.../you have a nice smile/...
“วัววววววววววว”
“มออออออออ”
เสียงแจ้วของเด็ก 8 ขวบ จิมมี่ที่ตื่นเต้นกับฝูงวัวนับสิบที่อยู่กลางทุ่ง วันนี้พวกเรามาพักผ่อนเพื่อฉลองหลังผลิตงานเกมเสร็จ แน่นอนว่าทริปต้องมีผม จา มีน และพ่วงด้วยเร็นและจิมมี่ที่ชวนมาด้วย ตอนแรกจามันก็ยืนกรานเสียงแข็งนั่นแหละแต่ผมหบอกล่อด้วยกลอุบายเลยทำให้จายอมอย่างโดยดี
เป็นไงผมเก่งป่ะ
“กูไม่เข้าใจจริงๆทำต้องเป็นฟาร์มวัวด้วยวะ”
“ทำไมอ่ะ พักบ้านญาติเพื่อนก็ดีออกไม่ต้องเสียตังค่าที่พักด้วย อีกอย่างนะมีน ทุ่งหญ้าเขียวขจีห้อมล้อมไปด้วยภูเขา ดอกไม้นานาชนิดพร้อมกับกลิ่นขี้วัว เนี่ยโคตรดีเลย”
ผมมองสองเพื่อนสาวที่ยืนสนทนาอยู่ไม่ไกล ผมนึกขึ้นได้ว่าีนมันไม่ถูกกับวัวเอามากๆจะถามว่ากลัวก็ไม่เชิง ผมหันซ้ายขวาเจอวัวตัวหนึ่งที่อยู่ติดประตูทางออกของรั้วพอดีผมจัดการเข้าไปก่อนจะดึงวัวตัวขนาดไม่ใหญ่เดินตรงไปหาไอ้มีนจากด้านหลังก่อนจะสะกิดไหล่มัน มีนที่บ่นกับจาหันมาอย่างช้าพอหันหน้าเจอกับวัวเท่านั้นแหละ ตามคาดครับตกใจสุดขีดไม่พอยังพ่วงด่าผมด้วย
“ก็เหี้ยล่ะ\-ไอ้สัสเวย์!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“ขำหาพ่องมึงหรอ”
“ไงเด็กๆมากันแล้วเรอะ”
เสียงทักทายของชายวัยกลางคนที่มาจากทางประตูบ้านให้พวกเราหันไปมองคนๆนี้คาดว่าน่าจะเป็นลุงกับป้าของจาและเร็น
“หวัดดีครับลุง”
“หวัดดีๆ ขับรถกันมาเหนื่อยๆเข้ามาพักกันก่อนมา”
ผมจัดการเอาวัวเข้าเก็บที่เดิมก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อจะไปยังห้องพัก สายตาเหลือบเห็นใครบางคนที่ง่วนอยู่กับการลากกระเป๋าให้ออกจากจุดนั้น ผมยืนมองอยู่ไม่ไกลเหมือนว่าล้อของกระเป๋าเร็นจะติดหล่มหินทำให้ไม่สามารถขยับได้ พอมองดูๆแล้วมันก็น่ารักนะเหมือนเด็กที่พยายามทำอะไรสักอย่างแต่ไม่สำเร็จ
“มานี่”
“ไม่ต้องทำเองได้”
“อย่าดื้อดิ เป็นแม่วัวต้องฟังพ่อวัว”
“ได้ข่าวว่ายังไม่ได้เป็นนะ” ผมสบตาอีกคนที่ยังรั้น
“แล้วที่เรามีเซ็กส์กันล่ะ”
“นั่นก็แค่ความเผอเรอ”
ก็ยังปฏิเสธไม่เลิก เนี่ยเขาเรียกว่าคนไม่ยอมรับความจริง
“งั้นก็คงเป็นความเผอเรอที่ดีต่อใจแหละ เพราะเธอก็ชอบ”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีให้มาก”
ผมยกยิ้มเล็กก่อนจะถือวิสาสะยกกระเป๋านั่นออกมาแล้วตะโกนกลับไป
“ก็คงรู้ดีแหละ เพราะงั้นคงไม่รู้หรอกว่าเธอชอบท่าไหนมากที่สุด โอ๊ย อย่าปาหินใส่หัวดิ”
“ทำไมเราถึงนอนด้วยกันไม่ได้”
“มึงดูเตียงด้วย ตั้งห้าคนมึงจะนอนยังไง”
ประเด็นถกเถียงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วจนป่านนี้ก็ยังคงไม่จบเสียที ต่างคนต่างมองคนเรื่องมากอย่างจาที่งอแงไม่ยอมแยกห้องนอน เหตุผลก็เดาไม่ยากถ้าไม่ใช่เรื่องที่เร็นจะต้องนอนกับผม
ผมนั่งเท้าคางสลับมองเพื่อนสาวที่งอแงไม่เลิกตอนนี้เราสุมหัวกันอยู่ที่ห้องรับแขกชั้นล่าง
“แต่กู…ฮือออออ ไม่งั้นให้มีนกับเวย์มันนอนด้วยกันก็ได้”
“มึงจะบ้าหรอ ไอ้มีนมันเป็นผู้หญิงกูเป็นผู้ชาย”
ผมสวนคนเรื่องมากที่ตอนนี้ก็ยังคงแดดิ้นงอแงไม่เลิก
“มันเป็นผู้ชายด้วยกันมึงจะกลัวอะไร”
“ก็เพราะมันเป็นไอ้เวย์นี่ไง”
“แล้วไอ้เวย์มันทำไม” มีนถาม เอาจริงๆเรื่องนี้จามีนก็รู้แหละ ผมรู้ จารู้ เร็นรู้ แต่มีไม่รู้ ความสัมพันธ์ที่เป็นแค่เพื่อนร่วมหลับนอน
“สรุปก็นอนตามนี้แหละ ไอ้เร็นกับไอเวย์ส่วนกูนอนมึง”
“แล้วจิมอยากนอนกับใครครับ”
“หนูอยากนอนกับพี่เร็น”
เสียงแจ้วเอ่ยคนเรื่องมากเบะปากบุ้ยคงเพราะไม่ได้ดั่งใจแหละ แม้ผลจะออกมาไม่น่าพึงพอใจอย่างที่ควรแต่จาก็ต้องยอมรับ
“มึงไม่ต้องมาทำปากเบะเลย น้องมันก็อยู่จะไปกลัวอะไร งั้นก็ตกลงตามนี้นะ ป่ะแยกย้ายกันได้แล้ว”
“พอๆ งั้นก็แยกย้ายกันได้ล่ะ”
ผมตัดบทสรุปก่อนจะมีคนงอแงไปมากกว่านี้ พวกเราจัดการหยิบของแยกย้ายขึ้นห้องยังไม่ทันที่ผมจะก้าวพ้นห้องรับแขกก็มีมือใครบางคนมาดึงคอเสื้อจนเกือบเซ ผมหันมองคนด้านข้างจาที่ยังคงทำหน้าบึ้งตึงไม่เลิก
“มึงห้ามทำอะไรพี่กูเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
“ได้นะ แต่ไม่รับประกัน”
“ไม่รู้ล่ะ ห้ามปฏิเสธด้วย ไม่งั้นกูโกรธ”
“อ้ออออ จะพยายามละกันนะ ถ้าห้ามอารมณ์ทัน”
ปากก็รับไปแต่ถ้าทำไม่ ผมไม่รู้หรอก เขาว่ากันว่าถ้าใจอยากทำก็อย่าฝืนเพราะฉะนั้นผมจะถามใจก่อนล่ะกัน
รับปาก\=ทำไม่ได้
ผมยืนมองทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตาโดยมีคอกสีขาวยาวกว่าหลายกิโลกั้นขวางระหว่างผมกับเขตนั้น ฝูงวัวนับสิบกว่าตัวถูกปล่อยให้ออกมาเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายไม่พอพวกมันยังมีเพลงสากลเปิดคลอเบาๆให้ฟังไปพลางด้วย ไม่แน่ใจว่านี่มันเป็นวิธีเลี้ยงวัวของคุณลุงคุณป้าเจ้าของฟาร์มหรือว่าเป็นวิธีที่ทำให้นมวัวออกมารสชาติดีเยี่ยมหรือไม่แต่ก็ช่างเถอะ
ผมไม่ได้สนใจมันอยู่แล้ว
“ไปเลยยยยยยย”
“ระวังจิมมี่เดี๋ยวตกนะ”
เสียงสนทนาอันคุ้นเคยละให้ผมหันไปมองภาพของคนสองคนที่ยืนอยู่ในเขตทุ่งหญ้าไม่ไกลกันมาก จิมมี่ที่ขี่คอวัวอย่างสนุกสนานและเร็นที่คอยยืนจับวัวอยู่ไม่ห่าง ผมเท้าคางกับรั้วพลางมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ในวันแรกที่ผมเจอกับเร็นเราเจอกันในผับ ต่างคนต่างมาและเราไม่รู้จักกัน มันเป็นความบังเอิญที่เราดันเจอกันในห้องน้ำและมันก็เหมือนกับตามพล็อตซีรี่ย์หรือนิยาย
เรามีอะไรกันที่นั่น คืนนั้น
ในคืนนั้นเร็นเมาจนแทบจะไม่ได้สติส่วนผมก็แค่กรึ่มๆไม่ได้เมาอะไรมากมายซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าในตอนนั้นผมยังมีสติอยู่ครบดี แต่อะไรไม่รู้มันดลใจให้ผมทำลงไปอย่างนั้น
เซ็กส์ของเราครั้งแรกในคืนนั้นผมยังจำมันได้ดี ทั้งกลิ่นหอมจากตัวเขาและการกระทำทุกอย่าง ผมชอบมันและโหยหามาตลอด และก็เหมือนพระเจ้าจะเห็นใจผมล่ะมั้ง เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นเราก็เจอกันบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะฐานะคนไม่รู้จัก fwb พี่ของเพื่อนหรือ…ว่าที่พ่อวัว?
แต่น่าแปลกที่ผมกลับชอบนะ สถานะพวกนี้
มันไม่ได้หรูหราหรือดีเด่อะไรแต่ะผมชอบที่ได้เห็นเขา โดยเฉพาะเมื่อตื่นมาแล้วเห็นเขาในทุกๆครั้งหลังจากเรามีเซ็กส์กัน
ผมว่านั้นมันยอดเยี่ยมที่สุดเลยว่ามั้ย
“พี่เวย์ย์ย์ย์ย์”
เสียงแจ้วของจิมมี่ตะโกนข้ามฟากมาแต่ไกลผมโบกมือเล็กน้อยตอบก่อนจะเปิดประตูรั้วเข้าไปหาคนทั้งคู่
“ไง สนุกเลยสิเรา”
“พี่เวย์ขึ้นมานั่งกับหนูมั้ย”
“ฮ่าๆๆ ไม่ล่ะพี่กลัวเจ้าวัวนี่จะขวิดพี่น่ะสิ”
“ไม่ขวิดหรอก เนาะเจ้าวัว”
“มออออออ”เจ้าวัวตอบกลับ เอาว่ะวัวที่แม่งฉลาดเกิน
ผมส่ายหน้าเล็กน้อยเชิงปฏิเสธ อีกอย่างผมก็โตแล้ววัวตัวนี้ก็ใช่ว่าจะโตเต็มที่แล้วด้วยผมยังไม่อยากทำหลังวัวหักหรอกนะ
“จากับมีนไปไหน”
“เห็นว่าพาป้าไปซื้อของที่ตลาด”อีกคนพยักหน้ารับ
สายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างที่อยู่ในมือของอีกคน กล้องโพลาลอยด์สีดำเรียบสนิทพร้อมกับฟิล์มรูปอีกสองสามใบ ผมถือวิสาสะหยิบกล้องในมืออีกคนมาก่อนจะจัดการถ่ายรูปเร็นที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“เล่นบ้าอะไรเนี่ย”
“ถ่ายรูปไง”
ฟิล์มรูปถูกปริ้นออกมาผมหยิบมันขึ้นมาเช็คดู ภาพของอีกคนที่หน้าบึ้งดูไม่พอใจเท่าไหร่กับการที่เขาถือวิสาสะถ่าย แม้องค์ประกอบภาพมันจะไม่สมบูรณ์มากนักแต่คนที่อยูในรูปกลับทำให้ภาพมันสวยขึ้นหลายเท่าตัว
“ไม่เห็นสวยเลย”อีกคนแอบชะเง้อผมเห็นนะหน้าตาที่ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“น่ารักดีออก”
น่ารักมากด้วย
“ถ่ายหนูด้วยยยยย”
“มาๆ เอ้ายิ้ม” จิมมี่เอ่ยร้องทำให้ผมต้องหันไปถ่ายให้เจ้าตัวเล็กด้วย ขยับตัวออกมาเล็กน้อยเพื่อให้เห็นเจ้าวัวและอีกคนที่ยังคงทำหน้าบึ้งไม่หาย กดชัตเตอร์ไม่นานฟิล์มรูปก็ออกมา
“หนูดูด้วยยยย”
“อ่ะ”
ผมยื่นรูปให้เจ้าตัวเล็กดูเหมือนจิมมี่จะพอใจแต่ก็พอใจไม่สุด เด็กน้อยพองแก้มก่อนจะใช้นิ้วน้อยๆจิ้มมาที่รูป
“พี่เร็นไม่ยิ้มเลย”
“นั่นสิ ทำไมคุณแม่วัวถึงไม่ยิ้มน้า”
“ยุ่ง”
คนหน้ายุ่งเบนสายตาไปทางอื่น ผมยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยการที่ได้เห็นอีกคนทำหน้ายุ่งๆหรือพูดจาร้ายกาจมันทำให้ผมอดที่อยากจะแกล้งเขาไม่ได้เลยทีเดียว
ให้ตายเถอะคนอะไรน่าหมั่นเขี้ยวได้ขนาดนี้
“พี่เร็นต้องยิ้มน้า”
“พี่ต้องยิ้มด้วยหรอ”
“ยิ้มสิ ยิ้มเยอะๆจะได้มีความสุขเยอะๆ”
“ครับ พี่จะพยายามยิ้มนะ”
อีกคนตอบรับด้วยน้ำเสียงนิ่งพลางส่งยิ้มน้อยๆให้เจ้าตัวเล็ก ผมมองอีกคนพอจะรับรู้ได้ว่านั่นไม่ใช่รอยยิ้มจริงๆของเร็นหรอก ดูฝืนธรรมชาติเกินไป ดวงตาคมของอีกคนผมสังเกตเห็นว่าเขาพยามอยู่แม้จะเป็นยิ้มที่ฝืนแต่ก็เพื่อความสบายใจของอีกคน
ผมมองเร็นนิ่งก่อนจะเอื้อมมือจับคางบีบแก้มเรียวนั่นให้บู้ออกมาเล็กน้อยก่อนจะยกกล้องโพลาลอยด์ในมือขึ้นถ่ายทันทีก่อนที่คนตรงหน้าจะโวยวาย
“เล่นบ้าอะไรเนี่ย” อีกคนโวยวายพลางปัดมือออก ผมหยิบฟิล์มที่ปริ้นออกมามองมันอยู่ครู่ก่อนจะยกแนบข้างใบหน้ายุ่งของเร็น
“หูววว ต่างกันโคตรเยอะ มีแก้มนะเรารู้ป่าวเนี่ย”
“นี่-”
“โว้ยยยยยยยย มากินข้าวกันได้แล้ววววววว” เสียงจาตะโกนมาแต่ไกลจากอีกฟากด้านนอกรั้ว
“เอออออ!!!!”ผมตะโกนตอบกลับไป
“พี่เวย์ถ่ายอีก”
“มาๆๆอีกรูปก่อนไป”
“ไม่ถ่ายแล้ว เอากล้องมา”
“ทำไมล่ะคุณแม่วัวจะหนีหรอ”
“พี่เร็นจะหนีหรอ งืออออ”
“มอออออ”
เอาล่ะตอนนี้ทุกคนเข้าข้างผม คนหน้ายุ่งมองตาขวางใส่ ดูเขาสิน่าหมั่นเขี้ยวอีกแล้ว
“มา แอ็คท่าเร็ว”
“นี่…”
“หนึ่ง สอง ซั่ม”
ภาพนี้คงเป็นภาพที่ดีที่สุดที่ผมถ่ายเลย
...Cow’s Family ...
...17/03...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments