะ”
“ฉันนี่แหละตำรวจ!!!”
“อ่าวๆ เสียงดังอะไรกันเนี่ย อ่าว พวกร้านสารพัดรับจ้างนี่”
คอนโด อิซาโอะเอ่ยพร้อมกับเดินลงมาจากรถอีกคันตรงมาหาพวกเขา กินโทกิก้มหยิบบิลออเดอร์ส่งให้คอนโด “เนี่ย ลูกน้องนายสั่งเครื่องดื่มแต่ไม่ยอมจ่ายเนี่ย ตั้งเยอะเลยนะเว้ย ถ้าพวกแกไม่จ่ายพวกฉันแย่นะเว้ย”
“งั้นหรอเนี่ย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง-”
“ไม่ได้นะคุณคอนโด!” ยังไม่ทันที่คอนโดจะควักเงินก็ถูกฮิจิคาตะห้ามเอาไว้ “เราไม่ได้เป็นคนสั่งนะ ทำไมต้องจ่ายด้วย”
“นี่โองูชิคุง ไม่มีความรับผิดชอบก็อยู่เฉยๆ ไปเถอะ” พูดพลางใช้นิ้วก้อยแคะขี้มูกไปพลางก่อนจะดีดใส่คนที่กำลังโมโหตรงหน้าจนเขาพุ่งมากระชากคอเสื้อ
“นี่แก! มาไถตังค์กันไม่พอยังมีหน้ามาดีดขี้มูกใส่อีก อีแบบนี้จับเข้าคุกซะเลยดีมั้ยห๊ะ!”
“หา? แล้วจะจับฉันเรื่องอะไรล่ะห๊ะ? เรื่องทวงค่าเครื่องดื่มน่ะหรอ จะบอกอะไรให้นะท่านรองหัวหน้าปีศาจ เรามีหลักฐานที่ลูกน้องไปสั่งออเดอร์แล้วก็ลงชื่อเอาไว้อย่างแน่นหนาแถมยังมีพยานยืนยันอีกตั้งสามชีวิต คิดดูสิ ว่าใครกันแน่ที่จะโดน”
กินโทกิยกยิ้มพร้อมกับมองอีกคนอย่างสะใจในชัยชนะจนฮิจิคาตะเถียงไม่ออกก่อนจะจัดการเขวี้ยงกินโทกิตกบ่อน้ำจนชินปาจิต้องวิ่งตามไปช่วย
“คุณกิน!!!”
ยกมือจัดเสื้อพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก “หึ แกนั่นแหละสิโดน สำเหนียกตัวเองหน่อยนะท่านชิโรยาฉะคิดจะเล่นกับรองหัวหน้าแห่งชินเซ็นกุมิระวังจะเจ็บตัวไม่ใช่น้อย”
มีหรือที่กินโทกิจะไม่เอาคืน ยันตัวลุกจากบ่อน้ำหันซ้ายหันขวาหาบางอย่างก่อนจะควักใบบัวมาขว้างใส่คนที่กำลังยืนเก็กอย่างไม่รู้ตัว
“เหอะ!! แล้วไงฟร่ะ!! ถ้าแน่จริงก็มาจับสิเฟ้ย! ไอ้มายองเนสเน่า!!”
“ว่าไงนะไอ้หัวหงอก!! อย่ามาดูถูกมายองเนสแสนล้ำค่านะเว้ย!! ทำอย่างกับถั่วแดงของแกมันดีนัก!”
“ก็ดีไง! ดีมากด้วย รู้จักมั้ยอาหารชั้นสูงของคุณกิน อาหารหมาของแกมันเทียบไม่ได้หรอกเว้ย!!!”
“ว่าไงนะให้หัวหงอก!!!”
“พอสักทีเถอะครับ!!! เลิกทะเลาะกันสักที!!!”
ชินปาจิพยายามจะห้ามแต่ก็ไม่เป็นผล เป็นแบบนี้ทุกครั้งเจอกันทีไรก็คอยหาเรื่องใส่กันทุกที
“เอาน่าๆ อย่าทะเลาะกันเลย อายุก็ปูนนี้แล้วรักๆ กันมั่งเถอะ”
“นั่นสิครับ ว่าแต่…คุณคอนโดคุณก็แก้ผ้าทำไมเนี่ยครับ!!!!”
