เมื่อมนุษย์ตัวน้อยผมแดงของตนหลับไหลอย่างไม่มีที่ว่าจะตื่นนอนแน่นิ่งอยู่บนอกของตนเหมือนเด็กน้อย อ้อมแขนใหญ่ก็ค่อยๆกอดประคองคนบนร่างให้เคลื่อนลงมานอนที่ด้านข้างแทน
เทพแห่งผืนป่าดึงผ้าห่มที่ทำจากหนังหมีคลุมร่างมนุษย์น้อยเพื่อมอบความอุ่นให้แทนร่างกายของตนเองก่อนจะค่อยๆก้าวขาลงมาจากแท่นบรรทม พระองค์หลับตาลงแล้วหายวับไปกลางอากาศมุ่งหน้าสู่ต้นไม้โลกอันเป็นสถานที่พำนักดั้งเดิมของตนเมื่อกาลก่อน พระองค์มีเรื่องสำคัญที่ต้องรีบกระทำและต้องเป็นความลับห้ามให้ผู้ใดล่วงรู้
ดวงตาสีฟ้าอีกคู่ที่กำลังเหม่อมองอยู่บนยอดสูงของต้นไม้โลกตวัดสายตาลงมามองยังพื้นเบื่องล่างเมื่อรับรู้ถึงบางสิ่งที่มุ่งตรงมาที่ตนด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร ดวงตาที่แข็งกร้าวของพระองค์เกิดประกายแสงก่อนที่คันธนูใหญ่สีทองจะสว่างวาบเปล่งแสงอยู่บนฝ่ามือ
ผู้มาเยือนที่ไม่ควรได้ย่างเท้าเหยียบพื้นโลกเหิมเกริมวางอำนาจจนมาอยู่ที่ต้นไม้นี้ได้อย่างไร
ร่างผมทองในชุดผ้ากระโดดลงมาพร้อมกับง้างคันศรเล็งธนูสีทองพุ่งเป้าไปยังร่างของผู้บุกรุกในทันที หวังจะปลิดชีพให้ตายภายในคันศรเดียว
"เจ้าหลุดออกมาจากเหวทมิฬได้อย่างไร!"
นับว่ายังดีที่เทพแห่งผืนป่าหลบหลีกได้ทันจึงไร้ซึ่งบาดแผล พระองค์แย้มยิ้มให้กับร่างที่เหมือนตนทุกกระเบียดนิ้วแล้วทรงเงียบใส่ไม่ตอบอะไรกลับไปจนอีกฝ่ายกัดฟัน
เทพทั้งสองยืนประจันหน้ามองใบหน้าที่เหมือนกันราวกับถอดพิมพ์อย่างไม่ลดละ ประกายสีสองจากดวงตาของร่างเจ้าของธนูสว่างวาบอีกครั้งเตรียมจะเรียกศาสตราวุธชิ้นอื่นออกมาฟันเจ้าของรอยยิ้มให้ขาดเป็นสองท่อน เทพแห่งผืนป่าเจ้าของร่างอสูรที่เป็นร่างหลักยกมือยอมแพ้ พระองค์ยอมก้าวขาถอยห่างออกมาจากต้นไม้ใหญ่แต่โดยดีไม่คิดก่อกวนให้อีกฝ่ายโมโหจนเสียเรื่อง
"มานากลายมาเป็นชายาของข้าแล้ว คำสาปถูกทำลายจึงออกมาได้"
"มานา? เด็กน้อยคนนั้นน่ะหรือ"
เทพแห่งผืนป่าพยักหน้ามองร่างแยกของตนที่หรี่ตามองมาอย่างไม่ไว้วางใจก็จนปัญญา จึงหยิบเส้นผมสีแดงที่หลุดออกมาจากศีรษะของมนุษย์ตัวน้อยที่ติดตามเสื้อผ้าตนขึ้นมาเป็นข้อพิสูจน์แล้วส่งมันให้ร่างแยกของตนได้ดู
เทพแห่งผืนป่าอีกตนแบมือออกมาตรงหน้าแล้วเพ่งมองเส้นผมจนกระจ่างแจ้งว่าเป็นเช่นนั้นจริงดังที่อีกฝ่ายกล่าวมา
"ของมนุษย์ผู้นั้นจริงๆ... เจ้าได้รังแกเขาหรือไม่!"
