บทที่ 4
ตื่นมาอีกครั้งในตอนเช้า ขยี้ตาเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นมาอย่างแรกที่เห็นคือเพดานสีขาว ความรู้สึกแรกหลังตื่นนอนมันเหมือนกับมีอะไรหนักๆ มาพาดที่ช่วงเอว ถ้าเป็นตอนกลางคืนผมคงคิดว่าตัวเองโดนผีอำ แต่นี้มันสว่างแล้วตัดความคิดนั้นออกไปได้เลย ผมเลยลองเอามือไปสัมผัสดู ชัดเลยแบบนี้มันคือแขนคนแน่นอน
และมันจะเป็นแขนคนอื่นไปไม่ได้นอกจากเขา เมื่อผมรู้อย่างนั้นแล้วจึงก็พยายามยกแขนอีกคนออกไปโดยเบาที่สุด เพื่อป้องกันไม่ใช้เขาตื่น ทว่ายิ่งยกเท่าไรก็ยกไม่ขึ้นและคนข้างๆ ยิ่งรัดผมแน่นกว่าเดิม คนหรืองูเหลือมวะเนี่ย
ตอนนี้จะสายแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมเดาความเข้มจากแสงแดดที่ส่องเข้ามาแล้ว ไม่น่าจะต่ำกว่าแปดโมง แต่คนข้างๆ ไม่มีวี่แววว่าจะตื่นเลยสักนิด แถมยังกอดผมเอาไว้ซะแน่น ครั้นจะปลุกเขาผมก็ไม่กล้าเผื่ออีกคนกำลังฝันหวานอยู่ เกิดผมไปทำให้เขาตื่นแล้วอาจจะโดนด่าก็ได้
หลังจากอยู่ในท่าเดิมมาหลายนาที ผมเลยพลิกตัวเพื่อเป็นท่าพลิกไปพลิกมาตั้งหลายครั้งแล้วก็ยังไม่เจอท่าที่พอใจสักที
"หยุดดิ้นได้แล้ว"
"..."
เขาพูดใกล้ๆกับหูผม ตื่นแล้วแต่ยังไม่เอาแขนที่พาดอยู่บนตัวผมออกไปสักที
"..เจ้านาย เอาแขนออกไปหน่อยครับ"
"อืมม"
Rrrrrrr
เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้น แต่เขาก็ยังนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม นี่เขาไม่รำคาญมันหรือไง
"เจ้านายรับโทรศัพท์สิครับ"
"ขี้เกียจ"
"งั้นก็ลุกครับ มันสายมากแล้ว"
"นายกล้าสั่งฉัน? "
"..ก็มันสายแล้วนะครับ"
"อืม ลุกก็ได้"
เขาลุกขึ้นลงจากเตียงแล้วเดินไปรับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะมุมห้อง ส่วนผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอาบน้ำในห้องที่เคยอาบเมื่อวาน ใช้เวลาอาบไม่นานพอเสร็จก็ใส่เสื้อผ้าชุดเก่าที่ตากเอาไว้จนแห้งสนิท ใส่ไปก่อนค่อยไปเปลี่ยนที่หลัง
ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว ผมทำธุระส่วนตัวเสร็จหมดทุกอย่างก็มานั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิม พลางนั่งคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาไม่กี่นาที ผมรู้สึกแปลก ๆ กับกับการแสดงออกของเขา มันเกินกว่าที่เจ้านายกับลูกน้องจะกระทำต่อกันหรือเปล่า
เขาเดินออกมาจากห้องแต่งกายด้วยสูทสีน้ำเงิน พร้อมกางเกงสีเดียวกัน เราทั้งสองเดินออกมากจากห้องแล้วลงลิฟท์มายังชั้นล่าง ระหว่างเดินก็ไม่มีการสนทนาใดเกิดขึ้น จนกระทั่งเราเข้ามาอยู่ในรถแล้ว
"วันนี้ฉันไม่เข้าบริษัท"
"ครับ"
"นายจะกลับบ้านหรือเปล่า"
"กลับครับ"
"ฉันไปส่ง"
"มะ.."
"ฉันไม่ชอบได้ยินคำว่าไม่"
เขามันเอาแต่ใจที่สุดในโลกเลย!
ตอนนี้เรามาอยู่ที่ร้านอาหารริมถนนใหญ่ มันไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่งแต่อย่างใด บรรยากาศในร้านค่อนข้างหรูเลยทีเดียว พอเปิดเมนูขึ้นมาดูก็ต้องตกใจกับราคา จานละตั้งหลายร้อย แค่ราคาอาหารจานเดียวนี่ผมกินข้าวได้ตั้งหลายมื้อเลยนะ
"นายอยากกินอะไร"
"แล้วแต่เจ้านายเลยครับ"
พนักงานหญิงเดินมารับเมนู เขาสั่งทั้งหมดสี่อย่าง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไรบ้าง เพราะชื่อมันไม่คุ้นหูเลยสักนิด ระหว่างรอผมก็มองรอบๆ ร้านแก้เบื่อ ในนี้คนไม่แน่นมากแต่ก็มีมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย สังเกตจากโต๊ะที่เพิ่งเช็คบิลไปไม่นาน ก็มีลูกค้าคนใหม่เข้ามานั่ง
ผมเหมือนรู้สึกคุ้นๆ กับผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะตรงมุมร้าน มองอยู่สักพักก็นึกออก เพื่อนสนิทผมตอนเรียนนี่เอง ตั้งแต่จบมาผมก็ไม่ได้ติดต่อกับมันอีกเลย คิดถึงมันอยู่เหมือนกัน เพราะแต่ก่อนผมสนิทกับมันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด และมันนี่แหละเป็นแกนนำแกล้งผมตอนนั้น
อยากจะเข้าไปทักมันแต่ก็เกรงใจคนฝั่งตรงข้าม เขานั่งเล่นโทรศัพท์ตั้งแต่สั่งอาหารเสร็จ สีหน้าเรียบเฉยราวกับมีแต่เรื่องน่าเบื่ออยู่ในนั้น ผมผละสายตาจากเขาแล้วหันไปมองเพื่อนตัวเองต่อ มันกินอาหารโดยไม่สนใจคนรอบข้าง แต่พอมันเงยหน้าขึ้นมาเราก็สบตากันพอดี มันเบิกตาขึ้นเล็กน้อยแล้วจ้องผมอยู่สักพัก ผมเลยยิ้มให้มันไป ผมเดาว่ามันก็ดีใจเหมือนกันที่เจอผม มันเรียกพนักงานมาเช็คบิลแล้วลุกจากเก้าอี้ เดินตรงมาทางผม
"ไอ้เหี้ยเข็ม! "
"เออ เบาๆเสียงมึงหน่อย"
"กูโคตรคิดถึงมึงเลย เป็นไงบ้างวะ"
"กูสบายดี"
ผมคุยกับเพื่อนตัวเองพลางมองอีกคน เขาทำคิ้วขมวดเหมือนกำลังไม่พอใจ ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีก็ดีใจจนหูดับตาปอด ไม่มองรอบข้างเลย แถมยังพูดเสียงดังไม่เกรงใจคนอื่นอีก
"ไอ้ไนท์นี่เจ้านายกู"
"สวัสดีครับคุณ.."
"อชิระ" เขาถอนหายใจแล้วพูดออกมา
"ครับ ผมพีรวัสครับ"
"อืม"
พนักงานเดินเอาอาหารมาเสริฟ์พอดี เขาเลยหันไปสนใจกับอาหารตรงหน้าแทน
"กูมีเรียนว่ะ ต้องไปแล้ว"
"เออ โชคดี"
"ขอเบอร์มึงหน่อยดิ เผื่อนัดเจอกันอีก"
"โทรศัพท์กูพังว่ะ เอาเบอร์มึงมาดีกว่า"
ไนท์เปิดเอาปากกากับกระดาษที่เป้ข้างหลัง เขียนเสร็จมันก็ฉีกกระดาษที่มีเบอร์ตัวเองมาให้ผม
"อย่าลืมโทรมานะ"
"เออ"
มันเดินออกไปแล้ว ผมเก็บกระดาษแผ่นเล็กไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วหันมาสนใจกับอาหารบนโต๊ะ
"สนิทกันมากเหรอ"
"ครับ? "
"คนเมื่อกี้"
"แต่ก่อนสนิทกันมากครับ"
"อืม รีบกินเถอะ"
เราใช้เวลากินอาหารประมาณ 20 นาที จุดหมายต่อไปคือบ้านพี่อิฐ เพราะผมจะต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เจ้านายรู้เส้นทางอยู่แล้ว เขาบอกว่าเคยมาอยู่สองสามครั้ง
เนื่องจากการจราจรที่ติดขัด ทำให้ใช้เวลานานกว่าจะมาถึง รถพี่อิฐยังจอดอยู่หน้าบ้าน แสดงว่ายังไม่ได้ไปไหน ผมเดินเข้าไปในบ้านพร้อมเจ้านาย ก็เห็นพี่อิฐนั่งอ่านกระดาษในมืออยู่
"นายสวัสดีครับ"
"อืม"
"ผมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ"
ผมเข้ามาในห้องตัวเองเปิดตู้เสื้อผ้า ใส่ชุดเหมือนเดิมกับเมื่อวาน เสร็จแล้วก็รีบลงมาด้านล่าง เจ้านายกับพี่อิฐนั่งคุยกันด้วยท่าทางสบายๆ ผมเลยเดินเข้าไปเงียบๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนทั้งสองคน
"เสร็จแล้วใช่มั้ย" เขาหันมามองผมแล้วถามขึ้น
"ครับ"
"ฉันไปก่อน" เจ้านายหันไปพูดกับพี่อิฐ
"ครับ สวัสดีครับนาย"
ผมโบกมือให้พี่อิฐแล้วเดินตามอีกคนออกไป ที่ไม่ได้คุยอะไรกันเพราะตอนเย็นก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว ผมเข้ามานั่งที่เดิม ส่วนอีกคนก็คุยโทรศัพท์อยู่ พอวางสายแล้วก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไป ในรถเปิดเพลงสากลฟังสบาย ๆ
"ฉันมีนัดคุยกับลูกค้า"
"..ครับ"
บทสนทนาระหว่างเราจบลงแค่นั้น ในรถมีแต่เสียงเพลงที่ดังเบาๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอัดอัดเหมือนตอนแรกๆ ผมคงจะชินสถานะการแบบนี้แล้วมั้ง เพราะเขาเป็นคนไม่พูดพร่ำเพรื่อ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง
สถานที่ที่เราอยู่ตอนนี้ก็คือห้างสรรพสินค้า เจ้านายพาผมขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้นบน เขาบอกว่าให้ผมตรงโซนที่นั่ง ไม่ไกลจากร้านที่อีกคนจะไปคุยงานนัก เจ้านายเดินเข้าไปในร้านแล้ว เขาเลือกนั่งตรงโต๊ะใกล้กระจก ทั้งผมและเขาเลยสามารถมองเห็นกันได้
ผ่านไปสิบนาทีก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับเจ้านาย ผมนั่งมองอยู่สักพักแล้วก็หันไปมองอย่างอื่น เห็นร้านไอศกรีมเลยรู้สึกอยากกินขึ้นมา ผมเดินตรงไปที่ร้านนั้นทันที เลือกรสที่ตัวเองชอบ ได้แล้วก็จ่ายเงินแล้วเดินกลับที่เดิม
ระหว่างทางผมก็ทั้งกินทั้งเดินไปพร้อมกัน เลยไม่ทันได้มองรอบข้าง
"โอ้ย อ่ะ.."
ผมเดินชนกับใครสักคน ทำให้ช้อนไอศกรีมทิ้มกระพุ้งแก้ม พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอกับใบหน้าดูดีของเขา ผมเดินถ้อยหลังออกมาเล็กน้อย จึงเห็นว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว คนข้างๆ เขาน่าจะเป็นลูกน้องของเขา ท่าทางของคนนั้นก็เหมือนจะมากระทืบผมเลย
"ชนแล้วขอโทษสิวะ"
คนข้างหลังของคนที่ผมเดินชนเอ่ยออกมาเสียงเข้ม
"ขอโทษครับๆ "
ผมรีบยกโค้งตัวเอ่ยคำขอโทษเขา แล้วจึงก้าวเท้าออกมาจากตรงนั้น แต่ดันมีมือมาจับแขนผมเอาไว้ซะก่อน
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"มะ ไม่เจ็บครับ"
"ฉันได้ยินเสียงนายร้องนะ"
"ผมตะ-"
เสียงผมขาดหายไปพร้อมกับแขนที่ถูกดึงออกจากมือคนตรงหน้า
"นายทำอะไรคนของฉัน"
"อ้าว สวัสดีเพื่อนรัก"
"ฉันไม่เคยนับคนอย่างนายเป็นเพื่อน"
เจ้านายมองคนที่ผมเดินชนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ส่วนคนที่ถูกมองก็ยังยิ้มเหมือนมันเป็นเรื่องสนุก แล้วเขาก็เลื่อนสายตามาที่ผมแทน
"คนของนายงั้นเหรอ"
"น่าสนใจเหมือนกัน"
เขาแสยะยิ้มให้เจ้านายแล้วก็เดินออกไป ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับเขาคนนั้นคงไม่ดีนัก
"มันทำอะไรนายหรือเปล่า"
"เปล่าครับ ผมเป็นคนเดินชนเขาเอง"
"ถ้ามันมายุ่งกับนายให้รีบมาบอกฉัน"
"ครับ"
"เจ้านายคุยกับลูกค้าเสร็จแล้วเหรอครับ"
"ยัง เขามีธุระด่วนเลยเลื่อนไปวันอื่น"
"อ๋อครับ"
จากนั้นผมก็เดินตามเจ้านายมาเรื่อยๆ สถานที่ที่เราอยู่ตอนนี้คือร้านขายโทรศัพท์ พอเข้ามาข้างในพนักงานสาวเดินออกมาต้อนรับทันที
"คุณลูกค้าสนใจสินค้าตัวไหนคะ"
"นายเลือกเลย"
ผมเดินตามพนักงานเข้ามายังตู้วางโทรศัพท์ มองดูราคาแต่ละเครื่องแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ไม่ต่ำกว่าหมื่นเลยสักเครื่อง ถ้าหักออกจากเงินเดือนผมมันจะเหลือเท่าไหร่วะ
ผมเลยหันหลังไปกระซิบกับเจ้านาย
"ไปร้านอื่นได้มั้ยครับ"
"ทำไม"
"ผมว่ามันแพงเกินไป"
"ฉันซื้อให้"
"แต่.."
"เอาเครื่องนี้"
เขาหันไปพูดกับพนักงาน โดยไม่สนใจเสียงผมสักนิด ซื้อให้นี่แปลว่าไม่หักจากเงินเดือนใช่มั้ย
หลังออกมาจากร้านโทรศัพท์ เราทั้งสองก็เดินมาขึ้นรถ ผมเอาถุงโทรศัพท์วางไว้บนตักตัวเอง
"เอามือถือมา"
ผมหยิบโทรศัพท์ให้เขา เขารับไปแล้วกดอยู่สักพักจึงคืนให้ผม
"ฉันเมมเบอร์กับแอดไลน์ไว้แล้ว"
"ครับ"
"โทรไปต้องรับทุกครั้ง"
"ไลน์ไปต้องอ่านตลอด"
"เข้าใจแล้วครับ"
"ดี แต่ถ้านายไม่ทำตามนี้.."
"..."
"ฉันจะลงโทษนายเอง"
ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ รถก็เคลื่อนออกจากที่จอดของห้าง เขามาส่งผมที่บ้านพี่อิฐ บอกว่างานวันนี้มีแค่นี้แต่ถ้ามีอะไรจะโทรหา ก็งงๆอยู่เหมือนกันว่าใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่ รถเขาก็ขับให้นั่ง ผมมีหน้าที่แค่เดินตามเขาอย่างเดียว
วันนี้พี่อิฐไม่ได้ออกไปไหน เพราะรถยังอยู่ที่เดิม ผมเดินเข้าไปในบ้านแล้วนั่งลงที่โซฟาข้าง ๆคนเป็นพี่ กระดาษวางอยู่เต็มโต๊ะไปหมด ส่วนอีกคนก็ยังจดจ่ออยู่กับกระดาษที่มีตัวอักษรเต็มทั้งหน้า โดยที่ไม่สนใจผมสักนิดเดียว
"พี่ทำอะไรอะ"
"ทำงาน"
"งานอะไร"
"ไม่ใช่เรื่องของเด็ก"
"ใครเด็ก ผมโตแล้ว"
"โตเท่าลูกหมา" อีกคนมองหน้าแล้วเอามือมาขยี้หัวผมอย่างแรง
"เจ็บ!"
"ใครสั่งอะ ถ้าเป็นงานของเจ้านายผมจะได้ช่วยพี่ทำไง"
"นายใหญ่"
"ใครเหรอพี่"
"พ่อของนายไง"
"แล้วนายใหญ่อยู่ที่ไหนอะ"
"อยู่ฮ่องกง กำลังจะกลับมาอาทิตย์หน้า"
"แล้วนายใหญ่โหดป่ะ"
"ก็โหด"
ผมพยักหน้าเข้าใจและไม่ได้ถามอะไรต่อ มือหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งได้มาไม่ถึงชั่วโมงขึ้นมาดู ไม่เคยคิดว่าจะได้จับโทรศัพท์เครื่องละหลายหมื่นขนาดนี้ นึกขึ้นได้ว่าต้องเมมเบอร์ไอ้ไนท์ไว้ ตอนเย็นค่อยโทรหามันแล้วกัน ตอนนี้มันคงกำลังเรียนอยู่
พอได้มานั่งเฉยๆแบบนี้ก็คิดถึงยายขึ้นมา ผมกะว่าถ้าเงินเดือนเดือนแรกออกจะเอาไปให้ยาย แล้วก็ซื้อโทรศัพท์ให้ยายสักเครื่อง ตอนที่คิดถึงจะได้โทรหากันได้
(ยังไม่ได้ตรวจคำผิดค่ะ)
ปล. ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วก็อยากจะให้ติดตามไปเรื่อยๆจนจบ รู้สึกว่าตัวเองยังบรรยายได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สามารถคอมเมนท์ติชมเราได้นะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Teemo
อัพพพพพพพพพพ
2022-04-01
0
Aom ♡
อัพ~~~
2022-03-19
0
qwe_Smiling
สนุกง่ะชอบ รีบอัพนะคะ สู้ๆค่ะ
2021-11-27
0