Bulldogs
เท็นเกลียดสายฝน
มันเป็นสัญลักษณ์ว่าต่อให้คุณซักผ้าตั้งแต่เช้าแค่ไหนก็ตาม มันจะไม่มีวันแห้งเพราะลืมเก็บผ้าตอนออกมาเรียน
แน่ล่ะว่าสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเขา ที่จากบ้านมาไกลไม่มีทางโทรศัพท์ไปบอกแม่ให้เก็บผ้าให้ทันหรอก บัดซบเอ้ย
ได้แต่ไถสเกตบอร์ดไปตามถนนพร้อมกับถอนหายใจ วันนี้เป็นวันอาทิตย์แต่ก็ยังมีคลาสสำหรับการเรียนการสอน มือคลำหาเหรียญเพื่อแวะซื้อหมั่นโถวซักลูกสองลูกไปประทังชีวิต ส่วนเรื่องผ้า ช่างแม่ง
"หมั่นโถวสองลูกครับ" หลังจากเจรจากับคนลุงคนขายอาหารจีนสี่แยกหน้าหอแล้วก็ถึงเวลาตีวงล้อกลับมายังเส้นทางในมหาลัย
แปลก ปกติพอฝนตั้งเค้าแล้วต้องมีลมบ้างสิ ได้แหงนหน้าขึ้นมองฟ้า
เสียงนกแตกรังที่บินว่อนไปทั่ว
เสียงสุนัขเห่าราวกับจะเตือนถึงสัญญาณบางอย่าง
ได้แต่หยักไหล่ให้กับตัวเอง สงสัยช่วงนี้หมกมุ่นอยู่กับหนังไซไฟในเน็ตฟลิคมากไปล่ะมั้ง จินตนาการเจ้าตัวเลยออกจะ 'มากสุดโต่ง' ไปหน่อย
ช่างแม่งทั้งผ้า ช่างแม่งทั้งฝนบ้าๆ กับหมั่นโถวเย็นชืดนี่ด้วย น่าเบื่อชะมัด
.
.
.
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อเหมือนเดิม
เท็นมองพนักงานเซเว่นที่บรรจงห่ออาหารให้เขาอย่างช้าๆ ตั้งแต่ทางการไต้หวันประกาศว่าจะรณรงค์การใช้ถุงพลาสติก ถุงห่อข้าวก็เปลี่ยนมาใช้เป็นผ้าโพลิเมอร์ทรงตาข่ายในการหุ้มกล่องข้าวแทน อดคิดถึงประเทศบ้านเกิดตัวเองไม่ได้ที่ฟุ่มเฟือยในการใช้ถุงพลาสติกเสียจริง
เสียงนาฬิกาจับเวลาคลอไปกับโฆษณาทางจอโทรทัศน์ยาสีฟันยี่ห้อชื่อดัง
พร้อมกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างช้าๆ
"ผมจะออกไปเก็บลังกระดาษหน้าร้านสักแป๊บคุณช่วยรออยู่ที่นี่สักครู่ได้ไหม"
"โอ้ โอเคเลย ผมไม่รีบเท่าไหร่"
ฉีกยิ้มยิงฟันก่อนจะลอบถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกปฏิบัติแบบครึ่งๆ กลางแบบนี้ หนีไปถูพื้นระหว่างคิดเงินก็เจอมาแล้วเถอะ
สายฝนเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนลงมติกับตัวเองว่าคงจะรอให้ฝนหยุดก่อนแล้วค่อยกลับหอแล้วกัน
พนักงานเซเว่นกลับเข้ามาในร้านโดยสภาพเปียกปอน
"คุณไม่สบายหรือครับ" อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้เมื่อเห็นอีกคนเริ่มหน้าแดงพร้อมกับไอไม่หยุด
"ไม่เป็นไรครับ ฝนคงสาดโดนหนักไปหน่อยล่ะมั้ง คิดว่านะ"
พระเจ้า ใช้คำว่าคิดว่าไม่ได้หรอก โชกตั้งแต่หัวยันเท้าขนาดนี้
เมื่อรับกล่องข้าวมาจึงอดเตือนด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
"คุณไปเปลี่ยนเสื้อข้างหลังร้านเถอะ เดี๋ยวผมเฝ้าร้านให้" รับบทเป็นพนักงานประจำเซเว่นซักห้านาทีสิบนาทีก็เท่ดีไม่หยอก
หลังจากพนักงานผู้น่าสงสารจากไปหลังร้านแล้วก็กลับเข้ามาสู่ความเงียบอีกครั้ง เท็นกดโทรศัพท์เข้าไปในแอพลิเคชั่นสีฟ้าชื่อดังเพื่อดูฟีเจอร์ความเคลื่อนไหวต่างๆ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อเห็นว่าสัญญาณถูกตัดขาดไปเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาเติมอินเทอร์เน็ตไปแล้วหรือไง ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย นำมาพร้อมกับเสียงโครมครามที่ดังขึ้นมาจากด้านใน
"เฮ้ คุณโอเคไหม" สองเท้าก้าวเข้าไปหาอย่างไว ฉับพลันถึงได้ยินเสียงราวกับสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บอยู่ข้างในห้องพักพนักงาน
เหงื่อไหลซึมข้างขมับอย่างช้าๆ ทำใจดีสู้เสือเคาะเป็นจังหวะสามครั้ง
"คุณ เป็นอะไรไห- เหวอ! "
ได้ยินเสียงกระแทกประตูอย่างจัง พร้อมกับร่างด้านในที่พยายามกระแทกตัวออกมาสุดชีวิต
พับผ่าสิ! บอกเขาทีว่าพนักงานคนนั้นไม่ใช่คนไปแล้ว! ได้แต่ถอยกรูดไปด้านหลัง กลืนน้ำลายลงอึกใหญ่พร้อมกับหาทางหนีทีไล่
ข้างนอกฝนหยุดแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีเสียงกรีดร้องและความโกลาหลไม่หยุด เท็นแทบจะร้องไห้ออกมาเสียตอนนั้น โลกแม่งบ้าไปแล้วรึไงกัน
"ไอ้หนู คิดจะยืนบื้อไปถึงไหน ออกมาสิวะ" เหมือนจะเห็นคุณลุงขายหมั่นโถวเคาะกระจกร้านอย่างบ้าคลั่ง เท็นมองบริเวณโดยรอบ
ตัดสินใจหยิบแครกเกอร์ที่ชั้นวางไปสี่ห่อกับน้ำดื่มไปอีกสองขวดใหญ่ เขาไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะเจออะไร แต่ขอคาดการณ์ไว้ว่าคงไม่มีผู้พิทักษณ์สันติราษฎรณ์คนไหนมาปฏิบัติหน้าที่เวลานี้แน่ๆ
เมื่อออกไปข้างนอกถึงได้เห็นภาพข้างหน้าเต็มตาอีกครั้ง ผู้คนที่วิ่งตามถนนอย่างเร่งรีบ พอๆ กับเสียงร้องไห้ระงมของเด็ก และการจราจรที่แน่นขนัด
คุณลุงร้านหมั่นโถวไม่ได้พูดอะไรมากนักนอกจากกำชับให้เขารีบออกจากเมืองนี้ไปให้ไวที่สุด ข้าวของเครื่องใช้ที่หอทิ้งไว้ก่อนเพราะที่ๆ คนอาศัยอยู่เยอะไม่ปลอดภัยแล้วในตอนนี้
"ถ้านายอยากรอดมีกฎง่ายๆ อยู่สามข้อ ทำตัวให้เงียบที่สุด อย่าส่งเสียงดัง และอย่าให้มันกัดหรือข่วน" ยังกล่าวไม่ทันจบประโยคก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากทิศใต้ พวกเรามองตาแล้วพยักหน้าให้แบบเร่งรีบ เท็นเดาว่าคุณลุงคงจะไปหาครอบครัวอีกฟากของถนน ส่วนเขาในตอนนี้ต้องรีบไปหาที่หลบภัย
ลืมเรื่องสัญญาณsosขอความช่วยเหลือไปได้เลย เมื่อสักครู่นี้เขาเพิ่งจะเห็นซอมบี้ในคราบตำรวจกินพนักงานบนตึกธนาคาร เป็นอะไรที่ชวนหดหู่ใจสิ้นดี
.
.
เสียงครวญครางพร้อมกับร่างไร้วิญญาณนับสิบเดินผ่านเท็นไปอย่างช้าๆ เจ้าตัวกลั้นหายใจพร้อมกับหลบอยู่ในถังขยะแบบเงียบๆ ถึงกลิ่นมันจะแย่แต่ก็ยังดีกว่าเป็นตัวล่อเป้าให้พวกกินคนเดินมาฉีกร่างเป็นชิ้นๆ
อยู่ในนี้ปลอดภัยกว่าโข ได้แต่คิดถึงหนทางเอาตัวรอดต่อ
ฉับพลันถึงได้ยินเสียงก้าวเท้าอย่างเร่งรีบจากใครสักคน เสียงวิ่งนั้นผ่านถังขยะ และแน่นอน ซอมบี้พวกนั้นได้ยินแน่ๆ พวกมันกรีดร้องคำราม และเริ่มวิ่งตามต้นเสียงนั้น
บัดซบ เท็นควรจะบอกผู้โชคร้ายคนนั้นว่าทางที่เขากำลังไปน่ะเป็นทางตัน!
เขาแง้มฝาถังขยะขึ้นไปดู ปรากฏว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง รองเท้าสนีคเกอร์ของเจ้าตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด พร้อมกับเสื้อกันหนาวเบสบอลที่ตอนนี้เปรอะไปด้วยฝุ่นสีทองแดง
เท็นอาศัยจังหวะนี้เปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อเข้าหน้าริงโทน เร่งลำโพงให้ดังที่สุดแล้วขว้างไปยังอีกฟากหนึ่งของถนน
ได้ผล พวกซอมบี้เริ่มเคลื่อนย้ายตัวเองไปอีกทาง เขาอาศัยจังหวะนี้ออกมาจากถังขยะพร้อมกับลากชายแปลกหน้าให้ตามเขาไปในตึกสีเบจ
.
.
โอเค เท็นคิดว่าตอนนี้สถานการณ์คง (จะ) เริ่มคลี่คลายขึ้นแล้ว (ล่ะมั้ง)
หลังจากที่พวกเราแอบเข้าไปในที่พัก สำรวจว่ามีสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมหรือไม่ก็พบได้ว่าบ้านนี้ยังไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐานของการบุกรุก พวกเขาเลยตกลงกันว่าจะให้ที่นี่เป็นฐานลับชั่วคราวกัน
โชคดีที่น้ำประปาตอนนี้ยังใช้ได้ และครอบครัวที่น่าสงสารนี้จ่ายค่าเตาแก๊ส พวกเขาเลยทำอาหารจานง่ายๆ อย่างเบคอนกริลจากตู้เย็น เท็นวางแผนจะทำอาหารให้แห้งและเก็บไว้เวลาเดินทาง แน่นอนว่าเขาต้องสำรองอาหารกระป๋องด้วย
เขารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับอีกซีกโลกหนึ่ง
จานเบคอนหอมฉุยถูกเสิร์ฟพร้อมกับอีกคนที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ กลิ่นตัวที่เต็มไปด้วยสบู่ลอยฟ่องราวกับว่าวันสิ้นโลกด้านนอกเป็นแค่ละครซิตคอมยามบ่ายงั้นล่ะ
และตอนนี้เท็นรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย มือหนึ่งก้มลงไปมองผลิตภัณฑ์ยาสีฟันในมือ สลับกับคนตรงหน้าที่ทานอาหารรสเลิศแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
ไหงดาราเจ้าเสน่ห์อย่าง แดเรียล คิม ถึงมานั่งทานอาหารอยู่ตรงหน้ากันได้ล่ะเนี่ย
.
.
.
To be continued
.
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments