day 3

ช่วงเช้ามืดของเอโดะภายในโซนหนึ่งของตึกร้างมีเสียงร้องโอดโอยดังก้องไปทั่วทั้งตึก ก่อนจะเงียบลง หญิงสาวที่นั่งพักอยู่บนแท่งปูนแท่งหนึ่งสูดหายใจเข้าปอดลึกเพื่อให้คลายความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้

พอนั่งพักได้หายความเหนื่อยก็พึ่งจะสังเกตได้ว่าเนื้อตัวรวมถึงเสื้อผ้าของเธอเลอะเปรอะเปื้นทั้งเลือดแล้วก็ฝุ่น มือเรียวยกปัดแต่ปัดยังไงก็ปัดไม่ออกสงสัยคงจะต้องทิ้งเสื้อตัวนี้แล้วล่ะ

“จัดการเกลี้ยงเหมือนเดิมเลยนะ“ เสียงของคนมาใหม่ให้ซายะหันไปมองพบว่าหน่วยชินเซ็นกุมิที่เธอเรียกมาถึงแล้ว

“ฝากที่เหลือต่อด้วยนะ จะกลับไปนอน” พูดพลางยื่นหลักฐานต่างๆ ใหกับโอคิตะก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้พวกชินเซ็นกุมิมองตาม

“คุณคอนโดครับ คุณพี่สาวเขาก็ออกจะเก่งทำไมไม่ให้เธอจัดการพวกนั้นเองล่ะครับ จะให้พวกเรามาจัดการทำไมพวกเราก็ใช่ว่าจะสู้เจ้าพวกนั้นได้สักหน่อย”

“ก็เพราะมันหาไม่เจอยังไงล่ะ อีกอย่างหน้าที่การจัดการพวกผู้ร้ายไม่ว่าจะมาจากไหน ภายในเขตปกครองญี่ปุ่นหน้าที่จับพวกนั้นส่งมันก็ต้องเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว อีกอย่างนึง ให้ซายะจัดการคนเดียวไม่ได้หรอก ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนถ้าสู้คนเดียวมันโดดเดี่ยวและน่ากลัวกว่ามีคนคอยช่วยเสียอีก”

บนถนนเส้นหลักในตัวเมืองเอโดะหญิงสาวนามซายะเดินเท้าด้วยอาการหมดแรง เธอตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อออกมาจัดการกับพวกอีลิธ ตอนแรกก็คิดว่าสักชั่วโมงเดียวก็คงเสร็จแต่กลายเป็นว่ามันกลับยืดเยื้อจนถึง 2 ชั่วโมง เรียกได้ว่าทั้งเหนื่อยทั้งล้าไปทั้งตัว

ขณะที่เดินไปตามถนนสายตาก็เหลือบเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตานอนแอ้งแม้งอยู่บนกองถังขยะ

ซายะเดินเข้าไปดูพลางใช้เท้าเขี่ยคนหัวเงินที่นอนแอ้งแม้งพึ่งสังเกตเห็นว่าหน้าของเขาแดงก่ำด้วย สงสัยคงจะเมามาแน่ๆ ทำการเสกเวทย์ลมพัดกินโทกิให้ขึ้นจับตัวเขาให้กระชับก่อนจะเริ่มเดินกลับโรงแรม

จากจุดที่เจอกินโทกิถึงโรงแรมรวมๆ กินก็ 5 กิโลกว่า แถมด้วยน้ำหนักที่ต่างกันเกินทำให้กว่าจะก้าวเดินทีละก้าวก็ทุลักทุเลจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่แล้ว

ในที่สุดก็แบกมาจนถึงโรงแรม กว่าจะมาถึงได้ก็ใช้เวลาปาไปเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ซายะสาวเท้าเดินเข้าประตูโรงแรมพอเข้ามาพนักงานและลูกค้าคนอื่นๆ ต่างก็พากันมองเธออย่างสงสัย

“ให้ผมช่วยมั้ยครับ” หนึ่งในพนักงานวิ่งมาหาเพื่อที่จะช่วย “ไม่  เป็น ไร ค่ะ”

ซายะเดินต่อเธอไม่ต้องการให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวสักเท่าไหร่แม้ว่าตอนนี้จะลำบากก็ตาม เพราะช่วงนี้เธอโดนตามล่าอยู่แม้ว่าโรงแรมนี้มัตสึไดระจะส่งชินเซ็นกุมิมาคอยดูก็ตาม

ขึ้นลิฟต์ขนมาถึงชั้นที่ตัวเองพักอยู่เดินจนมาถึงห้อง ทันทีที่เข้าห้องซายะก็ปล่อยกินโทกิลงกับเตียงทันทีก่อนจะฟุบล้มลงไปข้างๆ กัน

ด้วยความเหนื่อยและเมื่อยล้าจากการต่อสู้ขยับหัวหนุนหมอนก็หลับทันที ส่วนกินโทกิก็ปล่อยให้นอนแบบนั้นไป ตอนนี้ไม่ไหวแล้วเธอขอนอนก่อนล่ะกัน

ร่างหนาขยับตัวพลางยกมือจับหน้าขยี้ตาเพื่อให้คลายแฮงค์ ค่อยๆ เปิดเปลือกมองเพดานห้องก่อนจะปั้นคิ้วขมวด

“ที่ไหนเนี่ย ไม่ใช่ว่าล่าสุดฉันนอนตรงกองขยะหรอ”

ค่อยๆ ยันตัวลุกพลางสำรวจรอบๆ ห้องนอนที่ตกแต่งสไตล์ตะวันตกหรูหรา วิวทิวทัศน์ที่ตื่นนอนมาก็เห็นวิวเอโดะได้ทั้งเมือง และหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างกาย

หญิงสาวงั้นเรอะ!!!

กินโทกิหันควับมองพิจารณาอีกรอบปรากฏว่าคนที่นอนหันหลังที่ข้างกายคือผู้หญิงจริงๆ จู่ๆ ก็เหงื่อตกใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก นี่หรือว่าเมื่อตอนที่เขาเมาเขาจะเผลอไปลากผู้หญิงที่ไหนมานอนด้วยแน่ๆ เลย

เวรเอ้ย แย่แน่ๆ

เสียงขยับตัวของคนข้างๆ ทำให้เขาสะดุ้งเฮือกก่อนหญิงคนนั้นจะค่อยๆ หันมาจนเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน

“ซายะ?” นึกว่าผู้ที่ไหนที่แท้ก็ซายะนี่เอง แต่เดี๋ยวก่อนนะ นี่เมื่อคืนเขาลากซายะมาหรอ

พยายามเค้นนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแต่ไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก แต่พอนึกคิดดีๆ ดูจากนิสัยของซายะก็ไม่น่าจะยอมให้เขาพามาได้หรอก แต่ถ้ามันเกิดเป็นจริงล่ะ แล้วถ้าเกิดคนที่พามาที่นี่เป็นซายะล่ะ

ภาพในหัวที่ซายะในท่าทางเย้ายวนใจกำลังหลอกล่อกินโทกิโผล่เข้ามา ไม่ๆๆๆๆ สะบัดหัวเอาความคิดแย่ๆ ออกจากหัว ไม่มีทางหรอกยัยเด็กนี่เนี่ยนะ

จู่ๆ ซายะก็เด้งตัวจากที่นอนทำให้กินโทกิสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง “เย้ย!!!”

ซายะหรี่ตาหันมามองก่อนจะเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่ดูง่วงจัด “good morning”

“g-good morning เฮ้ย! มอนิ่งอะไรล่ะ นี่เธอ ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย เท่าที่จำได้เมื่อคืนเราไม่ได้เจอกันนะ หรือว่าเธอฉุดฉันระหว่างทาง”

ซายะเอื้อมมือมาแตะแขนเป็นเชิงบอกว่าให้เขาใจเย็นๆ ก่อนจะตอบด้วยเสียงเนือยๆ “เราเจอกันเมื่อเช้า”

“ห๊ะ เมื่อเช้าหรอ” ซายะพยักหน้าตอบ “ฉันเห็นคุณนอนเมาแอ๋อยู่ตรงกองขยะ เห็นแล้วสงสารก็เลยแบกกลับมาด้วยน่ะ”

ที่แท้เรื่องก็เป็นแบบนี้นี่เอง นี่เขาคิดเตลิดไปไกลขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ขอบใจนะ”

“ขอไปอาบน้ำแป๊บนะ”

ซายะยันตัวลุกจากเตียงตรงเข้าไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองแต่ระหว่างนั้นกินโทกิก็เหลือบเห็นรอยบางอย่างที่แผ่นหลังของเธอแต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักอะไร

ด้วยความว่างและไม่มีอะไรทำระหว่างรอกินโทกิก็เดินสำรวจภายในห้องไปพลาง ระหว่างสำรวจก็พึ่งจะสังเกตว่าห้องที่ซายะพักอยู่มีห้องแยกอย่างเช่นห้องรับแขกเอยหรือห้องทานข้าวเอย ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่แต่คิดว่าน่าจะหลักล้านแน่ๆ

ก๊อกๆ

“ขออนุญาตเสริฟอาหารครับ”

กินโทกิเปิดประตูให้พนักงานเข้ามาทำการจัดโต๊ะ อาหารหลากหลายถูกวางเรียงอย่างสวยงาม มือหนาเอื้อมไปหยิบบิลที่แนบไปด้วยก่อนคิ้วจะค่อยๆ ขมวดปม

‘1,250,000 เยน’

“บ้าเหอะ! ราคาอาหารอะไรวะเนี่ยทำไมมันแพงได้ขนาดนี้ฟระเนี่ย!”

“ก็ตามนี่มันโรงแรมหรูระดับห้าดาวนะ ราคาอาหารมันก็ต้องแพงอยู่แล้วมั้ย”

เสียงของอีกคนทำให้กินโทกิหันไปมอง ซายะในสภาพที่ใส่เพียงผ้าขนหนูผืนเดียวกับผมเปียกๆ

“ไปใส่เสื้อผ้าให้มันดีๆ ก่อนมั้ย เธอเป็นผู้หญิงนะเหวย”

“ผมเปียก ยังใส่ไม่ได้”

”ก็ไปเป่าผมให้แห้งสิ”

“หาไดร์ไม่เจอ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินไปดึงซายะให้ตามมาในห้องรับแขกแล้วดันตัวเธอให้นั่งลงกับโซฟา

“ทำไรอ่ะ” ซายะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เป่าผมไง หันหลังสิ”

กินโทกิเอื้อมหยิบไดร์เป่าผมที่วางอยู่ใต้โต๊ะกระจกกดเปิดใช้มือสางผมที่ยาวสลวยแล้วค่อยๆ ทำการเป่าอย่างชำนาญ

“เคยเป่าให้สาวที่ไหนมาหรอ ชำนาญเชียว”

“เด็กที่บ้านน่ะ” ซายะหันมองอีกคนด้วยความสงสัย “ลูกหรอ”

“จะบ้าหรอ ลูกน้องต่างหาก ยัยเด็กนั่นเป็นชาวสวรรค์แล้วมาขออาศัยที่บ้านน่ะ”

“อ๋อ”

เป่าผมต่อไปขณะทีกำลังสางผมมือหนาก็ต้องชะงักเมื่อดันสางจนเผยให้เห็นแผลสดกลางหลังเหมือนพึ่งโดนมาหมาดๆ

“นี่เธอไปฟัดกับพวกนั้นอีกแล้วหรอเนี่ย” เอ่ยถามพลางใช้นิ้วเรียวค่อยๆ ลูบใต้แผลอย่างเบามือ

“อือ”

“แล้วทำไมไม่ไปโรงพยาบาลทำแผลล่ะ”

“ไปก็โดนพวกนั้นดักจับเอาสิ” ลืมไปว่าซายะโดนตามตัวอยู่ “ไปแต่งตัวไป ส่วนเสื้อยังไม่ต้อง” พูดพลางม้วนสายเก็บไดร์วางลงบนโต๊ะ”

“ทำไมอ่ะ”

“ถามได้ ทำแผลไง” ไม่รอให้อีกคนได้ถามต่อเขาก็เดินตรงดิ่งออกจากห้องปล่อยให้ซายะได้แต่มองตาม “อะไรของเขาวะ”

“ขอบคุณมากค่ะ” รับถุงยาพลางเปิดเช็คก่อนจะเดินออกมาจากร้านแต่ก็หยุดชะงักเมื่อเห็นเพื่อนเก่าแก่อย่างคาซึระมายืนดักอยู่ตรงเสาไฟ

“แกมายืนหลบอะไรตรงเสาไฟเนี่ยห๊ะซึระ เล่นเป็นตำรวจดักจับมอไซค์รึไง”

“ไม่ใช่ซึระ คาซึระต่างหาก แล้วก็ไม่ได้เล่นเป็นตำรวจยืนดักจับมอไซค์ด้วย แต่มารอนายต่างหาก”

“มารอฉันทำไม งานการแกไม่มีทำรึไง”

“มายืนรอนายนั่นแหละคืองานของฉัน ฉันเห็นนะ ว่านายร่วมมือกับพวกชินเซ็นกุมิเพื่อจับพวกอีลิธน่ะ”

“แล้วยังไง“

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอดีตนักรบต่างแดนอย่างชิโรยาะฉะจะเข้าร่วมกับชินเซ็นกุมิ กินโทกินายลืมไปแล้วหรอว่าพวกนั้นเป็นพวกนั้นเป็นพวหเดียวกับรัฐบาลน่ะ”

“รู้ แต่ฉันต้องกินต้องใช่มั้ยล่ะ แล้วอีกอย่างนะซึระ”

“ไม่ใช่ซึระ คาซึระต่างหาก”

“ฉันออกไม่ได้หรอก ฉันก้าวขาเข้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ออกก็โดนล่าทำต่อก็โดนล่า ในเมื่อมันมาขนาดนี้แล้วถ้าทำต่อแล้วรอดฉันก็ได้ตังค์ แต่ถ้าไม่รอดก็แค่ตายแค่นั้นเอง”

“หรือเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น” ขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักก่อนจะหันมามองเพื่อนชาย “ฉันเห็นนะ ว่าถุงยานั่นนายซื้อให้ไปเธอ”

“แล้วไง”

“ปกตินายไม่เคยเป็นแบบนี้ เรื่องซื้อยาให้นายอาจจะเคยทำ แต่เรื่องไปนั่งเป่าผมให้เนี่ยมันแปลกมากเลยนะ ” คำพูดของคาซึระทำเอากินโทกิถึงกับขมวดคิ้ว

“นี่เห็นด้วยหรอเนี่ย”

“ฉันแอบอยู่ตรงระเบียงห้องน่ะ” คำตอบของคาซึระทำเอากินโทกิถึงกับกรอกตา “กินโทกิ สรุปแล้วนายน่ะ เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้นกันแน่!”

“แล้วแกจะมายุ่งอะไรล่ะ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแกสักหน่อย”

“มันเป็นงานของฉัน”

“ยัยนินจามันจ้างแกมาใช่มั้ย” ยัยนินจาที่ว่าก็คือซารุโทบิ อายาเมะ นินจาสาวที่เป็นสโตรกเกอร์ของกินโทกิน ได้ข่าวมาว่าล่าสุดเธอไปทำงานแล้วเกิดบาดเจ็บหนักทำให้ขยับตัวไปไหนไม่ได้ เลยคิดว่าน่าจะจ้างคาซึระให้มาสืบดู

“ใช่ ฉันตอบคำถามของฉันแล้วนายก็คงรตอบมาด้วย”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

“แล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้นุ่งผ้าขนหนูได้ล่ะ หรือว่า นายกับผู้-อ่อก!” ยังพูดไม่ทันจบคาซึระก็โดนกินโทกิน็อคกลางอากาศจนร่วงไปกับพื้นเสียก่อน ก่อนที่เขาจะเดินกลับโรงแรมไป

พอกลับมาถึงห้องก็พบว่าซายะฟุบไปกับโซฟาไป กินโทกิเดินตรงไปหาเธอปัดผมที่ปรกหน้าออกดูเหมือนจะหลับปุ๋ยไปแล้วแฮะ

หย่อนตัวลงที่ด้านหลังของเธอหยิบยาสำหรับทำแผลขึ้นก่อนจะเริ่มลงมือทำแผลที่หลังอย่างเบามือ

มันน่าแปลกนะ ไม่ใช่ว่ากินโทกิไม่คยทำแผลให้คนอื่น ทั้งคางุระเองก็ดีหรือชินปาจิหรือจะโอโทเสะเขาก็เคยทำแผลให้ทั้งนั้น แต่เพราะพวกเขาเป็นครอบครัวเลยไม่ได้คิดอะไร

แต่ซายะเนี่ยสิ พึ่งจะรู้จักกันได้แค่ 3 วันแต่เขาทั้งเป่าผมให้ทั้งทำแผลให้ไหนจะให้ขึ้นหลังเดินแบกมาส่งที่โรงแรมอีก ค่าจ้างก็ไม่ได้แต่ไอ้ที่ให้นั่นไม่นับนะ เรียกว่ายอมทำให้ฟรีทั้งที่ตัวเองก็เหนื่อยแทบจะขาดใจ แต่ไม่รู้ทำไมถึงคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้กันนะ

ใจเย็นอย่าพึ่งคิดไกลเขาไม่ได้จะบอกว่าชอบซายะนะ แค่บอกว่าไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเฉยๆ เขาก็เคยผ่านผู้หญิงมามาก แต่ไม่ว่าจะสนิทกันขนาดไหนก็ไม่เคยทำให้ถึงขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ ซายะนี่คนแรกที่เขายอมทำให้มันเลยรู้สึกแปลกๆ

“อืม…ทำไร” ซายะที่พึ่งตื่นหันมางัวเงียถามคนที่กำลังทำแผล

“ทำแผลไง”

“อ่อ เบาๆ นะเจ็บ”

“เบาสุดแล้วเนี่ย นอนไปเลยไป” พลางเอามือดันหัวคนอายุน้อยกว่าให้กลับไปนอนต่อ

“นี่คุณกิน” ซายะเอ่ยเสียงเบาแต่ก็ยังคงได้ยินอยู่

“ว่า?” ครั้งแรกเลยนะที่เธอเรียกชื่อเขาเพราะปกติเรียกแต่คุณ

“ขอบคุณนะ”

“เออ แล้วกับข้าวบนโต๊ะสั่งมาทำไมเนี่ย หลับแล้วก็ไม่กิน”

“สั่งมาให้”

“เยอะไป เอากลับบ้านได้มั้ยเนี่ย”

“แล้วแต่เลย บอกพนักงานเอา”

“ขอบใจ”

ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ตื่นมาอีกทีฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว ซายะขยับตัวแต่ก็สังเกตุเห็นว่ามีผ้าห่มคลุมตัวเธอเอาไว้ แถมพอมองไปยังบนโต๊ะกินข้าวก็ยังมีบัตรบางอย่างทิ้งเอาไว้

‘Kamakko Club’

ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่คิดว่าน่าจะเป็นคลับที่ไหนสักแห่ง ว่าแต่ใครเป็นคนทิ้งไว้กันแน่

พยายามนึกดูดีๆ หรือว่าคนที่ทิ้งเอาไว้จะเป็นกินโทกิ แล้วเขาจะทิ้งไว้ทำไมล่ะ หรือจะชวนเธอไป

คิดแล้วคิดอีกรู้ตัวอีกทีก็แต่งตัวเดินออกจากโรงแรมมาแล้ว ซายะเดินไปเรื่อยๆ โดยที่ก่อนออกมาไม่ลืมถามสถานที่ตั้งของคลับ

เดินมาถึงสถานที่ที่คาดว่าน่าจะเป็นคลับตามชื่อที่อยู่ในบัตร ซายะยืนมองอยู่ครู่ก่อนจะมีพนักงานสองคนออกมาต้อนรับ

“สวัสดีค่า ยิงดีต้อนรับสู่บาร์กระเทยค่า”

“คุณลูกค้ามาท่านเดียวนะฮ๊า”

“เอ่อ…ค่ะ”

“งั้นเชิญทางนี้เลยฮ๊า”

ซายะตอบไม่ถูกแต่ก็ตอบตกลงไป เดินตามสาวออกจีนผมส้มกับสาว?แว่นมายังด้านในพลางกวาดสายตาสำรวจ ด้านในตกแต่งเป็นบาร์สไตล์ญี่ปุ่นมีแสงไฟสีชมพูสลัวส่องและเวทีสำหรับการแสดง

ลูกค้าในร้านส่วนใหญ่เป็นผู้ชายแก่ๆ แต่ละคนก็เมาแอ๋ปากหมาแล้วก็โดนเด็กนั่งดริ้งค์ในร้านฟาดปากไปตามระเบียบ

ซายะที่เห็นก็แอบตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าบาร์นี้เด็กนั่งดริ้งค์จะเถื่อนขนาดนี้

“ถึงแล้วฮ๊า”

ประตูบานเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นห้องข้างใน ซายะเดินเข้ามาในห้องพลางกวาดสายตามองสำรวจ ที่นี่คือห้องรับรองสำหรับแขก VIP ถูกตกแต่งแบบเรียบๆ แต่หรูหราสไตล์ญี่ปุ่นทั่วไป

“ยินดีต้อนรับฮ๊า” เสียงทุ้มใหญ่ที่ถูกบีบให้เล็กเอ่ยขึ้นทำให้ซายะต้องหันไปมองพบว่าเป็นหญิง? ผมเงินมัดแกะใส่ชุดกิโมโน

“คุณกิน?”

“คุณกินอะไรล่ะ ฉันพาโกะต่างหาก” เสียงเข้มกลับมาพูดปกติ

ก็คือคุณกินนั่นแหละ แต่เป็นคุณกินใส่วิกกับชุดกิโมโน

“มานั่งสิจะยืนเอ๋ออยู่ทำไม” ซายะเดินไปนั่งตรงเบาะที่ว่างข้างๆ กินโทกิจัดการเทสาเกลงจอกจนพอดีก่อนจะยื่นให้

“อะไรอ่ะ”

“สาเกไง” ซายะรับมาดื่มก่อนจะทำหน้าแปลก “อร่อย”

“ใช่มั้ย” เมื่อเห็นทีท่าว่าเธอจะชอบกินโทกิเลยเติมให้อีกจอก “อย่ากินมากนักล่ะ เมาแล้วฉันไม่พากลับนะจะบอกให้” ซายะพยักหน้าตอบก่อนจะกินสาเกและอาหารอื่นๆ ต่อ

ไม่มีบทสนทนาระหว่างที่นั่งกินมีแต่เพียงเสียงลมพัดและเสียงกระชมของถ้วยชามเท่านั้น กินโทกิเหลือบมองคนตรงหน้าซายะที่ตอนนี้หน้าเริ่มแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้ว

“ไหวมั้ยเนี่ย”

ซายะเงยหน้าแต่ด้วยอาการเมาที่ทำให้เธอแทบจะทรงตัวไม่อยู่พอเงยหน้าทีก็แทบจะหงายหลังจนกินโทกิต้องเอื้อมไปดึงไม่ให้เธอหงายหลัง

“เฮ้อ~ ไม่น่าให้กินเลย” ใครจะคิดว่าเธอจะคออ่อนขนาดนี้ รู้งี้ให้กินน้ำอัดลมแทนซะดีกว่า

กินโทกิจับเธอให้นั่งพิงกับเบาะเก้าอี้แต่ซายะก็ปวกเปียกเสียเหลือเกินทำให้เขาตั้งนั่งลงที่ว่างข้างตัวแล้วคอยจับเธอไม่ให้หัวทิ่ม

“นี่” มือเรียวคว้าจับหมับเข้าที่แขนหนาพลางช้อนสายตาที่ดูย้วนยวนแปลกๆ มอง “คุณกินเคยเศร้าจนอยากตายมั้ย”

คำถามของซายะทำเอากินโทกิต้งหันหน้าไปมองเธอ เมาแหละ ดูทรงน่าจะเมามากด้วย “เธอเมามากแล้วนะ พอๆ กลับบ้านได้แล้วไป”

“ตอบก่อนดิ” ไม่พูดเปล่าซายะยังเขย่าแขนเขาอย่างกับสั่นกระดิ่งที่ศาลเจ้าตอนปีใหม่เลยจนสุดท้ายก็ต้องยอมตอบไปให้จบๆ “ไม่เคย พอใจแล้วใช่มั้ย ไป กลับบ้านได้แล้ว”

“แต่ฉันเคยนะ” มือที่ทำจะจับอุ้มก็ชะงักพลางเงยหน้ามองเป็นจังหวะเดียวกันที่ซายะมองกลับมาพอดีเลยสบตากันจนเห็นนัยต์ตาสีเท่าอ่อนได้อย่างชัดเจน แต่ดวงตาคู่นั้นแม้มันจะหยาดเยิ้มจากความเมาแต่ก็สังเกตได้ว่าสิ่งที่เธอพ่นออกมาคือความจริงจัง

“ฉันน่ะ เคยฆ่าตัวตายมาสามรอบ แต่ไม่เคยสำเร็จสักรอบเลย” มุมปากสวยยกยิ้มราวกับกำลังสมเพชตัวเอง “ครั้งที่หนึ่ง ยิงตัวตาย แต่เวทย์ในตัวมันป้องกันอัตโนมัติเลยรอด…”

หัวข้อที่เธอเล่าดึงดูดกินโทกิให้เปลี่ยนไปนั่งลงตามเดิมพลางมองหญิงสาวที่เล่าเรื่องความตายด้วยท่าทีที่ดูสนุกสนานขัดกับแววตาอันเศร้าสร้อยของเธอ

“ครั้งที่สอง ตอนสู้กับศัตรู อันนั้นเซฟกับราเชลมาช่วยทัน ส่วนครั้งที่สาม…กระโดดตึกยี่สอบชั้น แต่พวกด็อกเตอร์ก็มาช่วยทัน”

“เธอทำแบบนั้นทำไม” ด้วยความอยากรู้เลยโพล่งถามออกไป ซายะเอนพิงกับเบาะเก้าอี้พลางยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนน้ำตาจะเริ่มไหลออกมา

“ยายฉันโดนฆ่า เพราะคนพวกนั้นจะเอาพลังไปขาย แม่ฉันก็โดนฆ่าเพราะปกป้องฉันเอาไว้ พ่อฉันก็โดนฆ่า ตอนที่มาช่วยญี่ปุ่นตอนสงครามขับไล่ต่างแดน ตากับยายที่อยู่ข้างบ้านก็โดนฆ่า ฮึก! เพื่อนคนแรกก็โดนลูกหลงจากการบูลลี่จนตาย ฮือ!!”

ความเศร้าทุกอย่างถูกปล่อยอกมาจนหมด เสียงร้องไห้โฮดังกึกก้องไปทั่วห้องจนคางุระกับชินปาจิที่แอบฟังอยู่ด้านนอกได้ยินอย่างชัดเจน

“ทุกคนถูกฆ่าหมด ฮือ!! เพราะฉันคนเดียว ถ้าฉันไม่มีพลังบ้านี่ทุกคนก็ไม่ต้องตาย ฮือออ!!!”

นิ้วเรียวจิกเล็บไปที่ใบหน้าก่อนจะฟาดตัวเองจนกินโทกิต้องเข้ามาห้าม “ฉันอยากตาย!!! ฉันอยากตาย!!! ฮือออ!!!”

“พอแล้วซายะ พอๆๆๆ” กินโทกิต้องดึงเข้ามากอดพลางลูบปลอบให้อีกคนสงบสติ อาการแบบนี้เขารู้จักดี มันคืออาการของคนเป็นโรคซึมเศร้าและคิดว่าซายะก็น่าจะกำลังเป็นอยู่ กินโทกิพยายามแกะมือของเธอที่กำแน่นจนเริ่มเห็นเลือดซึบก่อนจะแทรกมือเข้าไปบังไม่ให้เธอจิกมือของตัวเอง

“ฉันก็สูญเสียเหมือนกัน ทั้งอาจารย์ทั้งเพื่อนทั้งครอบครัว ถึงแม้จะไม่มีความรู้สึกเหมือนเธอ แต่ก็เข้าใจว่ามันทรมานขนาดไหน”

“ฮืออออ!!!”

“แต่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะ แบ่งความเศร้ามาให้บ้างก็ได้”

ซายะยังคงร้องไห้ไม่หยุดและดูท่าจะไม่หยุดง่ายๆ ด้วย เหมือนจะคิดอะไรดีๆ ออก กินโทกิจับตัวซายะให้หันมาก่อนจะเอื้อมไปจับมือทั้งสองข้างพลางนวดเบาๆ ให้เธอผ่อนคลาย

“มาเล่นเกมกัน”

“ฮึก! เกมอะไร”

“เอาน่า ฉันถามเธอต้องตอบนะเข้าใจมั้ย” ไม่รู้เกมอะไรแต่ซายะก็พยักหน้าตกลง

“พาโกะเอ๋ยพาโกะ ฉันถามเธอตอบ เธอชื่ออะไร”

“ฮึก! ซายะ ริเชล”

“เธอมาจากไหน”

“ดีทรอยต์ อเมริกา”

“เธออายุเท่าไหร่”

“ยี่สิบสี่” เด็กกว่าเขาอีก

“ตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร”

“อยากตาย”

“แบ่งความทุกข์มาได้มั้ย” ประโยคคำถามของเกมส์ทำเอาซายะถึงกับเม้มปากแน่นด้วยความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้อีกครั้งก่อนจะพยักหน้าตอบรัวๆ

“ฉันจะเป่าคาถาให้เธอเเอง Jabula Jabula เจ้าหญิงของฉัน ความทุกข์จงหายไป ความสุขจงกลับมา” เป่าคาถาเพี้ยงลงที่หน้าผากหนึ่งทีก่อนซายะจะค่อยๆ หยุดร้องเหลือเพียงแต่สะอื้น

“เป็นไง เกมฉันได้ผลด้วย” แต่หยุดได้ประเดี๋ยวเดียวก่อนซายะจะเบะปากแล้วร้องมาอีกรอบ “เอ้า ไม่ได้ผลหรอเนี่ย”

ซายะโถมตัวเข้าใส่กินโทกิจนทั้งคู่ล้มลงไปกองกับพื้น “ขอบคุณนะ คุณพาโกะ”

ซายะยิ้มออกมาน้อยๆ แม้ใบหน้าจะมีคราบน้ำตาอยู่ คาถาของกินโทกิมันได้ผล ความทุกข์ความอัดอั้นที่สะสมมาค่อยๆ เลือนหายไปจนเหมือนยกภูเขาออกจากอกแม้ว่าจะไม่ทั้งหมดก็ตามที

กินโทกิที่เห็นดังนั้นก็ยกยิ้มมุมปากก่อนจะยกมือลูบศรีษะของเธอเกร็งๆ “นี่ฉันหนักนะ โถมมาได้เดี๋ยวก็กระดูกแตกกันพอดี”

“เดี๋ยวรักษาให้”

“เธอไม่ใช่หมอนะเธอเป็นผู้ใช้เวทย์ อย่าลืมสิ” แม้ปากจะเถียงกันปาวๆ แต่ทั้งคู่ต่างก็พากันยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

“ดูท่าคุณซายะจะดีขึ้นแล้วนะครับ เบาใจไปหน่อยตอนแรกคิดว่าจะแย่ซะอีก” ชินปาจิที่ยืนแอบดูอยู่ด้านนอก

“นี่อาชินปาจิ ลื้อว่าหลังจบงานนี้อากินจังกับอาซายะจะได้คบกันมั้ยน่อ” คางุระเอ่ยถามขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับคนในห้องอย่างไม่ลดละ

“มันก็พูดยากนะ แต่ก็มีโอกาสค่อนข้างเยอะอยู่ เพราะว่าปกติคุณกินเคยปลอบใครที่ไหน ขนาดพวกเรายังไม่เคยเลย”

“ใช่มะ งั้นแสดงว่าอากินจังจะมีแฟนแล้วใช่มั้ยน่อ”

“ก็คงแบบนั้นมั้งครับ” คารุงะหันมายิ้มอย่างดีใจก่อนจะวิ่งแจ้นออกไป “งั้นอั๊วไปบอกทุกคนให้เตรียมจัดงานฉลองดีกว่า”

“เดี๋ยวก่อนสิคางุระจัง เราต้องทำงานกันต่อนะ!!”

“แง่มๆ”

เสียงจากคนข้างๆ ดังขึ้นเป็นระยะทุกระหว่างทางที่เดินกลับ ตอนแรกเห็นซายะดีขึ้นก็กะจะให้เธอกลับเลยแต่ยัยตัวดีดันดื้ออยากกินต่อเห็นบอกว่าของแพงเสียดายก่อนจะซัดทุกอย่างจนหมดรวมถึงสาเกด้วย

แน่นอนว่าซัดไปขนาดนั้นมีหรือที่เธอจะไม่เมา เละเทะเลยล่ะ เมาแอ๋นอนแผ่กลางห้องจนต้องเรียกคางุระกับชินปาจิให้มาช่วยเก็บซาก

“ถึงแล้วครับ” เสียงของลุงแท็กซี่ดึงออกจากความคิดก่อนจะหันไปจ่ายเงินแล้วพาซายะลง

ค่อยๆ พยุงซายะลงจากรถอย่างทุลักทุเลจนเรียบร้อย แต่พอจะเดินเข้าโรงแรมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นอดีตเพื่อนอย่างคาซึระมายืนดักรอที่หน้าโรงแรม

“นี่แกอีกแล้วหรอเนี่ยซึระ ยังไม่เลิกทำงานให้ยัยนินจานั่นอีกเรอะ”

“ไม่ใช่ซึระ คาซึระต่างหาก อีกอย่างฉันยังทำงานไม่เสร็จจะมาเลิกทำกลางคันไม่ได้”

“งั้นก็เรื่องของแกก็แล้วกัน”

กินโทกิเลิกสนใจเพื่อนชายก่อนจะเตรียมยกซายะขึ้นมาอุ้มแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเพื่อนเอ่ยทัก “สรุปเรื่องจริงสินะ”

“อะไร”

“ผู้หญิงคนนั้นน่ะ นายชอบเธอจริงๆ ใช่มั้ย”

“อะไรมันทำให้แกคิดได้แบบนั้นกันฟร่ะ”

“การกระทำของนายไงล่ะ ปกตินายเคยปลอบใครซะที่ไหน เอาแต่นั่งเฉยๆ ฟังเขาร้องไห้ แต่นี่-เฮ้ย เดี๋ยวก่อนกินโทกิ ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ!!”

กินโทกิอุ้มซายะในท่าเจ้าสาวก่อนจะเดินตรงเข้าโรงแรมทันทีโดยไม่สนใจคำประโยคพูดหรือคำโวยวายของคาซึระแม้แต่นิดเดียว

“ฝากกันหมอนั่นออกที”

“ครับ”

เสียงโวยวายของคาซึระจากนอกโรงแรมโดยมีพวกชินเซ็นกุมิที่คอยเฝ้าที่นี่คอยกันให้ เพื่อนกันก็จริงแต่ก็รำคาญ ปล่อยให้เข้าใจไปแบบนั้นแหละดีแล้ว อธิบายไปก็เท่านั้นคนอย่างไอ้หมอนี่มันฟังซะที่ไหน

ขึ้นมานังห้องพักเขาทำการวางซายะลงบนเตียงอย่างเบามือก่อนจะทำการดึงวิกที่ทำเอาคันหัวตลอดทางทิ้ง

“แม่ง คันจังวะ”

เกาหัวไปพลางเข้าวิสาสะเข้าไปอาบน้ำเพื่อทำการเปลี่ยนชุด จะให้กลับไปทั้งสภาพแบบนี้มันก็อายอยู่ ขออาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนก็แล้วกัน

จัดการตัวเองเสร็จเดินออกมาเพื่อจะเตรียมตัวกลับบ้านแต่ก็ต้องชะงักเมื่อยัยตัวดีไม่อยู่ที่เตียงแล้ว

“ซายะ อยู่ไหนวะเนี่ย” กินโทกิเดินหายัยตัวดีทั่วแต่จนรอดแล้วจนรอดก็ไม่เจอ

“ซายะ!! ซายะ!!” เดินออกตามหาจนมาเจอที่โซฟาห้องรับแขก หญิงสาวนอนแผ่หราบนโซฟาครางเสียงงึมงัมออกมาเป็นระยะ

“ให้ตายสิ อย่าเดินออกมาตามอำเภอใจแบบนี้ได้มั้ยเนี่ย นึกว่าไอ้พวกนั้นจับตัวไปซะแล้ว”

ถอนหายใจไปทีก่อนจะเดินไปเพื่อจะอุ้มเข้านอนแต่ก็ถูกอีกคนดึงลงจนไปหัวจุ่มกับบางอย่างบนตัวเธอ

มือหนาบีบลูกลมๆ มันนิ่มและล้นมือนิดๆ กินโทกิค่อยๆ เงยเพื่อพิจารณาตรงหน้า คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมมองมือของตัวเองที่กำลังจับอยู่

“ชิบล่ะ!”

พอเห็นว่าตัวเองกำลังจับหน้าอกของซายะเขาก็รีบดึงมือออกทันที

“เวรล่ะ จับอะไรไม่จับไอ้บ้าเอ้ย”

ใบหน้าเกิดเห่อร้อนแม้เขาจะเป็นคนหน้าด้านขนาดไหนแต่เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ จนทำให้เขาชินได้นะ

“อืม~” เสียงขยับตัวของคนตรงหน้าให้เขาหันไปมอง ไม่พอเธอยังเอามือมากอดตัวเขาเอาไว้อีก

จู่ๆ ความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้นมาในใจพลางนึกถึงคำพูดที่คาซึระกับพวกชินปาจิพูดกับเขา

‘การกระทำของนายไงล่ะ ปกตินายเคยปลอบใครซะที่ไหน’

‘อากินจัง อั๊วเห็นน้า ลื้อกอดปลอบอาซายะด้วย ชอบเธอแล้วใช่มั้ยน่อ อากินจังจะมีแฟนแล้วใช้มั้ย’

‘พวกเราก็แค่สงสัยน่ะครับ เพราะปกติคุณกินไม่เคยปลอบใครแบบนี้มาก่อน มาสุดก็แค่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเฉยๆ’

ส่านหัวสะบัดความคิดออกจากหัว เขาก็แค่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก็เท่านั้นเอง เห็นเธอดูเหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้าแถมจะทำร้ายตัวเองอีกเป็นใครก็ต้องปลอยมั้ย

อีกอย่างเขาถูกจ้างให้มาคอยดูคอยช่วยซายะห่างๆ ด้วย ถ้าไม่ดูแลเธอจะให้ไปดูแลใครล่ะ จริงมั้ย

“อืม~ คุณกิน”

“หือ? ว่า”

“ขอบคุณนะ” มือหนาวางลงบนกลุ่มผมก่อนจะลูบมันเบาๆ “อืม”

มันแปลก แต่ก็รู้สึกดีจริงๆ

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!