บทที่ 3

บทที่ 3

ผมไม่กล้าปฏิเสธอะไรอยู่แล้วรถก็รถเขาแถมเขายังเป็นคนขับและก็พ่วงตำแหน่งเจ้านายผมอีก คอนโดของเจ้านายอยู่ห่างจากบริษัทไปเพียงหนึ่งกิโลเมตร มันเป็นคอนโดขนาดใหญ่สูงหลายสิบชั้นและหรูหราสุดๆ

เราใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าจะมาถึงที่นี่ เนื่องจากฝนตกหนักมากเลยต้องขับช้าเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ คนข้างๆขับรถไปจอดในโรงรถของคอนโดดับเครื่องแล้วก็ลงจากรถ เขาเดินนำไปก่อนส่วนผมก็หอบเอาแฟ้มเอกสารเดินตามคนข้างหน้าไป

ตอนนี้เรามาอยู่ในลิฟท์กันแล้ว เขากดหมายเลขชั้นของตัวเองส่วนผมก็ยืนมองการกระทำของอีกคนอยู่เงียบๆ ผมชอบมองเขานะแต่ไม่กล้าสบตาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ประตูลิฟท์เปิดออกเจ้านายเดินนำหน้าผมก็ตามหลังเหมือนทุกที ถึงหน้าประตูเขาก็หยิบบัตรสีทองขึ้นมาแตะที่เครื่อง พอมันมีเสียงติ๊ดขึ้นมาก็สามารถปลดล็อกได้ สมัยนี้เขาใช้บัตรแทนกุญแจแล้วเหรอวะ แต่ผมว่าดีนะไม่มีใครงัดแงะห้องเราได้ด้วย

สิ่งแรกที่ผมจะทำเมื่อเจอที่ใหม่ๆก็คือการสำรวจ ห้องนี้มันเหมือนบ้านหลังหนึ่งเลย มีครบทุกอย่างตกแต่งด้วยโทนสีขาว สิ่งของเครื่องใช้ยังดูใหม่อยู่เลย ผมเดาว่าเขาคงไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนัก

ตอนนี้เขาหายไปไหน.. ผมไม่เห็นเขาสักพักหนึ่งแล้วนะ มองหารอบแล้วก็ยังไม่เจอแต่ประตูห้องนอนเปิดอยู่ เขาคงอยู่ในห้องแหละ หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเจ้านายก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูและเสื้อผ้า

"ไปอาบน้ำ"

"..มะ ไม่เป็นไรครับ"

"มาทำงานได้แค่วันเดียวกล้าขัดคำสั่งฉันแล้ว?"

"ไม่ใช่นะครับ.."

"งั้นก็ไปอาบ"

"..."

"ที่ห้องนั้น"

ผมเดินเข้ามาในห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว ห้องนี้มีเพียงเตียงเปล่าๆกับตู้เสื้อผ้าส่วนในห้องน้ำมีอุปกรณ์สำหรับชำระร่างกายอยู่พร้อม ผมใช้เวลาในการอาบน้ำสระผมและแต่งตัวอยู่นานพอสมควร เสื้อผ้าที่เจ้านายให้มามันใหญ่กว่าตัวผม ผมต้องม้วนเอวของกางเกงไว้หลายๆรอบถึงจะใส่ได้ ส่วนเสื้อก็ยาวจนเกือบคลุมกางเกงไว้ทั้งหมด

ผมยืนมองสภาพตัวเองอยู่หน้ากระจก ตอนนี้ผมเหมือนเด็กที่ไปเอาเสื้อผู้ใหญ่มาใส่เลย ทำใจอยู่สักพักแล้วจึงเดินออกจากห้อง ผมได้ยินเสียงเหมือนแก้วตกเลยเดินไปดูก็เห็นเจ้านายกำลังเก็บเศษแล้วบนพื้นอยู่

"เดี๋ยวผมเก็บให้ครับ"

"..ไม่เป็นไร"

"ผมเก็บเองครับ!"

"..."

"ขะ ขอโทษครับเจ้านาย"

ชิบหายแล้ว.. ผมเผลอขึ้นเสียงกับเจ้านาย เขาจะไล่ผมออกมั้ยวะ ผมแค่กลัวว่าเขาจะถูกเศษแก้วบาดมือเลยจะเก็บเอง แต่อีกคนก็ยังไม่หยุดเก็บสักที ผมก็เลยลืมตัวแล้วเผลอขึ้นเสียงกับเขา

"ฉันไม่ได้โกธรนาย"

"ขอบคุณครับ"

"ฉันจะคิดซะว่านายเป็นห่วง.."

"..." ผมก็เป็นห่วงในฐานะเจ้านายลูกน้องไง

ผมเอาไม้กวาดมากวาดเศษแก้วที่กระจายอยู่บนพื้น เสร็จแล้วก็นำไปทิ้งที่ถังขยะ

"ฉันหิวแล้ว"

"ผมขอไปดูก่อนนะครับว่ามีอะไรพอจะทำเป็นอาหารได้บ้าง"

"อืม.."

ในตู้เย็นมีแค่น้ำผลไม้กับน้ำเปล่า ส่วนตู้เก็บของอื่นๆก็มีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่หนึ่งแพ็ค เขาเคยกินของแบบนี้มั้ยวะ ระดับประธานบริษัทจะกินมาม่าเป็นหรือเปล่า

"ในตู้มีแค่นี้ครับ"

"ขนม?"

"ไม่ใช่ครับ มันเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป"

"อ๋อ"

"เจ้านายเคยกินมั้ยครับ"

"ไม่ แต่เคยได้ยินผ่านๆหู"

"อยากลองกินดูมั้ยครับ"

"เอาสิ"

หลังจากนั้นผมก็ลงมือต้มน้ำทันที แกะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ถ้วยตามด้วยฉีกซองเครื่องปรุงลงไป พอน้ำเริ่มเดือดผมก็ปิดเตาเทน้ำในหม้อใส่ถ้วยแล้วหาฝาหม้อมาปิดปากถ้วยไว้

"ฉันรู้สึกเหมือนกำลังรอภรรยาทำอาหารให้กินเลย"

"..."

ผมรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก นึกว่าเขาออกไปแล้วเสียอีก แสดงว่าเขามองผมทุกอิริยาบถเลยเหรอเนี่ย! แถมอีกคนยังพูดเหมือนกำลังจีบผมทางอ้อม..

ผมไม่กล้าหันไปมองเขาเลย ไม่รู้ว่าอีกคนทำหน้ายังไงอยู่ ผมพยายามทำสมาธิหลับตาหายใจเข้าออกช้าๆ พอจิตใจกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วจึงลืมตาขึ้น

"เฮ้ย!" เขามายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

"นายเขินฉัน?"

"ปะ เปล่าครับ ไม่ได้เขิน"

"โกหกผู้ใหญ่บาปนะ"

"..."

"หึ.."

เขายิ้มมุมปากเหมือนสนุกที่แกล้งผมได้ ผมเลยหันไปสนใจถ้วยมาม่าแทน ตอนนี้เส้นน่าจะนุ่มแล้วผมเปิดฝาดูไอความร้อนพุ่งขึ้นมาทันที กลิ่นหอมลอยเข้าจมูกชวนให้หิว

"เจ้านายจะกินที่ไหนครับ"

"กินในนี้"

ผมยกถ้วยมาม่าทั้งสองถ้วยมาวางที่โต๊ะกินข้าว เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา อีกคนมองถ้วยมาม่าแล้วทำหน้าแปลกๆ นี่และของถูกและอร่อยขวัญใจมนุษย์เงินเดือนเลยแหละ ผมลงมือกินโดยไม่รออีกคนหิวจะตายแล้ว ตั้งแต่เช้าเลยไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย

"กินสิครับ อร่อยนะ"

"อร่อย?"

"มาก"

เขาใช้ตะเกียบคีบเส้นขึ้นมาก้มลงไปดมแล้วเอาเข้าปากไป ผมมองปฏิกริยาเขาอย่างตั้งใจ คนฝั่งตรงข้ามเคี้ยวช้าๆตามด้วยกลืนลงไป เสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองผมมุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าอะไร..

"ก็ใช้ได้"

พูดแค่นั้นแล้วก้มหน้าลงไปกินต่อ ท่าทางอีกคนเหมือนหิวจริงๆนั่นแหละ ผมและเขาใช้เวลากินอยู่สักพักพอกินเสร็จผมก็ล้างพาชนะที่เพิ่งใช้ไป มองไปทางระเบียงก็เห็นฝนที่ยังตกหนักอยู่ มันจะไม่หยุดให้ผมได้กลับเลยหรือไง

นาฬิกาที่ติดอยู่ผนังบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว แต่ท้องฟ้าได้ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำเลยทำให้ข้างนอกมืดไปหมด ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆผมไม่ได้กลับแน่ เลยจะว่าจะโทรไปบอกพี่อิฐว่าวันนี้ไม่ได้กลับ แต่โทรศัพท์ผม.. อยู่ในกางเกงตัวที่ใส่ตากฝน! ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องที่ตัวเองใช้อาบน้ำ หยิบกางเกงที่พาดอยู่ราวตากผ้ามาแล้วล้วงหาโทรศัพท์ทันที

ผมพยายามกดเปิดเครื่องอยู่หลายครั้ง แต่มันก็ไม่ติดสักที ผมอยากจะร้องไห้อุตส่าห์เก็บเงินซื้อตั้งนาน แล้วนี่ก็เพิ่งงานได้กว่าเงินเดือนจะออกก็อีกหลายวัน วันนี้ผมก้าวเท้าไหนออกจากบ้านวะทำไมถึงซวยแบบนี้

หรือว่าผมจะลองเอาโทรศัพท์ไปแช่ข้าวสารดู เผื่อว่ามันจะกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเดินออกไปถามเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนโซฟาดูว่าที่นี่ข้าวสารหรือเปล่า

"เจ้านาย.. ในห้องนี้มีข้าวสารมั้ยครับ"

"ไม่น่าจะมี"

"นายจะเอาข้าวสารไปทำอะไร"

ผมไม่ได้ตอบแต่โชว์โทรศัพท์ให้คนตรงหน้าดู เขามองโทรศัพท์ในมือผมแล้วทำหน้างง ทำนองว่ามันจะไปเกี่ยวกันได้ยังไง

"โทรศัพท์ผมเปียกน้ำน่ะครับเลยจะเอาไปแช่ข้าวสาร"

"หืม.."

"ใคร ๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น"

"ยกเว้นฉัน"

เขาจะเคยทำได้ไงพังแล้วก็คงซื้อใหม่เลย แต่ผมมันไม่ได้รวยไงจะซื้ออะไรแพงๆทั้งทีก็คิดแล้วคิดอีก โทรศัพท์เครื่องนี้ก็ถือเป็นสิ่งของที่แพงที่สุดในชีวิตผม ถึงราคามันแค่สามพันห้าก็เถอะ

"เป็นอะไร"

"เปล่าครับ"

"คิ้วนายจะติดกันอยู่แล้ว"

"โทรศัพท์ผมพังครับ เลยหงุดหงิด"

"ซื้อใหม่"

"ผมยังไม่มีเงินหรอกครับ"

"ยืมฉันก่อน"

"จริงเหรอครับ"

"อืม"

"พอเงินเดือนผมออกเจ้านายก็หักไปเลยนะครับ"

"นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่

"ผมแล้วแต่เจ้านายครับ"

"อืม"

อีกคนก้มหน้าลงไปพิมพ์งานในแม็คบุ๊คต่อ ส่วนผมก็นั่งอยู่โซฟาตัวยาวตรงข้ามกับเขา นั่งไปเรื่อยๆก็เริ่มง่วงขึ้นมาคงเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับแน่เลย แต่ผมก็พยายามต่อสู้กับความง่วงจนเอาชนะมันได้

Rrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของเจ้านายดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วกดรับสายทันที

"มีอะไร"

"เขาอยู่กับฉัน"

"รอฝนหยุด"

"อืม"

เขาวางสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ แล้วก็กลับไปสนใจงานต่อ สีหน้าของเขาดูเรียบนิ่งอยู่แทบจะตลอดเวลา ผมยังไม่เคยเห็นเขายิ้มแบบจริงๆสักทีจะมีก็แต่ยิ้มมุมปาก แต่เขาจะทำหน้ายังไงก็ยังดูดีจนน่าอิจฉา

ผมก็เลยสงสัยว่าเขามีคนรักแล้วหรือยัง เพราะไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงหรืออาจจะมีแล้วแต่เก็บเงียบ รอเปิดตัวตอนวันแต่งงาน พอคิดแล้วผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ ผมเป็นอะไรวะเนี่ย!

"เมื่อกี้อิฐโทรมา" จู่ ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วพูดขึ้นมา

"..แล้วพี่อิฐว่ายังไงบ้างครับ"

"ถามว่านายอยู่กับฉันมั้ย"

"..." ผมพยักหน้า

"แล้วก็ถามว่าจะกลับตอนไหน"

"อ๋อ"

"แต่ถ้าฝนยังไม่หยุดก็คงไม่ได้กลับ"

"ครับ.."

