เท็นเกลียดสายฝน
มันเป็นสัญลักษณ์ว่าต่อให้คุณซักผ้าตั้งแต่เช้าแค่ไหนก็ตาม มันจะไม่มีวันแห้งเพราะลืมเก็บผ้าตอนออกมาเรียน
แน่ล่ะว่าสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเขา ที่จากบ้านมาไกลไม่มีทางโทรศัพท์ไปบอกแม่ให้เก็บผ้าให้ทันหรอก บัดซบเอ้ย
ได้แต่ไถสเกตบอร์ดไปตามถนนพร้อมกับถอนหายใจ วันนี้เป็นวันอาทิตย์แต่ก็ยังมีคลาสสำหรับการเรียนการสอน มือคลำหาเหรียญเพื่อแวะซื้อหมั่นโถวซักลูกสองลูกไปประทังชีวิต ส่วนเรื่องผ้า ช่างแม่ง
"หมั่นโถวสองลูกครับ" หลังจากเจรจากับคนลุงคนขายอาหารจีนสี่แยกหน้าหอแล้วก็ถึงเวลาตีวงล้อกลับมายังเส้นทางในมหาลัย
แปลก ปกติพอฝนตั้งเค้าแล้วต้องมีลมบ้างสิ ได้แหงนหน้าขึ้นมองฟ้า
เสียงนกแตกรังที่บินว่อนไปทั่ว
เสียงสุนัขเห่าราวกับจะเตือนถึงสัญญาณบางอย่าง
ได้แต่หยักไหล่ให้กับตัวเอง สงสัยช่วงนี้หมกมุ่นอยู่กับหนังไซไฟในเน็ตฟลิคมากไปล่ะมั้ง จินตนาการเจ้าตัวเลยออกจะ 'มากสุดโต่ง' ไปหน่อย
ช่างแม่งทั้งผ้า ช่างแม่งทั้งฝนบ้าๆ กับหมั่นโถวเย็นชืดนี่ด้วย น่าเบื่อชะมัด
.
.
.
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อเหมือนเดิม
เท็นมองพนักงานเซเว่นที่บรรจงห่ออาหารให้เขาอย่างช้าๆ ตั้งแต่ทางการไต้หวันประกาศว่าจะรณรงค์การใช้ถุงพลาสติก ถุงห่อข้าวก็เปลี่ยนมาใช้เป็นผ้าโพลิเมอร์ทรงตาข่ายในการหุ้มกล่องข้าวแทน อดคิดถึงประเทศบ้านเกิดตัวเองไม่ได้ที่ฟุ่มเฟือยในการใช้ถุงพลาสติกเสียจริง
เสียงนาฬิกาจับเวลาคลอไปกับโฆษณาทางจอโทรทัศน์ยาสีฟันยี่ห้อชื่อดัง
พร้อมกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างช้าๆ
"ผมจะออกไปเก็บลังกระดาษหน้าร้านสักแป๊บคุณช่วยรออยู่ที่นี่สักครู่ได้ไหม"
"โอ้ โอเคเลย ผมไม่รีบเท่าไหร่"
ฉีกยิ้มยิงฟันก่อนจะลอบถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกปฏิบัติแบบครึ่งๆ กลางแบบนี้ หนีไปถูพื้นระหว่างคิดเงินก็เจอมาแล้วเถอะ
สายฝนเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนลงมติกับตัวเองว่าคงจะรอให้ฝนหยุดก่อนแล้วค่อยกลับหอแล้วกัน
พนักงานเซเว่นกลับเข้ามาในร้านโดยสภาพเปียกปอน
"คุณไม่สบายหรือครับ" อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้เมื่อเห็นอีกคนเริ่มหน้าแดงพร้อมกับไอไม่หยุด
"ไม่เป็นไรครับ ฝนคงสาดโดนหนักไปหน่อยล่ะมั้ง คิดว่านะ"
พระเจ้า ใช้คำว่าคิดว่าไม่ได้หรอก โชกตั้งแต่หัวยันเท้าขนาดนี้
เมื่อรับกล่องข้าวมาจึงอดเตือนด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
"คุณไปเปลี่ยนเสื้อข้างหลังร้านเถอะ เดี๋ยวผมเฝ้าร้านให้" รับบทเป็นพนักงานประจำเซเว่นซักห้านาทีสิบนาทีก็เท่ดีไม่หยอก
หลังจากพนักงานผู้น่าสงสารจากไปหลังร้านแล้วก็กลับเข้ามาสู่ความเงียบอีกครั้ง เท็นกดโทรศัพท์เข้าไปในแอพลิเคชั่นสีฟ้าชื่อดังเพื่อดูฟีเจอร์ความเคลื่อนไหวต่างๆ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อเห็นว่าสัญญาณถูกตัดขาดไปเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาเติมอินเทอร์เน็ตไปแล้วหรือไง ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย นำมาพร้อมกับเสียงโครมครามที่ดังขึ้นมาจากด้านใน
"เฮ้ คุณโอเคไหม" สองเท้าก้าวเข้าไปหาอย่างไว ฉับพลันถึงได้ยินเสียงราวกับสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บอยู่ข้างในห้องพักพนักงาน
เหงื่อไหลซึมข้างขมับอย่างช้าๆ ทำใจดีสู้เสือเคาะเป็นจังหวะสามครั้ง
"คุณ เป็นอะไรไห- เหวอ! "
ได้ยินเสียงกระแทกประตูอย่างจัง พร้อมกับร่างด้านในที่พยายามกระแทกตัวออกมาสุดชีวิต
พับผ่าสิ! บอกเขาทีว่าพนักงานคนนั้นไม่ใช่คนไปแล้ว! ได้แต่ถอยกรูดไปด้านหลัง กลืนน้ำลายลงอึกใหญ่พร้อมกับหาทางหนีทีไล่
ข้างนอกฝนหยุดแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีเสียงกรีดร้องและความโกลาหลไม่หยุด เท็นแทบจะร้องไห้ออกมาเสียตอนนั้น โลกแม่งบ้าไปแล้วรึไงกัน
"ไอ้หนู คิดจะยืนบื้อไปถึงไหน ออกมาสิวะ" เหมือนจะเห็นคุณลุงขายหมั่นโถวเคาะกระจกร้านอย่างบ้าคลั่ง เท็นมองบริเวณโดยรอบ
ตัดสินใจหยิบแครกเกอร์ที่ชั้นวางไปสี่ห่อกับน้ำดื่มไปอีกสองขวดใหญ่ เขาไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะเจออะไร แต่ขอคาดการณ์ไว้ว่าคงไม่มีผู้พิทักษณ์สันติราษฎรณ์คนไหนมาปฏิบัติหน้าที่เวลานี้แน่ๆ
เมื่อออกไปข้างนอกถึงได้เห็นภาพข้างหน้าเต็มตาอีกครั้ง ผู้คนที่วิ่งตามถนนอย่างเร่งรีบ พอๆ กับเสียงร้องไห้ระงมของเด็ก และการจราจรที่แน่นขนัด
คุณลุงร้านหมั่นโถวไม่ได้พูดอะไรมากนักนอกจากกำชับให้เขารีบออกจากเมืองนี้ไปให้ไวที่สุด ข้าวของเครื่องใช้ที่หอทิ้งไว้ก่อนเพราะที่ๆ คนอาศัยอยู่เยอะไม่ปลอดภัยแล้วในตอนนี้
"ถ้านายอยากรอดมีกฎง่ายๆ อยู่สามข้อ ทำตัวให้เงียบที่สุด อย่าส่งเสียงดัง และอย่าให้มันกัดหรือข่วน" ยังกล่าวไม่ทันจบประโยคก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากทิศใต้ พวกเรามองตาแล้วพยักหน้าให้แบบเร่งรีบ เท็นเดาว่าคุณลุงคงจะไปหาครอบครัวอีกฟากของถนน ส่วนเขาในตอนนี้ต้องรีบไปหาที่หลบภัย
ลืมเรื่องสัญญาณsosขอความช่วยเหลือไปได้เลย เมื่อสักครู่นี้เขาเพิ่งจะเห็นซอมบี้ในคราบตำรวจกินพนักงานบนตึกธนาคาร เป็นอะไรที่ชวนหดหู่ใจสิ้นดี
.
.
เสียงครวญครางพร้อมกับร่างไร้วิญญาณนับสิบเดินผ่านเท็นไปอย่างช้าๆ เจ้าตัวกลั้นหายใจพร้อมกับหลบอยู่ในถังขยะแบบเงียบๆ ถึงกลิ่นมันจะแย่แต่ก็ยังดีกว่าเป็นตัวล่อเป้าให้พวกกินคนเดินมาฉีกร่างเป็นชิ้นๆ
อยู่ในนี้ปลอดภัยกว่าโข ได้แต่คิดถึงหนทางเอาตัวรอดต่อ
ฉับพลันถึงได้ยินเสียงก้าวเท้าอย่างเร่งรีบจากใครสักคน เสียงวิ่งนั้นผ่านถังขยะ และแน่นอน ซอมบี้พวกนั้นได้ยินแน่ๆ พวกมันกรีดร้องคำราม และเริ่มวิ่งตามต้นเสียงนั้น
บัดซบ เท็นควรจะบอกผู้โชคร้ายคนนั้นว่าทางที่เขากำลังไปน่ะเป็นทางตัน!
เขาแง้มฝาถังขยะขึ้นไปดู ปรากฏว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง รองเท้าสนีคเกอร์ของเจ้าตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด พร้อมกับเสื้อกันหนาวเบสบอลที่ตอนนี้เปรอะไปด้วยฝุ่นสีทองแดง
เท็นอาศัยจังหวะนี้เปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อเข้าหน้าริงโทน เร่งลำโพงให้ดังที่สุดแล้วขว้างไปยังอีกฟากหนึ่งของถนน
ได้ผล พวกซอมบี้เริ่มเคลื่อนย้ายตัวเองไปอีกทาง เขาอาศัยจังหวะนี้ออกมาจากถังขยะพร้อมกับลากชายแปลกหน้าให้ตามเขาไปในตึกสีเบจ
.
.
โอเค เท็นคิดว่าตอนนี้สถานการณ์คง (จะ) เริ่มคลี่คลายขึ้นแล้ว (ล่ะมั้ง)
หลังจากที่พวกเราแอบเข้าไปในที่พัก สำรวจว่ามีสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมหรือไม่ก็พบได้ว่าบ้านนี้ยังไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐานของการบุกรุก พวกเขาเลยตกลงกันว่าจะให้ที่นี่เป็นฐานลับชั่วคราวกัน
โชคดีที่น้ำประปาตอนนี้ยังใช้ได้ และครอบครัวที่น่าสงสารนี้จ่ายค่าเตาแก๊ส พวกเขาเลยทำอาหารจานง่ายๆ อย่างเบคอนกริลจากตู้เย็น เท็นวางแผนจะทำอาหารให้แห้งและเก็บไว้เวลาเดินทาง แน่นอนว่าเขาต้องสำรองอาหารกระป๋องด้วย
เขารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับอีกซีกโลกหนึ่ง
จานเบคอนหอมฉุยถูกเสิร์ฟพร้อมกับอีกคนที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ กลิ่นตัวที่เต็มไปด้วยสบู่ลอยฟ่องราวกับว่าวันสิ้นโลกด้านนอกเป็นแค่ละครซิตคอมยามบ่ายงั้นล่ะ
และตอนนี้เท็นรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย มือหนึ่งก้มลงไปมองผลิตภัณฑ์ยาสีฟันในมือ สลับกับคนตรงหน้าที่ทานอาหารรสเลิศแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
ไหงดาราเจ้าเสน่ห์อย่าง แดเรียล คิม ถึงมานั่งทานอาหารอยู่ตรงหน้ากันได้ล่ะเนี่ย
.
.
.
To be continued
.
