CHAPTER 03: ผลลัพธ์ (1) [มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมกับผู้มีอารมณ์อ่อนไหว]

A PIECE OF PIANGRAK:

“จอดตรงนี้เลยค่ะ นี่บ้านฉันเอง”

“โอเคเลย เดี๋ยวเราอย่าพึ่งลงจากรถนะ”

ทันทีที่พูดจบ พี่ปัณณ์ก็รีบลงจากรถ แล้ววิ่งมาเปิดประตูรถฝั่งตรงข้ามคนขับ พร้อมกับเยื่อนมือมาตรงหน้าฉัน

“จับมือพี่ไว้สิ แล้วก็เอาของที่อยู่บนตักเราส่งมาด้วย”

“ขอบคุณค่ะ”

แล้วฉันก็ยื่นของทั้งหมดให้เขา ก่อนจะเอื้อมไปจับมือข้างนั้นของพี่ปัณณ์เอาไว้แน่น ๆ ด้วยแรงดึงจากคนตัวโตกว่า จึงทำให้ฉันสามารถลุกขึ้นจากเบาะรถได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้ฉันมั่นใจมากว่าเขาต้องสังเกตเห็นความเคอะเขินของฉันแน่นอน

ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนมันก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนะ ทำไมวันนี้มันถึงรู้สึกร้อนแปลก ๆ แถมใจก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย

“เดี๋ยวพี่ช่วยขนของเข้าบ้านนะ”

“วางตรงนี้เลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันขนเอง แค่นี้ก็รบกวนพี่มากพอแล้ว”

ที่สำคัญคือฉันจะให้เขาเจอภาคินไม่ได้เด็ดขาด เพราะเจ้าเด็กนั่นต้องสร้างเรื่องแน่

“พี่เต็มใจ ไม่รบกวนเลย ให้เอาไปไว้ที่ครัวเลยไหม”

“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะพี่ปัณณ์”

ทำไมพี่เขาถึงเป็นคนดีได้ขนาดนี้นะ สนใจแบ่งความเป็นคนดีมาให้เจ้าเด็กมีปัญญาที่ชื่อว่าภาคินหน่อยไหมคะ

“อือ งั้นพี่ตามใจเราละกัน”

แล้วฉันก็ขัดใจพี่ปัณณ์จนทำให้เขาหน้าหงอยเหมือนลูกแกะถูกทิ้งจนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกผิดนะ แต่ปัญหาบางอย่างมันก็ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้พี่เข้าบ้านนะ แต่จะให้ใครเห็นสภาพบ้านตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ ไว้พี่มาครั้งหน้าฉันจะเตรียมชาพีชอุ่น ๆ ให้นะ”

พอเขาได้ยินแบบนั้น ก็ยิ้มออกมาทันที

“ได้ แล้วจะรอนะ ดีใจจังที่เรายังจำได้”

“อยู่กับฉันทั้งที มันก็ต้องมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นสิ”

เวลาที่ฉันกับพี่ปัณณ์ไปอ่านหนังสือด้วยกัน เขามักจะสั่งแต่ลาเต้แก้วใหญ่เสมอ แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น เขาก็จะสั่งชาพีชแทน เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีเอกลักษณ์ในการเลือกเครื่องดื่มโดยแท้

“รู้ไหมว่าความน่ารักของคนเรามันก่ออาชญากรรมได้”

“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็คงจะมีคดีติดตัวจนนับไม่ถ้วนแล้วล่ะ”

ในขณะที่ฉันกับพี่ปัณณ์กำลังช่วยกันขนของลงจากรถ พวกเราก็คุยกันมาก  โดยเฉพาะเรื่องสมัยม.ปลาย หรือไม่ก็เรื่องที่มหาลัย

แต่แล้วฉันก็ถูกแรงปริศนาของใครบางคนกระชากไปทางด้านหลัง จนร่างกายของฉันแนบชิดติดกับตัวเขา

จากนั้นฉันก็สะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนที่จะพยายามหันกลับไปมองเจ้าของแรงปริศนา แต่ก็ถูกเขาบังคับให้หันกลับไปทางเดิม

แขนหนาอันแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดแสนสวย ค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมาโอบกอดช่วงไหล่ของฉัน

เขาโน้มหน้าลงมาใกล้เสียจนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รดต้นคอฉันอยู่อย่างเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ

และเสียงกระซิบแหบพร่าที่ดังขึ้นตรงข้างหู ก็เป็นดั่งมนตร์สะกด ที่ทำให้ตัวฉันแข็งทื่อราวกับท่อนไม้

“ทำอะไรอยู่เหรอครับพี่เพียง”

“คุณภาค ปล่อยฉันนะ!”

เสียงโวยวายของฉันเรียกให้พี่ปัณณ์หันกลับมามองด้วยสีหน้าประหลาดทันที

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกผมแค่ชื่อ พอเติมคำว่าคุณแล้วมันฟังดูห่างเหินม้ากมาก สงสัยว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันนานเกินไป จนพี่ลืมอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผมเคยขอเอาไว้แล้ว”

ภาคินแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ พลางปั้นหน้าเศร้า และเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเขาดี ๆ ก็จะพบว่ามีหยาดน้ำใส ๆ ไหลออกมาด้วย

นี่สกิลการแสดงเขาพัฒนาขนาดนี้เลยเหรอ คนบ้าอะไรสั่งน้ำตาตัวเองได้วะ ฉันคงจะประมาทกับเด็กนี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“เอ่อ  นี่น้องที่เราพูดถึงเหรอเพียง ดูสนิทกันดีนะ”

“ความจริงก็...”

“ใช่ พวกเราเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากที่สุดในโลก ผมก็ไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณที่อุตส่าห์มาส่งพี่เพียงของผมนะครับ”

ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาดูจะเน้นคำว่าของผมจังเลย

ว่าแต่รีบปล่อยสักทีเถอะ อึดอัดจะตายชัก

“พี่ชื่อปัณณ์ เป็นทั้งรุ่นพี่มัธยม แล้วก็รุ่นพี่มหาลัยของเพียงรัก”

“อ๋อ~ รุ่นพี่”

“ตั้งแต่รู้จักกันมา พี่ก็ดูแลเพียงเป็นอย่างดี ถ้าเห็นว่าเพียงมีปัญหา พี่ก็พร้อมช่วยอย่างเต็มใจ กับอีแค่เรื่องที่ถูกใครบางคนทิ้งไว้กลางห้าง หรือโดนแกล้งให้แบกของจำนวนมากขนาดนี้กลับบ้านคนเดียว มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามีคนเข้าไปช่วย และถ้าไอ้เวรนั่นมันคิดจะให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งขึ้นแท็กซี่ แล้วแบกของเยอะขนาดนี้กลับมาเอง มันก็คือคนเฮงซวยขนานแท้ เอาล่ะ พี่ไม่รบกวนเวลาของพวกเธอแล้วดีกว่า เจอกันที่มหาลัยนะเพียง แล้วก็ห้ามลืมอะไรนะ?”

“เค้กแครอท”

“เก่งมากเด็กดี พี่ไปละ” คนตัวสูงหันมาส่งยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปทันที

คือที่เขาพูดออกมาแบบนั้น แสดงว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเลยเหรอ

ไม่หรอก ฉันว่าคนที่ฉลาดซะจนน่ากลัวอย่างพี่ปัณณ์ คงจับต้นชนปลายเรื่องราวได้ด้วยตัวของเขาเอง มันอาจจะแปลกตั้งแต่ที่ฉันพูดว่า น้องขอออกไปทำธุระแล้วจะกลับมารับฉันไม่ทัน หรือไม่ก็คงแปลกตั้งแต่ที่เห็นของในตะกร้ารถเข็นแล้วล่ะมั้ง เพราะพี่ปัณณ์รู้ว่าฉันไม่กินน้ำอัดลมกับขนมกรุบกรอบ

แถมตอนที่เขาหันมาถามเรื่องเค้กแครอท ก็ดูเหมือนจะส่งสายตายียวนไปท้าทายคนที่อยู่ข้างหลังฉันเสียด้วย

ตั้งแต่รู้จักกันมา ฉันไม่เคยเห็นพี่ปัณณ์โหมดนี้เลย นึกว่าจะเป็นแบบผู้ชายนุ่มนิ่ม อบอุ่น รักสงบ และดีต่อใจสตรี ไม่คิดว่าเขาจะมีมุมโหดหน้านิ่งที่โคตรกร้าว แถมทรงปากเวลาด่าคนก็ฟาดยับจนน่าประทับใจ

“อ้าว ไอ้เวรนี่แม่งหลอกด่ากู” ภาคินสบถเสียงเบา

“...”

“เธอก็เก่งดีนี่ แบกของกลับมาได้หมดเลย เหอะ” เขาแค่นหัวเราะในลำคอ

“...”

“ทำไม ถ้าไม่ใช่มัน เธอก็จะไม่ยอมพูดด้วยเลยใช่ไหม”

“นี่คุณจะปล่อยฉันได้ยัง อึดอัดจะตายอยู่แล้ว”

ฉันเริ่มออกแรงดิ้นเพื่อหวังจะหลุดออกจากพันธนาการของอ้อมแขนนี้ แต่แล้วก็มีสัมผัสนุ่มนิ่มอันแสนแปลกประหลาดมาคลอเคลียที่ข้างคอ

“อ๊ะ” ลิ้นร้อนดุจเหล็กเผาที่ฝังลงไปบนผิวคอ พร้อมกับแรงดูดคลึงที่ถาโถมมาอย่างหนักหน่วง ทำให้ร่างกายของฉันอ่อนยวบยาบ ความเนิ่นนานทำให้เรี่ยวแรงค่อย ๆ หายไปช้า ๆ ในขณะที่เจ้าของอ้อมกอดแข็งแกร่งที่กักขังฉันไว้อย่างแน่นหนา กำลังสนุกสนานกับการหยอกล้อร่างกายและความรู้สึกของฉัน เมื่อสัมผัสร้อนฉ่าบรรจงลากขึ้นมาที่หลังใบหู แล้วต่อด้วยจังหวะขบเม้มด้วยฟันคม สองสิ่งนี้ทำให้ร่างกายของฉันกระตุกรับอย่างห้ามไม่ได้

และทุกอย่างก็หยุดลง ราวกับพายุคลั่งที่สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว

“อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเธอไปสภาพนี้ มันยังจะกล้ารับของจากเธออยู่ไหม”

“ทำแบบนี้ทำไม”

“เพราะฉันเกลียดเธอ”

“...”

แม้ว่าเพียงรักจะไม่ได้หันไปมองสีหน้าที่แท้จริงของภาคิน ยามที่เขากำลังพูดจาประชดประชันด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง

แต่ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมเธอถึงไม่เคยรู้สึกชิน เวลาที่ได้ยินคำ ๆ นี้จากปากเขา

ทั้งที่เขาก็พูดกับเธอออกจะบ่อยครั้ง แล้วมันก็เป็นคำพูดแรก ๆ ที่ใช้ตอกย้ำเธอในเวลาที่เขาไม่พอใจ

หรือที่จริงแล้วอาจจะไม่มีใครชิน เมื่อได้ยินมันเลยก็ได้

“ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอไปมีความสุขกับใครหน้าไหนทั้งนั้น”

คำพูดที่แสนดุดันของภาคิน ทำให้คนที่พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของเขานิ่งไป

“งั้นก็ขังฉันไว้ดี ๆ แล้วก็กอดฉันไว้แน่น ๆ”

“...”

“ยามใดที่อิสระเข้าข้างกัน ปีกคู่นี้จะพาฉันบินไปจนไกลลับ”

“...”

“คุณเอาเวลาไปเกลียดฉันให้มากเถอะ”

“...”

“เผื่อมันจะทำให้คุณไม่รู้สึกอะไรในวันที่ได้ยินคำว่าเกลียดจากฉัน”

“...”

“ฉันเกลียดคุณ”

นั่นคงเป็นคำพูดที่ทำให้เกิดเสียงของเงียบดังที่สุดแล้ว

หากลองเงี่ยหูฟังดี ๆ ก็อาจจะได้ยินเส้นด้ายแห่งความอดทนที่ขาดสะบั้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถึงภาคินจะแกล้งเธอ หรือพูดจารุนแรงกับเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่ปฏิกิริยาเดียวที่เธอมักจะโต้ตอบ ก็คือการถอนหายใจแล้วก็เดินหนีไป ถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องที่เกินจะให้อภัย การมีปากเสียงกับเขาก็เป็นการโต้ตอบที่เธอเลือกหยิบมาใช้

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เธอไม่เคยทำ ก็คือการพูดคำว่าเกลียด มันคงเป็นจิตใต้สำนึกของเธอที่ไม่อยากให้ใครเจ็บปวดเพราะคำนี้ ๆ อย่างที่เธอเป็น

แต่ภาคินกลับมองว่ามันเป็นเหมือนเกม ๆ หนึ่ง ซึ่งถ้าทำให้เพียงรักพูดคำว่าเกลียดออกมาได้ เขาจะชนะ

พอมาถึงวันที่เธอพูดคำว่าเกลียดออกมาจากใจที่เกลียดชังจริง ๆ

จู่ ๆ คำถามมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาในหัว ว่าทำไมชัยชนะครั้งนี้ถึงไม่สร้างความสุขให้กับเขาเลย

มันเอาแต่สร้างความเจ็บปวดและความเสียใจ จนรู้สึกชาไปหมด

อารมณ์ด้านลบที่ถาโถมใส่อย่างไม่หยุดยั้ง ก็กลายเป็นแรงผลักตัวเขาให้เข้าสู่โหมดของคนเสียสติเต็มตัว

ภาคินสลัดร่างเล็กออกจากอ้อมแขนของเขา ก่อนจะคว้าข้อมือบอบบางขึ้นมา แล้วลากเธอเข้าบ้านไป

“ปล่อย!” สีหน้าของร่างบางบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด จากการที่เธอถูกฉุดกระชากมาตลอดทาง

เมื่อถึงห้องนั่งเล่น ภาคินก็เหวี่ยงร่างเล็กของเธอลงบนโซฟาอย่างแรง แม้ว่าเธอจะพยายามวิ่งหนีไปให้พ้น แต่ก็ถูกคนแรงเยอะกว่าฉุดรั้งเอาไว้ทัน ในที่สุดโอกาสหนีของเธอก็หมดลง เมื่อเขากดร่างของเธอเอาไว้อย่างแนบแน่น

“เกลียดฉัน จะหนีไปจากฉัน นี่เธอละเมออยู่เหรอ”

“...”

“เธอไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น ตั้งแต่ที่เข้ามาเป็นส่วนเกินของครอบครัวฉันแล้ว และคนอย่างฉัน ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วไม่ได้ ไม่มีอะไรที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ”

“เอาสิ”

ร่างบางตอบด้วยเสียงแผ่วเบาที่ไร้เรี่ยวแรง พอเขามองมาเห็นใบหน้าสวยที่ไม่มีการแสดงอารมณ์ใด ๆ กับแววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังที่ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา ใจเขาก็กระตุกวูบจนหล่นไปกองอยู่ที่พื้น

เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาคิด

“ว่าง่ายแบบนี้ก็ดี จะได้ไม่เหนื่อย” เขาแสร้งพูดด้วยท่าทีที่ไม่พอ

“ใช่ จะได้ไม่เหนื่อยอีกต่อไปแล้ว”

พอเห็นท่าทีที่แปลกไปของหญิงสาวใต้ร่าง ภาคินจึงตัดสินใจผละออกจากร่างของเธอ แล้วลุกไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างเงียบ ๆ ส่วนเพียงรักก็ยังคงเหม่อมองไปที่เพดานสีขาวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

พอเวลาผ่านไปชั่วขณะ จู่ ๆ เธอก็เดินไปที่ครัวอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เมื่อภาคินสังเกตเห็นท่าทางที่ไม่ชอบมาพากลของเธอ จึงตามไปดู

ปรากฏว่าสิ่งเห็นนั้นกลับทำให้เขาช็อกจนทำอะไรไม่ถูก เพราะเพียงรักกำลังใช้มีดเล่มคมกรีดลงบนข้อมือข้างซ้ายของเธอโดยปราศจากความลังเลแม้แต่น้อย รอยบาดที่ค่อนข้างลึกทำให้ของเหลวสีแดงหลั่งไหลออกมาจากร่างกายราวกับสายน้ำ

เธอมองไปที่ภาคิน แล้วยิ้มปนหัวเราะให้กับเขา

“จะได้จบ ๆ ไปสักที”

เมื่อเธอพูดจบก็หยิบมีดขึ้นมาหวังจะกรีดซ้ำที่รอยเดิมให้ลึกขึ้น แต่ครั้งนี้เธอไม่อาจทำสำเร็จได้เหมือนกับครั้งแรก เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์เข้ามาห้ามไว้ได้ทันเวลา ร่างสูงที่แทบจะประคองสติของตัวเองไม่อยู่ รีบวิ่งเข้าไปหยุดยั้งการกระทำของเธออย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะคว้ามีดออกไปแล้วขว้างมันลงถังขยะทันที

แม้ว่าเขาจะตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนสมองไม่อาจจะสั่งการได้อีกต่อไป แต่ร่างกายแสนฉลาดก็สั่งให้เขาดึงตัวเธอเข้ามากอดโดยอัตโนมัติ

ทันทีที่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นส่งไปถึงเธอ น้ำตาของเขาก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“ทำไมล่ะเพียง ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ ทำไม...”

“...”

“คุณช่วยสัญญากับผมได้ไหม ว่าจะไม่ทำแบบนี้ ได้โปรดตอบมาว่าจะไม่ทำอีก ผมขอร้องนะเพียง อย่าหนีผมไปด้วยวิธีนี้อีกเลยนะที่รัก ไม่ ไม่เอา ไม่เอาอีกแล้ว ไม่... ฮึก ผมขอโทษ”

ร่างสูงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มหวานที่แหบพร่า แม้จะสะอึกสะอื้นจนพูดออกไปอย่างยากเย็น แต่ถ้อยคำเหล่านั้นก็ส่งไปถึงคนตัวเล็ก

เธอผละออกจากอ้อมกอดของเขาเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ดูจะไม่ยอมหยุดไหลบนใบหน้าของคนตัวสูงอย่างอ่อนโยน

พอเขาเหลือบไปเห็นแผลที่ข้อมือของเธอ มันก็ทำให้สติค่อย ๆ ฟื้นขึ้นทีละน้อย จากนั้นเขาก็อุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา แล้วเดินไปที่รถอย่างเร่งรีบ ก่อนจะขับไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!