คอนโดเท้าเอวยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “มันคือการแสดงความเป็นชาติชายต่างหากล่ะ”
“แสดงบ้าแสดงบออะไรล่ะ!!! มีแต่***นั่นแหละที่แสดงออกมา!!!” ไม่พูดเปล่าเตะเสยคางไปหนึ่งที
“นี่อากิงปาจิ ชาไข่มุกนี่อะไรมากเลยน่อ กิงด้วยกันมั้ย” คางุระที่โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้เอ่ยถามพร้อมกับยื่นแก้วชานมที่คาดว่าน่าจะเอามาจากออเดอร์นั้นแหละมาให้ชินปาจิดู
“นั่นมันไม่ใช่ของเรานะคางุระจัง!!! โอ๊ย~ จะบ้าตายเว้ย!!!!!”
เสียงถอนหายใจของชินปาจิดังจนคนข้างๆ อย่างคางุระต้องเอ่ยทัก “เป็นอาไรอาชินปาจิ ปวกขี้หรอ”
“ป่าวสักหน่อย แค่ในที่สุดก็จบเรื่องสักที”
จบเรื่องคือเรื่องงานที่ในที่สุดก็เสร็จงานทั้งหมดเสียที ที่นี้พวกเขาจะได้กลับบ้านไปนอนอย่างสมใจอย่าง
มือหนาเอื้อมมือเปิดเพลงคลอขณะขับรถกลับร้านพร้อมกับฮัมเพลงไปพลาง
คางุระเหลือบมองกินโทกิที่กำลังเพลิดเพลินกับการฮัมเพลงก่อนจะเอ่ยถาม
“นี่อากิงจัง ปีนี้ลื้ออายุเท่าไหร่น่อ”
“หือ? ถามทำไม จะเอาอายุฉันไปซื้อหวยรึไง”
“แค่ถามเฉยๆ น่อ”
“ยี่สิบเก้า พอใจยัง” กินโทกิตอบขณะที่ยังคงจดจ่อไปที่ถนน
“แก่ป่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะหาแฟนสักทีน่อ” คำถามของคางุระทำเอากินโทกิถึงกับหันไปมองพร้อมกับถอนหายใจใส่ก่อนจะเขกกะโหลกไปที
“แก่บ้าแก่บออะไร เขาเรียกยังแซ่บเว้ย”
“โอ๊ย!”
“จะว่าไปคุณกินก็มีผู้หญิงมาชอบตั้งเยอะนี่ครับ ไม่ลองดูสักคนหน่อยหรอครับ” ชินปาจิพูดเสริม
“อะไรของพวกนายเนี่ย ถ้ามันจะมีเดี๋ยวก็โผล่มาเองแหละ” กินโทกิพุดจบก่อนจะหันกลับไปโฟกัสทางข้างหน้าต่อ
ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่มีคนมาพูดเรื่องแบบนี้ ให้หาแฟนมั่ง ให้ไปดูตัวมั่ง บอกตามตรงว่าน่ารำคาญมาก กินโทกิไม่ได้ชอบหรือสนใจใครเป็นพิเศษไม่ใช่ว่าไม่เจอใครตรงสเปคนะ แต่มันไม่สนใจก็คือไม่สนใจอ่ะ ก็ปล่อยเลยตามเลย
มาถึงร้านกินโทกิจอดเทียบรถเข้าที่เดิมยืนรอชินปาจิที่เข้าไปส่งเงินและรับเงินค่าจ้างอยู่ด้านนอก
“เสร็จแล้วครับ” รอไม่นานชินปาจิก็ออกมาพร้อมกับเงินค่าจ้างปึกหนึ่ง “งั้นผมไปเอาเงินเข้าธนาคารก่อนนะครับ”
“เอาเข้าทีหลังก็ได้น่อ”
“ไม่ได้สิ เดี๋ยวก็แอบเอาไปใช้กันจนหมด งั้นผมไปก่อนล่ะกันคุณกินกับคางุระจังก็กลับได้เลยครับ”
“นี่นายเป็นหัวหน้าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ยกมือสับหัวคนที่เด็กว่าอย่างหมั่นไส้ “ช่างเถอะ ถ้าไม่มีไรแล้วฉันกลับก่อนล่ะ ต้องไปหาซีคิดส์เล่มลิมิเต็ดอีก ไปล่ะ”
พูดจบกินโทกิก็เดินจากไปโดยที่มีสายตาของคางุระกับชินปาจิมองตามแผ่นหลังจนเริ่มออกไปไกลๆ “นี่อาชินปาจิ”
“หือ?”
“ลื้อว่าอากินจังจะหาแฟนได้มั้ยน่อ”
“ไม่รู้สิ คงไม่ได้…ล่ะมั้ง”
“งั้นหรอ นี่อากินจังจะต้องขึ้นคานแล้วเนี่ย น่าสงสารจัง”
“ผมว่าสงสารตัวเองเถอะ ทุกวันนี้เราก็ยังหาแฟนไม่ได้เลย”
“ไม่มีใครเอาลื้อต่างหากล่ะน่อ”
“ว่าไงนะ!!! คางุระจังเองก็ไม่มีใครเอาเหมือนกันนั่นแหละ”
“ว่าไงนะ!!” เดินตีกันไปมาโดยพวกเขาไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานหัวหน้าของพวกเขาจะเผชิญโชคใหญ่ที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
สองเท้าเดินไปเรื่อยๆ ตามถนนหนทางไม่ลืมที่จะเข้าไปตามร้านที่ขายหนังสือทุกร้านเท่าที่จะหาได้แต่ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่มีซีคิดส์เล่มลิมิเต็ดสักเล่มเดียว
ถอนหายใจรอบที่ร้อยเหนื่อยก็เหนื่อยร้อนก็ร้อนจะพ่นไฟแล้วนะเหวย แค่ซีคิดส์เล่มเดียวทำไมมันถึงหายากหาเย็นได้ขนาดนี้เนี่ย
“โว้ย~ ซีคิดส์จ๋า อยู่ที่ไหนเนี่ยได้โปรดออกมาเถอะ”
“ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะกินโทกิ” เสียงอันคุ้นเคยให้กินโทกิต้องหันไปมองพบว่าเป็นคาซึระ โคทาโรอดีตเพื่อนร่วมรบสมัยสงครามขับไล่ต่างแดน
“อะไรของนายซึระ แล้วชุดนั่นอะไร เล่นแต่งคอสเพลย์หรอ”
“ไม่ใช่ซึระ คาซึระโกะจังต่างหาก” กินโทกิไล่มองชุดคลอสเพลย์โดยไม่สนใจคนโวยวายเพราะชื่อผิดแต่อย่างใด เพื่อนชายที่มัดผมเปียดด้านหน้ากับชุดนักเรียนที่ขัดกับมัดกล้ามแน่นเสียเหลือเกิน
“ไหนๆ ก็เจอนายแล้วอ่ะนี่” คาซึระหยิบบางอย่างในตระกร้ายัดใส่มือเขา “อะไร”
พลิกดูพบว่ามันคือก้อนสบู่ที่มีโน๊ตเล็กๆ น่ารักๆ แปะเอาไว้
‘มาร่วมสนุกกับพวกเราชาวคลับ ROSERIAN กันเถอะ’
“เห็นว่านายยังโสดฉันอยากช่วยเพื่อนสานต่อ-อุ๊ก!” ยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกอีกคนเอาสบู่นั่นยัดใส่ปากก่อนจะล้มลงไปกับพื้นทันทีก่อนจะเดินจากไปโดยไม่สนใจใยดีเพื่อนชายที่นอนกองกับพื้น
สองเท้าเดินไปเรื่อยๆ แรงเริ่มตกจากความเหนื่อย ทำไมนะทำไมมันถึงได้หายากหาเย็นขนาดนี้เนี่ย โอ๊ย~
“พ่อหนุ่ม” เสียงยานคางเรียกให้กินโทกิต้องหันไปมองพบว่าเป็นใครคุณยายคนหนึ่งในชุดเดรสขาดรุ่ย
“เรียกฉันหรอยาย” ชี้เข้าหาตัวเองเป็นเชิงถาม คุณยายค่อยๆ เดินมาหาก่อนจะยกมือสั่นๆ จับปลายเสื้อของเขา “ร้านโมจิไปทางไหนหรอ”
“อ่า…เดี๋ยวพาไปล่ะกัน”
กินโทกิย่อตัวให้คุณยายปีนขึ้นหลังก่อนจะพาเดินไป เดินๆ วนๆ ตามหาร้านโมจิ ถามคนนั้นทีคนนี้ทีแต่ละคนก็บอกไม่ตรงกันสักอย่างจนกินโทกิเริ่มจะท้อแล้ว
“นี่ยาย สรุปจำไม่ร้านไม่ได้เลยหรอเนี่ย”
“อืม…อ๋อ จำได้แล้ว อยู่ตรงนู้นน่ะ”
“ตรงไหนยาย”
“นั่นน่ะตรงนั้นน่ะ” คุณยายยกมือสั่นๆ ชี้ไปที่ฝั่งตึกสูงๆ ที่อยู่อีกฟากของคาบูกิโจ กินโทกิที่เห็นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมกับสบถในใจ “พายายไปหน่อยนะหนุ่มนะ”
“ครับๆ เดี๋ยวพาไปก็ได้ครับ”
สองขาออกแรงเดินทีละก้าวด้วยความหนักและเหนื่อยล้าจนในที่สุดก็มาถึง ทันทีที่ปล่อยคุณยายลงพื้นกินโทกิก็ทรุดลงนั่งกับพื้นทันที ย่านที่กินโทกิพายายมาถึงคือย่านคากุระซากะ ย่านที่เหล่าคนรวยอาศัยกัน
“ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม เรานี่เป็นคนดีสียจริง” กินโทกิสูดหายใจเข้าลึกเพื่อให้ใจที่เต้นรัวจากความเหนื่อย “จะว่าไปพ่อหนุ่ม เราก็หน้าตาดีนะเนี่ย อายุเท่าไหร่ล่ะ”
“ยี่สิบเก้าครับ”
“หืม? ยังเด็กนะเนี่ย”
“ยายคิดว่าผมยังเด็กอยู่หรอ” กินโทกิถึงกับเลิกคิ้วหันไปหาคุณยายอย่างแปลกใจ “ยายเป็นคนแรกเลยนะเนี่ยที่บอกว่าผมเป็นเด็ก”
ก็ที่ผ่านมามีแต่คนบอกว่าเขาแก่ทั้งนั้น มาได้ยินแบบนี้เขาก็ตกใจสิ
“ยายมีแฟนป่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ เคยมี แต่ตอนนี้ตายไปแล้ว” คุณยายหัวเราะร่าต่างกับกินโทกิที่ได้แต่หัวเราะแห้ง
“ยาย ไม่เหงาหรอ ผัวตายทั้งคนเลยนะ”
“ตอนแรกก็เหงาแหละ ตอนนี้ชินล่ะ คุยกับเพื่อนข้างบ้านก็ได้ อีกอย่างเดี๋ยวนี้ก็มีอินเตอร์เน็ตนี่ ถ้าเหงายายก็เล่นเน็ตไปเรื่อย ฮ่าๆๆ” กินโทกิมองคุณยายที่เล่าอย่างสนุกสนานแต่เขาก็เห็นนะ ว่าสายตาของคุณยายมันไม่ได้โกหก มันกำลังบอกว่ายายกำลังเหงาและโดดเดี่ยวอยู่
“ยายไม่ลองหาแฟนใหม่ล่ะ”
“โอ๊ย ยายก็อายุปูนนี้แล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ อยู่ดูเด็กๆ เล่นกันก่อนตายแค่นี้ก็พอแล้ว”
“ยายนี่ ไม่เครีนดเลยเนาะ”
“เครียดทำไมเล่า เครียดมากก็เท่านั้นตายไปก็เอาอะไรไม่ได้”
“แล้ว…แฟนยายตายเพราะอะไร”
“ก็ไปรบสงครามขับไล่ต่างแดนนี่แหละ ถูกฆ่าตายคาสนามรบ” กินโทกินั่งฟังยายเล่าอยู่เงียบๆ โดยที่ไม่ได้โต้แย้งอะไร “แต่ยายก็ภูมิใจนะ เขาทำเพื่อประเทศนี่ แค่นี้ยายก็มีความสุขแล้ว”
“แฟนยายเขาก็คงดีใจกับยายเหมือนกันแหละ ว่าแฟนเขาสามารถมีความสุขได้ขนาดนี้แม้ว่าสังขารยายมันจะพร้อมไปทุกเมื่อก็ตาม”
“ฮ่าๆๆ อย่างงั้นเรอะ พ่อหนุ่มนี่พูดจาเฉียบเหมือนกันนะเนี่ย” คุณยายยันตัวลุกจากเก้าอี้พร้อมกับขยับร่างกายที่ยึดเส้นก่อนจะยื่นบางอย่างมาให้เขา
“อะไรอ่ะยาย”
“เครื่องรางเเรื่องความรักไง” กินโทกิรับมาดูมันคือกำไลหินสีขาวหยกชิ้นเล็กๆ “ถ้าใส่กำไลนี่นะ เดี๋ยวท่านจะส่งเนื้อคู่จากฟ้ามาให้”
“จากฟ้าเนี่ยนะยาย จะส่งมายังไงถีบลงมาหรอ”
“เดี๋ยวก็รู้เองพ่อหนุ่ม ยายไปล่ะ” คุณยายตบบ่ากินโทกิสองทีก่อนจะเดินจากไปปล่อยทิ้งกินโทกิไว้ให้อยู่กับความงง “เอ้ายาย ยายจะมาทิ้งผมแบบนี้ไม่ได้นะยาย”
ถอนหายใจกับความมึนของยายก่อนจะเก็บกำไลเข้ายูกะตะอย่างช่วยไม่ได้ ช่างเถอะ มันคงไม่มีเนื้อคู่ที่ไหนจะหล่นมาจากฟ้าหรอกน่า
เดินต่อไปในซอกซอยของย่านคากุระซากะเพื่อตามหาซีคิดส์แต่ไม่ว่าจะไปตามที่ไหนก็ไม่เจอสักที่เลย กินโทกิถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้าเต็มทนก่อนจะตะโกนออกมา
“ไม่ไหวแล้วนะเหวย ซีคิดส์แกอยู่ไหนเนี่ย ออกมาสักที!! อั่ก!!”
แหกปากได้ไม่ทันขาดคำจู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างร่วงหล่นทับจนกินโทกิฟุบลงไปกับพื้นทันที
“อะไรวะเนี่ย” กินโทกิเอี้ยวหันมองสิ่งที่อยู่บนตัวเขาแต่ก็ตกใจช็อคเพราะสิ่งที่หล่นมาจากฟ้ามันคือร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่สภาพตอนนี้สลบเหมือดพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากหัว
“แว๊กกกกกก!!! อะไรวะเนี่ย!!! ทำไมถึงมีศพหล่นมาจากฟ้าได้ฟร่ะ!!” จู่ๆ ประโยคของคุณยายเมื่อกี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว พอนึกถึงประโยคนั้นผนวกกับสภาพของร่างหญิงสาวตรงหน้า
“ดะ-เดี๋ยวก่อนนะ รึว่า จะบ้าเรอะ!! จะเป็นไปได้ไง!! ศพคนเนี่ยนะเนื้อคู่ของฉัน บ้าไปแล้ว! ไม่ตลกนะเฮ้ย ใครโยนศพนี่ลงมาออกมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้นะเห้ย!!!”
จังหวะเดียวกันที่กินโทกิกำลังตะโกนแหกปากหาต้นตอที่โยนศพลงมาจู่ๆ ก็มีกลุ่มคนใส่สูทเดินมาล้อมเขา “อะไรเนี่ย พวกแกใช่มั้ยที่โยนศพนี่ลงมา เอาคืนไปเลยนะเว้ย! รู้มั้ยว่ามันเจ็บแค่ไหน ไม่รู้กระดูกฉันยังอยู่ดีรึเปล่าจ่ายเงินค่าชดใช้มาเลยนะเว้ย”
“ส่งผู้หญิงคนนั้นมาให้เราเดี๋ยวนี้” กินโทกิขมวดคิ้วจนเป็นปมส่วนหนึ่งก็คงเพราะคนพวกนี้ดันพูดภาษาอังกฤษแต่เขาก็เข้าใจ แต่อีกส่วนหนึ่งคือศพที่อยู่บนหลังเขา กินโทกิรู้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกที่ออกมาจากคนพวกนี้
“เฮ้ ฉันไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องนี้หรอกนะ ถ้าอยากได้มากก็มาเอาเอง ฉันขยับไม่ได้เว้ย”
กินโทกิสปีค English ใส่กลับเขาคิดว่าทุกอย่างน่าจะจบแต่กลับไม่ใช่แบบนั้นเพราะหนึ่งในนั้นเดินมาหาเขากางมือตรงหน้าพร้อมกับวงเวทย์ที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ในชั่วขณะนั้นเขาคิดไว้แล้วว่าโดนแน่ๆ แต่จู่ๆ ก็มีเรียวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดค่อยๆ เลื่อนจากทางด้านหลังมาปิดตาเขาจนสนิทก่อนจะมีเสียงสะเบิดตามาเป็นระยะ
เสียงตูมตามกับเสียงกรีดร้องที่ดังระงมจนหูแทบอื้อนั่นไม่ได้ทำให้กินโทกิกลัวเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ตอนนี้เขาแค่อยากจะออกจากตรงนี้ อยากจะเอามือนี่ออกจากตาเขาเท่านั้น
“นี่คุณ จะตีกันอะไรฉันไม่ว่าหรอกนะแต่ช่วยเอามือออกไปจากตาฉันได้มั้ยมันมองไม่เห็น”
กินโทกิพยายามจะแงะมือเรียวเล็กออกจากตาในที่สุดเขาก็สามารถหลุดออกจากพันธนาการนั่นได้สักที แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ศพที่อยู่บนตัวตอนแรกลุกออกไป
ศพลุกออกไป?
คิดได้แบบนั้นกินโทกิรีบหันขวับศพหญิงสาวในตอนแรกลุกเดินเซออกไปเห้นแต่เพียงด้านหลัง ผมยาวสลวยสีดำไฮไลท์อินเนอร์สีขาวกำลังเดินเซออกไปไกลๆ แต่พอหันกลับเขาก็ต้องช็อครอบที่สองเพราะสภาพตรงหน้ามันเละจนนึกว่าสนามรบ
กลุ่มคนชุดสูทในตอนแรกตอนนี้ต่างสภาพเละเทะจนดูแทบไม่ได้ บางคนโดนแท่งอะไรสักอย่างเสียบเข้ากลางตัว บางคนโดนดาบเสียบ บางคนโดนเสียบปักคากำแพง หนักสุดบางคนก็หัวระเบิด
เสียงหวอตำรวจมาหยุดตรงตรอกที่กินโทกิยืนอยู่พร้อมกับเหล่าตำรวจของชินเซ็นกุมิที่นำโดยโอคิตะ โซโกะก่อนจะพุ่งเข้ามาจับตัวกินโทกิโดยที่ไม่ได้บอกอะไร
“อ่าวเฮ้ย! มาจับฉันเรื่องอะไรเนี่ยฉันไม่ได้ทำนะเว้ย!!!”
“ลูกพี่ เลือดเต็มตัวขนาดนี้คงจะปล่อยไปไม่ได้หรอกครับ อีกอย่างตรงนี้ก็มีก็แค่ลูกพี่ด้วยเพราะฉะนั้นยอมแพ้แล้วมอบตัวเถอะครับ ผมจะได้ไปกินราเม็ง”
“เรื่องของแกสิ นี่โซโกะคุง ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะเห้ย มันมียัยผู้หญิงคนนึงที่ตกมาจากฟ้าคนนั้นน่ะ ฝีมือยัยนั่นแน่ๆ”
“หรอครับ ไม่ยักกะเห็นเลยครับ เอาเป็นว่าค่อยเล่าทีหลังละกันครับ”
“ไม่ได้สิเห้ย ฉันไม่ผิดนะเว้ย!! พวกแกจะมาจับฉันแบบนี้ไม่ได้!! เห้ย!! ฟังกันบ้างสิเว้ย!” โอคิตะปิดประตูโดยไม่สนใจคนหัวเงินที่โวยวายแหกปากอยู่ในรถก่อนจะขับออกไป
“หัวหน้าโอคิตะ แล้วเราจะจัดการคนพวกนี้ยังไงดีครับ”
โอคิตะกวาดสายตามองก่อนจะยกมือถือส่งหาใครบางคน “ให้ฝั่งนั้นเขาจัดการล่ะกัน”
เสียงโวยวายดังไม่หยุดของคนหัวเงินตั้งแต่บนรถจนถึงที่ห้องสอบปากคำดังลั่นจนคนในหน่วยชินเซ็นกุมิพากันมองเป็นสายตาเดียว
“ฉันไม่ได้นะเว้ย พวกนายจะมาจับแบบนี้ไม่ได้!! จะไปจับก็ไปจับยัยนั่นสิเว้ย!”
“ไงสารพัดรับจ้าง” คอนโดเอ่ยทักก่อนจะเดินมาหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ฝ่ายตรงข้ามของอีกคน
“ไงบ้าอะไร จับฉันมาทำไมเนี่ย ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะเว้ย”
“ฉันปล่อยนายแน่ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ” กินโทกิได้ยินก็ถึงกับหัวเสีย “แลกเปลี่ยนอะไรอีก แค่นี้ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว แถมยังจะโดนฆ่าอีก พวกแกบ้าป่ะเนี่ยไม่เอาด้วยหรอก!!”
โน็ตบุ๊คเครื่องหนึ่งวางลงตรงหน้าเขาพร้อมกับฮิจิคาตะก่อนจะหันหน้าจอโน๊ตบุ๊คที่มีข้อมูลอะไรก็ไม่รู้ที่เป็นภาษาอักฤษมาหาเขา
“อะไร ให้ดูอะไรเนี่ย”
“คนที่แกเจอคือกลุ่มอีลิธ เดิมทีพวกมันมีรกรากอยู่ที่ดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา ตอนแรกพวกมันก็เป็นแค่กลุ่มเล็กๆ นี่แหละ คอยฆ่าคอยขโมยศพของพวกที่เป็นผู้ใช้เวทย์แร่แปรธาตุไปขายในตลาดมืดก่อนที่พวกมันจะเริ่มขยายอนาเขตไปทั่วโลกรวมถึงญี่ปุ่นด้วย”
“ผู้ใช้ อะไรนะ”
“ผู้ใช้เวทย์แร่แปรธาตุ พวกที่ใช้พลังเวทย์แปรธาตุต่างให้เป็นสิ่งของหรืออาวุธไง”
“เดี๋ยวนะโองูชิคุง นายจะบอกว่าไอพวกอีลิธนั่นมันล่านักเล่นแร่แปรธาตุเพื่อเอาพลังไปขายในตลาดมืดหรอ”
“ใช่”
“ถามจริง! นี่ฉันอยู่ในยุคผู้ใช้เวทย์แร่แปรธาตุเกลื่อนเอโดะแล้วหรอเนี่ย โทษทีนะนี่เรื่องแขนกลคนแปรธาตุป่ะ ต้องไปลากพี่น้องเอ็ดเวิร์ดมาปราบมั้ย”
“เลิกพล่ามได้แล้วเฟร้ย! เอาเป็นว่าตอนนี้นายต้องช่วยพวกฉันจับพวกอิลิธ”
กินโทกิได้ยินก็ถึงกับทุบโต๊ะปึง “จะบ้าเรอะ!! ใครมันจะโง่เอาชีวิตไปเสี่ยงเพราะเรื่องพรรค์นั้นกันฟร่ะ!! แค่ทำงานเอามาจ่ายค่าเช่าทุกวันนี้ก็เหนื่อยเต็มทนแล้ว แล้วยังต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอะไรก็ไม่รู้เนี่ยนะ! แกก็เห็นนี่ว่าไอ้พวกนั้นมันโกงกันขนาดไหน จะให้ดาบไม้ธรรมดาไปงัดกับพลังเวทย์ที่สามารถฆ่าคนได้แค่เพียงวิเดียวเนี่ยนะ!! ใครทำก็โง่แล้ว!!”
“ห้าล้าน เอามั้ย” คอนโดยื่นเสนอเงินค่าจ้างแต่ด้วยจำนวนเงินที่ไม่คุ้มเอาเสียเลยทำให้กินโทกิเลือกที่จะปฏิเสธ “ห้าล้านแลกกับชีวิตฉันเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก”
“ห้าล้านดอลลาร์”
สกุลเงินที่จากเยนเป็นดอลลาร์ทำให้กินโทกิถึงกับหยุดชะงักก่อนจะครุ่นคริดไปอยู่ครู่ ยกมือขึ้นมานับเลข 5 ล้านดอลลาร์เท่ากับ 761,424,990 เยน พอเห็นตัวเลขที่คำนวนออกมาแล้ว
“เหอะ คิดว่าเงินแค่นี้จะเอามาหลอกล่อคนคุณกินได้อย่างงั้นเรอะ หึ เอาสิฟร่ะ!! เงินตั้งขนาดนี้ไม่เอาก็โง่แล้ว”
“ก็ดี อ่ะนี่สัญญ นายต้องเซ็นด้วย”
คอนโดยื่นเอกสารบางอย่างมาตรงหน้า พอหยิบขึ้นมาอ่านมันเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะอ่านไม่ออกนะ ก็พออ่านได้
สัญญาสำคัญสำหรับการว่าจ้าง
สำนักงานตำรวจเวทย์มนต์ดีทรอยต์, สหรัฐอเมริกา และหน่วยตำรวจชินเซ็นกุมิ
ข้าพเจ้า ซากาตะ กินโทกิ ยินยอมการทำสัญญาว่าจ้างร่วมกับสำนักงานตำรวจเวทย์มนต์ดีทรอยต์, สหรัฐอเมริกา และหน่วยตำรวจชินเซ็นกุมิ ในการตามล่าและจับกุมกลุ่มอีลิธ โดยมีค่าจ้างเป็นจำนวน 5,000,000 ดอลลาร์
ระยะเวลาสัญญาจ้างเป็นจำนวนหนึ่งเดือน หากในกรณีที่สามารถทำตามข้อตกตลงในสัญญาได้ตามครบที่ตกลงสามารถรับเงินเต็มจำนวนได้ในทันที แต่หากไม่ทำตามสัญญา สัญญาจะสิ้นสุดลงทันทีและจะไม่ทำการจ่ายเงินค่าจ้าง
หากในกรณีที่ผู้ทำสัญญาเกิดบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจนไม่สามารถทำงานต่อให้ จะมีเงินค่าชดเชยให้ทางครอบครัว
กรณีบาดเจ็บ เงินชดเชยจำนวน 1,000,000 ดอลลาร์
กรณีเสียชีวิต เงินชดเชยเดือยละจำนวน 20,000 ดอลลาร์ เป็นเวลา 40 ปี
เซ็นต์ยินยอม
ไล่อ่านจนครบทุกบรรทัดจะว่าไประยะเวลาก็ไม่นานเงินชดเชยก็คุ้มค่าแต่ถ้าเขารอดเขาก็จะได้เงินค่าจ้างตั้ง 5,000,000 ดอลลาร์
หยิบปากกาเซ็นต์ลงไปก่อนจะส่งคืน
“พอใจยัง”
“ดี อ่ะนี่” คอนโดยื่นรูปใบหนึ่งมาให้
เป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าคมคายผมสีดำไฮไลท์อินเนอร์สีขาวนัยต์ตาสีเทา เรียกได้ว่าสวยจนเหมือนไม่มีอยู่จริงเลย
“ผู้หญิงคนนี้ชื่อซายะ ริเชล กำลังถูกพวกอิลิธตามล่าอยู่ เพราะเธอมีพลังที่มหาศาลทั้งเวทย์อาวุธศาสตราทั้งเวทย์แร่แปรธาตุ โดยส่วนใหญ่คนที่ใช้เวทย์นี้จะมีแค่เวทย์ใดเวทย์หนึ่ง เวทย์อาวุธศาสตรามากสุดจะมีแค่คนละไม่เกินสองชิ้น ส่วนเวทย์แร่แปรธาตุก็มีได้แค่คนละหนึ่งอย่าง แต่ซายะน่ะ เธอไม่เหมือนคนอื่น เธอสามารถใช้เวทย์อาวุธศาสตรากับส่วนเวทย์แร่แปรธาตุได้ไม่จำกัด”
กินโทกิได้ยินถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม นี่มันอะไรวะเนี่ย นี่เขาอยู่ในโลกแฟนตาซีแฟรี่เทลหรอ
“อย่างงี้ยัยนั่นก็แข็งแกร่งอ่ะดิ แล้วให้ฉันไปช่วยทำไม”
“ซายะทำงานคนเดียวมาตลอด ถ้ามีคนคอยช่วยจัดการมันจะไวแล้วก็ง่ายขึ้นไง”
“แล้วตำรวจอย่างพวกนายไม่ไปช่วยยัยนั่นไง”
“พวกเราไม่สามารถช่วยตรงๆ ได้ อย่างที่รู้อีกฝ่ายเป็นถึงจอมเวทย์ถ้าให้พวกไปสู้ตรงมีหวังได้ตายกันหมดแน่ๆ”
“แล้วฉันล่ะ ฉันก็มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งนะเหวย อีกอย่างฉันมีคนเดียวนะ ฉันไปสู้กับพวกนั้นก็ซี้สิ”
“ใครบอกว่าจะให้นายไปสู้ล่ะ” ฮิจิคาตะปล่อยควันออกจากปอดก่อนจะยกยิ้มอย่างผู้ชนะ “คนอย่างแกน่ะ ตัวล่อ คงเหมาะสมที่สุด”
“ว่าไงนะ!!!!!”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 8
Comments