ยามเช้าที่สดใสช่างเหมาะกับการทำพืชไร่เสียเหลือเกิน แต่ความคิดนั้นก็คงต้องพับไปเสียเพราะวันนี้เป็นวันที่ฮุ่ยหมิงจะออกเดินทางยังไงล่ะ!
แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะง่ายเหมือนทุกคราว เมืองต้าหัวตั้งอยู่อีกฟากของภูเขาการจะเดินทางมันไม่ง่ายเสียขนาดนั้น จะเดินเท้าผ่านภูเขาไปกว่าสองลูกข้ามแม่น้ำอีกหนึ่งทอด แค่คิดจินตนาการของปวดหัวแล้ว
วันนี้ฮุ่ยหมิงยังคงทำกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าเฉกเช่นเดิมเหมือนทุกครั้ง รดน้ำบำรุงพืชหรือพูดคุยกับควานฮวาเจ้าปลาคราฟคู่ใจ
“ควานฮวา ต่อจากนี้ข้าจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจงอย่าดื้อกับพ่อข้าล่ะ”
“บุ๋งๆ”
ควานฮาโผล่ปากของมันขึ้นเหนือน้ำพะงาบปากของมันเพื่อตอบรับ ฮุ่ยหมิงหยิบอาหารในถ้วยป้อนใส่ปากของมันแต่เหมือนควานฮาจะอยากเล่นกับเขามันพ่นน้ำใส่จนชุดใหม่เปียกแม้มันจะไม่มากแต่มันก็เปียก
“ควานฮานี่เจ้าทำอะไรเนี่ย นี่มันชุดใหม่ของข้านะ โถ่”
“บุ๋งๆ”
ฮุ่ยหมิงเบะปาก ดูเจ้าควานฮาสิแม้เขาจะดุสีกเท่าใดมันก็ยังคงติดเล่น มันช่างน่าจับไปทำปลาต้มเสียจริงเชียว
“ข้าไปล่ะควานฮา ไว้ข้าว่างเมื่อใดจะกลับมาเล่นกับเจ้านะ”
แม้จะหมั่นไส้แต่ภายในใจลึกๆก็โหวงเหวง นี่ก็ใกล้เวลาแล้สที่จะต้องออกเดินทาง ฮุ่ยหมิงเดินเข้าบ้านสำรวจสัมภาระว่าครบหรือไม่ วันนี้เขาจะต้องออกจากบ้านไปยังที่แสนไกลแล้ว การตรวจสอบและเตรียมของก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน
“จะไปแล้วหรอลูก”
“ครับท่านพ่อ”
ฮวาน ฉินผู้เป็นพ่อเอ่ยทักเดินมาพร้อมกับของบางอย่างที่อยู่ในมือ
“นี่เป็นซาลาเปา เอาไว้ทานระหว่างทางเผื่อเจ้าหิวนะ”
“ขอบคุณท่านพ่อ”
ฮุ่ยหมิงมองหน้าพ่อก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถาม คำถามนี้เขาค้างคาใจมาอยู่นานครู่แต่วันนี้ไหนๆแล้วก็อยากจะถามให้หายแคลงใจ
“ท่านพ่อ การที่ข้าไปเป็นนางบำเรอแบบนี้ท่านรังเกียจข้าหรือไม่”
ฉินมองหน้าลูกชายพลางส่ายหัว ตัวเขามิเคยรังเกียจลูกตัวเองเป็นแน่ แม้หากตัวเป็นชายใจเป็นหญิง ฮุ่ยหมิงก็คือฮุ่ยหมิงลูกของเขาเหมือนเดิม
“ใยข้าต้องเกลียดเจ้า เจ้าก็คือเจ้า ฮวาน ฮุ่ยหมิงลูกชายของข้าเหมือนเดิม”
ได้ยินคำตอบถึงกับกลั้นไม่อยู่ ฮุ่ยหมิงเข้าสวมกอดผู้เป็นพ่อ
“ข้าดีใจจริงๆที่ได้เจอเกิดเป็นลูกของท่าน”
“ข้าก็เหมือนกัน”
ปาดเช็ดน้ำตาตัวเขาต้องฮึบไว้ ฮุ่ยหมิงก้มคาราวะก่อนจะหยิบสัมภาระแล้วออกจากบ้านไป
"เอ่อ…เจ้าคือคนรถม้าหรือไม่”
ฮุ่ยหมิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ขาดห้วง บอกตามตรงเขาไม่ชินเลยที่จะต้องคุยกับคนแปลกหน้ายิ่งอีกฝ่ายหน้าตาเหี้ยมโหดยิ่งไม่กล้าเสียใหญ่
"ใช่ เจ้าจะโดยสารใช่มั้ย”
"ใช่ๆ ข้าจะไปที่ต้าหัวแต่ต้องไปต่อที่ท่าเรือฟากนู่น”
"งั้นเจ้าก็ขึ้นมาเลย พวกเราจะออกกันแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฮุ่ยหมิงก็รีบขึ้นรถม้าทันที ไม่นานรถม้าก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกพร้อมกับรถม้าคันอื่นๆ ในคราวแรกเขาเกือบจะตัดสินใจเดินเท้าเองแต่ลืมไปว่าตนไม่รู้เส้นทางบวกกับการเดินทางในม้ามันยากลำบากเลยเปลี่ยนมาเดินทางด้วยรถม้าโดยสารแทน
ระหว่างเดินทางฮุ่ยหมิงที่ได้นั่งฝั่งด้านนอกสุดพลางกวาดสายตามองรอบๆพร้อมกับทิวทัศน์ ตัวรถม้าก่อขึ้นเป็นทรงสี่เหลี่ยมมีที่นั่งสองฝั่งด้านซ้ายกับด้านขวาสามารถบรรจุคนได้ราว 5-6 คน นับว่านี่เป็นรถม้าโดยสารที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ
ตอนนี้รถม้าโดยสารเริ่มเข้าสู่เขตป่าเส้นทางย่อมขรุขระมีหลุมมีบ่อบ้าง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าเดินทางเอง เหนื่อยก็เหนื่อย ช้าก็ช้า ดีมิดีอาจมีหลงทางได้
เดินทางได้ยามกว่าคนม้าเอ่ยบอกจอดพักแถวชานเขา ฮุ่ยหมิงกระโดดลงจากรถม้าก่อนจะค่อยๆยืดตัวให้คลายความเมื่อยล้า ตัวเขานั่งเกรงกว่าหลายชั่วโมงกลัวหากเผลออาจกระเด็นตกรถได้
"ฮี้!!!!!”
"โอ๊ย!! นี่เจ้าเป็นอะไรเนี่ย”
เสียงร้องของคนม้าทำให้ทุกคนต่างละหันไปมอง เจ้าม้าที่จู่ๆก็เกิดตื่นกลัวมันสะบัดขาหลังโดนคนม้าจนกระเด็นก่อนที่จะวิ่งหนีหาย ทันใดนั้นกลุ่มควันปริศนาก็เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ ฮุ่ยหมิงยกมือขึ้นปิดจมูกเพื่อไม่ให้สูดดมพร้อมกับแหวกควันเดินหาคนอื่นๆ
“แค่ก”
เหมือนว่าเจ้าควันเจ้าปัญหามันจะทำให้เขาเริ่มหายใจไม่ออก กลิ่นของมันเหม็นจนแสบจมูกหูตาไปหมด ดวงตาพยายามเพ่งมองไปด้านหน้าแต่ก็เห็นแต่ควันสีขาวเต็มไปหมด ร่างกายเริ่มอ่อนแรงมองซ้ายมองขวาตาเริ่มหัวเริ่มหมุน ฮุ่ยหมิงรุดคุกเข่าลงกับพื้นเจ้ากลิ่นควันพวกนี้มันทำให้เขาเหม็นจนแสบจมูกไปหมด
“ครบรึยัง”
“ยังครับลูกพี่”
เสียงใครกัน อยู่ตรงไหน หันซ้ายหันขวามองหาต้นตอของเสียง ฮุ่ยหมิงใช้แรงทั้งคลานไปยังต้นตอของเสียง
“เฮ้ย! ใครวะ!”
เจอแล้ว เขาจับเจอแล้ว ฮุ่ยหมิงค่อยๆเงยหน้าแต่เพราะความมึนจากควันส่งผลให้เขามองคนตรงหน้าได้ไม่ชัดมากนัก ฮุ่ยหมิงพยายามเพ่งมองชุดสีน้ำตาลยาวมีฝักอะไรไม่รู้เสียบที่เอว จะว่าไปใช่คนม้าหรือไม่ หากรู้ไม่ว่าขาที่ฮุ่ยหมิงนั้นจับไปมันเป็นขาของโจร!
“เจ้า…คนม้ารึไม่”
ฮุ่ยหมิงเอ่ยถามเขาจะรู้หรือไม่ว่าตอนนี้น้ำเสียงของเขาไม่ต่างอะไรกับคนเมา ชายนิรนามอีกคนเดินเข้ามาร่วมวงก่อนจะนั่งยองเชยคางของฮุ่ยหมิง
“ถ้าข้าบอกว่า ไม่ใช่ล่ะ”
“แล้ว…เจ้าเป็นใคร”
“หึๆ เจ้าไม่ต้องรู้หรอกเด็กน้อย”
“อั่ก!!”
เมื่อพูดจบฝ่ายโจรก็ปล่อยเข้าที่หน้าท้อง ความจุกทำให้ฮุ่ยหมิงนิ่งไปครู่ก่อนจะแน่นิ่งไป
ฝ่ายโจรที่ยืนมองจัดอุ้มร่างของฮุ่ยหมิงขึ้นท้ายรถม้า ตอนนี้หมอกควันได้จางหายไป เหล่ากลุ่มโจรทยอยขนข้าวของและตัวประกันที่จับม้าได้ขึ้นรถม้ามุ่งตรงออกจากบริเวณนั้นไป
เจ็บ
ความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้คือความเจ็บที่ปั่นป่วนอยู่ที่หน้าท้อง ฮุ่ยหมิงค่อยๆลืมตาเพดานห้องที่แปลกไปหันมองซ้ายพบคนจำนวนหนึ่งที่นั่งกุมเข่าด้วยความกลัวเขาจำได้ว่าคนพวกนี้เป็นผู้โดยสารที่มาพร้อมกับเขา ฮุ่ยหมิงรีบรุดขึ้นนั่งก่อนจะหันไปมองรอบๆพวกอยู่ในห้องที่ปิดมืดมีเพียงแสงสว่างของแสงจันทร์ที่ลอดออกจากหน้าต่างบานเล็กเหนือหัว ฮุ้ยหมิงเขย่งดูเพื่อสอดส่องสถานที่ที่พวกเขาอยู่พร้อมกับนึกว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น
เขาเดินทางมาด้วยรถม้าโดยสาร แล้วก็หยุดพักที่ตรงลำธารกลางภูเขา จากนั้นก็มีควันโพยพุ่ง
และมีโจร
ใช่!!!! โจร เขาถูกพวกโจรจับมา
เมื่อนึกได้ฮุ่ยหมิงหันซ้ายขวาหาถุงสัมภาระ เมื่อเขารีบค้นของที่อยู่ในกระเป๋าพบว่าถุงเงินของเขามันหายไป
หนอยแน่เจ้าพวกโจร! บังอาจมาเอาถุงเงินของข้าเชียวรึ!!
ฮุ่ยหมิงลุกขึ้นฟัดสู้แต่นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นโจร เขาตัวเล็กและไม่มีพละกำลังหรืออาวุธที่จะต่อกรได้ หรือหากไปเขาก็ตายก่อนอยู่ดี
ฮุ่ยหมิงรุดกลับนั่งลงตรงที่เดิมหยิบถุงสัมภาระขึ้นมากอดเอาไว้แน่น
“แม่ฮะ ข้าหิว”
“อดทนอีกหน่อยนะ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเราแล้ว”
เสียงสนทนาของแม่ลูกละให้เขาหันไปมอง จะว่าไปตัวเขาก็มีซาลาเปาด้วยนี่ ฮุ่ยหมิงค้นในถุงก่อนจะเจอซาลาเปาหนึ่งลูก เขายื่นไปให้เด็กน้อย
“อ่ะ ข้าให้”
“จะดีหรือ”
แม่ของเด็กเอ่ยถาม ฮุ่ยหมิงพยักหน้าพลางยิ้มตอบ แม้ในใจเขาจะหิวแต่ชีวิตของเด็กก็สำคัญกว่า
“ขอบคุณครับ”
เด็กน้อยยิ้มรับก่อนจะกินแก้มตุ้ย ฮุ่ยหมิงมองภาพนั้นด้วยความอิ่มเอิบใจก่อนเอนหลังพิงกับกำแพง
หวังว่าพรุ่งนี้ ทั้งข้าและทุกคนจะรอดปลอดภัย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 28
Comments