ตีสามสี่สิบห้า กับบทสนทนาแนะนำตัวระหว่างพวกเขาสองคน
ไม่รู้จะไปทางไหนต่อดีเลยแฮะ
เท็นพยายามตบทีวีให้สัญญาณกลับเข้าที่เข้าทาง ลืมพวกโทรทัศน์สัญญาณเคเบิลซังกะบ๊วยพวกนั้นไปได้เลย ที่พึ่งได้ตอนนี้ก็มีแค่เจ้าหนวดกุ้งแค่นั้นแหละ
'ทางการขอประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในแถบภาคกลางของไต้หวัน ทางเราขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ นับจากเวลานี้เป็นต้นไป รถไฟธรรมดาและความเร็วสูง จะหยุดให้ใช้บริการตั้งแต่เขตไทจงจนถึงเกาสง ขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางในระหว่างนี้ ส่วนจังหวัดอื่นยังอยู่ในพื้นที่สีเขียว ไม่เป็นอันตราย' ว่าแล้วผู้ประกาศข่าวสาวถึงได้เปิดโฮโลแกรมขึ้นมา ข้างในมีลักษณะแผนที่ของประเทศไต้หวัน พร้อมกับจุดมาร์คโซนสีอันตรายแต่ละจังหวัด
เยี่ยมจริงๆที่จังหวัดตัวเองเป็นสีแดงเถือก ในขณะที่จังหวัดตรงข้ามประปรายไปด้วยสีส้มบ้าง จะมีเพียงแค่เมืองหลวงภาคเหนือของไต้หวัน ไทเปจนถึงแถบเถาหยวนที่เป็นสีเขียวปกติ
'สิ่งที่ต้องระวังในช่วงนี้ ห้ามสัมผัสกับฝนเพื่อป้องกันกัมมันตรังสีจากโรงงาน อย่าสัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อด้วย ภายใน24ชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปรับผู้รอดชีวิต โปรดฟังสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉิน จุดอพยพหลักจะอยู่ไทจงสเตชั่น ย้ำอีกครั้ง จุดอพยพหลักอยู่ที่ไทจงสเตชั่น'
หลังจากนั้นสัญญาณถึงได้ตัดไป กอปรอกับเสียงหม้อแปลงระเบิดที่ดังขึ้นจากบ้านตรงข้าม
เยี่ยมจริงๆ
"เอาไงดีต่อละคุณ" แดเรียลก็ยังคงเป็นแดเรียล ถึงจะอยู่ในวันสิ้นโลกแต่เจ้าตัวก็ยังถือคติต้องดูดีตลอดเวลาสินะ แล้วขอเถอะ ไอ้การหั่นสเต๊กพร้อมกับทำหน้าเบื่อโลกแบบนั้นอะ ดูสถานการณ์ข้างนอกหน่อยเถอะนะ
"ไม่รู้สิ" ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับเดินสำรวจแต่ละห้องของบ้านหลังนี้ เปิดหน้าต่างออกไปดูถึงได้พบว่าฝนเริ่มตั้งเค้าอีกแล้ว
ก็คงต้องอยู่ที่นี่ก่อนแล้วล่ะ
"อันที่จริง" ได้ยินเสียงวางมีดและส้อมพร้อมกับกระแอมไอ เรียกให้เท็นหันกลับมามองอีกคนพร้อมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"ผมกำลังจะฆ่าตัวตาย"
ยังไงนะ
เด็กหนุ่มติดสตั๊นไปหนึ่งครั้งพร้อมกับเอียงหัวใช้ความคิด พ่อดาราทำเงินแห่งปีคนนี้น่ะนะ คิดจะฆ่าตัวตาย
"ใช่ ผมกำลังจะทำแบบนั้นล่ะ" ว่าแล้วผู้ใหญ่ตรงหน้าถึงได้อดยกยิ้มด้วยความเอ็นดูเสียไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าที่แสนจะตื่นตระหนกของเด็กน้อย
"ชีวิตในแสงไฟก็ไม่ได้มีความสุขทุกคนล่ะนะ อย่างน้อยก็ใช้ไม่ได้กับฉันที่ไม่มีครอบครัว ถูกผู้จัดการปั่นหัวสูบเงินไปจนหมด จนตอนนี้เหลือแค่เสื้อเบสบอลกับรองเท้าโง่ๆคู่หนึ่งอะ" ว่าแล้วก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
โลกแม่งก็โหดร้ายแบบนี้แหละ
"อ่า แย่จังนะครับ" เท็นทำได้แค่อึกอักตอบอีกฝ่ายไปตามเรื่องราว จะว่าไปชื่อเสียงของแดเรียลค่อนข้างจะไม่ดีมาในช่วงหลังๆนี้นานแล้ว ตั้งแต่ทำผู้หญิงท้อง ติดหนี้การพนันเถื่อนจนโดนซ้อม แต่ละข่าวที่นำเสนอในช่วงหลังมานี้ก็ชวนปิดช่องทิ้งจริงๆแฮะ
แต่ก็นะ ถ้าจะปล่อยให้คนๆนี้เดินไปให้ซอมบี้กินด้านนอกคงไม่โอเคเท่าไหร่ เขายังมีคุณธรรมต่อเพื่อนมนุษย์อยู่นะ (แถมอยู่กันสองคนก็ต้องย่อมดีกว่าหนึ่งอยู่แล้วนี่)
ดังนั้นเท็นจึงแกล้งทำเป็นว่าลืมเรื่องที่แดเรียลเล่าไปก่อนหน้า
"ผมคิดว่าเราต้องนอนที่นี่หนึ่งคืนนะ ดูท่าทีแล้วฝนคงกำลังจะตกอีกครั้งน่ะ" เด็กชายเปิดม่านพร้อมกับชี้ไปข้างนอก ให้คนข้างตัวพยักหน้าหนึ่งที เท็นแอบเหล่สายตาเล็กน้อยเมื่อเห็นแดเรียลเปิดโทรศัพท์พร้อมกับหาสัญญาณโดยการชูมือโบกไปมาทั่วห้อง
"ไม่ได้แฮะ" ก็เอาเถอะ ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วล่ะนะ ตอนนี้โทรศัพท์ก็เป็นได้แค่เอ็มพีสามเคลื่อนที่เท่านั้นแหละ
"เอาจริงไอ้เรื่องข่าวพวกนี้มันก็มีนานแล้วล่ะ รัฐบาลประกาศซ่อมแซมโรงงานเคมีอะไรเทือกๆนั้น จริงๆก่อนหน้านี้ก็มีข่าวพนักงานคลุ้มคลั่งไล่อาละวาดกินคนงานไปทั่ว แต่สุดท้ายจบที่ข่าวเดทดาราเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจพร้อมกับการออกมาปฏิเสธว่าพนักงานคนนั้นแค่นอนน้อย" คนตรงหน้าได้แต่แค่นหัวเราะออกมาพร้อมกับหันไปมองคนข้างตัวที่ในเวลานี้จ้องเขาตาใสแป๋วด้วยความกระตือรือร้น
“อ้อ ...อีกอย่างนะ เจ้าพวกข้างนอกนั่นค่อนข้างจะไวต่อเสียงและกลิ่น เป็นไปได้อย่านั่งพิงกระจกมากล่ะ ระวังข้างหลังด้วย ”
“คุณรู้? ”
“ก็นะ เจอกับตัวเองนี่นา”
“ยังไงครับ? ”
“ไอ้เชื้อนั่นน่ะไม่มีใครรู้ที่มาแน่ชัดหรอก แต่ทว่าฉันน่ะมาพร้อมกับผู้คนที่เริ่มอพยพมาจากเขตพื้นที่ติดเชื้อ ฉันก็หนีมาเรื่อยๆ นี่ รู้ใช่ไหมว่าเขานัดรวมพลหลักกันที่ไทจงสเตชั่น” เท็นพยักหน้าตอบกลับไปเบาๆ
"อ่า .. นั่นแหละ อีกสักพักมันจะกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเจ้าพวกนั้นเลยล่ะ การควบคุมประชากรที่เหลาะแหละจะนำพาความยุ่งยากมาให้ คนที่โดนกัดผ่านทางน้ำลาย ชั่วโมงแรกจะไม่แสดงอาการอะไรมากหรอกนะ แต่หลังจากนั้นจะเกิดไข้ขึ้นสูง ไอออกมาเป็นเลือด สติของนายจะค่อยๆหายไป แล้วก็ ... บู้ม แล้วคิดว่าคนที่โดนกัดจะยอมบอกเจ้าหน้าที่ไหมล่ะว่าตัวเองมีแผล ใครๆก็อยากรอดกันทั้งนั้นแหละนะ"
ฟังดูหน้าสยองจังเลยแฮะ เท็นภาวนาขอให้คุณลุงร้านหมั่นโถวกับครอบครัวหลีกเลี่ยงไปที่นั่นด้วยเถอะนะ
ปึง! ปึง!
พวกเขาได้ยินเสียงทุบประตูฝั่งหน้าบ้านทำให้เรามองตากันด้วยความเงียบ แดเรียลพยักหน้า เจ้าตัวค่อยๆลุกอย่างช้าๆก่อนจะลุกขึ้นย่องไปส่องตาแมว
และใช่ พวกมันกำลังรอจะเข้ามาในบ้านหลังนี้อยู่ สักสี่ตัวได้ล่ะมั้ง
"เรากำลังจะกลายเป็นอาหาร"
เขากระซิบพร้อมกับมองเด็กข้างตัวที่กำลังสติหายไป "ตั้งสติเดี๋ยวนี้เท็น ฉันจะดันประตูไว้ก่อน ตอนนี้นายต้องหยิบเป้ ใส่อาหาร น้ำ ภายในหนึ่งนาทีก่อนที่พวกมันจะเข้ามา ฉันจะดันประตูไว้ก่อน เร็วเข้า! "
ไม่เหลือเวลาให้เตรียมตัวอะไรทั้งนั้น เท็นรีบวิ่งเข้าไปในห้องครัว บนชั้นมีอาหารกระป๋องจำนวนมากอัดกันอยู่บนเคาน์เตอร์ นับว่าเป็นโชคดีที่ก่อนหน้านี้เขากริลเบค่อนเก็บไว้ในถุงซิปล้อค เท็นทำได้แค่ตั้งสติแล้วกวาดมันมาไว้กับตัวให้หมด
น้ำดื่ม เบค่อน ซุปกระป๋อง เทียนไขและไฟฉาย ได้แต่เก็บทุกสิ่งลงกระเป๋าให้หมด ในเวลานี้ไม่มีเวลามาจัดอะไรทั้งนั้น เท็นสบตากับแดเรียลที่กำลังดันประตูอยู่หน้าบ้าน
"เปิดประตูห้องด้านบนไว้ ฉันจะดันไว้จนกว่าฉันจะแน่ใจว่านายจะปลอดภัย" ได้แต่พยักหน้าส่งสายตาให้กัน
เท็นก้าวขึ้นบันไดด้วยใจที่เต้นแรง เหตุการณ์เมื่อกี้เหมือนกับตัวเองวิ่งเป็นกิโล เขากำลังจะกลัวจนแข้งขาอ่อน
สาบานเลยว่าตัวเองไม่เคยเฉียดใกล้ความตายมาก่อนขนาดนี้ในชีวิต
ถัดจากบันไดบ้านคือทางเชื่อม และห้องทั้งหมดสามห้องด้วยกัน และเพราะด้านล่างมีห้องน้ำในตัวพวกเขาเลยไม่ได้ขึ้นมาสำรวจข้างบน
เอาเป็นว่าเลือกมาซักห้องก็แล้วกัน เท็นตัดสินใจเลือกห้องทางด้านซ้าย ยังไงก็เชื่อโบราณไว้ก่อนแล้วกันนะไอ้คติที่ว่าขวาร้ายซ้ายดีเนี่ย
เด็กชายค่อยๆเปิดประตูเข้าไป
แอ๊ด
ฉุนเป็นบ้า และเหมือนจะได้กลิ่นเหม็นเน่าอะไรสักอย่าง อดที่จะย่นจมูกไม่ได้ ก่อนจะเพ่งสายตาไปด้านหน้า
ผู้..หญิง?
ข้างหน้าของเท็นมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนหันหลังให้อยู่ มีผู้รอดชีวิตอยู่ที่นี่กับเรางั้นหรอกหรือ
"คุณครับ ข้างล่างมีซอมบี้อยู่หน้าบ้านประมาณสี่ห้าตัว เราต้องหนีเดี๋ยวนี้"
ไม่มีเวลาทักทายหรือแนะนำตัวอะไรทั้งนั้น
แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับมีแต่ความเงียบที่ตอบกลับมา
ครั้งนั้นแหละที่เท็นรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้น
อือ
และก่อนที่ผู้หญิงข้างหน้าจะค่อยๆหันมาพร้อมกับใบหน้าที่เละไปมากกว่าครึ่ง
ตึง!
"เห้ย!!! "
“ฮือออ”
ไม่ทันขาดคำร่างนั้น (ที่ไม่น่าจะใช้สรรพนามว่าคนได้) วิ่งมาหาเท็นด้วยความเร็วสูง โชคดีที่เขาสามารถใช้เท้ายันไปก่อนหน้า
แต่มันก็ทำให้ชะงักได้แค่ครู่เดียวเท่านั้น
ร่างที่เพิ่งจะกระเด็นไปจากแรงถีบ จู่ๆกลับลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้ามาหาอีกครั้งพลางกรีดร้องด้วยเสียงดังก้อง
เวรเอ๊ย แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับโทรโข่งเรียกพวกศพเดินได้ชั้นดีเลยนะ
ได้แต่ใช้มือดันชายเสื้อไว้ ทั้งเสียงฟันที่ขบกันอย่างน่ากลัว เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดทำให้อะดีนนารีนในตัวหลั่งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักซอมบี้ตรงหน้าไปให้ไกลที่สุด วิ่งไปทางประตูด้านหน้า อึดใจเดียวเท่านั้น
โถ่โว้ย!
ปัง!!!
สิ้นเสียงกรี้ดสุดท้ายของซอมบี้ จบลงพร้อมกับเจ้าตัวที่ปิดประตูลงทันพอดี มาทันพร้อมกับแดเรียลที่วิ่งขึ้นมาข้างบน
มือของเจ้าตัวจับมือเล็กข้างนึง ก่อนจะฉุดให้อีกฝ่ายเข้าไปในอีกห้อง
ปัง!
ได้แต่มองหน้ากันแล้วหอบหายใจ โชคดีที่ห้องนี้ไม่มีคราบเลือด หรือร่องรอยของตัวประหลาดอะไรทั้งนั้น แดเรียลหันไปมองตู้เสื้อผ้า พวกเขาพยักหน้าเข้าใจกันด้วยเวลาไม่นาน ตู้เสื้อผ้าก็ขวางทางประตูสำเร็จ
"เหนื่อย .. โครตๆเลย" ได้แต่ไถตัวพิงผนังอย่างหมดแรง แดเรียลขมวดคิ้วแน่น เขาเดินไปทางหน้าต่างที่มีผ้าม่านลายดอกจิ๋วสีชมพูอ่อน
เวลานี้ใกล้จะเช้าแล้ว แสงสีทองอ่อนๆกำลังลอดผ่านหน้าต่างพร้อมกับฝนที่เริ่มหยุดลง นี่พวกเขาหนีซอมบี้กันเกือบค่อนคืนเลยงั้นหรือ
"เยี่ยม" ได้แต่เดาะลิ้นด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้ทั้งหน้าบ้านมีพวกกินคนประมาณสิบกว่าตัวมาออกันอยู่ได้ ยังไม่นับที่อยู่ด้านนอกห้องราวๆอีกสี่ห้าตัว..
มืดแปดด้านชะมัด... คงจบแค่นี้แล้วล่ะมั้ง
"คุณ" เท็นสะกิดคนข้างตัวให้หันไปหา
"บ้านตรงทางข้างหน้า แล้วก็ 9 นาฬิกา" จุดนำสายตาเลื่อนไปยังมือเล็กๆที่ชี้
ผู้ชาย?
และใช่ ผู้ชายคนหนึ่งอยู่ที่ดาดฟ้า เจ้าตัวใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและแว่นกันแดดสีดำ ด้านข้างมีธงที่ถูกเขียนข้อความไว้
แต่ ... บัดซบเอ๊ย มันเป็นภาษาญี่ปุ่น
หากแต่โครงหน้าที่แสนจะคุ้นเคยทำให้แดเรียลต้องขยี้ตาเพื่อดูให้กระจ่างอีกครั้งหนึ่ง
ใบหน้าคม ผมสีทองแถมยังท่าทางเหมือนจะจำเขาได้นี่มัน
อ่า นั่นมันนากาโมโตะ ยูตะ มิตรแท้คนสุดท้ายในฝูงซอมบี้
.
.
.
to be con.
แดเรียลโบกมือตอบกลับไป
ช่างเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างกระอักกระอ่วนสิ้นดี กับการเจอไอ้เพื่อนจอมเสเพลอย่างยูตะ เวลานี้มันควรจะนั่งในออฟฟิศทำงานและปั่นโปรเจคส่งลูกค้ามือเป็นระวิง แต่ภาพที่เจ้าตัวแสดงหน้าตื่นตกใจพร้อมกับโบกมือไปมาก็เป็นอะไรที่ชวนแปลกตาดีเหมือนกัน
แล้วจะคุยกันยังไงดีล่ะ
"คุณ"
เท็นจับข้อมือคนตรงข้ามพร้อมกับเบียดตัวเข้ามาใกล้
"เราไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้า"
"อ่าห้ะ แล้ว"
เด็กคนนี้ฉลาด
"อย่าสนใจเขาเลย"
บีบมืออีกคนแน่นพร้อมกับทำหน้าเว้าวอนไปด้วย
"ไม่สนใจไม่ได้หรอก"
ขยับตัวเข้าไปใกล้เด็กน้อย เช็ดคราบเลือดที่มุมแก้มให้อย่างแผ่วเบา
"อีกอย่าง นายก็ไม่ควรไว้ใจฉันด้วย จริงไหม"
ก็จริง
"เขาเป็นเพื่อนฉันเอง ไม่ต้องห่วง"
เท็นพยักหน้าขึ้นลงไปมา
ฉลาด แต่ก็ไว้ใจคนง่ายเกินไป
คงต้องสอนกันอีกยาว
แดเรียลเดินไปยังหน้าต่างอีกครั้ง ดูจากความสูงแล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่ชั้นสอง ด้านข้างพอจะมีขอบปูนให้ปีนไปได้อยู่
ถ้าประเมินสถานการณ์แล้ว อยู่กันสามคนย่อมดีกว่าสอง
แดเรียลส่งสัญญาณมือให้เพื่อนฝั่งตรงข้าม
7
ที่แปลว่า อีกเจ็ดนาทีเจอกัน
"เอาล่ะเท็น ฟังฉันนะ"
จับใบหน้าของเด็กน้อยให้หันมามองตนเอง
เท็นกระพริบตาปริบๆ
"เราต้องปีนขอบปูนไปหายูตะ เกาะราวหน้าต่างไว้ถ้ากลัวตก จากนั้นให้กระโดด จะมีผู้ชายอีกคนรอรับนายอีกฝั่ง" ผู้ใหญ่ข้างกายอธิบายแบบง่ายๆพอสังเขป
"ฉันจะให้นายไปก่อน โอเคนะ มันจะไม่เป็นไร อย่ากลัว"
ได้แต่พยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก
ช่วงขาค่อยๆปีนออกจากหน้าต่างไป
น่าหวาดเสียวชะมัด
เอาล่ะ มีสติมากๆนะเท็น ถ้าตกลงไปก็เท่ากับเป็นอาหารพวกมันฟรีๆอย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งแน่ล่ะว่าชอยส์สุดท้ายเป็นจุดจบที่ไม่ค่อยสวยซักเท่าไหร่
เท็นค่อยๆขยับอย่างเก้ๆกังๆ ความสูงทำให้เวียนหัว แต่สิ่งที่ไม่อยากเจอมากที่สุดคือพวกกินคนที่รออยู่ด้านล่างต่างหาก
"กระโดดมา" ได้ยินเสียงภาษาอังกฤษสำเนียงเอเชียแท้มาจากผู้ชายชื่อญี่ปุ่นด้านหน้า เท็นหันไปหาแดเรียล อีกฝ่ายพยักหน้า
"มันจะไม่เป็นไร"
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ตัดสินใจกระโดดไปอีกฟากของดาดฟ้า ทันเวลาพอดีกับมือยูตะที่ยื่นมารับพอดี
"เด็กของแดเรียลหรือไง"
ไม่ใช่สักหน่อย
เอ่อ แล้วทำไมเพื่อนแดเรียลไม่ช่วยยกตัวเขาสักทีล่ะ
เท็นทำหน้าอ้อนวอนพร้อมกับตีขากลางอากาศ
ฝูงซอมบี้ด้านล่างเริ่มเห็นความผิดปกติถึงได้มายืนออกันบริเวณนี้ ให้อารมณ์รอรับอาหารชั้นเลิศ
ตกไปก็ไม่มีอะไรมาก ตายสถานเดียว
ยูตะยังคงยกยิ้ม แม้ว่ามือจะไม่ยอมปล่อย แต่เท็นเห็นสีหน้าอีกคนมองราวกับพึงพอใจที่ได้แกล้งเด็กอย่างเขา
ถ้ารอดไปได้จะขอลิสชื่อยูตะไว้เป็นบุคคลอันตรายเบอร์หนึ่งเลย
"นี่ รู้อะไรปะ"
อีกฝั่งหย่อนเท็นลงไปใกล้ซอมบี้มากกว่าเดิม เรียกให้คนที่ใกล้ความตายเริ่มสะอื้นฮึกฮัก หยาดน้ำตาคลอหน่วย
เท็นไม่ได้หวังจะมาตายที่นี่โดยจากฝีมือเพื่อนโง่ๆของแดเรียลนะ
"อย่าไว้ใจใครมากนอกจากแดเรียล ฉันไม่ได้เป็นคนดีมากขนาดนั้นหรอกนะ"
"ช่วยยกเด็กนั่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้"
ได้ยินเสียงเย็นๆดังขึ้นมาจากด้านหลัง ยูตะหัวเราะเบาๆก่อนจะได้ยินเสียงหวืดของคนตัวเล็กให้กลับขึ้นมายืนบนดาดฟ้า
เท็นรีบวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของแดเรียล ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
"มาทางไหน" ยูตะหันมามองเพื่อนตัวเอง แดเรียลจ้องตาเขม็งด้วยความไม่พอใจ
"ถ้าไม่อยากตาย อย่าแกล้งเด็กคนนี้อีก"
"ไม่ได้แกล้ง แค่สอนการเอาตัวรอดเฉยๆ"
"ฉันสอนเองได้"
"เออ เออ รู้แล้วๆ โทษที"
ยกธงขึ้นจำนนยอมแพ้ ยูตะหันไปมองเด็กที่อยู่หลังแดเรียล
หน้าตาน่ารักดี
"ฉันชื่อยูตะ นากาโมโตะ เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ ขอโทษที่แกล้งเมื่อกี้นะ"
เท็นพยักหน้าพร้อมกับจับชายเสื้อแดเรียลไว้ ใบหน้าหวานยังมีคราบน้ำตาอยู่ประปราย
"ชั้นล่างปลอดภัย เคลียร์แล้ว"
แดเรียลพยักตอบกลับไป ร่องรอยขุ่นมัวในตายังคงพอเห็นอยู่บ้าง รีบจับมือเด็กข้างตัวไว้แล้วดึงลงไปชั้นล่างของดาดฟ้าทันที
"เมื่อกี้ คุณมาจากทางไหนหรือครับ" เท็นถามพร้อมกับขยี้ตาไปด้วย เขาลืมนึกถึงเลยว่าคนข้างตัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่
"กระโดดมาน่ะ อย่าขยี้ตามาก เดี๋ยวช้ำหมด" แดเรียลถอนหายใจออกมาเสียงดังเฮือกใหญ่ ดุคนข้างตัวก่อนที่จะพาคนตัวเล็กมานั่งเก้าอี้
"กระโดด?" ก็คงจะฟังดูบ้ามากถ้ากระโดดจากหน้าต่างบ้านวินเทจหลังนั้นมายังดาดฟ้าชั้นสองของที่นี่โดยที่ไม่ได้ไต่ขอบปูนเปลือย
"ไอ้หมอนี่มันเป็นสตั๊นแมนเก่า"
นากาโมโตะอยู่ที่หน้าประตู ผมสีทองส่ายหัวไปมาอย่างหน่ายใจ ที่ขอบปากคาบบุหรี่จนควันลอยไปทั่วห้อง
"อ้อ แล้วก็เป็นพวกเจ้าชู้ฟันไม่เลือกด้วยนะ"
"หุบปาก"
ยักไหล่แบบขอไปที ปากอ้าแล้วหุบเหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
"จะไม่กลับค่ายหรือยังไง"
"รอไปส่งเด็กคนนี้ก่อน"
"จะเล่นบทพ่อพระ ว่างั้นเถอะ"
"อย่ามาแส่ไม่เข้าเรื่อง ยูตะ"
"เฮ้ ก็มันน่าสนใจนี่"
ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง สำรวจอีกคนด้วยความสนใจ
น่ารักดีนะ เหมือนตุ๊กตา
"ระวังมันกัดจมเขี้ยวล่ะ" กระซิบข้างหูเด็กน้อยพร้อมกับขยิบตาให้หนึ่งที เรียกตาเขียวปั้ดจากเพื่อนคนข้างตัวได้
หวงยิ่งกว่างูจงอางเสียอีก
ยูตะยกมือขึ้นยอมแพ้ก่อนจะขอตัวขึ้นไปดาดฟ้าอีกรอบเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตคนอื่นต่อ ความสนใจถึงได้เบนกลับมาที่แดเรียลอีกครั้ง
เขาไม่รู้หรอกว่าในอดีตภูมิหลังของแดเรียลจะเป็นอย่างไร ไม่สิ เท็นไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ
ในเวลานี้ การที่คนตรงหน้าปกป้องป้องเขา มันก็คงเพียงพอแล้วที่จะยืนยันได้ว่าเจ้าตัวไม่ได้มาร้าย
เท็นตอนนี้รู้สึกเหนื่อยและหิวมากกว่าจะอาบน้ำ เด็กหนุ่มค่อยๆไถลตัวลงไปนอนโซฟาสีเบจ ดวงตาพริ้มพร้อมจะปิดตลอดเวลา
"เฮ้ นอนแล้วหรือไง"
ได้ยินเสียงแดเรียลเรียกเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่เด็กหนุ่มจะหลับตาลง
..
"เท็น ตื่นได้แล้ว"
เสียงปลุกข้างหูทำให้เด็กหนุ่มขยี้ตาพร้อมกับหาวออกมา เท็นมองคนข้างตัวที่กำลังแต่งตัวพร้อมกับใส่ถุงมือด้วย ชุดของแดเรียลถูกเปลี่ยนเป็นแจ็คเก็ตหนังสีดำเงาสีเข้ม คู่กับรองเท้าบูตคอมแบทยี่ห้อดัง
แดเรียลวันนี้ดูเท่กว่าทุกวัน ถ้าวันนี้ไม่ได้มีพวกกินคนอยู่ข้างนอก ก็น่าจะแซวว่าคงออกไปเดทกับสาวคนไหนสักคนแน่ๆ
"ไปอาบน้ำเร็ว วันนี้เรามีเรื่องต้องทำ"
งานเข้าตั้งแต่หัวค่ำเลยแฮะ
.
แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ข้างนอกถนนจากเมื่อวานที่มีพวกกินคนจำนวนมาก ตอนนี้พวกมันกลับนอนเกลื่อนกันไปหมด หัวและแขนขากระจัดกระจายไปทั่ว ชวนให้รู้สึกคลื่นไส้วิงเวียนสิ้นดี
ถัดไปสองบล็อกเท็นเห็นยูตะค่อยๆเก็บดาบคาตานะเข้าฝักอย่างทะนุถนอม
พนักงานออฟฟิศจะมีดาบคาตานะไปทำไมกันนะ
"มานี่เร็ว"
แดเรียลกระตุกข้อมือให้เข้ามาหาตน เช็คดูความเรียบร้อยของเด็กตรงหน้า
"วันนี้เราจะไปเอาปืนกัน"
ปืน?
"ใช่ ปืน นี่นายคงไม่คิดว่าเราจะเอาชีวิตรอดได้ด้วยดาบคาตานะโง่ๆของไอ้โอตาคุคนนั้นหรอกนะ"
อย่างน้อยแดเรียลวางแผนแล้วว่า ถ้ายูตะทำอะไรเด็กคนนี้ขึ้นมาเขาจะส่งมันไปหาซอมบี้พร้อมกับหักดาบมันเป็นสองท่อนซะ
ข้างหน้าถัดไปอีกสองสถานีจะมีป้อมตำรวจอยู่ แดเรียลชี้มือให้เด็กน้อยมองตาม ฝ่ามือหนาตบไปยังกระเป๋าที่มีลำโพงจิ๋ว
"ฉันจะเปิดเสียงล่อมันให้ไปอีกฟาก ในเวลานี้แหละที่นายกับยูตะต้องพังกระจกให้แตก รวบรวมกระสุนและปืนมาเท่าที่ไหว เข้าใจนะ"
ไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจแล้วล่ะตอนนี้
พยักหน้ารับคำอย่างจำยอม แดเรียลยกมือให้สัญญาณ ยูตะถึงได้เริ่มเดินมาทางตน
ข้างทางตอนนี้มีซอมบี้อยู่ประปราย พวกมันบางตัวเริ่มสนใจพวกเขาแล้ว เท็นได้ยินเสียงคำรามจากที่ไกล คนตัวเล็กขยับตัวเข้าหาแดเรียลโดยอัติโนมัติทันที
"ชู่ อย่าไปกลัว"
มีสองซอมบี้แม่ลูกอ่อนเริ่มขยับร่างกายเข้ามาหาเรา
"แยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน"
"ระวังตัวด้วยล่ะ"
เท็นพยักหน้ารับคำ นัยต์ตาฉายแววออกมาว่าเป็นห่วงคนตรงหน้าชัดเจนจนอดที่จะปลอบใจไม่ได้
"ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะต้องเจอกันอีก"
แดเรียลปีนขึ้นไปยังหลังคารถคันหนึ่ง
จากนั้นพ่อหนุ่มดาราถึงได้กระทืบรถขึ้นลงอย่างแรง
เขาบ้าไปแล้วหรือไงกัน!
"มาสิวะไอ้พวกโง่!" ตะโกนเสียงดังพร้อมกับเปิดเพลงให้ดังที่สุด
ได้ผล พวกมันเริ่มหันมามองพร้อมกับครางฮือเข้าไปหา
เอาล่ะเท็น ต้องรีบทำเวลาก่อนที่แดเรียลจะแย่
สองมือกำก้อนหินขนาดใหญ่ไว้จนเจ็บไปหมด หันไปทางยูตะถึงได้พบว่าเจ้าตัวพยักหน้าให้เขาลงมือได้เลย สูดลมหายใจไปหนึ่งเฮือกก่อนที่จะขว้างก้อนหินไปยังหน้าต่างอย่างแรง
เพล้ง!!
มีซอมบี้สองสามตัวที่เบนเป้าหมายมาทางเรา
"มองแบบนี้สงสัยอยากโดนลับมีด" ยูตะแลบลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมกับดึงดาบคาตานะออกจากฝัก เป็นเวลาเหมาะเจาะที่เพลง king's dead ของหนังชื่อดังอย่างแบล็กแพนเตอร์ออกมาจากลำโพงพอดี
สมกับที่แดเรียลบอกไว้ว่าเป็นโอตาคุจริงๆ วางท่าเหมือนพระเอกในอนิเมะไม่มีผิด
ยูตะสั่งให้เท็นเข้าไปเอาปืนเลย ส่วนตัวเองจะสู้กับซอมบี้พวกนั้นต่อ ว่าแล้วเด็กหนุ่มถึงได้ก้าวเข้าไปในป้อมตำรวจ ด้านล่างมีตู้เซฟที่เก็บเอกสารและรองเท้าสลิปเปอร์เหม็นหึ่ง บนโต้ะมีแก้วกาแฟเขรอะกังอีกด้วย ถัดจากนั้นถึงได้เจอปืนลูกโม่สองกระบอกพร้อมกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง
มือเรียวจัดการเก็บทุกอย่างเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว
ต้องรีบออกไป
แดเรียลกำลังแย่แล้ว มีซอมบี้ตัวหนึ่งเหมือนกำลังปีนขึ้นไปยังกระโปรงรถ เท็นเห็นคนตัวสูงถีบผลักออกไปซ้ำๆ
ต้องรีบยิงช่วย
เด็กหนุ่มรีบหยิบปืนในกระเป๋าออกมา
"ยืนให้มั่นคงก่อน จากนั้นตั้งสมาธิดีๆ"
ยูตะที่มาจากไหนไม่รู้เดินเข้ามาสมทบด้านหลัง
"เปิดโม่ออก ถือปืนเอาปากกระบอกชี้ขึ้นด้านบน เฮ้ เอานิ้วออกนอกโกร่งไกด้วย"
เด็กหนอเด็ก อยากปกป้องเขาแต่ตัวเองยังมือสั่น
"อย่าลังเลที่จะลั่นไก ไม่งั้นคนของนายได้เป็นพวกเหมือนไอ้พวกนั้นแน่"
ปัง!
ได้ผล ซอมบี้ตัวที่จับขาแดเรียลอยู่ถูกกระสุนลูกโม่เจาะเข้ากลางหัวอย่างจัง มันล้มลงนอนแน่นิ่งทันที
เวลานั้นล่ะที่เท็นเริ่มรู้สึกโลกหมุนขึ้นมา ความขมปร่าแล่นขึ้นพร้อมกับอาการพะอืดพะอม
นี่เขา ฆ่าคนตายไปแล้วใช่ไหม
เท็นอาเจียนออกมาทันทีพร้อมกับเสียงหลงของยูตะที่หลบหนีเขาพัลวัน
พับผ่าสิ!
"เฮ้ ไอ้เด็กนี่อ้วกแตกกับเป็นลมว่ะ จัดการที่เหลือที" ยูตะโยนปืนไปทางแดเรียล อีกฝ่ายรับได้ก่อนจะใช้ปืนพกจ่อหัวพวกกินคนตรงหน้าทันที
แดเรียลยกยิ้มที่มุมปาก
ลาก่อน ไอ้พวกเดนตาย
ปัง!
.
เท็นค่อยๆได้สติหลังจากนั้นสิบนาที
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่บนหลังใครสักคน กะพริบตาด้วยความตกใจก่อนจะได้ยินเสียงทักขึ้นมาจากคนด้านหน้า
"ไง ฟื้นแล้วสินะ"
ยังไงดีล่ะ นี่มันน่าอายชะมัดเลย เท็นก้มลงไปซบแผ่นหลังนั่นต่อ เรียกเสียงหัวเราะจากคนแบกเบาๆ
"วันนี้นายเก่งมาก"
รู้สึกดีใจแปลกๆที่ได้เป็นฝ่ายปกป้องคนอื่นบ้าง
"ขอบคุณที่ปกป้องฉัน"
"ยินดีครับ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมคงแย่มากกว่า"
เกิดเดดแอร์ขึ้นหลังจากนั้นประมาณสิบนาที
เท็นสังเกตเห็นใบหูของคนตรงหน้าขึ้นสีแดงจางๆ
แดเรียลนี่ก็ขี้อายเหมือนกันแฮะ
อืม ไม่ทักจะดีกว่าเนอะ
To be con.
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!