การมองทิวทัศน์บนหลังม้าก็ดีเหมือนกันดูแปลกตาไปอีกแบบ ม้าที่โดยสารเป็นม้าสีน้ำตาลพอนั่งไปแล้วรู้สึกได้เลยว่าม้าตัวนี้ต้องผ่านการฝึกมาอย่าดีแน่ๆ ทั้งกล้ามและกำลังมันสามารถแบกคนสองคนและของอีกจำนวนหนึ่งได้สบาย
เมื่อเริ่มเข้าในตัวเมืองเหมือนที่เป็นตลาด มีผู้คนมากมายเดินกันให้กวักไกว่แถมยังมีร้านค้าขายตั้งเต็มไปหมด
“ที่นี่เป็นตลาด บางวันคนอาจจะเยอะบ้าง แต่ก็มีของขายหลากหลายให้เจ้าเลือก”
“แล้วมีร้านซาลาเปาหรือไม่”
ฮุ่ยหมิงเอ่ยถาม เขาชอบซาลาเปา ซาลาเปาคือที่หนึ่งในใจเขา
“มีสิ ร้านตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของตลาด มันอร่อยมาก ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องชอบมันกว่าที่นี่ไหนๆแน่”
แค่ได้ยินตาก็ลุกวาว รู้สึกอยากจะไปชิมแล้วสิ
เดินทางมาสักพักคาดว่าน่าจะใกล้ถึงแล้ว ฮุ่ยหมิงพยายามเพ่งดูเหมือนนั่นจะเป็นวังหลวง ขนาดมองจากที่ไกลยังเห็นเด่นชัดแสดงว่าวังหลวงจริงต้องขนาดใหญ่มากเป็นแน่
“อร้าย ท่านซานถิงกลับมาแล้ว”
เสียงของสาวทำให้ฮุ่ยหมิงละจากตรงหน้าหันมองต้นเสียง เพียงแค่ครู่เดียวก็มีหญิงสาวมากมายมารุมล้อมแล้ว
“อะ\-อะไรกันเนี่ย”
ฮุ่ยหมิงเลิ่กลั่กไปหมด เขาไม่เคยเห็นสถาการณ์เช่นนี้ หญิงบางคนก็เอาแต่กรี๊ดกร๊าด บางคนก็แทบจะวิ่งใส่ บางคนพยายามจะแตะเนื้อต้องตัว นี่ชายคนนี้มีเสน่ห์ถึงเพียงนี้เชียวรึ
“ท่านซานถิงขา ออกไปทำงานตั้งไกลแสนไกลท่านคงเหนื่อยแย่เลยสินะเจ้าคะ”
“ข้าแข็งแรงจะตาย แค่นี้ข้าไม่เหนื่อยหรอก”
“อร้าย”
ฮุ่ยหมิงถึงกับคิ้วขมวด ไม่เข้าใจกับหญิงพวกนี้ว่าแค่ซานถิงยิ้มให้หรือแค่ตอบใยถึงต้องเขินอายกันเช่นนี้ด้วย
“งั้นข้าขอตัวก่อนนะ พอดีมีธุระต่อ”
“ไปดีมาดีนะคะ”
หญิงพวกนั้นโบกมือลาฮุ่ยหมิงหันมองด้วยความสงสัยก่อนจะหันมาถามอีกคน
“นี่ซานถิง ปกติเวลาเจ้ากลับเข้าวังพวกนางจะมายืนรอต้อนรับเจ้าประจำเลยรึ”
“ใช่ ทำไมรึ หรือว่าเจ้าไม่ชอบ”
“เปล่าๆ ข้าแค่…ไม่ชิน”
“หึ”
ในที่สุดก็ถึงที่หมาย ประตูใหญ่ด้านหน้าค่อยๆเปิดออก ขบวนทหารค่อยๆทยอยค่อยเดินเข้าลานกว้าง ฮุ่ยหมิงลงจากหลังม้าแต่สายตาของเขายังคงจดจ้องกับบรรยากาศโดยรอบ
“สวยมาก”
ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้เข้าวังหลวง แค่เห็นด้านก็ว่าใหญ่แล้วแต่พอเข้ามาด้านในกลับกว้างกว่าที่คิด ชมความสวยงามได้เพียงครู่เดียวนึกได้ว่าจะต้องเข้ารายงานตัวแล้ว ฮุ่ยหมิงรับถุงสัมภาระก่อนจะหันไปเอ่ยลากัซานถิง
“ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้ายังไงดีแต่ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”
ฮุ่ยหมิงก้มคำนับเพื่อขอบคุณ ตัวเขารู้สึกขอบคุณซานถิงเป็นอย่างมากตั้งแต่เรื่องที่ช่วยจากโจรจนถึงมาส่งยังที่หมาย
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าเต็มใจช่วย”
ซานถิงยิ้มตอบต่างกับอีกคนที่ทำหน้าตาจะร้องไห้เพราะซึ่งกับความใจดี
สักวันข้าจะตอบแทนเจ้าซานถิง!
“ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน หากเราได้พบกันอีกข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างดีเลย”
“ข้าจะรอ”
จะว่าไปวังหลวงช่างใหญ่เสียจริง มีทั้งสวนหย่อมขนาดใหญ่ อาคารหลายหลังยังไม่นับรวมอื่นๆอีก ฮุ่ยหมิงเดินลัดเลาะไปตามทางเมื่อลืมเสียไม่ได้ถามทางจากซานถิง ฮุ่ยหมิงหยิบจดหมายจากวังหลวงที่ส่งมาเขาจำได้ว่ามันมีแผนที่ ฮเขาหยิบขึ้นกางดูหมุนแล้วหมุนอีก
เขาดูไม่เป็น!
นึกขึ้นได้ก็เก็บจดหมายลงที่เดิม ฮุ่ยหมิงเดินลัดเลาะตามทางไปเรื่อยๆพลางมองหาหวังว่าจะเจอ แต่เพราะมัวแต่มองดูอย่างอื่นไม่ได้ดูทางฮุ่ยหมิงสะดุดล้มหน้าทิ่มลงกับพื้น
“โอ๊ย เจ็บ”
มือเล็กจับขาพลางปัดฝุ่นรู้งี้น่าจะดูทางด้วย
“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า”
น้ำเสียงทุ้มหูฮุ่ยหมิงเงยหน้ามอง ชุดสตรีเต็มยศดูก็รู้ว่าสถานะต้องใหญ่พอสมควร ฮุ่ยหมิงถึงกับอ้าปากค้างเขารีบลุกก่อนจะโค้งคำนับทันที
“ข้าไม่เป็นไร ข้าขอโทษด้วย”
หญิงสตรีทำหน้าสงสัย ฮุ่ยหมิงก้มหน้าก้มหน้ามิกล้าสบตาเพราะอีกฝ่ายน่าจะยศสูงมากเป็นแน่
“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
“ม\- ไม่เพคะ ไม่ ไม่เป็นอะไร” น้ำเสียงตะกุกตะกักไม่รู้จะพูดหางเสียงยังไง หญิงสตรีมองด้วยความเอ็นดูก่อนจะเอ่ยถาม
“แล้วเจ้าเข้ามาทำอะไรในที่แห่งนี้รึ”
“เอ่อ ข้า…มารายงานตัว”
ประโยคสุดท้ายเอ่ยเสียงเบาก่อนจะก้มหน้าก้มตาแทบจะไม่เห็น
“ศาลารายงานตัวอยู่ฝั่งตะวันตกฝั่งนู้น เจ้าไปถูกรึไม่”
“เอ่อ ไปถูกเพคะ”
หญิงสตรียิ้มอ่อนปากบอกว่าไปถูกแต่ดูจากสีหน้าไม่น่ารอด หากเป็นเช่นนั้นเธอจึงอาสาไปส่งเพราะหากอีกฝ่ายไปเดินหลงทางหากมีใครมาเจออาจเกิด เรื่องใหญ่ได้
“งั้นเดี๋ยวข้าไปส่งเจ้าเอง”
“จะดีหรือ”
“ดีสิ ข้าอยากรู้จักเจ้าด้วย”
รอยยิ้มของหญิงสตรีทำให้ฮุ่ยหมิงอ่อนใจก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
หญิงสตรีเดินนำทางฮุ่ยหมิงเดินตามอย่างสงบเสงี่ยม เขาไม่กล้าเอ่ยถามและเกรงว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจ
“ข้าชื่อฟางเหนียง เจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่อฮุ่ยหมิง”
“ฮุ่ยหมิงหรือ ชื่อเจ้าน่าเอ็นดูยิ่งนัก”
“ขอบคุณ”
ฮุ่ยหมิงตอบอย่างเกร็งๆ เขารู้สึกกังวลและไม่ชินเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าหากอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาจะต้องทำตัวเช่นไร
เดินมาสักระยะผ่านสวนหย่อมขนาดใหญ่มาถึงศาลาแห่งหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสถานที่สำหรับรายงานตัว เมื่อมาถึงคนเฝ้าลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยคำนับ การกระทำของชายคนนั้นเล่นเอาทำให้ฮู่ยหมิงถึงกับไปไม่ถูก
“นอบคำนับฮองเฮา”
ฮองเฮา นี่เขาอยู่กับฮองเฮามาตลอดงั้นรึ!!!
