Chapter 1
คิม
ขอบคุณที่มาใช้บริการครับ
ผมยกมือไหว้และยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะรับหน้าที่เปิดประตูร้านเพื่อส่งลูกค้าคู่สุดท้ายที่เพิ่งจะเช็คบิลตอนได้เวลาปิดร้านพอดี
เดินจนขาล้าไปหมดแล้ววันนี้
หลังจากที่ลูกค้าที่น่าจะเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันเดินพ้นประตูร้านออกไป
ผมก็รีบปิดแล้วล็อกประตูร้านเอาไว้ทันทีและไม่ลืมที่จะพลิกป้ายแขวนที่ประตูกระจกกลับอีกด้านเพื่อบ่งบอกว่าวันนี้ร้านปิดบริการแล้ว
ก่อนที่ผมจะเดินกลับเข้ามาทำความสะอาดร้าน
เดี๋ยวจะได้รีบกลับไปนอนผึ่งพุงที่ห้องสักทีหลังจากที่ต้อนรับลูกค้ามาตั้งแต่ช่วงเย็น
ผมทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานเสริฟที่ร้านขนมเล็กๆ ใกล้ๆ กับมหา'ลัยน่ะ
ช่วงนี้เพิ่งจะต้นเดือนคนมักจะเยอะเป็นพิเศษ
ต่างจากช่วงกลางเดือนไปจนถึงเกือบสิ้นเดือรทีาชั่วโมงนึงผมจะได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นสักครั้งสองครั้ง
พี่ไทม์
วันนี้กลับไปพักเถอะคิม
พี่ไทม์
ที่เหลือเดี๋ยวพี่จัดการเอง
พี่ไทม์ผู้จัดการร้านเดินมาบอกผมด้วยความใจดี
พี่ไทม์
วันนี้เราเหนื่อยกันมาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว
พี่ไทม์
เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาลุยกันต่อ
พี่ไทม์พูดพลางตบบ่าผมเบาๆ สองสามที
ก่อนจะส่งซองสีขาวในมือให้ผม
เพราะว่าไอ้ซองนั่นมันเป็นซองเงินเดือนของผมเอง
คิม
ยังไม่ถึงกำหนดเงินเดือนออกเลยนะครับ
พี่ไทม์
อีกอย่างอีกไม่กี่วันก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว
พี่ไทม์
จ่ายเร็วไปแค่วันสองวันคงไม่เป็นไรหรอก
ก่อนจะรับซองเงินเดือนมาถือไว้ให้อุ่นใจ
เห็นเงินแล้วรู้สึกกระชุ่มกระช่วยขึ้นมาสองขีด
พี่ไทม์
เดือนนี้พี่มีเงินพิเศษให้ด้วยนะ
พี่ไทม์
เห็นว่าช่วงนี้ลูกค้าเยอะ
พี่ไทม์
อีกอย่างคิมเองก็ทำงานมาตั้งหลายเดือนแล้วพี่ยังไม่เห็นคิมจะลาป่วยหยุดบ้างเลย
พี่ไทม์
ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนของความขยัน
พี่ไทม์
รับเงินแล้วก็รีบกลับได้แล้ว
พี่ไทม์
มืดค่ำเดินคนเดียวมันอันตราย
พี่ไทม์
เดี๋ยวนี้ต่อให้จะเป็นผู้ชายก็น่ากลัว
พี่ไทม์
อีกสักพักพี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน
พี่ไทม์เตือนซึ่งผมเห็นด้วยกับประเด็นหลังพอสมควร
เพราะเมื่อสองสามวันก่อนแถวๆ ร้านก็มีผู้ชายคนหนึ่งโดนกระชากสร้อยไปเหมือนกัน
คิม
ถ้างั้นวันนี้ผมกลับก่อนนพ
คิม
พรุ่งนี้เจอกันครับพี่ไทม์
ผมบอกยิ้มๆ ก่อนจะยกมือไหว้พี่ไทม์อีกรอบแล้วเดินกลับเข้ามาเอากระเป๋าของตัวเองที่เก็บเอาไว้ด้านหลังร้านแต่ว่าพอเดินกลับออกมาอีกทีผมกลับเห็นว่าพี่ไทม์ยืนกวาดร้านอยู่งกๆ
พี่ไทม์
พี่บอกว่าอีกสักพักจะกลับต่างหาก
พี่ไทม์
เดี๋ยวเรากลับพี่ก็กลับเองนั่นแหละ
พี่ไทม์พูดพลางส่งยิ้มให้ผมนิดหน่อย
ไม่รู้ทำไมเห็นพี่เขายิ้มให้ทีไรผมต้องใจสั่นทุกที
คิม
พี่แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ผมอยู่ช่วย
ผมรีบถามด้วยความลังเลอีกรอบเห็นเจ้าของร้านทำงานงกๆ โดยไล่ลูกจ้างกลับก่อนแล้วผมรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้
พี่ไทม์
พูดไม่รู้เรื่องรึไงนะเราเนี่ย
พี่ไทม์
พี่ก็ทำทีเป็นกวาดร้านรอส่งเราแค่นั้นแหละ
พี่ไทม์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่พอได้ยินเขาพูดว่าเขาแค่อยู่รอส่งผม
ในหัวผมมันก็คิดไปไกลถึงไหนต่อไหนทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วพี่ไทม์เขาก็แค่รอส่งผมเพื่อปิดประตูร้านเท่านั้นเอง
พี่ไทม์ยังคงบอกยิ้มๆ พร้อมกับโบกมือลาผม
แล้วก้มหน้าก้มตากวาดร้านต่อไปเงียบๆ
คงจะมีแค่ผมเท่านั้นแหละที่ยังรู้สึกว่าใจสั่น
เพราะผมรู้ดีว่าพี่ไทม์เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับผมหรอก
แต่ไหนแต่ไรมาพี่ไทม์เป็นห่วงเด็กทุกคนในร้านเสมอซึ่งตอนนี้พนักงานในร้านเหลือแค่ผมคนเดียว
เพราะคนอื่นๆ ที่มาสมัครก็มักจะทำงานได้ไม่นาน
ไม่มีใครทนทำงานได้ทนอย่างผมหรอกทั้งที่งานก็ไม่ได้หนักหนาเลยสักนิด
หรือผมอาจมีแรงจูงใจในการทำงานที่นี่มากกว่าคนอื่นก็ได้
บอกตรงๆ ก็ได้ว่าที่ผมยังทำงานอยู่ที่ร้านนี้ก็เป็นเพราะว่าผม...อยากเจอพี่ไทม์
มีความเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านมาพี่ไทม์ดูแลเอาใจใส่ลูกน้องทุกคนเป็นอย่างดีไม่ว่าใครจะเดือดร้อนเรื่องอะไร
ผมก็มักจะเห็นว่าเขายื่นมือไปช่วยเหลือในทันทีโดยไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยปาก
เหมือนอย่างที่เขาเอาเงินเดือนมาให้ผมก่อนครบกำหนดวันเงินเดือนออก
ก็เป็นเพราะพี่ไทม์รู้ว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันครบกำหนดจ่ายค่าเช่าอพาร์ตเม้นของผมนั่นเอง
ผมก็แค่อยากบอกว่าพี่ไทมฺเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่เคยคิดอยากจะหยุดหรือลางานเลยแม้แต่วันเดียว
คิดซะว่าทำงานตามค่าจ้างก็แล้วกันนะครับพี่
ผมแอบหันกลับไปมองพี่ไทม์ที่ยังคงเดินกวาดร้านไปผิวปากไปเรื่อยๆ แล้วแอบยิ้มคนเดียว
ก่อนจะรีบเก็บซองเงินเดือนใส่กระเป๋าเป้เอาไว้
พรุ่งนี้คงได้เวลาเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันหน่อย
พี่ไทม์จ่ายพิเศษมาแบบนี้เดือนนี้ผมคงมีพอจะเหลือเก็บบ้าง
ผมอุทานออกมาเสียงดังเมื่ออยู่ๆ ก็มีใครที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาชนผมจากทางด้านหลัง
แถมยังชนแรงมากจนผมกระเด็นตกฟุตบาธมาชนเข้ากับรถที่จอดเทียบฟุตบาธพอดี
ดีนะที่ผมไม่ได้ทำรถเขาเป็นรอย
ผมตะโกนถามเสียงดังด้วยความหงุดคนกำลังอารมณ์ดีๆ อยู่แท้ๆ เลย
ไอเดีย
มีโจรกระชากกระเป๋าค่ะ
แล้วระหว่างที่ผมกำลังอารมณ์เสียเพราะไอ้บ้าที่วิ่งชนผมเข้าอย่างจัง
ผมก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
ผมก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งตามนายคนนั้นมาด้วยท่าทีรีบร้อน
ดวงตาของเธอเบิกโพลงและกำลังมองมาที่ผม
แถมเธอยังชี้นิ้วตรงไปที่นายคนนั้นอย่างชัดเจน
ไอเดีย
มันกระชากกระเป๋าฉันค่ะ
ผมสบถพึมพำแล้วรีบวิ่วตามไอ้โจรกระชากกระเป๋านั่นไปตามสัญชาติญาณของตัวเองในทันที
ปกติแล้วผมไม่ค่อยยุ่งเรื่องของคนอื่นนะ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเลือดรักความยุติธรรมของผมมันจะพุ่งพล่านตั้งแต่ได้เห็นใบหน้าตื่นๆ ของเธอคนนั้น
...เธอสวย...ผู้หยิงอะไรตกใจแล้วยังสวย
ผมแหกปากตะโกนบอกพร้อมกับยังคงวิ่งไล่กวดไอ้โจรกระจอกนั่นไปติดๆ เห็นหลังไวๆ เหมือนจะทิ้งห่างผมไปไม่ไกลเท่าใหร้
แต่ทำไมวิ่งตามเท่าไหร่ก็ยังไม่ทันสักที
คิม
จับได้พ่องจะอัดให้น่วมเลย
เป็นแค่โจรกระจอกริอ่านมาต่อปากต่อคำกับคนอย่างผมเดี๋ยวๆ ให้มันรู้ซะบ้างว่าแถวนี้ถิ่นใคร
ผมเร่งความเร็วของฝีเท้าตามไอ้โจรกระจอกนั่นมาจนเกือบจะถึงตัวมันแล้วแต่ว่ามันกลับเลี้ยวหลบเข้าซอยใกล้ๆ ไปได้ซะก่อน
แต่คิดว่าแค่นี้จะหนีผมพ้นรึไง
ผมวิ่งไปมหา'ลัยตั้งแต่ปีหนึ่งจนนี่ขึ้นปีสาม
เรียกได้ว่าทุกตรอกซอกซอยแถวนี้ต้องเคยผ่านเท้าผมมาหมดแล้วทั้งนั้นเดี๋ยวไปเจอกันซอยข้างหน้าเลยไอ้โจรสามาน!
แล้วเสียงร้องโหยหวนของไอ้โจรกระจอกก็ดังจนผมเหยียดยิ้ม
ผมยังไม่ทันจะก้าวเท้าออกไปจากซอกตึกที่อุตส่าห์รีบว้่งมาซ่อนตัวรอมันอยู่เลยนะ
แล้วผมก็ได้ยินเสียงไอ้โจรกระจอกนัรนดังขึ้นอีกรอบ
ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นตัวมันอยู่ดี
ผมยืนดักรออยู่ตรงนี้แท้ๆ เพราะยังไงซะถ้ามันเข้าซอยเมื่อกี้นี้มา
มันก็ต้องวิ่งผ่านซอยที่ผมวิ่งเข้ามาดักรอสิ
เสียงของไอ้โจรนั่นทำให้ผมต้องค่อยๆ เดินออกมาจากซอกตึกที่ลงทุนวิางทะลุจากซอยที่แล้วเข้ามายืนดักรอสกัดขาไอ้โจรกระจอกนั่นค่อยๆ เดินตรงเข้าไปในซอยที่คิดว่าเสียงของไอ้โจรนั่นดังมาจากมุมนััน
แล้วสิ่งที่ผมเห็นกับตาก็คือราางของไอ้โจรกระจอกนั่นกำลังลอยอยู่เหนือพื้น ( นิดเดียว ) เพราะโดนใครบางคนจับคอเสื้อของมันเอาไว้แน่นแล้วยกจนขามันลอยขึ้นจากพื้น
ทำไมผมต้องมาเจอไอ้บ้านี่อีกแล้ว >_<
ผมหลุดปากเรียกชื่อติณออกไปก่อนจะก้าวเท้าออกไปยืนมองมันนิ่งๆ ผมเห็นนะว่าเมื่อกี้นี้มันชำเลืองหางตามองผมแล้ว
แต่ว่ายังไม่ได้หันมามองตรงๆ เพราะว่ามันกำลังจ้องมองไอ้โจรกระจอกนั่นอยู่
ติณ
กูบอกให้มึงส่งกระเป๋ามา
ไอ้ติณย้ำเสียงเข้มแล้วกำคอเสื้อของไอ้โจรกระจอกแน่นขึ้นพร้อมกับเขย่าแรงๆ จนมันต้องแกว่งเท้าไปมากลางอากาศเพราะกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย
ใบหน้าของไอ้โจรนั่นแดงก่ำ
แถมตาเหลืแกราวกับจะถลนออกมาจากเป้า
โจร
ค่อกๆ แค่กๆ ค่ะๆ คืนแล้วๆ
ติณ
พ่อแม่มึงไม่สั่งสอนบ้างเหรอว่าไม่ให้ขโมยของคนอื่น
ไอ้ติณพูดไปเข่าคอไอ้โจรกระจอกนั่นไปด้วยทำเอาผมรู้สึกอึดอัดแทนกลัวจริงๆ ว่าไอ้โจรนั่นจะตายคามือไอ้ติณ
ไม่เข้าใจเลยว่าไอ้ติณมันจะเสียเวลาสั่งสอนโจรทำไม
มันคงไม่เลือกอาชีพโจรหรอก
ติณ
สอนแล้วก็หัดจำใส่กะโหลกเอาไว้ด้วย
ติณ
แล้วอย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีกนะ
ติณ
ไม่งั้นจะเตะให้ตายคาตีนเลย
แล้วก็ลงท้ายด้วยเสียงห้าวๆ ของไอ้ติณที่ตวาดใส่หน้าไอ้โจรกระจอกในกำมือ ( มันกำแน่นจริงๆ ) ก่อนที่มันจะเหวี่ยงไอ้โจรกระจอกนั่นออกจากมือลงไปนั่งหน้าเหียกอยู่กับพื้น
ซึ่งที่ผมไม่เข้าใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือมันเหวี่ยงไอ้โจรบ้านั่นมาทางผมทำไม
ผมรีบหลบฉากมายืนทำตัวลีบอยู่ข้างกำแพง
ไม่ได้กลัวไอ้โจรนั่นหรอกนะแต่ว่ารังเกียจ
ไอ้โจรกระจอกนั่นกุลีกุจอวิ่งออกไปแต่ก็ยังไม่วายจะหันมามองผมด้วยสายตาอาฆาต
แน่จริงไม่หันไปมองไอ้ติณล่ะ
ตรงนี้ก็เหลือแค่ผมกับไอ้ติณและ...กระเป๋าสะพายใบนั้นของเธอ...ที่ตอนนี้อยู่ในมือของไอ้ติณ
สงสัยพ่อแม่มันคงไม่สอนเหมือนกันว่าเวลาพูดจากับคนรู้จักมันควรใช้คำพูดที่น่าฟังกว่านี้
เอะอะก็ปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกจากปาก
ผมย้อนบอกโดยตั่งใจเว้นช่องว่างให้ไอ้ติณเติมคำเอาเองแล้วมองหน้ามันด้วยสายตาไม่สะทกสะท้าน
ผมรีบถามเมื่ออยู่ๆ ไอ้ติณก็เดินมาหาผมจริงๆ แต่ว่าไม่ได้เดินมาเอาเรื่องผมแบบที่ผมแอบกลัวหรอก
เพราะว่ามันแค่เดินเข้ามาส่งกระเป๋าใบนั้นให้ผมต่างหาก
บอกตรงๆ นะว่าตั้งแต่เห็นมันยกไอ้โจรกระจอกนั่นขึ้นจนลอยอยู่เหนือพื้นด้วยมือเดียวแล้วผมรู้สึกเสียวสันหลังแทบไม่อยากจะอยู่ใกล้มันด้วยซ้ำ
ไม่เข้าใจนี่นาว่ามันจะส่งกระเป๋าให้ผมทำไม
คิม
กระเป๋านี่ไม่ใช่ของเรา
ติณ
ไม่ใช่ก็เอาไปคืนเจ้าของเขาสิวะ
ติณ
มึงวิ่งตามไอ้โจรนั่นมาเอากระเป๋าไม่ใช่รึไง
มันจะทำหน้าตาหงุดหงิดใส่ผมทำไมในเมื่อผมยังไม่ทันจะทำอะไรให้มันหงุดหงิดเลย
ติณ
กูได้ยินมึงตะโกนพูดกับไอ้โจรนั่น
ติณ
คิดว่ามึงถือปืนอยู่รึไงถึงได้ตะโกนสั่งโจรให้หยุดวิ่งแล้วคิดว่ามันจะหยุดเนี่ย
ไอ้ติณย้อนถามผมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิเเบอร์แปด
แถมมันยังทำท่าพับแขนเสื้อเหมือนจะหาเรื่องผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะรีบดึงกระเป๋าใบนั้นมาถือเอาไว้ ( จริงๆ แล้วผมแค่ตกใจ )
ไอ้ติณประชดเจือเสียงแค่นหัวเราะออกมาก็แหม
ถึงมันจะเป็นกระเป๋าสีดำแต่ว่าเลื่อมแพรวพราวขนาดนี้ดูก็รู่ว่าน่าจะเป็นของผู้หญิง
คิม
ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ของเรา
ไอ้ติณพูดพลางชำเลืิงหางตามองไปที่เก้านาฬิกา
ซึ่งพอผมมองตามไปผมถึงได้รู้ว่าเธอคนนั้นผู้เป็นเจ้าของกระเป๋ากำลังเดินมาที่เรา
เธอคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับไอ้ติณ
ทั้งผมและไอ้ติณก็เลยต่างฝ่ายต่างก็หันไปมอง
แต่ว่าสายตาของเธอคนนั้นกลับจ้องมองเพียงกระเป๋าของเธอที่ตอนนี้มันอยู่ในมือของผมๆ ก็เลยรีบส่วมันคืนให้เธอ
ดูจากสายตาแล้วมันคงมีความหมายกับเธอมาก
ไม่อย่างนั้นคงไม่วิ่งตามมาตั้งไกลแถมยังมองมันแบบไม่ละสายตาแบบนั้นหรอก
ดีไม่ดีมันอาจจะมีของมีค่าอยู่ในกระเป๋าใบนี้ของเธอก็ได้
แล้วเสียงไอ้ติณก็ดังทะลุขึ้นมากลางปล้อง
ไอ้ห่านี่ไม่เคยมีมารยาทเลยรึไง
ถ้าจะรับโทรศัพท์ก็ไม่เห็นต้องเสียงดังเลย
หรือไม่ผมว่ามันก็ควรจะเดินไปรับไกลๆ นะ
เธอคนนั้นเริ่มแนะนำตัวแล้วส่งยิ้มให้ผมสายตาของเธอเป็นประกายวิบวับจนผมอดจะยิ้มตอบให้เธอไม่ได้
ผมตอบกลับไปแบบไม่รู้จะเลี่ยงยังไง
ในเมื่อเธอก็ยังคงยืนมองผมด้วยสายตาเป็นประกายวิบวับอยู่แบบนั้น
ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเธอสวย
ยิ่งได้เห็นใบหน้าของเธอใกล้ๆ พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ แบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอสวยกว่าเมื่อตอนที่ผมเห็นเธอวิ่งเมื่อกี้นี้ซะอีกซึ่งผมอาจจะพูดอะไรกับเธอได้มากกว่านี้
ถ้าไม่ติดตรงที่ติณยืนทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองอยู่
ไอเดีย
ยินดีที่ได้รู้จักนะคิม
ผมตอบตะกุกตะกักแล้วชำเลืองหางตามองไปที่ไอ้ติณ
Comments