ตอนนี้ความง่วงเริ่มโจมตีผมหนักขึ้นเรื่อยๆ จากที่นั่งตัวตรงก็เอนหลังไปที่พนักพิงแทน สุดท้ายผมก็แพ้ให้กับความง่วงแล้วหลับไปในที่สุด

...

รู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีผมก็อยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ หรือเจ้านายลากผมมา เขาจะดีเกินไปแล้วนะผมเป็นลูกน้องเขาหรือเป็นอะไรกันแน่วะ ผมเปิดประตูแล้วเดินหาเขาจนทั่วห้องแต่ไม่เจอ เลยออกไปดูที่ระเบียงก็เห็นอีกคนยืนสูบบุหรี่อยู่ เขาสูบด้วยเหรอวะ

"ตื่นแล้วเหรอ"

"ครับ"

"เจ้านายได้ลากผมไปนอนบนเตียงมั้ยครับ"

"เปล่า"

"อ้าว.."

"ฉันอุ้มนาย"

"..!" ยิ่งกว่าที่ผมคิดไว้อีก

ผมไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาดูแลลูกน้องดีขนาดนี้ทุกคนมั้ย ได้แค่คิดแต่ไม่กล้าถาม ข้างนอกตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว เราก็น่าจะกลับกันได้ ผมยืนมองอีกคนพ่นควันสีขาวออกมาเป็นระยะ ทำไมเขาดูมีเสน่ห์ขนาดนี้กันนะ

"เรากลับกันเลยมั้ยครับ"

"..."

"เจ้านายครับ"

"ดึกแล้ว"

"พรุ่งนี้ค่อยกลับ"

"แต่.."

"นายจะขัดคำสั่งฉัน?"

"กลับพรุ่งนี้ก็ได้ครับ"

"อืม"

แล้วเขาก็เงียบไปสักพัก ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกได้แต่ยืนมองวิวของกรุงเทพฯในยามค่ำคืน มันสวยเพราะมีแสงไฟจากตึกต่าง ๆ และไฟจากท้องถนนส่องสะท้อนสว่างไสว พร้อมอากาศหลังฝนตกที่เย็นสบาย

"เข้าไปข้างในกันเถอะ"

"ครับ"

เราทั้งสองเข้ามาข้างในกันแล้ว หลังจากนี้ต่อไปผมจะทำอะไรดีเนี่ยนอนจนไม่ง่วงแล้ว หรือต้องเฝ้าเจ้านายนอนถ้าจะเปิดทีวีดูก็เกรงใจอีกคน

"ไปนอน"

"เจ้านายนอนเลยครับ ผมไม่ง่วงแล้ว"

"ไม่ง่วงก็นอน" ทำไมเขาเอาแต่ใจแบบนี้เนี่ย

ผมก็ไม่อาจจะขัดคำสั่งของเจ้านายได้ เลยต้องทำตามที่อีกคนบอก เขานั่งบนเตียงแล้วค่อยๆล้มตัวลงนอน จากนั้นก็หันหน้ามาทางที่ผมยืนอยู่

"มานอน"

"ผมนอนข้างล่างดีกว่าครับ"

"ถ้ายังไม่มานอน ฉันจะหักเงินเดือนนาย"

"นอนแล้วครับ ๆ"

ผมนอนห่างจากเขาพอสมควร เพราะเตียงนี้มันค่อนข้างใหญ่

"ขยับมา"

"..."

"นายรังเกียจฉันเหรอ"

"มะ ไม่ใช่นะครับ"

"งั้นก็ขยับมา หรือจะให้ฉันขยับไป"

ผมรีบขยับเข้าไปหาอีกคนจนตอนนี้เราห่างกันแค่นิดเดียว แต่ผมหันหลังให้เขา คนข้างๆเอาผ้าห่มมาห่มให้ ผมได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้นและไม่รู้เลยว่าตัวเองหลับไปตอนไหน

(ยังไม่ได้ตรวจคำผิดค่ะ)

ปล.ยังบรรยายกากเหมือนเดิม555555 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แค่มีคนอ่านให้เราก็ดีใจแล้ว คอมเมนท์ติชมกันได้ตลอดเลยค่ะเราจะได้นำไปปรับปรุง

•babysasisy•

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 4

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!