คาร์ไลล์ขับรถเข้าไปจอดที่โรงจอดรถของตระกูลแบล็ก และเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ด้วยความคุ้นชินเพราะอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก แม้ในตอนนั้นยังเป็นเพียงบ้านธรรมดาทั่วไป แต่ตอนนี้ถูกก่อสร้างใหม่กลายเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่บนพื้นที่กว้างขวางโดยรอบ ซึ่งเควินกว้านซื้อที่ดินแถวนี้ไว้ทั้งหมดสำหรับครอบครัวลูกหลานให้สร้างบ้านอยู่ในพื้นที่เดียวกันหลังจากเด็ก ๆ โตขึ้นและสร้างครอบครัวของตัวเอง
เขาแยกตัวไปอยู่คนเดียวที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งของตระกูลแบล็กตอนเรียนมหาวิทยาลัย จากนั้นก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังเรียนจบ และก็พึ่งจะย้ายไปอยู่เพนต์เฮาส์หลังใหม่บนชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมในเครือของตระกูลที่พึ่งเปิดโครงการเมื่อไม่กี่เดือนก่อนจนถึงปัจจุบันนี้
“มาแต่วันเชียว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวแล้วก็ไปหาคุณตาที่ห้องหนังสือสักหน่อยนะ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับลูก” อเลชาอ้าแขนรับอัลฟ่าหนุ่มตัวสูงใหญ่ที่โน้มตัวลงมากอดเธอ พร้อมกับจูบที่แก้มซ้ายขวาของลูกชายด้วยความคิดถึง
คาร์ไลล์เดินกลับห้องนอนเดิมของตัวเองที่ถูกดูแลทำความสะอาดอย่างดีจนแม้ฝุ่นสักเล็กน้อยก็ไม่มีให้เห็น เขาถอดเสื้อโอเวอร์โค้ตออกแขวนไว้อย่างเรียบร้อย ตามด้วยเสื้อผ้าที่สวมอยู่หย่อนลงตะกร้า จากนั้นเปิดลิ้นชักผ้าหยิบผ้าขนหนูออกมาพันรอบเอวที่เปลือยเปล่าและเดินเข้าห้องน้ำไป เพียงไม่นานก็กลับออกมาอีกครั้งพร้อมผ้าขนหนูพันเอวผืนเดิม เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดลำลองออกมาสวมใส่ให้สบายตัว และเดินออกจากห้องไปหาคุณตาของตัวเองที่ห้องหนังสือ
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปกลิ่นหอมสะอาดลุ่มลึกที่รบกวนการนอนของคาร์ไลล์มาหลายต่อหลายคืนก็พุ่งเข้าโจมตีอัลฟ่าหนุ่มอย่างจัง
คาร์ไลล์ยืนงงอยู่เพียงไม่กี่วินาทีก็ตั้งสติได้ และพบว่าเขาไม่ได้เป็นแขกคนเดียวในห้องนี้
ตอนนี้บนชุดโซฟากลางห้องมีคุณตาของเขานั่งอยู่ ที่โซฟายาวด้านข้างมีแม่ของเขาและโอเมก้าตัวน้อยอีกคนนั่งอยู่ข้างกัน
แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่เจอเด็กคนนั้นที่นี่ แต่คาร์ไลล์ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยตามปกติ และเลือกที่จะนั่งลงอีกข้างคุณตาฝั่งตรงข้ามกับแม่ของตัวเอง
หากว่าคาร์ไลล์คิดว่าตัวเองตะลึงมากแล้วที่เห็นโอเมก้ามาอยู่ภายในห้องนี้ คนที่อึ้งมากกว่าเขาคงเป็นอเลชา
เธอเอาแต่จ้องมองลูกชายตัวเองที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องและโอเมก้าตัวหอมที่นั่งอยู่ข้างเธอสลับกันไปมา ดวงตาคู่สีน้ำเงินของเธอเบิกกว้าง ริมฝีปากคู่สวยอ้าค้างไปอย่างคนที่ตื่นตะลึงเพราะเจอกันเรื่องไม่คาดฝัน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มหวานออกมาคล้ายว่าพบเจอเรื่องถูกใจอะไรสักอย่าง
“หนูเบลค นี่คาร์ไลล์ลูกชายน้า เรียกพี่คาร์ลก็ได้ค่ะ” อเลชาหันไปพูดกับโอเมก้าตัวน้อยข้างเธอ ซึ่งอีกฝ่ายดูเหมือนจะอึ้งไปเหมือนกันเมื่อเห็นหน้าผู้มาใหม่
เมื่อแนะนำให้คนตัวเล็กรู้จักลูกชายเธอแล้ว อเลชาก็ไม่ลืมที่จะแนะนำเบลคให้กับคาร์ไลล์ได้รู้จักเช่นกัน
“คาร์ล น้องชื่อเบลค บุตเชอร์ เรียกน้องเบลคก็ได้”
“ครับ” คาร์ไลล์รับคำสั้น ๆ อย่างไม่ยินดียินร้าย ดวงตาคู่คมดุดันตวัดมองใบหน้าสวยหวานที่เล็กเพียงฝ่ามือนั้นแวบหนึ่งก่อนจะเมินผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ เพราะยังไงเด็กนี่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอยู่แล้ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะรู้ว่าตัวเองนั้นคิดผิด
“ตอนนี้แมรีลาพักไปแล้ว ตาเลยจะให้หนูเบลคไปอยู่คอยดูแลบ้านให้หลานแทน”
“.....” คาร์ไลล์มองหน้าเควินอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ไม่จำเป็นครับ หากคนงานที่บ้านเราไม่พอ ผมจ้างแม่บ้านเป็นรายเดือนที่คอนโดฯ เอาก็ได้” แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้ใครไปยุ่มย่ามในพื้นที่ส่วนตัว เพราะอัลฟ่ายังไงก็ขึ้นชื่อว่าหวงอาณาเขตอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาค่อนข้างจะหวงมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับพวกโอเมก้า
“น้องเรียนอยู่มหาวิทยาลัย M ที่หลานเคยเรียนนั่นแหละ และมันก็ไม่ได้ไกลจากห้องพักของหลานมากนัก ไปอยู่ที่นั่นจะสะดวกมากกว่าพักอยู่ที่นี่” มหาวิทยาลัย M ที่ว่าก็คือมหาวิทยาลัยที่คาร์ไลล์เรียนจบมานั่นเอง
“เพนต์เฮาส์ของผมไม่ใช่ที่รับฝากเลี้ยงเด็กนะครับ” ขนาดป้าแมรียังไปทำความสะอาดให้เขาแค่อาทิตย์ละสามวัน และแน่นอนว่าเธอไม่ได้ค้างคืน เด็กคนนี้เป็นใครเขาถึงจะต้องให้ไปอยู่ด้วยไม่ทราบ
“คือ...” เบลคที่เห็นทุกคนมีท่าทางเคร่งเครียดเพราะเรื่องของเขาเอ่ยแทรกขึ้นมาเบา ๆ อย่างเกรงอกเกรงใจ แต่เสียงเบา ๆ นั้นกลับทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวจนโอเมก้าตัวน้อยเริ่มประหม่า ฝ่ามือเล็กสองข้างที่ชื้นเหงื่อกุมเข้าหากันแน่น ก่อนจะเริ่มพูดออกไปเมื่อเห็นว่าทุกคนรอฟังอยู่อย่างตั้งใจ
“คุณเควินให้ผมอยู่ทำงานที่นี่ดีกว่าครับ ผมสามารถเดินทางไปเรียนจากที่นี่ได้ มันไม่ได้ไกลมากขนาดนั้น” เมื่อเห็นว่าอัลฟ่าตัวโตมีท่าทีต่อต้านเขาอย่างรุนแรง เบลคก็พยายามหาทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่ายโดยเฉพาะตัวเขาเองแทบจะทันที เขาคิดว่าอัลฟ่าตัวโตกลิ่นดอกลิลลีแห่งหุบเขาตรงหน้าน่ากลัวตั้งแต่ตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกที่ร้านอาหารแล้ว
และก็บังเอิญเหลือเกินว่านามสกุลแบล็กไม่ได้โหลอย่างที่คิด เพราะจากที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงแค่บังเอิญนามสกุลเหมือนกันแต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับผู้มีพระคุณของเขา กลับกลายเป็นว่าพวกเขาเป็นตาหลานสนิทชิดเชื้อกันเสียอย่างนั้น
คิดไม่ถึงว่าหลานชายที่เควินพูดถึงให้ฟังอยู่บ้างเวลาเจอกันจะเป็นอัลฟ่าหน้าดุคนนี้
“เลช่าพาหนูเบลคออกไปเดินเล่นก่อนสิลูก พ่อขอคุยกับคาร์ลตามลำพังสักครู่ แล้วค่อยเจอกันตอนมื้อเย็น” เควินหันไปบอกลูกสาวพลางส่งยิ้มน้อย ๆ ให้โอเมก้าเพียงคนเดียวในห้อง
อเลชารับคำเบา ๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ลูกชายตัวโตที่ตอนนี้มีท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเธอก็จูงมือโอเมก้าตัวน้อยให้เดินตามกันออกไปด้านนอก ในใจคาดหวังให้พ่อของตัวเองกล่อมลูกชายได้สำเร็จ เพราะถ้าโอเมก้าดวงตาสีมรกตคนนี้เปลี่ยนใจลูกชายของเธอให้ลดอคติที่มีต่อโอเมก้าไม่ได้ ในโลกนี้ก็ไม่มีใครทำได้อีกแล้ว
เมื่อประตูห้องถูกปิดลงแล้ว ชายสูงวัยก็มองหน้าหลานชายที่มีเพียงคนเดียวในตอนนี้อย่างพินิจ
คาร์ไลล์เป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อมไปหมดทุกด้านทั้งสติปัญญาเป็นเลิศ ร่างกายที่แข็งแกร่ง รูปงาม และมั่งคั่งรวยทรัพย์ ใบหน้าสง่างามหล่อเหลานี้คล้ายคลึงกับลูกสาวของเขาอยู่หลายส่วน คาร์ไลล์มีเรือนผมสีบรอนซ์เงินและดวงตาสีไพลินที่ชี้ชัดว่าเป็นสายเลือดตระกูลแบล็ก เด็กคนนี้เหมือนจะรู้ความตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ถึงไม่ยอมเอาส่วนใดของผู้เป็นบิดาติดตัวมาด้วยสักนิด ไม่ว่าจะหน้าตาหรือนิสัยใจคอ
ข้อเสียใหญ่หลวงของคาร์ไลล์ก็คือ หลานชายของเขารังเกียจโอเมก้าชนิดที่ว่า ถ้าเลือกไม่อยู่ร่วมโลกได้ก็คงจะเลือก
“คาร์ลฟังคำขอร้องของตาสักครั้งสองครั้งก่อนตาตายได้ไหม แล้วหลังจากนี้ตาจะไม่ขออะไรหลานอีกเลย”
“คุณตาครับ เด็กนั่นเป็นโอเมก้า”
“โอเมก้าในโลกนี้ใช่ว่าจะเหมือนกันหมดทุกคนเสียที่ไหน คนที่ดี ๆ ก็มี”
“แต่ที่เจอมาร้อยทั้งร้อยไม่มีคนที่เข้าหาผมโดยไม่หวังผลประโยชน์เลยสักคน” คาร์ไลล์ยังคงคัดค้านอย่างไม่ยินยอม เหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นในร้านอาหารครั้งล่าสุดเขายังจำได้ดี และไม่รู้ว่าเด็กชื่อเบลคนี่ไปมีส่วนรู้เห็นอะไรด้วยหรือเปล่าเพราะอีกฝ่ายทำงานอยู่ที่นั่น แถมยังเป็นคนรับออเดอร์อาหารของเขาไปอีกต่างหาก แม้ว่าหลังจากนั้นเขาจะไม่ได้เห็นหน้าเด็กคนนี้อีกเลยก็ตาม
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ตาอยากให้หลานลองเปิดใจให้โอเมก้าดูสักครั้ง ถ้าในอนาคตเขาเป็นคนไม่ดีเหมือนที่คิดไว้ ตาจะถือว่าเป็นความผิดพลาดของตาเอง และสัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของหลานอีกเลยจริง ๆ ”
“.....” คาร์ไลล์อยากยืนกรานคัดค้าน แต่ก็ติดที่ว่าเป็นคุณตาของร้อง เขารู้ว่าอีกฝ่ายรักเขามากและมักจะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขาเสมอ ที่สำคัญเควินไม่เคยบังคับอะไรเขาเลยสักครั้งตั้งแต่จำความได้ นี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายขอร้องอะไรเขาสักอย่างด้วยท่าทางที่จริงจังเช่นนี้ ต่อให้ปกติเขาเป็นคนดื้อรั้นเอาแต่ใจแค่ไหน แต่ครั้งนี้ชายหนุ่มรู้ว่าเขาไม่อาจปฏิเสธได้
“นานแค่ไหนครับ”
“สัญญาจ้างของเขาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น”
“แค่หนึ่งปีเท่านั้นนะครับ จากนั้นห้ามส่งใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายที่ห้องผมอีกเด็ดขาด คนทำความสะอาดหลังจากนี้ผมจะเลือกเอง” เพียงแค่เขาตกปากรับคำ เควินก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างพึงพอใจ
รอยยิ้มแบบนี้เขาเห็นจากผู้เป็นตาไม่บ่อยนัก นั่นทำให้คาร์ไลล์คิดว่าแค่ได้เห็นคุณตาของเขายิ้มกว้างแบบนี้ ต้องอดทนไปสักปีมันคงไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ ก็แค่ต่างคนต่างอยู่เท่านั้น
“แค่หนึ่งปี ถ้าหมดสัญญาแล้วหลานไม่ยินดีให้น้องอยู่ต่อก็ถือว่าทุกอย่างสิ้นสุดลงแค่นั้น ตาจะไม่ส่งใครเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตหลานอีกแน่นอน” เควินรับปากอย่างหนักแน่น ทั้งที่รู้ดีว่าไม่ว่าจะกี่ปีหลังจากนี้ เขาก็จะไม่มีโอกาสส่งใครไปให้หลานรักคนนี้อีกแน่นอน เบลค บุตเชอร์ จะเป็นโอเมก้าคนแรกและคนสุดท้ายที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของคาร์ไลล์
ส่วนหลังจากผ่านไปหนึ่งปีแล้วโอเมก้าตัวน้อยจะยอมอยู่ต่อหรือไม่นั้น คนตัดสินใจคงไม่ใช่หลานชายของเขา
“อลันคงจะกลับมาถึงแล้ว ลงไปทานมื้อเย็นกันเถอะ” เมื่อทุกอย่างผ่านไปด้วยดีแล้ว เควินก็มีอารมณ์อยากรับประทานอาหารมากขึ้นจากปกติหลายเท่า เขาลุกเดินนำหลานชายลงไปยังห้องอาหารชั้นล่างด้วยท่าทางมีความสุข
และที่ห้องรับแขกของบ้านตระกูลแบล็ก ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลมาถึงแล้วจริง ๆ
ตอนนี้อลันกำลังนั่งคุยอยู่กับอเลชาและเบลคด้วยท่าทางที่ดูเป็นมิตรกับโอเมก้าตัวน้อยมากเลยทีเดียว สังเกตได้จากการที่คนตัวเล็กส่งยิ้มให้อีกฝ่าย แถมยังแผ่ฟีโรโมนกลิ่นหอมออกมาจาง ๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดี
ภาพที่ได้เห็นทำเอาอัลฟ่ากลิ่นดอกลิลลีแห่งหุบเขาที่กำลังเดินลงบันไดมาขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก
ทีเมื่อกี้เห็นหน้าเขาแล้วทำหน้าเหมือนจะเป็นจะตาย แถมต่อหน้าคุณตาเขาเจ้าตัวยังตีหน้าซื่อดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวเสียจนน่าสงสารเชียว พอเจอหน้าอลันกลับยิ้มหวานแถมปล่อยกลิ่นหอม ๆ นั่นออกมายั่วยวนคนอื่นได้อย่างหน้าไม่อาย โอเมก้านี่มันก็โอเมก้าวันยังค่ำจริง ๆ
“หน้าตาไม่รับแขกเลย คุณพ่อไปขัดใจอะไรเข้าล่ะ” เมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นหลานชายที่วัยใกล้เคียงจนรู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกันมากกว่า อลันก็อดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่อีกฝ่ายสักคำสองคำตามความเคยชิน
“.....” คาร์ไลล์ไม่ตอบแต่กลับเดินนำเข้าห้องอาหารไปโดยไม่คิดจะรอใคร นั่นทำเอาอลันหน้าเหวอไปไม่น้อยที่หลานชายไม่ตอบโต้เขาสักคำ แสดงว่าเจ้าตัวอารมณ์ไม่ดีมากจริง ๆ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะสวนกลับมาสักคำสองคำเช่น ‘ไม่เกี่ยวกับนาย’ หรือไม่ก็ ‘มายุ่งอะไรด้วย’ หรืออาจจะ ‘ไปไกล ๆ เลยไป รำคาญ’ แต่นี่อีกฝ่ายเพียงแค่มองเขาด้วยนัยน์ตาวาววับราวกับอยากจะซัดเขาสักหมัดและเดินหนีไปเสียดื้อ ๆ
“ผมทำอะไรผิดหรือครับ” เขาหันไปถามพี่สาวตัวเองอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นว่าอเลชาเอาแต่หัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นการทะเลาะกันเล็ก ๆ ของสองเด็กน้อยตระกูลแบล็ก
“ก็เราไปอยู่ใกล้คนของเขา” อเลชาตอบน้องชายที่อายุห่างจากเธอจนสามารถเป็นแม่ลูกกันได้หากเธอจะแก่แดดมีครอบครัวเร็วสักหน่อย และแน่นอนว่าเธอเลี้ยงน้องชายมาไม่ต่างจากลูกคนหนึ่ง รักอลันพอ ๆ กับที่รักคาร์ไลล์
“หา??” อลันถึงกับร้องออกมาอย่างแปลกใจ คนของหมอนั่น...โอเมก้าเนี่ยนะ ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายแน่ ๆ งานนี้
“ผมจะไปเป็นคนดูแลบ้านของเขาแทนป้าแมรีน่ะครับ” คราวนี้เป็นเบลคที่รีบออกตัวเพราะว่ากลัวคนฟังจะคิดไปไกลเพราะคำที่อเลชาเลือกใช้ คำว่า ‘คนของเขา’ กับ ‘คนดูแลบ้านของเขา’ นี่ความหมายมันต่างกันมากเลยนะ เขาไม่อาจเอื้อมไปเป็นคนของตระกูลใหญ่แบบนี้หรอก
“อ้อ...” เหมือนว่าจู่ ๆ อลันก็เกิดเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาเมื่อมองสบตาพี่สาวและพ่อของตัวเอง เขาหันไปส่งยิ้มอย่างเอ็นดูให้กับโอเมก้าตัวน้อย
“ต้องลำบากเธอแล้วล่ะเบลคตัวน้อย” พูดจบอัลฟ่าหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินตามหลานชายเข้าไปในห้องอาหาร
ส่วนเบลคนั้นรับรู้ได้ทันทีว่าความลำบากของเขาที่อีกฝ่ายพูดถึงมันเป็นยังไง เหมือนเขามองเห็นอนาคตของตัวเองลาง ๆ แล้ว ต้องอยู่ร่วมชายคากับอัลฟ่าที่เกลียดโอเมก้าแบบนี้ เขาจะอดทนทำงานได้ถึงหนึ่งปีตามสัญญาไหมนะ
แต่ถึงยังไงก็ต้องทนให้ได้นั่นแหละ เพราะคุณเควินมีบุญคุณกับเขามาก ความจริงที่อีกฝ่ายขอให้เขาทำงานตอบแทนแค่หนึ่งปียังน้อยไปด้วยซ้ำ
วันนี้เบลคมาหาเควินตั้งแต่ตอนบ่ายโมง และอาสาช่วยทำมื้อเย็นเป็นอาหารไทยที่ได้รู้มาว่าทุกคนในบ้านตระกูลแบล็กโปรดปราน ซึ่งเควินก็อนุญาตให้เด็กหนุ่มใช้ครัว
อเลชาที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าไปช่วยงานที่บริษัทแล้วถือโอกาสตามโอเมก้าตัวน้อยเข้าไปดูอีกฝ่ายทำอาหารถึงในครัว และลงมือช่วยเด็กหนุ่มเตรียมวัตถุดิบร่วมกับพ่อครัวอย่างไม่ถือตัว บรรยากาศในครัวในช่วงบ่ายจึงเป็นไปอย่างครึกครื้น
เย็นนี้ภายในห้องอาหาร นอกจากคาร์ไลล์แล้ว คนอื่น ๆ ล้วนมีสีหน้าชื่นบาน อเลชาดูเจริญอาหารมากกว่าปกติ ทั้งที่เธอมักจะทานมื้อเย็นเพียงเล็กน้อยเพื่อรักษารูปร่างและสุขภาพ แต่วันนี้กลับยอมรับของหวานหลังอาหาร
ส่วนเควินถึงกับบ่นว่าวันนี้เขาอิ่มจนจุกไปหมดแล้ว ทั้งอาหารคาวอาหารหวาน
คาร์ไลลแม้จะนั่งเงียบอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เขาก็พยายามใจเย็นและนั่งทานมื้อค่ำไปเงียบ ๆ
อาหารเย็นวันนี้ถูกปากเขามาก ปกติที่ครัวบ้านตระกูลแบล็กไม่ค่อยได้ทำอาหารไทยบ่อยนัก เพราะตอนนี้ยังรับสมัครพ่อครัวแม่ครัวผู้ชำนาญอาหารไทยไม่ได้ พวกเขาจึงมักจะออกไปทานที่ร้านของแฮริสันเวลาที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะชื่นชอบรสชาติอาหารไทยของที่ร้านนั้นเป็นพิเศษ
วันนี้อาหารที่ได้รับประทานทั้งหน้าตาและรสชาติไม่ต่างจากทานที่ร้าน เป็นไปได้ว่าคุณแม่ของเขาอาจจะสั่งอาหารจากร้านนั้นมาทานที่บ้าน ก่อนจะรู้ความจริงหลังจากที่ทานอิ่มแล้วว่าอาหารทั้งหมดของวันนี้เป็นฝีมือของโอเมก้าตัวน้อย เมื่อคุณตาพูดว่าอาหารและขนมหวานที่เบลคทำอร่อยถูกปากมาก
ส่วนเบลคได้แต่นั่งกระมิดกระเมี้ยนรับประทานอาหารเงียบ ๆ เขาแทบจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารตรงหน้าตน เพราะกลัวจะสบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินเข้มของอัลฟ่ากลิ่นดอกไม้บางคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
และถึงจะไม่กล้ามองอีกฝ่าย แต่เด็กหนุ่มกลับรับรู้ได้ว่าตัวเขาเองตกเป็นเป้าสายตาของอัลฟ่าตัวโตอยู่ตลอดเวลา จนทานอาหารแทบจะไม่รู้รสเลยสักนิด ได้แต่ภาวนาขอให้ช่วงเวลาน่าอึดอัดบนโต๊ะอาหารนี้จบลงไว ๆ
* * * * *
#พันธะชะตาร้าย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 40
Comments