'คลื่น' เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของน้ำทะเลโดยมีสาเหตุเกิดมาจากลม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดหรือจากการขยับของแผ่นเปลือกโลกเป็นต้น แต่อีกในแง่มุมหนึ่ง 'คลื่น' ก็เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ที่พบเห็นไม่ว่าจะทั้งรูปลักษณ์หรือเสียงของมันเป็นอีกสิ่งที่คอยเยียวยาจิตใจให้สงบได้เป็นอย่างดี
กวาดสายตาไล่อ่านตัวหนังสือนับร้อยอ่านบทความก่อนจะบังคบเม้าส์ให้เอกสารที่ว่างเปล่าแล้วจัดการพิมพ์เนื้อหาบางส่วนลงไป เนื้อหาเรื่อง 'คลื่น' อีกนิดก็ใกล้จะสมบูรณ์เหลือก็แต่สรุปและคำนำที่ส่วนนั้นผมไม่ได้เป็นคนทำ เปิดห้องถูกเปิดออกโดยคนข้างนอกเผยให้เห็นเมลเพื่อนสาวสนิทในชุดเสื้อยืดสีขาวโอเวอร์ไซส์กางเกงดำขาสั้นยืนหาวอยู่หน้าประตู
“เสร็จยัง”
“เสร็จละ นี่มึงทำอะไรอยู่เนี่ย”
ผมถามอีกคน วันนี้เรามีนัดกันทำรายงานที่ห้องของผม ผมเลือกมานั่งทำให้ห้องเพราะทันเงียบสงบแล้วอีกอย่างผมขี้เกียจแบกโน๊ตบุ๊คออกไปทำด้านนอกส่วนระหว่างนั้นเมลที่ว่างก็ทำส่วนที่เหลือไปพลางโดยใช้ห้องนั่งเล่นเป็นห้องทำงานไปแทน
“นอนรอ โคตรง่วงเลย”
“เวลาหาวหัดปิดปากบ้าง เป็นผู้หญิงแท้ๆ”
“กูก็เป็นผู้หญิงไง มีตรงไหนที่บอกว่ากูไม่ใช่ผู้หญิงฮะ”
“มึงนี่…”
ผมส่ายหัวกับความกวนตีนของอีกคน หันกลับมาสนใจงานต่อก่อนจะส่งไฟล์เข้าแชทเพื่อส่งให้เมลเอาไปรวมเล่ม
“อุ๊ย หลุด”
เสียงแจ้วเอ่ยอุทานให้หันไปมองรู้ตัวอีกเมลก็ไปยืนอยู่ด้านผนังด้านหลังผม เธอมองสิ่งที่อยู่ในมือสลับกับกำแพงที่ถูกตกแต่งไปด้วยรูปและสติ๊กเกอร์ต่างๆนาๆ ผมเพ่งมองสิ่งที่อยู่ในมือเล่นทำเอาผมแทบช็อคเพราะเป็นรูปพี่คลื่น!!
ผมรีบทิ้งงานตรงไปหามันทันทีก่อนจะหยิบรูปพี่คลื่นแล้วนำไปแปะลงที่เดิม
เนี่ย เผลอไม่ได้ซนตลอด
“ไอ้เมลลลล มึงนี่น้าาาาาา”
“กูไม่ได้ทำนะ มันหลุดเอง”
เมลตอบด้วยเสียงเอื่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะทันทีที่ผมเห็นว่าเป็นรูปพี่คลื่นใจผมแทบสลายเลย แล้วเมื่อกี้ผมเห็นมันขาดด้วย เมลมึงใจร้ายกับกูมาก แปะเสร็จผมถอนหายใจด้วยความโล่งตอนนี้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ยันตัวลุกขึ้นถอยก้าวออกมาเล็กน้อยมองกำแพงผนังที่เต็มไปด้วยรูปพี่คลื่นบวกกับของตกแต่งสไตล์วินเทจ ผมยกมือถือขึ้นถ่ายรูปปรับภาพให้ชัดระดับ 4k
ให้ตายสิใครทำเนี่ยโคตรสวยเลย
“กูไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมึงต้องเอารูปพี่คลื่นไปแปะผนังห้องด้วย”
ผมหันมองเมลที่ตอนนี้มันทำหน้างงงวยไม่เข้าใจกับสิ่งตรงหน้า
“มันคือความสุขทางใจเว้ย มึงต้องเข้าใจ”
“ไม่อ่ะ กูไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แค่รูปวอลเปเปอร์ในโน๊ตบุ๊คในมือถือยังไม่พออีกหรอ”
ผมส่ายหน้าเล็กน้อยเอื้อมมือแตะบ่าเพื่อนสาวอย่างเบาๆ
“เมล สิ่งที่กูทำอยู่เนี่ยมันก็เหมือนกับการติ่งอปป้านั่นแหละ เวลามึงคิดถึงเขามึงก็จะเข้ายูทูป ฟังเพลงไม่ก็ดูรูปเขาใช่มั้ย อันนี้มันก็เหมือนกัน เวลากูคิดถึงพี่คลื่น กูก็เข้ามาในห้องนี้ มานั่งดูรูปถ่ายของเขา ดูคลิปของเขา เขาเรียกว่าเป็นการแสดงความรักอีกแบบยังไงล่ะ”
“หรอ”
“ใช่”
เมลมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงพลางส่ายหัวก่อนจะเดินออกจากห้องไป เมลมึงไม่เข้าใจในความรักของเพื่อนเลยว่ะ งี้แหละคนไม่เคยมีความรักอ่ะเนาะ
“แล้วนี่เหี้ยอะไรเนี่ย”
เนี่ย ยังไม่ทันก้าวพ้นขอบประตูมันก็ซนอีกแล้ว ไอ้เมลอีเพื่อนเวรนี่จะอยู่เฉยๆสักสิไม่ได้รึไงวะ
“อะไรของมึงอีกเนี่ย”
ผมเดินตรงไปหาเมลที่ยืนจ้องบางอย่างที่หน้าประตูห้อง ป้ายไม้สลักชื่อห้อง Cleun My Love ถูกอีกคนดึงเอาออกมา ผมตีมือเมลไปหนึ่งป๊าบข้อหาดึงป้ายห้องสุดรักออก
“หยุดเลยมึงนี่เผลอไม่ได้เลยนะ ขยันจับขยันถอดจริงๆเลย”
“เดี๋ยว นี่มึงถึงขั้นตั้งชื่อห้องเป็นชื่อเขาด้วยเรอะ”
“ทำไมล่ะ นี่มันห้องแห่งความรักของกูที่มีให้พี่คลื่นเลยนะ ชื่อห้องมันก็ต้องเป็นศิริมงคลสิ”
“มันเกี่ยวตรงไหนวะนั่น”
“เมลมึงไม่เข้าใจอ่ะ ความรักของกูที่มีต่อพี่คลื่นมันมากมายมหาศาลเลยนะ อีกอย่างตามหลักฮวงจุ้ยที่กูไปดูมาเขาบอกว่าห้องนี้เหมาะกับการทำเป็นที่บูชาเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจกูเลยทำตามที่แม่หมอบอกไง”
“นี่มึงบูชาผู้ชายเรอะ!?”
เมลมองหน้าผมอย่างตกใจ ผมเอื้อมมือแตะบ่ามันอีกครั้งสบตากับเพื่อนรักด้วยสายตาแน่วแน่
“เค้าไม่ได้เรียกบูชาเพื่อนรัก เค้าเรียกว่าสถานที่ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจต่างหาก”
“what the fuck”
Gerberg Cafe ร้านกาแฟสไตล์วินเทจที่พวกผมชอบมากันประจำ มันทั้งอยู่ใกล้มหาลัยและเป็นสถานที่ที่ผมสามารถเจอพี่คลื่นได้ ไม่ใช่ว่าพี่คลื่นทำงานอยู่ที่คาเฟ่นี้แต่เป็นบริษัทที่อยู่ตรงข้ามต่างหาก แต่มันก็ไม่ใช่ทุกวันหรอกที่ผมจะเจอพี่คลื่นมีแค่บางวันเท่านั้น
เอื้อมมือหยิบแก้วสตอเบอรี่ปั่นขึ้นดูดแก้กระหายพลางใช้นิ้วเรียวข้างที่ว่างกดแป้นพิมพ์โน๊ตบุ๊คจนเกิดเสียงดัง จัดการพิมพ์งานที่ยังคั่งค้างที่จะต้องส่งวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจนะแต่ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมมีอะไรหลายๆอย่างที่ต้องทำ ไม่ว่าจะแปะรูปพี่คลื่น ติตตามพี่คลื่นบนโซเชียล จดของชอบและกิจวัตรพี่คลื่น และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้
จี้พี่คลื่น
“มึงใส่จตุคามมาหรอ”
“นี่อ่ะหรอ”
“เออ”
ผมก้มมองที่คอตัวเองก่อนจะถอดมันออกมา จี้พี่คลื่นที่ทำมาจากปูนปั้นสีขาวใส่กรอบที่น้ำเงินเข้มอย่างดี ผมมองมันนิ้วเรียวลูบยกมือแนบอกก่อนจะพนมมือสาธุ เมลที่มองอยู่จับแขนผมพลางจับจี้ที่มือพลิกดู
“ไอ้ห่ากูก็นึกว่าพระ ที่ไหนได้รูปผู้ชาย”
“แหงล่ะ ออกมาข้างนอกแบบนี้กูก็ต้องหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจสิ”
ผมเอ่ยพลางใส่สร้อยกับไปเหมือนเดิม แม้ผมจะมีรูปวอลเปเปอร์พี่คลื่นแล้วก็ใช่ว่าการดำเนินชีวิตประจำวันจะแคล้วคลาดผมก็ต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อเสริมสร้างเสริมดวงอื่นๆเพิ่มด้วย
โดยเฉพาะเรื่องความรัก
“มึง พี่คลื่นไม่ใช่พระนะที่ช่วยเสริมดวงมึงอ่ะ บิลสติ”
“กูรู้มึง แต่พอกูใส่จี้อันนี้แล้ว กูรู้สึกสบายใจอ่ะ แบบเหมือนพี่คลื่นจะคอยคุ้มกันกูคอยปกป้องกูอ่ะ”
เมลถอนหายใจพลางยกมือกุมหัวเหมือนคนเครียด ทำไมอ่ะผมพูดอะไรผิด ก็ผมรู้สึกปลอดภัยจริงๆเวลาผมใส่จี้สร้อยพี่คลื่นอ่ะ
“บิล ความจริงก็คือความจริง ต่อให้มึงทำตัวเป็นซางแซงจะมีรูปพี่คลื่นเป็นร้อยรูป จะบูชาพี่คลื่นห่าเหวอะไรของมึงเนี่ย…”
อย่ามาว่าพี่คลื่นห่าเหวนะเว้ย!!
“มึงไม่ใช่แฟนเขาไม่ใช่ครอบครัวหรือเพื่อนเขา ให้ตายเขาก็ไม่มาช่วยมึงหรอก”
ผมเบะปากปล่อยน้ำตาคลอเบ้า เมลมึงมันใจร้าย!!! พูดตรงเกินไปแล้วนะ
แต่มันก็จริงง่ะ พูดแล้วก็เศร้า
ฮือออออออ
ผมเอนหลังพิงเก้าอี้เงยหน้ามองเพนดานก่ายหน้าเม้มปากแน่นอยากจะยอมรับความจริงนะแต่มัน…
“ขอโทษนะครับ อันนี้ของคุณรึเปล่า”
เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยกับผมสายตาเลื่อนโฟกัสจากเพดานไปยังด้านหลัง ภาพกลับหัวที่เห็นชายผมดำในชุดทำงานเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินเข้มยืนค้ำหัวผมมองลงมาที่ผมด้วยสายตาที่ตั้งคำถาม ใบหน้านี้ผมจำได้เป็นอย่างดี คนที่ผมแอบเซฟรูปเอามาตั้งเป็นจากวอลเปเปอร์ คนที่ผมยอมเสียตังเอารูปเขาไปทำพิมพ์เพื่อมาทำเป็นจี้ห้อยคอ
พี่คลื่น
ผมผงกหัวขึ้นด้วยความเร็วสบตากับเพื่อนสาวเมลมองผมสลับกับคนด้านหลังก่อนจะเป็นคนเอ่ยตอบแทน
“อ่อใช่ค่ะ กระเป๋าตังเพื่อนหนูเอง”
“พอดีผมเห็นมันตกเลยเก็บมาให้”
“ขอบคุณค่ะ มึงก็ขอบคุณเขาสิ”
ประโยคสุดท้ายเมลพูดด้วยเสียงที่เบาหวิวพลางเตะขาผมเพื่อส่งสัญญาณ ผมหันดึงสติส่งมือสั่นไปรับกระเป๋าตังนั่นมาเอาไว้ในมือ
โฮฮฮฮฮฮฮ มือพี่คลื่นขาวมาก
“ข\-ขอบคุณครับ”
“ทีหลังก็ระวังหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะหายเอาได้”
“ครับ”
พี่คลื่นเอ่ยประโยคพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้แล้วเดินจากไปทิ้งไว้แต่เพียงดาเมจทำลายหัวใจที่ทำให้ก้อนเนื้อในอกเต้นจนแทบจะลุออกมา
“มึง…พี่คลื่น…พี่คลื่น”
“ใช่ พี่คลื่นไง มึงเห็นเป็นอะไร”
“พ่อของลูก”
“เพ้อเจ้อ”
“โฮฮฮฮฮฮฮ เป็นเพราะจี้พี่คลื่นแน่เลย ทำให้กูได้เจอกับเขา”
ว่าแล้วก็จับจี้ยกพนมมือสาธุรัวๆพลางจับจี้แนบอกปาดน้ำตาที่เอ่อล้นด้วยความประทับใจในความศักดิ์สิทธิ์ จี้พี่คลื่นโคตรศักดิ์สิทธิ์เลย นี่สินะสิ่งที่เขาเรียกว่าความศักดิ์สิทธิ์
สาธุจี้พี่คลื่น
ขนาดจี้ยังแสดงความศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้แล้วถ้าเป็นรูปปั้นพี่คลื่นล่ะ
“บิล มึงหยุดความคิดอุบาทว์ๆเลยนะ ครั้งนี้ที่มึงเจอพี่คลื่นก็แค่บังเอิญ บังเอิญเท่านั้น อย่าคิดไกลเพื่อน”
“โถ่”
ผมเบะปากเล็กน้อยแม้เมลจะห้ามความคิดผมแต่ใจของผมมันหนักแน่นแล้ว
“นี่กูมีเพื่อนเป็นคนคลั่งรักหรือซาแซงว่ะเนี่ย เครียดว่ะ”
สถานีต่อไปคือรูปปั้นพี่คลื่น
สู้ตายเว้ย!!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 21
Comments