Chapter 𝟸
ผมบอกลุงคนขับแท็กซี่อย่างสุภาพ
ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าลงมาหาไอ้ติณ
ที่ผมเห็นว่ามันยืนรอผมอยู่ที่หน้าคอนโดฯ พอดี
ใจหนึ่งก็อยากจะนั่งรถเมล์มานะ
แต่กลัวว่าจะไม่ทันเอากุญแจๅรถมาคืนให้ไอ้ติณจนทำให้มันต้องไปมหา'ลัยสาย
ติณ
ตกลงเมื่อคืนมึงไม่ขับรถกูไปจริงดิ
คิม
เราบอกแล้วว่าเราจะกลับแท็กซี่
ผมส่งกุญแจรถในมือคืนให้ไอ้ติณไปอีกรอบ
คิม
เราบอกโชเฟอร์ไปแล้วว่าให้รอ
แอบดักทางเอาไว้แล้วเพราะว่าผมไม่อยากไปมหา'ลัยพร้อมกับมัน
อยากจะแนะนำว่าให้มันเอารถไปซ่อมกระจกซะก่อน
แต่เดี๋ยวมันคงจะหาว่าผมเสือกอีก
ติณ
กูจะไปแท็กซี่พร้อมมึงไง
ไอ้ติณบอกแล้ววิ่งไปที่รถของมัน
มันวิ่งเปิดประตูรถแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา
จากนั้นมันก็วิ่งกลับมาราวกับว่าทำเวลาอยู่
ซี่งผมทำได้แค่มองมันแบบงงๆ ตั้งแต่มันวิ่งไปจนมันวิ่งกลับมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมนั่นแหละ
อยากจะรู้ว่ามันจะไปแท็กซี่พร้อมกับผมทำไมในเมื่อมันมีรถยนต์ใช้
คิม
แล้วทำไมนายต้องไปแท็กซี่
ติณ
คำถามมึงนี่หมดยากจังนะ
ติณ
ให้แท็กซี่จอดรถนานๆ เดี๋ยวมึงจ่ายค่าแท็กซี่หมดตัวหรอก
ไอ้ติณพูดเร็วๆ พลางล็อกคอผมแล้ววิ่งไปขึ้นแท็กซี่พร้อมๆ กับมัน
นี่แปลว่าผมต้องเป็นคนจ่ายค่าแท็กซี่ใช่ป่ะ?
ไอ้ติณเปิดประตูรถแล้วมุดตัวเข้าไปนั่งชิดด้านในก่อน
จากกนั้นผมก็รีบตามมันเข้ามาติดๆ สายตาของโชเหอร์มองมาที่เราอย่างมีนัยยะสำคัญจนผมต้องรีบขยับตัวถอยห่างจากไอ้ติณนิดหน่อยเพื่อเว้นช่องว่างระหว่างเราเอาไว้
ผมได้แต่นั่งเงียบๆ แล้วมองออกไปนอกกระจกรถ
แต่ไหนแต่ไรมาผมเป็นคนเงียบๆ แบบนี้อยู่แล้วผมไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าใหร่เพราะเวลาส่วนมากของผมหมดไปกับการอ่านหนังสือแแลัทำงานพาร์ไทม์
เพื่อนที่มีก็แค่มีไว้สำหรับเวลาทำงานกลุ่มส่งอาจารย์เท่านั้น
แต่โดยส่วนมากผมจะรับมาทำคนเดียว
ผมไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษเพราะว่าผมไม่ค่อยได้เอาใจใส่เพื่อนเท่าใหร่นัก
เกรงใจคนอื่นเวลาที่นัดรวมตัวกันแล้วผมต้องทำงาน
ติณ
มึงได้ข่าวไอ้โจรห่านั่นบ้างมั้ยไอ้คิม
คิม
เมื่อเช้าตอนเดินออกมาได้ยินคนแถวนั้นบอกว่าโดนตำรวจรวบไปแล้ว
คิม
มีเจ้าทุกกข์หลายคนเพราะว่ามันคงจะวิ่งราวแถวนั้นเป็นอาชีพ
ไอ้ติณพยักหน้าเออออเมื่อผมพูดจบ
คิม
แล้วแขนนายล่ะตกลงจะไม่ไปหาหมอจริงๆ เหรอ
และอดไม่ได้ที่จะหันไปมองแขนของไอ้ติณด้วย
แต่ว่านอกจากแขนของไอ้ติณแล้ว
ผมยังแอบเห็นสายตาของโชเฟอร์ท่กำลังแอบมองผมผ่านทางกระจกมองหลัง
แต่ตราบใดที่ลุงคิดเงียบๆ ผมจะไม่โต้แย้งอะไรและคิดว่าคงหห้ามความคิดลุีงไม่ได้
แต่ผมแค่อยากบอกให้ลุงดูหน้าไอ้คนข้างๆ ผมไว้สักนิด
ถ้าลุงรักชีวิตลุงแค่นั่งคิดไปเงียบๆ ก็แล้วกัน
อย่าพุดออกมาเชียวไม่งั้นตัวใครตัวมัน
ติณ
คราวก่อนกูโดนเก้าอี้ไม้ฟาดมาทั้งตัวกูยีงนอนพักแแค่สองชั่วโมง
ติณ
กับอีแค่ไม้ผุๆ ใกล้ฝั่ง
ติณ
มึงคิดว่าจะทำอะไรกูได้งั้น
และมันก็เหมือนจะรู้แล้วว่าเราทั้งคู่โดนแอบมอง
มันถึงได้พูดไปช้อนตามองโชเฟอร์ไปแบบนั้นจนโชเฟอร์ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาของมันไปเอง
คิม
นายคิดเอาเองน่ะสิว่าไม่เจ็บ
คิม
อย่างน้อยก็น่าจะไปเอ็กซเรย์ดูว่ามีกระดูกหรือร้าวบ้างรึเปล่า
ติณ
บ่นเหมือนแม่กูเข้าไปทุกวันแล้วนะมึง
คิม
กลัวบาปกรรมบ้างมั้ยที่พูดออกมา
จนแล้วจนรอดมันก็ทำให้ผมเบื่อที่จะพูดกับมันได้ทุกที
ผมกับไอ้ติณไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยกระทั่งโชเฟอร์จอดรถที่หน้าตึกตามที่ไอ้ติณบอกไปตั้งแต่แรกผมเอาแต่มองออกนอกกระจกและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ในขณะที่ไอ้ติณนั่งเล่นเกมจ้องตากับโชเฟอร์ผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะๆ ท่าทางมันจะไม่ชอบใจโชเฟอร์คนนี้เท่าใหร่นัก
แต่ใครใช้ให้มันตามผมขึ้นแท็กซี่มาล่ะ
ไอ้ติณโชวป๋าแล้วหยิบแบงค์พันจ่ายค่าแท็กซี่ไป
ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกเพราะยังไงซะเราก็นั่งมาด้วยกัน
ก็แค่กำลังปรับสีหน้าไม่ถูกเพราะเหมือนจะเห็นสายตาของโชเฟอร์ที่ยังคงไม่เลิกแอบมองผมกับไอ้ติณเลยตั้งแต่ขึ้นรถมา
คิม
นายหลุดออกมาจากยุคทาร์ซานรึไง
ติณ
มึงเห็นกูโหนเถาวัลย์รึไงล่ะ
ไอ้ห่านี่ก็กวรไม่รู้จักเวล่ำเวลา
ผมรีบเปิดประตูาถแล้วก้าวเท้าลงมา
ซึ่งไอ้ติณเองก็เปิดประตูรถลงที่อีกฟาก
ก่อนที่มันจะเดินตามขึ้นมายืนบนฟุตบาธข้างๆ แล้วพลันโทรศัทพ์ของผมก็สั่นขึ้นมาซะก่อน
ผมก็เลยได้โอกาสหันหน้าหนีไอ้ติณออกมา
แต่ว่าพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเห็นว่าใครโทรมา
ผมก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิมเลย
ติณ
กูบอกแล้วว่าผู้หญิงเขาอ่อยมึง
ไอ้ติณที่ชะเง้อคอมาแอบมองโทรศัพท์ของผมแล้วรีบกระแซะบอก
ผมจะไม่ตกใจหรอกถ้าไม่บังเอิญว่าหันหน้าไปมองมันแล้วปลายจมูกผมเฉียดแก้มมันไปนิดเดียว
ติณ
ไอ้เหี้ยนี่เล่นกูแล้วไง
ติณ
ถ้าชอบแนวนี้ขอให้บอกก่อน
คิม
นายยื่นหน้ามาใกล้เราเอง
คิม
คราวหลังอย่ามาเสียมารยาทกับเราอีก
ผมรีบบอกแล้วเป็นฝ่ายเดินหนีไอ้ติณออกมา
เมื่อกี้นี้มันว่าผมซะเสียงดังแถมยังยกมือขึ้นมาถูแก้มมันเหมือนจะรังเกียจผม
ผมเดินหนีไอ้ติณออกมาไกลพอสมควร
มันเองก็คงไม่พอใจผมเหมือนกันที่ผมว่ามันกลับไปเรื่องเสียมารยาท
เพราะเหตุการณ์เมื่อกี้นี้
ผมตัดสินใจกดรับสายหลังจากที่ไอเดียยังพยายามโทรเข้ามาเป็นสายที่สาม
สองสายที่ถูกตัดไปเพราะผมเอาแต่ยืนจ้องหน้าจอมือถือของตัวเองด้วยความลังเล
ไอเดีย
📞 นี่เราไอเดียเองนะ
คิม
📞 มีอะไรให้เราช่วยรึเปล่า
ผมถามไปเรื่อยๆ พร้อมกับที่กำลังเดินขึ้นบันได
อย่างน้อยๆ วันนี้ผมก็ไม่ได้มาสายจนต้องวิ่งล่ะน่า
ไอเดีย
📞 ฉันก็แค่อยากจะเลี้ยงข้าวนายน่ะ
ไอเดีย
📞 ตอบแทนน้ำใจที่นายช่วยฉันไว้เมื่อวาน
ไอเดีย
📞 วันนี้นายพอจะสะดวกรึเปล่า
เอ่อ...สะดวกดีรึเปล่าล่ะเนี่ย
คิม
📞 เราต้องทำงานช่วงเย็นน่ะ
คิม
📞 แต่ถ้าเป็นช่วงบ่ายก็พอจะมีเวลา
ไอเดีย
📞 งั้นช่วงบ่ายก็ได้
ปลายสายเว้นช่วงไปนิดหน่อย
ตรงกับจังหวะที่ผมเงยหน้ามาเจอไอ้ติณที่กำลังจะเดินมาพอดี
ไอเดีย
📞 ฉันอยากให้นายชวนติณไปด้วยน่ะ
แล้วสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้ามาในห้องโดยไม่คิดจะรอไอ้ติณที่กำลังเดินมาเพราะว่ามันขึ้นบันไดมาจากอีกฝากหนึ่งของตัวอาคาร
ไอเดีย
📞 จะเป็นไรมั้ยถ้าฉันอยากให้นายชวนติณมาด้วย
คิม
📞 เดี๋ยวเราจะลองถามมันดูก็แล้วกันว่ามันว่างรึเปล่า
ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ ตอนที่ได้ยินไอเดียเอ่ยปากชวนไอ้ติณไปกินข้าวด้วยกัน
ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าผมไม่ได้ชอบเธอสักหน่อย
ไอเดีย
📞 แล้วเดี๋ยวฉันจะโทรหานายอีกที
ผมบอกสั้นๆ ก่อนจะกดวางสาย
เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเอาไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมาหาที่นั่ง
ก่อนจะเดินขึ้นบันไดสโลปไอนั่งที่ชั้นสี่
ติณ
วางโทรศัพท์แล้วทำหน้าเหมือนคนปวดขี้
ผมหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ก้นยังไม่ทันอุ่น
เจ้าที่เจ้าทางประจำห้องก็เดินมาหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ นี่มันจะตามจองเวรผมไปถึงไหนกัน
คิม
ถ้าจะมาชวนคุยจนโดนไล่ออกจากห้องอีกนายก็เดินออกไปเลย
ผมรีบพูดแล้วหันไปมองหน้าไอ้ติณตรงๆ เบื่อมันฉิบเป๋งเลยแต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง
ติณ
ทำไมมึงต้องเครียดด้วยวะ
ติณ
ไม่พอใจกูเรื่องอะไรเนี่ย
ติณ
ไม่ได้บอกให้มึงหารด้วย
แต่ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าแท็กซี่นะ
ไอ้ติณย้ำเสียงเข้มแล้วผลักใหล่ผมอยู่สองสามครั้ง
คำว่าแมนๆ ของมันทำให้ผมเดือดปุดๆ ก่อนจะตัดสินใจปัดมือมันออกแรงๆ
คิม
ไอเดียโทรมาชวนนายไปกินข้าว
แล้วผมก็ตัดสินใจพูดออกไปเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
ผมไม่อยากทำตัวเองให้เป็นปัญหาของใคร
และไม่ได้อยากจะทะเลาะกับมันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอก
เราทุกคนมีความคิดไม่เหมือนกันมันมีสิทธิ์ไม่ชอบเวลาที่ถูกคนอื่นมองมันด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นว่ามันแมนรึเปล่า
ในขณะที่ผมเองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าชอบหรือไม่ชอบให้ตัวเองเป็นแบบไหนและผมไม่ได้ขอร้องให้มันมาชอบในสิ่งที่ผมเป็น...
บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าใหร่นัก
ผมไม่กล้าสนิทกับใครเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรับกันได้
ถึงใครต่อใครจะคิดว่ายุคนี้สมัยนี้สังคมเปิดกว้างมากพอเรื่องเพศ
แต่ก็อย่างที่รู้ว่าแค่ผมเดินไปไหนมาไหนกับไอ้ติณ
ทุกคนก็จะจับจ้องมาที่เราด้วยสายตาใคร่รู้
ติณ
ที่แท้ก็เรื่องนี้เนี่ยนะ
คิม
กินข้าวแล้วจะได้จบๆ ไม่งั้นไอเดียคงรู้สึกติดหนีบุญคุณเราไม่เลิก
คิม
ทั้งๆ ที่จริงๆ เราไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ผมพูดออกไปตรงๆ ผมรู้ว่าไอเดียอาจจะเอาข้อนี้มาอ้างเพื่อเข้าถึงตัวไอ้ติณ
เพราะฉะนั้นถ้าครั้งนี้ผมไม่ไปเธอก็คงหาโอกาาให้มีครั้งหน้าแน่ๆ
ติณ
แล้วมึงอยากให้กูไปด้วยรึเปล่า
ไอ้ติณย้อนถามแล้วมองผมด้วยสายตาแปลกๆ จริงๆ มันคงมองผมด้วยสายตาปกติ
แต่ผมนั่นแหละที่คิดไปเองว่ามันแปลก
ในเมื่อผมบอกไปแล้วว่าไอเดียอยากเจอมัน
ติณ
มึงจะคิดว่ากูหักหลังมึงป่ะ
คิม
มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย
ติณ
ถ้าดูไปแล้วไอเดียจีบกูขึ้นมา
ติณ
เดี๋ยวมึงก็หึงแล้วพาลมาโกรธกูอีก
ไอ้ติณใส่อารมณ์ตลอดการพูด
หน้าตามันจริงจังมากกว่าเรื่องที่มันควรจะจริงจังซะอีก
ติณ
แล้วที่มึงโวยวายเพราะไอเดียชวนกูไปกินข้าวด้วยนี่คืออะไร
ไอ้ติณพูดไปส่ายหน้าส่ายตาไปด้สยเหมือนตั้งใจจะกวนโมโห
ผมมองไอ้ติณด้วยความหงุดหงิด
ก่อนจะหันหน้าหนีมันเพราะความรำคาญ
พูดไปมันก็หาเรื่องมากวนตีนผมได้ตลอดนั่นแหละ
สีซอให้ควายฟัวควายยังน่าจะรู้เรื่องกว่า
ติณ
ถามแล้วเงียบนี่เป็นส้นตีนอะไรขึ้นมาอีกครับไอ้คุณคิม
ติณ
กลัวฉิบหายล่ะมึงนี่มึงคิดว่าถ้ามึงลุกไปแล้วกูต้องง่อยอยู่ตรงนี้เหรอไอ้คิม
ใครก็ได้บอกผมทีว่าไอ้ห่านี่มันจะกวนตีนผมทำไม
ผมยืดลำตัวขึ้นตรงๆ แล้วพยายามสูดหายใจเข้าช้าๆ เพ่งกระแสจิตหาเอกสารการเรียนในกระเป๋าเพราะไม่อยากสนใจไอ้ติณ
แต่ว่าหาเท่าใหร่ก็หาไม่เจอแฮะ
ติณ
กูบอกอยู่นี่ไงว่าไปกับมึง
ติณ
แต่กูไม่ได้จะไปหาไอเดียกูแค่ไปเป็นเพื่อนมึง
ติณ
ทำไมมึงพูดจาไม่รู้เรื่อววะไอ้เหี้ยคิม
ไอ้ติณลงท้ายด้วยการด่าผมแล้วตบหัวผมแรงๆ จนหน้าผากผมโขกกับโต๊ะเลคเซอร์ไปหนึ่งที
จะหันไปเอาเรื่องก็ทำไม่ได้เพราะว่าสายตามันโคตรโหดตอนหันไป
แบบนี้แปลว่าผมต้องหงอใส่มันเหรอ
ติณ
กูเห็นมึงหามาเป็นชาติละ
คิม
เราบอกแล้วว่าเราไม่ชอบใช้ของๆ คนอื่น
ติณ
มึงก็เลิกมองกูเป็นคนอื่นสักทีสิไอ้หอกหัก
แล้วอยู่ ไอ้ห่าติณก็เปลี่ยนเรื่อง
ผมนี่ชักจะอารมณ์เสียแล้วนะ
ติณ
ชื่อเล่นกูเรียกมึงจนปากเปื่อยละ
ผมตอบกลับไปเซ็งๆ แล้วเลิกสนใจมัน
ท่องเอาไว้ว่าผมจะเลิกสนใจมัน
ผมควรเอาเวลาที่ต้องเถียงกับมันมาตั้งใจหาชีทให้เจอก่อนอาจารย์จะเข้าสอนดีกว่า
ซึ่งผมจำได้นะว่าผมปริ้นท์มาแล้ว
แล้วอยู่ๆ ไอ้ติณก็วางชีทที่ผมต้องการลงบนโต๊ะเลคเซอร์ตรงหน้าผมแต่ผมรู้ว่านี่ชีทของมัน
เพราะว่ามันเป็นชีทชุดเดียวกับที่มันส่งให้ผมเมื่อก่อนหน้านี้นี่แหละ
จะต่างจากเดิมก็คือไอ้ติณมันเขียนชื่อจริงของผมไว้ตัวเบ้อเริ่มตรงหัวมุมกระดาษ
ติณ
เดี๋ยวถ้าอาจารย์ถามกูบอกเองว่ากูไม่ได้เอามา
ติณ
มึงตั้งใจเรียนเผื่อกูไปก็แล้วกัน
ไอ้ติณพูดเหมือนจะไม่ใส่ใจ
ซึ่งมันเองก็คงไม่เคยใส่ใจอะไรกับชีวิตมันหรอก
ขนาดโดนไม้หน้าสามฟาดมันยังนอนชิลหลังรถ
แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่เกลียดมันแฮะ
ทั้งๆ ที่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าตบหัวผมเหมือนมัน
ไม่เคยมีใครพูดคำด่าคำกับผมเหมือนมัน
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีใคคเสียสละให้ผมเหมือนที่มันทำอีกเหมือนกัน
แล้วเสียงโทรศัพท์ของผมก็สั่นขึ้นมาอีกรอบ
และก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เลือกจะหันไปมองหน้าไอ้ติณก่อนจะหยิบโทรศัพท์ซะอีก
ติณ
ก็บอกไปสิว่ากูไม่อยู่กับมึง
ติณ
มองหน้ากูแล้วเขาจะวางสายรึไง
Comments