ฮุ่ยหมิงแสดงสีหน้าตกใจเป็นอย่างมากก่อนจะลงไปก้มคำนับกับพื้นเพราะตนไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นถึงฮองเฮา
“ข้ากราบประทานอภัยพะย่ะค่ะ ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นถึงฮองเฮา”
การกระทำของฮุ่ยหมิงทำให้ฮองเฮาถึงกับยิ้มออกมา ฟางเหนียงไม่กล่าวโทษอีกฝ่าย เขาน่าเอ็นดูขนาดนี้ใยจึงต้องกล่าวโทษกันด้วย
“ไม่เป็นไร ข้าไม่กล่าวโทษเจ้าหรอก”
“แต่…”
ฮุ่ยหมิงเงยหน้ามองฮองเฮาด้วยสายตาที่สำนึกผิดอย่างใจลึก ฮองเฮาก้มจับแขนเพื่อให้เขาลุกขึ้น
“เจ้าไม่ผิดฮุ่ยหมิง อีกอย่างข้าก้เต็มใจที่อยากจะร่วมมิตรกับเจ้าด้วย”
ท่านฮองเฮาช่างใจดีเสียเกิน!! ฮุ่ยหมิงซาบซึ้ง
“ขอบพระทัยมากพะย่ะค่ะ”
ฮุ่ยหมิงก้มคำนับอีกรอบด้วยความซาบซึ้งก่อนจะก้มคำนับอีกหลายรอบ
“ข้าคงอยู่กับเจ้าคุยได้เพียงเท่านี้ หากเราได้เจอกันอีก ข้าก็อยากจะพูดคุยกับเจ้าให้มากขึ้น”
“เป็นที่ซาบซึ้งมากพะย่ะค่ะ โอกาศหากเป็นไปได้ข้าก็อยากจะชวนท่านไปเดินเล่นด้วย…เอ่อ…ไม่ใช่”
ฮุ่ยหมิงเอ่ยด้วยความดีใจแต่ลืมไปว่าอีกฝ่ายคือฮองเฮา ฟางเหนียงยิ้มตอบรับอย่างอบอุ่น หากเขาต้องการเช่นนั้นเธอก็ยินดีนะ เธออยากจะเป็นเพื่อนกับฮุ่ยหมิง
“ข้าตกลง ไว้โอกาศหน้าเราไปเดินเล่นด้วย”
“ขอบพระทัยมากพะย่ะค่ะ!!! ถ้างั้นข้าขอไปรายงานตัวก่อน”
ฟางเหนียงยิ้มตอบพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ฮุ่ยหมิงก้มคำนับเล็กน้อยก่อนจะละตัวออกไป
วันนี้ฮุ่ยหมิงรู้สึกมีความสุขได้เจอคนที่ดีอย่างซานถิงและฮองเฮาฟางเหนียง ฮุ่ยหมิงประทับใจและซาบซึ้งเป็นอย่างมาก สิ่งต่อไปคือการทดสอบเขาจะต้องทำให้ได้!!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 28
Comments