"ข้าไม่อาจบอกได้" เพราะถ้าบอกไปก็คงไม่ได้ร่างสมบูรณ์กลับคืนมาเป็นแน่
"แต่ข้าอยากขอความร่วมมือจากเจ้าให้กลับเข้ามาอยู่ในร่างข้าตามเดิม.. เมื่อคำสาปคลายแล้วก็ไม่มีเหตุให้ต้องแยกกันอีก กลับมาเป็นหนึ่งเดียวย่อมดีกว่า"
ดวงตาสีฟ้าของร่างแยกมองร่างหลักของตนด้วยสายตาที่กำลังประเมินความน่าเชื่อถือ
เดิมทีเทพองค์นี้เกิดขึ้นมาจากพระเจ้าโดยตรงแต่กลับมีนิสัยริษยาทำร้ายมนุษย์ที่ได้รับความรักจากพระเจ้าจนพลั้งมือสังหารมนุษย์ชายผู้แรกจนสิ้นชีพราวๆ5,000ปีที่แล้ว
เมื่อพระเจ้าได้หยั่งรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำการขับไล่เทพตนนี้ลงมาแล้วใช้พระบาทกระทืบร่างเทพองค์นี้ให้อยู่ในสภาพที่ปางตายใกล้สิ้นชีพ เมื่อนั้นที่พรพองค์ได้แยกดวงจิตของเทพแห่งผืนป่าออกมาจากหนึ่งให้กลายเป็นสอง ก่อนจะสาปส่งให้อยู่ในรูปลักษณ์ของอสูรร้ายต้องทนหิวกระหายอยู่ในรอยแยกของโลกที่เกิดจากแรงปะทะของพระบาทพระเจ้ากับผืนดิน ส่วนตัวตนอีกหนึ่งก็จองจำเอาไว้ให้ดูแลรักษาผืนป่าโลกกับมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้นับตั้งแต่กาลนั้นเป็นต้นมา
แต่ทว่าป่าของโลกและการจองจำมันผู้นี้ที่ไม่ยอมแพ้จำต้องมีผู้ดูแลจึงมอบหน้าที่ให้ตัวตนของเทพที่แยกออกมาเพิ่มเติมจากเดิม ด้วยการให้เขาดูแลความเป็นไปในผืนป่าของโลกแห่งนี้
ทุกค่ำคืนเจ้าอสูรร้ายจะตะเกียดตะกายออกมาจากหลืบเล็กๆเพื่อสังหารทุกสรรพสิ่งที่ย่างก้าวเข้าไปด้านในนั้น และตนก็จำต้องใช้ธนูและคันศรสวรรค์คันนี้ยิงไล่มันกลับเข้าไปจนเกิดเสียงโหยหวนแห่งความเจ็บปวดดังลั่นไปทั่วทั้งผืนป่าแทบทุกวันและทุกๆคืนมานับหมื่นๆปี
จากหน้าที่ที่ต้องทำและผ่าเผยด้วยความภูมิใจกลายเป็นความเบื่อหน่าย จนกระทั่งมีมนุษย์กลุ่มแรกจากภายนอกอพยพเข้ามาอยู่ที่ชายป่า ร่างแยกของเทพแห่งผืนป่าจึงเสด็จไปเยือนแล้วสอนวิทยาการต่างๆให้เจริญก้าวหน้า พระองค์ทรงตั้งรกรากให้พวกมันได้อยู่อาศัยและกำจัดเผ่าศัตรูที่รุกรานตามมาให้สิ้น ก่อนจะพาเข้ามาอยู่ในบริเวณใกล้ๆกับสัตว์ร้ายนั้น
มนุษย์กลายเป็นเครื่องมือในการสังเกตการ์ณและแก้เหงาในยามว่างของพระองค์ เมื่อใดก็ตามที่พวกมันถูกอสูรร้ายคุกคามตนก็จะมายิงศรไล่อสูรกลับเข้าไปยังหลืบเขา จนมนุษย์เหล่านี้สืบเชื้อสายและมีลูกหลานจนเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆก่อเกิดเป็นอารยาธรรมขนาดใหญ่
เมื่อนั้นเองที่พระเจ้าเริ่มคิดถึงการคลายคำสาปให้เทพแห่งผืนป่าได้หลุดพ้น ดวงจิตของเทพองค์หนึ่งถูกวางลงบนมือของเขาในตอนที่พระเจ้าทรงเรียกให่ไปเข้าเฝ้า มันคือดวงไฟสีแดงสว่างใสที่ล่องลอยไปมาบนฝ่ามือ เส้นใยบางๆพลันบังเกิดเมื่อพระเจ้าได้ถักทอเส้นใยของโชคชะตาเชื่อมสองร่างเข้ากับหนึ่งดวงจิต
หลังจากที่กลับลงมาจากสวรรค์ ร่างแยกของเทพแห่งผืนป่าก็นำข่าวดีมาบอกแก่มนุษย์ พระองค์เรียกมนุษย์ทั้งหลายในป่าให้มารวมตัวกันยังต้นไม้แห่งโลกแล้วจึงคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมมาฝังดวงจิตของเทพ ให้กาลเวลาบ่มเพาะกำเนิดทายาทดวงตาสีทองออกมาหลายคน ด้วยหวังว่าดวงจิตนั้นจะคัดเลือกร่างที่เหมาะสมจากสายตระกูลมนุษย์ที่ถูกคัดสรรแล้วกำเหนิดขึ้นมาบนโลก
แต่น่าเสียดายที่มนุษย์พวกนั้นมีเพียงร่างกายที่มาจุตติเท่านั้นหากแต่ไร้ซึ่งดวงจิตของเทพองค์ดังกล่าว
เมื่อถูกส่งมาเป็นเจ้าสาวแต่ไร้ซึ่งพลังจึงตายคาแกนกายขนาดใหญ่ของอสูรร้ายอย่างน่าเวทนา ร่างของมนุษย์พวกนั้นกลายเป็นอาหารว่างดับความกระหายของเทพแห่งผืนป่าที่กำลังทุกข์ทรมานอยู่นานหลายพันปีไปอย่างสูญเปล่า
จนกระทั่งวันหนึ่งในตอนที่ตนกำลังเดินตรวจตราไปรอบๆผืนป่าเพื่อดูความเป็นไปของวัฎจักรนั้นเองที่ตนได้พบกับเด็กชายผมแดงเจ้าของดวงตาสีทอง เมื่อพานพบเด็กคนนั้นก็พุ่งตรงเข้ามาหาตนหมาวจะทำร้าย แต่ทว่าพลังของเทพกับมนุษย์นั้นช่างแตกต่าง เด็กชายถูกกำราบและโดนจับตีก้นด้วยความเอ็นดู
ร่างแยกของเทพแห่งผืนป่ารับรู้ได้ถึงการจุตติของเจ้าสาวและเลี้ยงดูเด็กชายอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะนำไปปล่อยทิ้งไว้ที่หน้าประตูเมืองของอาณาจักรเล็กๆ แม้จะไม่อยากแยกจากสักเท่าไหร่แต่ตามชะตาที่ลิขิตนั้นตนทำต้องปล่อยให้เด็กชายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
เมื่อนึกช่วงเวลานั้นของตนกับมานาดวงตาสีฟ้าก็ฉายแววเอ็นดูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เด็กชายที่เหมือนกับลูกหมาป่าหิวโซคนนั้นเติบใหญ่จนกลายเป็นเครื่องสังเวยได้แล้ว เมื่อได้รู้ถึงข้อเท็จจริงตรงนี้รวมไปถึงวันเก่าๆความคิดถึงก็ทำให้ร่างแยกยอมพยักหน้าตกลง แต่ก็ไม่วายใช้บาทาถีบร่างหลักจนพุ่งไปกระแทกต้นไม้เบื้องหักครึ่ง กวาดเอาต้นไม้ตามนาวที่ทอดยาวถัดๆไปล้มครืนเป็นแถบ
"รสบาทาของข้าแทนความชั่วช้าที่ทำเด็กน้อยของข้าเจ็บ"
รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เหมือนกันนั้น เมื่อนั้นเองที่เทพแห่งผืนป่าลุกขึ้นยืนตั้งหลักได้พระองค์ก็กำหมัดแล้วพุ่งเข้าใส่อีกร่างในทันที
"เจ้าเป็นแค่ร่างแยกอย่ามาทำกร่าง"
เมื่อแนวทางของสันติไม่ใช่ทางออกร่างทั้งสองจึงต่อสู้กัน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมลดละพุ่งเข้าอัดกำปั้นปะทะกันจนต้นไม้โลกสั่นสะเทือน เทพทั้งสองต่อสู้นัวเนียกันอย่างไม่มีมีใครยอมแพ้สลับกันเป็นรองเป็นต่ออยู่พักใหญ่สาเหตุลึกๆก็คือต้องการเป็นใหญ่ในร่างของตนเพื่อที่จะให้ได้เคียงข้างมนุษย์ผมแดงเท่านั้น
"ทำเป็นหวงก้าง หารู้ไม่ว่าเทพองค์นั้นที่มานาปักใจคือข้าไม่อสูรอัปลักษณ์เช่นเจ้า!"
"ปากดี! ถ้าไม่มีข้าเจ้าก็เป็นแค่ดวงจิตกระจอกงอกง่อย!"
ร่างกายที่มีพละกำลังเทียบเท่ากันทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้เกิดความพินาศแก่ป่าโดยรอบ ดวงตาสีฟ้าที่แข็งกร้าวมองสปกันอย่างไม่ลดละในระยะประชิดมือขยุ้มเส้นผมสีทองที่ยาวสยายของอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิงใบหน้าต่างก็ยับเยินมุมปากและคิ้วแตกจนเลือดสีทองไหลย้อมอาบใบหน้าเป็นทาง
"เอาความทรงจำตอนนั้นมาให้ข้า!"
"เอามานามาให้ข้า!"
เทพสุริยันที่ลอยผ่านมามองเห็นถึงความเสียหายตรงกลางป่าที่พาลจะทำให้พินาศก็รีบเร่งเข้ามาดู เมื่อเห็นว่าร่างของเทพแห่งผืนป่าทั้งสองต่อสู้กันจึงพุ่งตัวเข้ามาแยกทั้งฝ่ายออกไม่ให้ก่อความเสียหายมากไปกว่านี้
"นี่เจ้า คำสาปคลายแล้วรึ?"
เทพผู้มาใหม่มองเทพอสูรอย่างสงสัยแล้วใช้มือกันร่างเทพของเทพแห่งผืนป่าไปยืนอยู่ที่ด้านหลังตนฝ่ามือร้อนพยายามกันเอาไว้ไม่ให้เทพที่กำลังแยกเขี้ยวคำรามอยู่เบื้องหลังพุ่งตัวเข้าไปหาอีกฝ่าย อย่างไรเสียนั่นก็เป็นร่างหลักอีกทั้งยังดูสงบกว่าต่างจากเทพเลือดร้อนอีกคนนัก
"ใช่.. ข้าออกมาแล้ว และต้องการความทรงจำจากเขาบางส่วน"
"ข้าไม่ให้! กลับหลุมไปสะแล้วเอามานามาให้ข้าไอ้หน้าไม่อาย!"
เมื่อไม่ยอมสงบแต่โดยดีเทพแห่งสุริยันที่รำคาญเต็มทนจึงใช้พลังเปิดก้อนเมฆอัญเชิญลำแสงของพระเจ้าลงมาไต่สวนการวิวาทในครั้งนี้เป็นการยุติความน่ารำคาญและคืนความสงบอันแท้จริงแก่ผืนป่าได้อย่างถาวรแน่นอน
เมื่อพระเจ้าถูกรบกวนจากการร่วมสังวาสกับสรรพสัตว์พระองค์จึงออกคำสั่งให้เทะทั้งสองหลอมรวมร่างกลับคืนเป็นเทพแห่งผืนป่าอีกครั้งเพราะนึกรำคาญปัญหานี้เต็มืน
ท้ายที่สุดร่างแยกก็จำต้องยินยอมกลับเข้าไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างหลักแล้วหลอมรวมความทรงจำเข้าด้วยกันตามคำบัญชาของพระเจ้า ในที่สุดเทพกับอสูรก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกันร่างของเทพแห่งผืนป่าจึงสมบูร์ณแล้วได้คืนรูปลักษณ์ของเทพผู้องอาจดังเช่นกาลก่อนอีกครั้ง
"มานา..."
เสียงเรียกที่กระซิบอยู่ข้างหูช่างรบกวนการนอนขององค์ราชาจนร่างผมแดงที่นอนหลับตาอยู่ขมวดคิ้วมุ่น พระองค์ยกฝ่ามือเรียวโบกสะบัดฟาดเข้ากับสันจมูกของเทพผมทองจนอีกฝ่ายชะงักและจำต้องถอยใบหน้ากลับไป
เทพแห่งผืนป่านั่งนิ่งเมื่อตรวจดูแล้วมนุษย์ตัวน้อยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นมือใหญ่จึงค่อยๆยกเรียวขาของมนุษย์ที่นอนตะแคงหันหลังอยู่นั้นให้แยกออกจากกัน มือใหญ่จับท่อนลำสีแดงคล้ำที่แข็งตัวปัดป่ายไปมาตามร่องแน่นของก้อนกลมสร้างความกระสันให้กับเทพผู้มักมากจนหอบหายใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
"ถ้าไม่ตื่นข้าจะรังแกเจ้าให้ฝันร้ายนะ.."
เทพแห่งผืนป่าลองกระซิบอีกครั้งหนึ่งแล้วดูดเลียใบหูเล็กๆ พระองค์ทรงปลุกเร้าอารมณ์ให้กับมนุษย์ตัวน้อยจนแกนกายที่นิ่งสงบอยู่ด้านหน้าเริ่มผงกหัวมาทักทายพระองค์
"ยามหลับฝันเจ้าก็ยังลากมกเชียวรึมานา.. เห็นทีข้าคงต้องทำให้เจ้าตื่นขึ้นมาดูความร่านร้อนของร่างกายตนเองเสียแล้ว"
กายใหญ่ผุดลุกขึ้นนั่งแล้วขยับตัวแทรกเข้าไปอยู่ที่หว่างขาของร่างที่กำลังนอนตะแคงหลับใหลอย่างไม่รู้ตัวให้เบาที่สุด ฝ่ามือใหญ่แบะอ้าก้นกลมออกจนเห็นช่องทางที่บวมเป่งเป็นรูกว้าง พอเจ้าของร่างเริ่มเกิดอารมณ์น้ำหวานบางส่วนก็ถหลั่งออกมาจนช่องทางนั้นฉ่ำเยิ้มขมิบตอดรัดอากาศตามจังหวะหายใจที่กระชั้นมากขึ้นขององค์ราชา
หัวแดงบานเท่าผลกำปั้นค่อยๆสอดลึกปริดึงช่องทางเล็กๆที่บวมแดงให้ขยายออกมากขึ้นก่อนที่ปากทางอันบอบช้ำจะผลุบหายเข้าไปช้าๆตามแกนกายใหญ่ที่สอดลึกเข้าไป
เมื่อสอดใส่ไปได้ครึ่งลำเอวหนาก็ขยับถอนกายออกอย่างเชื่องช้าครูดรั้งเนื้อชมพูที่รัดแน่นให้รูดตามออกมาเป็นถุงเนื้อดูลามกยิ่ง ดวงตาสีฟ้าจับจ้องอยู่ช่องทางเล็กที่กำลังกลืนกินแกนกายใหญ่ของตนแล้วยิ้มออกมาอย่างชอบใจเมื่อรูรักของมานานั้นรักแกนกายของตนมากจนไม่ยอมปล่อยไปไหน
ภายในนั้นบีบรัดเหมือนกำลังถูกดูดกลืนเข้าไปในช่องทางอุ่นๆเลยทีเดียว
"อา... ดีเหมือนกันที่ข้าได้มาทักทายเจ้าก่อนจะหายไป เจ้าลูกหมาน้อย"
สะโพกหนั่นขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าตอกแกนกายเข้าอกจนเกือบสุดความยาวสร้างความอึดอัดให้ร่างเล็กจนส่งเสียงอืออาออกมา
ใบหน้าหล่อเหลาปรือตาลงอย่างสุขสมช่องทางที่คับแน่นตอดรัดแกนกายของตนระรัวเหมือนกับว่าหิวกระหายในน้ำกามอย่างยิ่งยวดจนแกนกายใหญ่แทบจะปลดปล่อยออกมา แต่ถึงกระนั้นเทพแห่งผืนป่าก็ยังมีความอดทนมากพอ พระองค์อดทนรอจนช่องทางที่คับแน่นผ่อนคลายมาจนถึงจุดที่พึงพอใจแกนกายใหญ่ก็ถูกถอนอกจนสุด เห็นเป็นเส้นสายน้ำหวานจากช่องทางหลุดเยิ้มติดแกนกายออกมา เสียงดังพล๊อกดังขึ้นทุกช่วงจังหวะที่หัวป้านมุดเข้าออกอยู่ตรงปากทางที่หลวมโพรกนั้น
พระองค์ถอยออกมาแล้วกระแทกท่อนลำกลับเข้าไปอย่างแรงจนสุดโคนพาลให้คนที่หลับไหลตื่นจากการนอนหลับ
ดวงตาสีทองเบิกกว้างร้องครางออกมาดังลั่น ร่างผมแดงไถลไปด้านหน้าจนองค์ราชาผวาขยุ้มขนหมีสีน้ำตาลที่รองกายเอาไว้แน่นอยู่ในมือ เมื่อเหลือบตาไปมองที่ท่อนล่างก็เห็นท่านเทพแห่งผืนป่ากำลังกระตุกยิ้มที่มุมปากมองมายังตนเหมือนกำลังหยอกล้อและรู้สึกสนุก
"ข้าปลุกเจ้าแรงไปหรือ?"
"ท...ท่าน อ๊า!~"
ท่านเทพไม่รอคำตอบแล้วตะปบมือใหญ่จับเข้าที่เอวสอบล๊อกเอาไว้แน่น แล้วขยับแกนกายกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรงไม่เปิดโอกาสให้มนุษย์ตัวน้อยได้เอ่ยถามสิ่งใด
เสียงกระแทกและเสียงครางดังขึ้นขาดๆเกินๆเพราะเทพผมทองช่างขี้แกล้ง ยามที่องค์ราชาพยายามจะพูดสิ่งใดออกมากก็ไม่ทันจะได้ใจความดีแกนกายขนาดเท้าท่อนขาก็ถูกกระแทกเข้ามาบดขยี้จุดกระสันที่อยู่ลึกด้านใน พาลให้องค์ราชาตัวกระตุกเกร็งด้วยความเสียวซ่าน
สองเท้าจิกค้างอยู่บนบ่ากว้างทำได้เพียงแค่นอนครวญครางรองรับความเสียวซ่านจนแทบสิ้นสติ
"ฮั่ก!~... ด..ได้โปร... อ๊า!~"
"ได้โปรดอะไร พูดให้ครบถ้วนสิ"
"ได้โปร... อร๊างง!!~.. โปรด หยุดเถิ... อ๊ะ!~"
"จะให้ข้าหยุดได้อย่างไรเจ้าร่านร้อนต้องการแกนกายของข้าถึงเพียงนี้มานา.. หากราชาอย่างเจ้าถ้าถูกข้าพาไปเสพสังวาสต่อหน้าประชาชน ก็คงจะร่อนเอวควบขี่ข้าอย่างไร้ยางอายใช่หรือไม่"
"ม..ไม่ใช่ อุ!~... โอ๊ววว!!~"
ริมฝีปากสีแดงอ้าออกกว้างดวงตาเหลือกลอยเมื่อแกนกายใหญ่มุดหายเข้ามาจนสุดโคนดันหน้าท้องให้นูนเด่นขึ้นมาถึงลิ้นปี่ เห็นเป็นหัวบานของแกนกายอย่างเด่นชัดดูน่ากลัว สองขาจิกเกร็งค้างแล้วปลดปล่อยออกมาเมื่อท่านเทพแห่งผืนป่าขยับสะโพกหมุนคว้านแกนกายไปมาสร้างความเสียวซ่านเกินบรรยายให้กับมนุษย์ตัวน้อยของพระองค์
"ยังกล้าปฏิเสธอีกรึ ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ดูเสียสิ"
ช่องทางที่บวมแดงกลับมาว่างเปล่าอีกครั้งเมื่อสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มนั้นหายไปสะโพกขององค์ราชาจึงขยับเข้าหาแล้วส่ายไปมาเรียกร้องการสอดใส่อย่างรุนแรงนั้นอีกครั้งหนึ่ง
แต่ถึงอย่างนั้นท่านเทพผู้ใจร้ายก็ยังอยากจะกลั่นแกล้งต่อ องค์ราชาจึงจำเป็นต้องใช้มือของตนล้วงเข้าไปในช่องทางแล้วสอดลึกมุดหายเข้าไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อคลายความทรมาณ
"อึกก!~ ข้าขอโทษ ได้โปรดสมสู่กับข้า ได้โปรด"
ดวงตาสีฟ้าหันมองไปทางอื่นอย่างไร้เยื่อใยจนมนุษย์ตัวน้อยใจสลาย องค์ราชาผุดลุกขึ้นนั่งแล้วคลานเข่าเข้าไปหาอย่างจำยอม
"ได้โปรด.. พระสวามี ข้าอยากได้แกนกายของท่าน"
น้ำตาแห่งความทรมาณจากความกระสันที่ไม่ได้รับการเติมเต็มคลอหน่วงอยู่ที่กระบอกตา ดวงตาสีทองวูบไหวจนเทพผมทองใจอ่อนก้มลงไปจูบซับเบาๆแล้วช้อนตัวขึ้นมานั่งทับแกนกายของตนแล้วสอดใส่กลับเข้าไปจนสุดความยาว
ดวงตาสีทองเบิกกว้างน้ำตาไหลร่วงลงมาอาบแก้ม ร่างทั้งร่างโยกคลอนอย่างรุนแรงเมื่อร่างกายของตนถูกจับให้โยกขึ้นลงไปตามแกนกายใหญ่อย่างรุนแรง เสียงครางและเสียงหวีดร้องดังขึ้นตลอดการร่วมรักที่แทบจะทำให้องค์ราชาเกือบสิ้นสติอีกครั้ง อันมาจากความสุขสมที่มากเกินไป จวบจนรุ่งสางมาเยือนช่องทางที่บอบช้ำถึงได้เป็นอิสระจากการถูกรังแก
น้ำขาวขุ่นหยาดเยิ้มเต็มหว่างขาไหลย้อนออกมาเพราะช่องทางนั้นเกินจะกักเก็บไหว รูรักเบิกกว้างและยับเยินอย่างยากจะกลับคืนแม้แต่ลมที่พัดผ่านก็ยังพาให้ด้านในผนังสีแดงรู้สึกได้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments