เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นเวลาตี 5 หญิงสาวผู้มาใหม่จัดการตนเองให้ทันก่อนไปทานข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในบ้าน
"ชุดนักศึกษาอยู่ไหนนะ จำได้ว่าก็เอาไว้ในนี้นี่หน่า" หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างเนื่อยๆ
"บ้าจริง ลืมรีดชุดได้ไง" ม่านฟ้าไม่รอช้า นำเครื่องแต่งกายมารีดจัดทรงให้เป็นระเบียบ กระโปรงพีทยาวถึงตาตุ่มเผยให้มองถึงบุคลิกว่าเป็นคนเรียบร้อย
"6 โมงกว่าแล้วมาทานข้าวเถอะม่านฟ้า เดี๋ยวจะต้องไปมหาวิทยาลัยอีกจะสายเอาได้" ฤดีผายมือให้ม่านฟ้ามานั่งข้างตนอย่างที่เคย เดชณรงค์นั่งที่มุมหัวโต๊ะ ส่วนลิษานั่งทางขวามือของเดชณรงค์
"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้ารวบกระโปรงก่อนนั่งรับประทานอาหารเช้า
"หลับสบายดีหรือเปล่าม่านฟ้า" เดชณรงค์เอ่ยถามผู้ที่เข้ามาอาศัยใหม่
"ค่ะคุณลุง"
"คุณเดชคะ ฤดีจะให้ป้านวลดูแลม่านฟ้าด้วยคุณจะว่าอะไรหรือเปล่า"
"แล้วแต่คุณเลยครับ ความเรียบร้อยภายในบ้านคุณจัดการได้ทุกอย่างตามความเหมาะสม"
"คุณน้าคะ ป้านวลเป็นคนของคุณน้าไม่ใช่หรอคะทำไมคุณน้าถึงจะไปให้ป้านวลไปดูแลยัยม่านฟ้าด้วย" ลิษาพูดเชิงไม่พอใจปากเบ้ไปมาด้วยความหมั่นไส้
"เพราะน้าไว้ใจป้านวลไง"
"คุณน้าคะ"
"ป้านวลคะ ดูแลม่านฟ้าให้เหมือนดูแลฤดีด้วยนะคะ เพราะม่านฟ้าก็คือคุณหนูของบ้านหลังนี้ด้วยอีกคน"
"ค่ะคุณหญิง" สาวรับใช้ตอบรับด้วยความเต็มใจ
"คุณน้าคะ ทำไมต้องให้ใครไม่รู้ไม่ใช่ครอบครัวของเรามาเป็นคุณหนูของบ้านเราด้วยคะ ลิษาไม่ยอมหรอกนะคะ"
"ลิษา มีมารยาทหน่อยสิ ม่านฟ้าเขาเป็นลูกของเพื่อนคุณอาของหลานนะ"
"ลิษา อาว่าก็ดีนะหลานจะได้มีเพื่อนด้วยไงล่ะ" เดชณรงค์พูดเสริม
"ไม่ค่ะ มันจะมาแย่งความรักของคุณอากับคุณน้าของลิษาไป ลิษาไม่ยอมคุณอาจัดการให้ลิษาหน่อยสิคะ บอกคุณน้าให้หน่อยว่าลิษาไม่ยอม"
"ลิษาฟังอานะ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณน้าฤดีไม่ใช่บ้านของอา แถมบริษัทก็เป็นของน้าฤดี ลืมไปแล้วหรอ!!! ที่เรามีทุกวันนี้เพราะใคร"
"คุณอาไม่เข้าข้างลิษา หรือว่าคุณอาจะรักมันมากกว่าลิษา"
"อาไม่ได้คิดแบบนั้นนะหลานรัก"
"คุณน้าคะ" ลิษาหันไปพูดเสียงอ้อนกับฤดี
"ลิษาหลานน้าไม่คิดแบบนี้สิ ยังไงลิษาก็ยังเป็นหลานของน้า ทำไมคิดแบบนี้คะไม่มีใครมาแทนที่ลิษาของน้าได้หรอกนะ" ฤดีลุกจากเก้าอี้อ้อมไปโอบกอดลิษาจากด้านหลัง
"ลิษากลัวคุณน้าไม่รักลิษา"
"น้ารักลิษาที่สุด ทานข้าวนะคะ"
"ลิษาก็รักคุณน้าค่ะ" ลิษาหอมแก้มคุณน้าของเธอด้วยความน้อยใจ ม่านฟ้าก็นั่งเงียบนึกแต่โทษตัวเองที่เป็นคนทำให้คนในบ้านทะเลาะกันเพราะเธอหรือเปล่า
📞สายเรียกเข้า📞
ม่านฟ้าก้มมองโทรศัพท์ของตนที่มีเพื่อนของเธอโทรมา ม่านฟ้ามองหน้าฤดีและเดชณรงค์เพื่อเป็นการขอนุญาต
"รับสายก่อนเถอะ" เดชณรงค์ตอบรับความปราถนาของม่านฟ้า หญิงสาวย่ำสาวเท้าไปยังพื้นที่โล่งทันที
ว่ายังไงญาดา : ม่านฟ้า
ญาดา : ฉันได้ข่าวเรื่องพ่อของแก
เห้อ... ฉันเครียด : ม่านฟ้า
ญาดา : วันนี้แกมาเรียนมั้ย
อื้ม แล้วจะเล่าให้ฟัง : ม่านฟ้า
ญาดา : โอเค
"คุณอา" ม่านฟ้ารีบเก็บโทรศัพท์ทันที "ฟ้าอิ่มแล้วค่ะคุณอา"
"แต่อาเห็นว่าหนูฟ้ายังไม่ได้ทานสักคำเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าหรอกค่ะ" ม่านฟ้าตอบปฏิเสธแม้ในใจเธอไม่ได้คิดอย่างนั้น
"อาดูออกนะว่าฟ้าไม่โอเค อาต้องทำอย่างไงให้หนูฟ้าไม่ต้องกังวล"
"ถ้าลิษาเขาเลิกพูดจาแบบนั้นค่ะ แต่คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะลิษาเป็นหลานรักของคุณอากับคุณลุง"
"ม่านฟ้า" ฤดีได้แต่ถอนหายใจเพราะมันก็เป็นอย่างที่หล่อนพูด
"ช่างเถอะค่ะ ฟ้าก็พูดอะไรไม่ได้ทำได้แค่อดทน ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรแม้ในใจจะรู้สึกอยู่ไม่น้อยก็ตามค่ะ"
"ไปเรียนเถอะนะ อ่ะ!!! เอาเงินไปใช้" ฤดีหยิบเงินจำนึงหนึ่งใส่มือของม่านฟ้า
"คุณอาคะ ฟ้าว่ามันเยอะเกินไปแค่ฟ้ามาอยู่ฟ้าก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้วค่ะ"
"อาบอกแล้วไงว่าอาจะดูแลเราให้เสมือนคนในครอบครัว ฟ้าเป็นหลานอาเงินนี่อาให้เราเอาไปใช้เดือนละ 40000 พอไหม"
"พอค่ะ ขอบคุณค่ะคุณอา" ม่านฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณอย่างเกรงใจ
"ตั้งใจเรียนนะ ตอนเย็นเจอกัน"
"ค่ะคุณอา"
"ป่ะเดี๋ยวอาไปส่งขึ้นรถ ป่านนี้คนขับรถรอแย่แล้ว " ฤดีเดินมาส่งม่านฟ้าและลิษาขึ้นรถเพื่อให้ทั้งสองนั้นทำหน้าที่ของตนเองนั่นก็คือการเรียนหนังสือ
มหาวิทยาลัยสินธนบุรี
"ยังไงเล่ามายัยฟ้า" ญาดาแก๊งค์เพื่อนสาวที่สนิทถามขึ้น
"พ่อฉันถูกฟ้องล้มละลาย แถมเป็นหนี้อีกตั้งหลายล้านพ่อก็เลยเอาฉันไปอยู่กับเพื่อนพ่อ"
"อ้าวหรอ!!! จากคนที่บ้านรวยมากๆ"
"อื้ม ชีวิตก็แบบนี้แหละ"
"แล้วคนที่บ้านนู้นเขาดูแลแกดีไหม"
"ดีนะ แต่หลานของบ้านนั้นไม่ชอบฉันนะสิ เพราะกลัวว่าฉันจะไปแย่งความรัก"
"หื้ม... เด็กไม่รู้จักโตนะสิ"
"เรียนที่นี่อ่ะ ปี 1 คณะนิเทศศาสตร์"
"ทนเอาหน่อยนะแก"
"ไม่รู้จะอดทนไปได้แค่ไหน แค่เมื่อวานกับวันนี้ทำฉันอึ้งพูดไม่ออกเลย"
"แกมาอยู่กับฉันไหมล่ะ"
"ขอบใจมากนะดา แต่พ่อกับแม่ฉันให้อยู่กับคุณลุงกับคุณอา ก็ไม่อยากขัดใจเดี๋ยวพ่อกับแม่จะไม่สบายใจเอา" ม่านฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
"แล้วนี่แกมีเงินใช้ไหมไม่มีบอกพวกเราได้นะ"
"ฉันมี คุณอาให้ฉันใช้เงินเดือนละ 40000"
"40000 เลยหรอ เขาคงเอ็นดูแกมาก"
"แต่มากไปก็ไม่ได้ หลานคุณอาจ้องแต่จะหาเรื่องมาให้ฉัน"
"เห้อ!!! ชีวิตแกนี่นะ"
"ไม่สนุกเอาซ้ะเลย" เวลาผ่านไปพอสมควรถึงเวลาพักเที่ยงนักศึกษาต่างคณะก็พากันมารับประทานอาหาร มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งหยุดอยู่ตรงที่โต๊ะของม่านฟ้า
"เนี่ยคนนี้แหละที่ฉันบอกว่าที่บ้านล้มละลาย หนีหัวซุกหัวซุนมาอาศัยบ้านคุณน้าของฉัน แถมยังอยากจะเป็นหลานรักด้วยมั้ง ไม่รู้ว่าไปขออะไรคุณน้าฤดีถึงได้ยอมให้ป้านวลคนรับใช้ข้างกายคุณน้ามาดูแลตัวเองด้วย แถมคุณน้าฤดียังบอกให้คนในบ้านเรียกมันว่าคุณหนูเหมือนฉัน" ลิษาพูดประณามกล่าวลือม่านฟ้าอย่างเสียหาย หารู้ไม่ว่าเรื่องที่ตนกล่าวไม่เป็นความจริง
"หื้มจริงหรอลิษา แล้วอย่างนี้คุณน้าของเธอจะยกมรดกให้มันหรือเปล่า" เพื่อนสนิทลิษาเอ่ยขึ้น
"ไม่มีทางฉันเป็นหลานของคุณน้า มรดกต้องตกเป็นของฉันคนเดียว"
"น้าของลิษาไม่มีลูกหรอ"
"ไม่มีคุณน้าฤดีทำหมันน่ะเลยไม่มีลูก คุณน้าเลยรักและเอ็นดูฉันเหมือนลูกคนนึง"
"เธอก็เป็นแค่หลานของคุณลุงเดชที่เป็นสามีของคุณอาฤดี ไม่ใช่หลานแท้ๆของคุณอาสักหน่อย" ม่านฟ้าเอ่ยโต้กลับ
"แต่คุณน้ากับคุณอาก็เป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฏหมาย และฉันเป็นหลานไม่ใช่คนอื่นที่มาอาศัยในบ้านเหมือนเธอ"
"แต่คุณลุงเดชกับคุณอาฤดีก็รับฉันเป็นหลานอีกคน"
"เธอมันก็แค่ลูกเพื่อนพ่อไม่ใช่หลานในไส้แท้ๆของคุณอา"
"ขอพูดไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่เคยคิดจะแย่งความรักของคนในบ้าน อีกอย่างคุณลุงก็อาสารับฉันมาดูแลเอง ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณลุงเอาฉันมาซ้ะเมื่อไหร่"
"แกไม่ได้ขอแต่พ่อกับแม่แกขอไง ลับหลังคุณอากับคุณน้าปากดีจังนะ"
"แล้วทำไมฉันจะต้องยอมให้เธอมาว่าฉันอยู่คนเดียว"
"พ่อกับแม่ไม่สั่งสอนหรอ หรือที่ผ่านมาเป็นผู้ดีจอมปลอม พ่อกับแม่แกจับฉลากมาเป็นผู้ดีหรอ"
"ว่าฉันได้แต่มาว่าพ่อกับแม่ฉันไม่ยอม" ถาดข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะถูกสาดใส่ตัวของลิษาด้วยฝีมือของม่านฟ้า
"กรี๊ดดดด!!! ฉันจะฟ้องคุณอากับคุณน้า แกโดนไล่ออกจากบ้านแน่"
"เชิญ" ม่านฟ้ากล่าวคำพูดหนักแน่นก่อนที่จะหลบหนีไป
ช่วงเวลาเลิกเรียนคนขับรถนั้นได้มารับเธอทั้งสองเมื่อลิษาขึ้นรถก็สั่งให้คนขับรถออกรถทันทีโดยไม่ให้รอม่านฟ้า เมื่อหญิงสาวเห็นรถที่บ้านขับออกไปก็พอจะเดาได้ว่าเป็นฝีมือของลิษาที่ไม่ยอมให้ตนนั้นขึ้นรถกลับด้วย
เวลาผ่านไปพอสมควรเป็นเวลาใกล้ 6 โมงเย็นม่านฟ้าเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน ทุกคนในบ้านต่างก็นั่งรอตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่น
"สวัสดีค่ะคุณลุง คุณอา" ม่านฟ้ายกมือไหว้โดยไม่รู้ว่าก่อนที่ตนจะมาถึงบ้านลิษานั้นฟ้องอะไรที่ไม่เป็นความจริงไปแล้วบ้าง
"ทำไมเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน ทำไมไม่ขึ้นมากับรถของที่บ้านเรา" เดชณรงค์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"รถไม่ได้รอฟ้าเลยนะคะ ฟ้ามาถึงหน้ามอ.รถก็ออกไปแล้ว"
"ไม่จริงค่ะคุณอาเดช ลิษาเห็นม่านฟ้ายืนคุยกับผู้ชายคนขับรถเรียกก็ไม่ยอมขึ้นบอกให้คนขับรถขับออกไปเลย"
"ไม่เป็นความจริงค่ะ" ม่านฟ้าปฏิเสธทันควัน
"ลิษาถ่ายรูปมาด้วยค่ะ เผื่อคุณอากับคุณน้าไม่เชื่อ" ลิษาชูโทรศัพท์เปิดภาพที่หล่อนกับผู้ชายยืนคุยกันอยู่หน้ามหาวิทยาลัย
"ม่านฟ้าตอบลุงมาหน่อยว่าเรื่องจริงไหม" เดชณรงค์ถามอย่างใจเย็นเธอคิดว่าม่านฟ้าเป็นเด็กดีเหมือนที่เพื่อนของตนเคยกล่าว
"ฟ้าคุยกับเพื่อนคนนี้จริงค่ะ แต่เขาเป็นสาวสองอีกอย่างเราก็แค่คุยงานกลุ่มที่พรุ่งนี้จะต้องนำเสนอ ราก็แค่แบ่งข้อมูลกันทำำ แล้วฟ้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ ฟ้าคุยกับเพื่อนเรื่องงานจริงๆค่ะ"
"อื้ม โอเคงั้นอีกเรื่องให้อาฤดีเขาจัดการนะ ผมจะไปอาบน้ำ"
"ค่ะ" ม่านฟ้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างน้อยสิ่งที่เธอพูดก็มีคนเชื่อ
"ม่านฟ้าอาถามอะไรหน่อยสิ"
"ค่ะคุณอา"
"ฟ้าได้สาดอาหารใส่ลิษาหรือเปล่า" ฤดีถามยังเสียงเงียบ สุขุม ฟังดูน่ากลัวอยู่ลึกๆ
"ค่ะ" ม่านฟ้าไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใดเพราะนั่นมันคือเรื่องจริง
"ทำไม" คิ้วของฤดีเริ่มขมวดผูกกันเป็นปม
"คุณอาฤดีก็ลองถามลิษาดูสิคะ ฟ้าก็อยากรู้ว่าลิษาเขาจะพูดว่าอย่างไร"
"ลิษา" เสียงเรียบต่ำเรียกชื่อหลานรักพลางเปยตามองอย่างสงสัย
"ก็ม่านฟ้ามันมาว่าลิษาก่อนนะคะ ลิษาทานข้าวอยู่แต่แม่นี่เดินมาจากไหนไม่รู้ อวดอ้างว่าได้เข้ามาอยู่ในบ้านคุณน้า พูดกับลิษาว่าจะแย่งความรักของคุณอากับคุณน้าไปจากลิษา" ลิษาแสร้งเล่นบทละครน้ำเน่าใส่น้าฤดี
"ไม่จริงค่ะ ลิษานั่นแหละค่ะที่เดินมาต่อว่าม่านฟ้าที่กำลังทานข้าวอยู่ บอกว่าม่านฟ้าคือผู้ดีจอมปลอมพ่อกับแม่จับฉลากมาเป็นผู้ดี แถมยังว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน ม่านฟ้าก็เลยโมโหเลยสาดอาหารใส่ลิษาค่ะ"
"ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะลิษาไปว่าม่านฟ้าทำไม"
"นี่คุณน้าเชื่อมันหรอคะ คุณน้ารักมันมากกว่าลิษาหรอคะ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ น้าแค่ไม่อยากให้เราไปพูดจาแบบนั้นใส่กัน"
"แต่ลิษาไม่ได้เป็นคนพูด คุณน้ารู้จักลิษาดีนะคะ แล้วมันเป็นใครมันพูดอะไรคุณน้าก็เชื่อมันแถมยังมองว่าลิษาเป็นคนผิด"
"น้ายังไม่ได้กล่าวหาว่าใครผิด ที่น้าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นแค่อยากจะรู้สาเหตุก็เท่านั้น"
"ถ้าคุณน้าเชื่อมันก็ไม่ต้องมาถามลิษา คุณน้าต้องรู้จักลิษาดีสิ" จริงอย่างที่ลิษาพูดที่ผ่านมาลิษาเป็นเด็กดีมาตลอดหรือลิษาพูดจะเป็นเรื่องจริง
"ม่านฟ้า สรุปจริงอย่างที่ลิษาพูดไหม" ฤดีถามเสียงเรียบอีกครั้งไม่รู้จะเชื่อใครดี
"ก็สุดแล้วแต่คุณอาจะตัดสินใจเชื่อใครเลยค่ะ ฟ้าไม่ใช่หลานคุณอาพูดอะไรคุณอาก็คงไม่เชื่ออยู่แล้ว"
"ม่านฟ้า อายังไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกหรือผิด"
"แต่คุณอาก็เชื่อที่ลิษาพูดมากกว่าที่ฟ้าพูดใช่ไหมคะ เพราะที่ผ่านมาลิษาเป็นเด็กดีมาตลอด แต่พอวันนึงมีฟ้าเข้ามาเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้น ทุกคนคงจะมองว่าต้นเหตุก็มาจากฟ้า"
"อาจะยังไม่ตัดสินใครทั้งนั้น แต่ขอรู้เหตุผลได้ไหมม่านฟ้าว่าทำไมถึงจะต้องทำรุนแรงโดยการสาดอาหารใส่กัน"
"คุณอาพูดแบบนั้นก็หมายความว่าเข้าข้างลิษาหรอคะ ถ้าคุณอาเชื่อแบบนั้นคุณอาก็ไม่ต้องถามอะไรม่านฟ้าหรอกค่ะ ในเมื่อลึกๆแล้วคุณอาก็มองฟ้าเป็นคนผิดที่ทำเกินกว่าเหตุใช่ไหมคะ"
"ไม่ใช่นะม่านฟ้า อาก็แค่ไม่เข้าใจว่าจะต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรอ"
"ก็เขามาต่อว่าพูดถึงพ่อแม่ฟ้าอย่างเสียๆหายๆ จะให้ฟ้าทนฟังทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องจริงหรอคะคุณอา" เสียงของม่านฟ้าเริ่มสั่นคลอน
"แต่ผู้ดีเขาไม่ทำกันอย่างนี้นะฟ้า"
"ค่ะ ฟ้ามันผู้ดีจอมปลอมจับฉลากมาได้เหมือนที่ลิษาบอกนั่นแหละค่ะ" น้ำตาไหลนองอาบแก้มด้วยความน้อยใจที่ไม่มีความเห็นว่าเธอนั้นจะเป็นผู้ถูกกระทำ หากทว่าหลานรักยังไงก็เป็นหลานรักเรามันก็แค่คนอื่น
"คุณน้าคะ ลิษาไม่ถือโทษโกรธม่านฟ้าหรอกค่ะ"
"ลิษาขึ้นไปอาบน้ำเถอะ ม่านฟ้าด้วย"
"ค่ะ" ม่านฟ้าถือกระเป๋าขึ้นไปบนห้องอย่างอิดโรยภายในใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ หล่อนทิ้งตัวลงบนเตียงนอนคว่ำระบายความทุกข์ใจผ่านน้ำตาออกมา
"ฮึกๆๆ" เสียงสะอื้นผ่านลำคอทำให้คนที่ย่างกายเข้ามาในห้องหยุดมองก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เตียงเพื่อปลอบคนที่ร้องไห้
"ม่านฟ้า" เสียงนุ่มเรียกคนเล็กมือบางลูบศีรษะเป็นการปลอบให้คนร้องไห้นั้นหยุด
"คุณอา" ม่านฟ้ารีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นนั่งในท่าทีปกติ
"ร้องทำไมกัน อาไม่ได้ไม่เชื่อม่านฟ้านะ แค่อยากหาความจริงแต่สิ่งที่ม่านฟ้ากระทำอาว่ามันไม่สมควร เราควรใช้วิธีอื่นที่ดีกว่านี้"
"คือเงียบๆให้เขาพูดต่อว่าฟ้าอยู่ฝ่ายเดียวหรอคะคุณอา"
"ไม่ใช่ค่ะ เราตอบโต้ได้ต้องเป็นวิธีของคนฉลาดเข้าใจไหม เราทำแบบนี้ต่อให้มีเหตุผลมากมายมันก็ฟังไม่ขึ้นเพราะรูปธรรมแล้วลิษาเข้าโดนกระทำเข้าใจที่อาพูดใช่ไหม"
"ค่ะ ขอโทษที่ทำให้คุณอาไม่สบายใจนะคะแล้วก็ขอโทษที่แสดงกิริยาที่ไม่น่ารักกับคุณอา"
"ไม่เป็นไรค่ะ อาไม่ถือโทษโกรธม่านฟ้าหรอกนะ"
"ขอบคุณนะคะ"
"ไม่ร้องแล้วนะคนดีของอา" ฤดีดึงม่านฟ้าเข้ามาโอบกอด ศีรษะของม่านฟ้าอยู่ใต้หน้าอกของเธอ
"ไม่ร้องแล้วค่ะ"
"คืนนี้อาจะนอนเป็นม่านฟ้านะ"
ฤดีนอนข้างๆ ม่านฟ้าหญิงสาวซุกที่หน้าอกของหล่อนมือก็สวมกอด คุณหญิงของบ้านมองด้วยความเอ็นดู มือลูบผมดกดำเงางามอย่างทะนุถนอม "ฝันดีนะม่านฟ้า"
หญิงสาวข้างกายเธอเป็นหญิงผู้น่าสงสาร เพราะเธอนั้นไม่ได้อยู่ร่วมกับบิดามารดาเหมือนแต่ก่อน หากหญิงสาวจะคิดว่าตนเองไม่เหลือใครมันก็คงจะจริง แต่ทว่าฤดีอยากจะเปลี่ยนความคิดของม่านฟ้า เธอเองมองว่าหากใครมารังแกม่านฟ้าเธอแค่เพียงอยากจะปกป้อง เพราะในบ้านหลังนี้ไม่มีญาติพี่น้องของม่านฟ้าให้เป็นที่พึ่งทางจิตใจเสียเลย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments