น้ำ... กระหายเหลือเกิน
ร่างที่นอนสลบอยู่บนแท่นหินค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตาทั้งข้างและสมองรู้สึกงงงวยกับสถานการณ์ตรงเมื่อภาพที่แรกเริ่มลืมตานั้นไร้ซึ่งแสงใดๆ มีเพียงความมืดมิดอยู่ล้อมรอบกาย
ความกระหายผลักดันให้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำงาน มานาพยายามลุกขึ้นนั่งแล้วลองหยั่งเชิงหย่อนปลายเท้าลงจากแท่นหินด้วยหวังว่าตนจะไม่ได้อยู่บนที่สูงมากนัก ไม่เช่นนั้นแล้วคงหนีไม่พ้นอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นเพราะร่วงลงพื้น
หลังจากที่เขาหยั่งเท้าอยู่นานในที่สุดปลายเท้าก็ได้สัมผัสกับพื้นดิน แท่นหินที่องค์ราชานอนอยู่ไม่ได้สูงมากนักจึงลงถึงพื้นได้อย่างง่ายดายไร้บาดแผล เขานั่งยองๆลงกับพื้นแล้วอยู่ในท่าคลานกวาดมือไปรอบตัวลูบคลำไปตามพื้นเพื่อป้องกันไม่เกิดอันตรายจากการชนเข้ากับหินแข็งหรือเหยียบอะไรที่มีคมจนปักเท้าเข้า เพราะภายในนี้มืดมากวิธีนี้จึงเป็นทางเลือกเดียวที่เขาคิดได้การใช้มือแทนดวงตาเสมือนคนตาบอเนับว่าดีที่สุดแล้ว
ร่างผมแดงคลานไปมาแล้วใช้สองมือคลำไปตามพื้นดินควานหาแหล่งน้ำท่ามกลางความมืดมิดอย่างยากลำบากแต่เหมือนจะไม่พบอะไรเลย เขาไม่รู้ว่าที่แห่งนี้กว้างใหญ่แค่ไหนกันแน่ จึงได้แต่นั่งนิ่งๆรอเพียงแสงสว่างที่ไม่รู้ว่าจะมีมาหรือไม่อย่างคาดหวัง
พิลองอยู่นิ่งก็เพิ่งจะสังเกตได้ว่าเจ้าสัตว์ร้ายไม่อยู่ในทำนี้ มันคงจะออกไปไหนสักแห่งซึ่งเขาเองด็ไม่รู้ว่ามันออกไปไหน เพราะหลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้ใดได้พบเห็นมันถ้ายึกตามบันทึกที่เขาได้อ่าน มันคงจะไม่เคยได้ออกไปจากที่นี่เพราะเทพแห่งผืนป่าจะเป็นผู้ยิงศรสีทองดีดมันกลับลงไปในหลืบอันมืดมิดอยู่ทุกค่ำคืนตามตำนานที่กล่าวขานกันมานาน อันเป็นที่มาของเสียงร้องโหยหวนที่ดังไปทั่วทั้งป่าอยู่แทบทุกค่ำคืน
มานาไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดอสูรตนนี้ถึงได้แอบอ้างตนว่าเป็นเทพแห่งผืนป่าจากคำพูดของมันเมื่อคืน แล้วเทพแห่งผืนป่าตัวจริงที่เขาเคยเจอนั้นหายไปไหน เพื่อหาคำตอบเขาจะต้องอยู่รอดให้ถึงวันนั้นให้ได้วันที่หาทางสังหารอสูรร้ายตนนี้ได้สำเร็จ
ไม่แน่ว่าเจ้าอสูรจะทำให้ท่านเทพบาดเจ็บสาหัสพระองค์จึงไม่ได้มารับเขา และมันก็ฉวยโอกาสนี้ล่อลวงตนก็เป็นได้
"ในนี้ไม่มีแหล่งน้ำเลยหรืออย่างไร... แล้วทางออกอยู่ทางไหนกัน"
องค์ราชานั่งนิ่งๆอยู่พื้นอยู่หลายชั่วโมงก็พบกับแสงรำไรที่สาดส่องเข้ามาจากด้านนอก
ดูเหมือนว่าด้านหลังหลืบเขาที่ตนคลานออกมาจะเป็นเหมือนอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เกิดจากรอยแยกใต้ภูเขาลูกหนึ่ง ทางด้านหน้าเป็นทางแคบตัดกับด้านในที่กว้างขวาง จึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดตนจึงหาทางออกไปจากที่นี่ไม่เจอเสียที มันไม่ต่างอะไรกับการเดินอยู่ในแอ่งกระทะที่มีทางออกเป็นคอคอดแคบๆเลยสักนิด ทำให้ภายในถ้ำนี้มีสภาพไม่ต่างจากกรงขังเมื่อได้เข้ามาแล้วก็ยากที่จะได้กลับออกไป
"เจ้าปีศาจตนนั้นไม่อยู่.. ข้าต้องรีบหนีแล้ว"
เคิดได้ดังนั้นมานาก็ใช้สองมือของตนยันตัวขึ้นแลเวก้าวขาพาตนเองกระเสือกกระสนวิ่งหนีออกมาแม้จังยังคงรู้สึกบาดเจ็บภายในกาย
แสงสว่างอันเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ภายนอกนั้นช่างผิดกับภาพป่าทมิฬก่อนหน้า
เมื่อก่อนเท่าที่ตนจำได้แสงแดดไม่เคยจะส่องมาถึงจุดนี้ของป่าเหมือนกับว่าตรงนี้ได้ดูดกลืนแสงสว่างไปจนหมดสิ้น
ดวงตาสีทองหรี่ลงเมื่อแดดนั้นบาดตายากจะปรับตัวทัน มานาจึงยกแขนขึ้นมาบีงแล้วยืนนิ่งเพื่อรอให้ดวงตานั้นหายเจ็บ เมื่อปรับสภาพกับแสงจ้าได้ภาพป่าเขียวชะอุ่มและต้นไม้หน้าตาประหลาดมากมายโดยรอบที่เห็นก็ทำให้องค์ราชาประหลาดใจยิ่งจนเผลออุทานออกมาเสียงดัง ป่าที่เคยแห้งกรังต้นไม้ที่ยืนต้นตายและผืนดินแตกระแหงกลับอุดมสมบูร์ณและเขียวขจีขึ้นภายในชั่วข้ามคืน
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!"
มานาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาได้เห็น
ทางน้ำเล็กๆอยู่ห่างเพียงแค่ไม่กี่เมตรทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันไม่เคยมีอยู่ อีกทั่งยังมีปลาตัวน้อยว่ายไปมาทำให้องค์ราชาที่กระหายน้ำจัดพุ่งตัวเข้าไปใช้ทั้งสองมือประคองน้ำขึ้นดื่มขึ้นมาดับกระหาย
แต่ยังไม่ทันจะได้ล้างหน้าล้างตาแล้วหลบหนี เจ้าของสถานที่ตัวจริงก็กลับมาถึงที่พักพอดิบพอดี
เมื่อเห็นเมียหมาดๆของตนออกมาที่ด้านนอกโทสะของอสูรร้ายก็ปะทุ ด้วยรับรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังจะหลบหนี ด้านราชาที่ถูกเห็นเมื่อสปตาเข้ากับดวงตาสีฟ้าและใบหน้าที่คุ้นเคยจากบุรุษตรงหน้าก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเป็นเทพแห่งผืนป่าที่เคยได้พบกันเมื่อครั้งยังเยาว์วัยแต่เสียงคำรามที่ร่างผมทองเปร่งออกมานั้นคือเสียงของอสูรร้ายตัวนั้นในถ้ำ
เทพแห่งผืนป่าและอสูรคือตัวตนเดียวกันสิ่งที่ตนคิดก่อนหนีออกมาเหมือนการหลอกตัวเองอย่างโง่งม เพราะเขาจำได้ถึงความทรงจำสุดท้ายก่อนจะสลบ ว่าปีศาจตนนั้นใช้มนต์ดำหรือพลังบังบางอย่างทำให้ตัวเล็กลง แถมยังพูดภาษามนุษย์บางอย่างกับเขาก่อนที่ตนจะหมดสติไป
เมื่อเข้าใจทุกอย่างจนกระจ่างแล้วสองขาของร่างผมแดงก็รีบผุดลุกขึ้นแล้วก้าวยาวๆไปอีกทิศทางหนึ่งเพื่อวิ่งหนีสุดแรงเกิด ด้วยหวังจะให้ตนรอดออกไปจากเขตุป่าทมิฬ
ท่าทางนั่นของอีกคนทำให้ท่านเทพที่ยืนจ้องอยู่โมโหมากขึ้น เขาคืนร่างสัตว์ร้ายของตนกลายเป็นบางสิ่งที่ตัวใหญ่มหึมาเกือบเท่าช้างป่า มีขาสามคู่เป็นกีบเท้ามีส่วนหัวที่คล้ายกับลำตัวของมนุษย์พร้อมกับแขนหนึ่งคู่บนศรีษะดูคล้ายกับกวาง ตรงกลางของสิ่งที่ดูเหมือนหน้าอกมนุษย์แบะออกกว้างโชว์ฟันแหลมคมอันน่ากลัว
ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่คำรามลั่นสับเท้าทั้งสามคู่ออกวิ่งตามองค์ราขสไปติดๆ สิ่งที่มานาเฉลียวใจถูกยืนยันด้วยร่างที่วิ่งตามมาด้านหลังจนทำเขาฝันสลายและหวาดกลัว
"เจ้าไม่ทีวันหนีข้าพ้นหรอกมานา!!"
"ไม่!!.. อย่าตามข้ามา ปล่อยข้าไปเถอะท่านเทพ!!"
สองขาเล็กๆของมนุษย์ออกวิ่งสุดแรงเกิดเท่าที่จะทำได้
มานาพยายามก้าวหนีให้พ้นด้วยความสามารถของนักรบที่เจนสนามคนหนึ่งที่ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดี แต่ก็ต่างชั้นกันนักเพราะท่านเทพได้วิ่งมาจวนจะถึงร่างของเขาแล้ว พลังของเทพแห่งจันทราที่เคยได้รับเองหายไปตั้งแต่เข้าพิธีถวายตัว เ
เทพจะไม่ใช้เจ้าสาวมนุษย์ร่วมกันนั่นคือกฎ พลังจึงถูกดึงกลับไปทำให้มานาเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาที่กำลีงวิ่งหนีเทพในร่างอสูรเท่านั้น และแน่นอนว่าพลังนั้นต่างกันจนยากจะเทียบได้
ในที่สุดองค์ราชาก็สิ้นท่าหมดแรงจะก้าวต่อไป สองขาเริ่มวิ่งช้าลงเรื่อยๆก่อนที่ร่างผมแดงจะถูกจับล๊อกเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยฝ่ามือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งของอสุูรร่างยักษ์ที่คว้าเข้ากลางลำตัว ยกเอาร่างขององค์ราชาให้ลอยขึ้นกลางอากาศ
ตอนนี้ท่านเทพโมโหเป็นอย่างมากและพร้อมจะบดขยี้ร่างผมแดงให้แหลกจนกว่าจะหายจากโทสะเลยทีเดียว
"ข้าจะให้โอกาสเจ้าแก้ตัวมานา แต่หากหนีจากข้าอีกเจ้าจะโดนข้าใช้ไฟเผาให้ตายกลายเป็นขี้เถ้า!.."
"ข้าขอโทษ ฮึก!.. ได้โปรดปล่อยข้าไป"
สองมือขององค์ราชาแบออกแล้วยกขึ้นเหนือหัวแสดงความร้องขอเมตตาด้วยภาษากายของเผ่าตน ดวงตาสีทองของอสูรวูบไหวก่อนจะกลับมาแข็งกร้าวอีกครั้ง ลมหายใจเหม็นสาบเป่ารดมนุษย์ตัวจ้อยในมือ
"ไม่มีวัน เจ้าถูกถวายมาในฐานะเครื่องบูชายัญ มาเป็นเมียข้า.. หน้าที่ของเจ้าคืออยู่ข้างกายข้า!!"
เมื่ออารมณ์ที่คุกกรุ่นทุเลาลงท่านเทพก็วางร่างผมแดงลงบนพื้น พระองค์จำแลงร่างมนุษย์ขึ้นมาตามเดิม แล้วลากแขนมนุษย์ผมแดงให้เดินไปตามทางมุ่งหน้ากลับไปยังหลืบอันมืดมิด
เมื่อไร้ซึ่งพลังจะที่หนีองค์ราชาก็ต้องจำยอมเดินตามกลับไปยังที่ที่ตนหนีออกมาอีกครั้ง แรงจากร่างของเทพที่สูงกว่าสามเมตรย่อมมีมากกว่ามนุษย์ที่สูงไม่ถึงครึ่งเอว แม้มานาจะเป็นราชาที่แข็งแกร่งปานใดแต่พลังที่ได้รับก็มาจากเทพแห่งพระจันทร์ทั้งสิ้น เมื่อไร้ซึ่งพลังก็เป็นเพียงชายชาตินักรบคนหนึ่งเท่านั้นอีกทั้งยังเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา
"อย่างน้อยๆ.. ท่านก็ทำให้ในอุโมงค์นั้นสว่างได้หรือไม่ มันมืดเกินไป"
องค์ราชาก้าวเดินอย่างยากลำบากด้วยสองขาสั้นไปของมนุษย์ไม่ได้ใหญ่และกว้างเท่าขาของเทพที่สูงยิ่ง
มานาสะดุดล้มจนแทบหน้าคมำแต่ก็ฝืนทนเร่งฝีเท้าให้ทันก้าวของเทพแห่งผืนป่า
"ได้"
ดูเหมือนว่าจะยังไม่หายโมโหดีน้ำเสียงที่ตอบกลับองค์ราชาของท่านเทพจึงแข็งกร้าว เมื่อลากถูกันมาได้จถึงปากอุโมงค์ท่านเทพก็สาดพลังพลังเนรมิตแสงสว่างให้ทั่วถ้ำด้านในจนมองเห็นชัดถึงโครงกระดูกมนุษย์มากมายหลายร้อยศพที่กองอยู่เต็มพื้น และเศษกองหญ้าฟางขนาดใหญ่อันเกรอะกรังที่มีแท่นหินอยู่ตรงกลาง องค์ราชาสันนิษฐานว่านั่นคงจะเป็นแทนหินที่ตนเคยได้นอนเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนเป็นแน่
"โครงกระดูกพวกนี้..?"
"เหล่าเมียของข้าที่อยู่ก่อนหน้าเจ้าอย่างไรเล่า.. ถ้าไม่อยากโดนข้ากินเป็นอาหารรองท้องก็อย่าคิดที่จะหนีอีก หากเจ้าเชื่อฟังเจ้าก็จะได้ทุกอย่างที่ต้องการ"
พอได้ยินคำขู่ที่น่าจะเกิดขึ้นได้จริงองค์ราชาจึงยืนตัวแข็งพยายามไม่ทำอะไรขัดใจผู้เป็นเทพให้ตนต้องเดือดร้อนอีก เขายืนนิ่งกวาดสายตามองตามร่างของชายตัวใหญ่เจ้าของดวงตาสีฟ้าที่เดินไปนั่งบนแท่นหิน ฝ่ามือใหญ่แหวกชายผ้าอวดแกนกายต่อหน้าตนด้วยท่าทางกดข่มและวางอำนาจ
"มาปรนนิบัติสามีของเจ้า พลังข้ายังไม่ฟื้นดีพอจงมาทำหน้าที่ของตนเสีย"
มานาเบือนหน้าหนีก่อนจะทำใยแล้วค่อยๆเดินเข้าไปทรุดนั่งลงตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของร่างตรงหน้า แม้จะรู้สึกงงว่าการฟื้นฟูพลังเกี่ยวอะไรกับการเสพสังวาสแต่การทำตามความต้องการของผู้ที่มีกำลังมากกว่าก็จำเป็น
"อย่าลีลา"
เมื่อเห็นอีกฝ่ายลังเลฝ่ามือใหญ่จึงกดหัวเล็กๆของมนุษย์ลงมาแนบชิดกับแกนกายจนแก้มนุ่มๆและใบหน้าบี้ลงมาแนบชิด
"อึก...ข..ข้า"
"ไม่ต้องพูดมาก"
กลุ่มผมสีแดงถูกจิกทึ้งดึงศรีษะให้เงิยขึ้นพร้อมออกคำสั่ง แกนกายใหญ่ถูกจับขึ้นมาปัดป่ายไปมาตามใบหน้าขององค์ราชาที่หลับตาลงเพื่อหลีกหนีความอัปยศ หัวกลมมนถูกจับมาแนบเข้ากับริมฝีปากได้รูปแล้วถูกไปมาเป็นภาพน่ามองสำหรับเทพวิปริต พระองค์ส่งเสียงครางฮึมฮัมออกมาอย่างชอบใจ
"เป็นเพราะเจ้าลีลา... อ้าปากออก"
ราชาไม่อาจขัดขืนเขาจำเป็นต้องอ้าปากรองรับแกนกายใหญ่เข้ามาจนตึงแน่นและรู้สึกเจ็บ แกนกายที่สอดลึกเข้ามาทำให้รู้สึกทรมานเป็นอย่างมากจนใบหน้าขึ้นสีแดงและหายใจติดขัด ลำคอเล็กๆโป่งพองเมื่อแกนกายใหญ่สอดลึกเข้ามาพาลให้น้ำตาไหลดูน่าอายยิ่งนัก
"อ่อก!.."
"ฮึ่ม.. อ้าปากกว้างๆหน่อยมานา"
เทพร่างใหญ่ฝืนดันแกนกายขยับเข้าออกภายในช่องปากเล็กๆจนมนุษย์ผมแดงหน้าตาบูดเบี้ยวด้วยความทรมาน เสียงขาดอากาศหายใจดังขึ้นตลอดเวลาที่แกนกายขยับเข้าออกในโพรงปากอุ่น
"อ..ค่อก!.. อ็อก!"
"อาา.."
ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงมองสบกับดวงตาสีทองที่เต็มไปดวยหยาดน้ำตาแล้วครางออกมาอย่างชอบใจ สีหน้าที่แสนทรมานของมานาทำให้เทพผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกเพลิดเพลินยิ่งนัก พระองค์กดหัวเล็กๆให้เข้ามาลึกเรื่อยๆจนคนบนพื้นกำมือแน่น ตัวสั่นระริกเกร็งค้างในทุกจังหวะเข้าออก
"ทำหน้าตาได้น่ารักมากเมียข้า.."
เมื่อได้รับการปรนนิบัติอย่างน่าพึงพอใจท่านเทพก็เรียกเถาวัลย์ประหลาดจำนวนหนึ่งออกมาจากด้านข้างของตน
ลักษณะของมันเป็นเถาวัลย์ที่มีลักษณะมันวาวและฉ่ำไปด้วยน้ำเมือกสีใสส่งกลิ่นหอมประหลาดเหมือนดอกไม้บางอย่างที่อันตราย พวกมันดูมีชีวิตและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระจากเจ้าของร่างโดยไม่ต้องควบคุม
เมื่อเจ้านายกำลังมีความสุขถาวัลย์จำนวนหนึ่งก็เลื้อยเข้ามาหยอกล้อกับช่องทางด้านหลังของร่างผมแดง จนเจ้าของเถาวัลย์นั้นต้องส่งเสียงดุพวกมันเมื่อเริ่มจะลามปามไปยังช่องทางที่หวงแหนทำให้ต้องเคลื่อนย้ายไปหาส่วนอื่นแทน
องค์ราชาตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเถาวัลย์พวกนั้นโผล่ออกมา ท่านเทพที่กำลังดื่มด่ำในรสกามเห็นสีหน้าตื่นตกใจของมนุษย์ตีวน้อยก็ลูบผมเบาๆเป็นการปลอบ มือใหญ่จิกทึ้งกลุ่มผมแดงแล้วถอนแกนกายออกมาจากปากเล็กทำให้องค์ราชากลับมาหายใจได้อย่างเต็มปอดอีกครั้ง
"อ่อก!... แค่กๆ!"
น้ำดีจำนวนหนึ่งถูกขย้อนออกมากิงที่พื้นตรงหน้ามานา เขารู้สึกเหมือนจะขาดใจตายในทุกๆการสอดใส่นั้น มันช่างเจ็บปวดและทรมาณกรามจนของเขาปวดร้าวถึงขีดสุดจนเหมือนกับว่าปากของเขาจะฉีกออกจากกัน
"ครั้งที่แล้วข้ารุนแรงกับเจ้าจนเกินไป ครานี้ข้าจะกระตุ้นเจ้าให้สุขสมไปด้วยกันจงอย่าหวาดกลัว..."
เถาวัลย์มากมายเริ่มเคลื่อนไหวผิดแปลก พวกมันเข้าจู่โจมยอดอกและแกนกายขององค์ราชารัดแกนกายเล็กๆให้ตั้งตรง ปลายยอดของเถาวัลย์ปรากฏสายระยางค์เล็กๆที่สอดเข้าไปในรูน้อยปลายแกนกายขององค์ราชา
พวกมันค่อยๆขยับเข้าออกทีอย่างช้าๆจนร่างขององค์ราชากระตุกรุนแรง ที่ยอดอกสีครีมนั้นถูกจับจองด้วยเถาวัลย์หน้าตาประหลาดมันครอบลงมาที่นอดอกซึ่งกำลังตั้งชันแล้วดูดดุนอย่างรุนแรงพร้อมๆกับสอดสายระยางค์เข้าไปกระตุ้น ส่วนเถาวัลย์ที่เหลือเองก็พากันรัดไปตามข้อมือและข้อเท้าตรึงร่างผมแดงให้อ้าขาตัวลอยเหนือพื้นในท่วงท่าหน้าอายเปิดเผิยแกนกายและช่องทางลับอยู่เบื้องหน้าของเทพแห่งผืนป่า
"อ...อ๊า!~ ไม่นะพวกมันทำอะไรกับแกนกายข้า อึก..อื้อออ!~ หัวนมข้า.. อ๊าาา!~"
องค์ราชาถูกกระตุ้นจนช่องทางคายน้ำหวานออกอาบย้อมต้นขาด้านในให้ฉ่ำเยิ้ม สายรยางค์พวกนั้นสอดลึกเข้าไปในท่อปัสสาวะจนชนเข้ากับกระเพาะปัสสาวะและมุดหายเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ดวงสีทองเหลือกลอยปากอ้ากว้างส่งเสียงครางระงมไปทั่วทั้งถ้ำ แกนกายกระตุกปลดปล่อยพ่นน้ำกามออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ รูจีบสีชมพูของพระองค์ไม่อาจหุบสนิทได้แล้วนับตั้งแต่เมื่อวานนี้ มันอ้ากว้างเหมือนกับกำลังเรียกร้องหาแกนกายเข้ามาสอดใส่
เถาวัลย์ที่เหลือเห็นดังนั้นก็หลงลืมคำเคือนจากเจ้านายตน พวกมันรีบผลุบเข้าไปด้านในช่องทางนั้นทันทีจนหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นนูนป่องเหมือนกับคนท้อง พวกมันขยับเข้าออกอย่างรุนแรงบดขยี้จุดเสียวภายในจนสติขององค์ราชาเลื่อนลอย พระองค์ถูกกระตุ้นอย่างถึงขีดสุดจนไม่สามารถเรียกสติกลับคืนได้อีกแล้ว ร่างกายเกร็งค้างสะโพกกระตุกขึ้นลงทุกจังหวะที่ร่างกายรู้สึกเสียวจนแทบปลดปล่อย
"อร๊างงง!~~... อ...อ๊าาา!~"
ท่านเทพนั่งมองภาพขององค์ราชาด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ พระองค์ต้องการให้ราชานั้นเป็นภรรยาที่เชื่อฟังและลุ่มหลงในพระองค์จนขาดกิจกามไม่ได้ แต่เดิมแล้วเมื่อครั้งอยู่บนสวรรค์เหล่าทวยเทพและผู้สร้างเองก็ไม่เคยเว้นว่างในการร่วมสังวาส เทพตนไหนที่ไร้คู่ครองก็จะเสพกามกันเองเป็นหมู่คณะ ส่วนเทพที่มีคู่ครองก็จะเสพสมกันเองเป็นกิจวัตร ซึ่งพระองค์ที่ถูกส่งลงมาเองก็มีเหล่าเครื่องสังเวยเป็นเหมือนเครื่องบำบัดความใคร่เพียงแต่มนุษย์พวกนั้นช่างมีอายุที่สั้นนัก พวกเขานั้นมักจะขาดใจตายเสียตั้งแต่รอบแรกที่ได้ร่วมรัก มนุษย์ผมแดงตรงหน้าจึงนับว่าเป็นคนแรกที่รอดจากแกนกายของพระองค์มาได้
ดวงตาสีฟ้าทอดพระเตรเหล่าเถาวัลย์ที่กำลังบำเรอกามให้เมียรักจนสุขสมไปพลางรูดรั้งแกนกายใหญ่ของตนไปด้วย
เมื่อร่างผมแดงสิ้นสติปลดปล่อยออกมาอย่างหยุดไม่อยู่แล้วฝ่ามือใหญ่ก็ดึงกระชากเอาเถาวัยล์หลายสิบเส้นออกมาจากช่องทางที่ขยางกว้างจนรูจีบย้อยติดออกมาด้วย
เสียงดังพล๊อกพร้อมกับน้ำหวานที่ไหลหยดลงพื้นคือผลข้างเคียงของผู้ที่ได้ดื่มกินน้ำจากต้นทมิฬ เมื่อกลายเป็นเจ้าสาวและได้รับชีวิตนิรันดรแล้วจึงกลายเป็นว่าฤทธิ์ของมันจะคงอยู่กับร่างผมแดงไปจนชั่วชีวิต
"อา.. เจ้าร่านร้อนถึงเพียงนี้เชียวรึเด็กน้อยผมแดงผู้น่ารัก เช่นนั้นข้าก็จะรักเจ้าให้ลึกที่สุดเพื่อสนองความร่านอยากในแกนกายของเจ้าเอง"
แกนกายอันเขื่องที่ปูดโปนน่ากลัวจับจ่ออยู่ที่ปากทางที่อ้ากว้าง ช่องทางสีแดงสดภายในขมิบรัดอากาศระรัวเหมือนต้องการท่อนลำเข้ามาเติมเต็มอย่างหิวกระหาย
เทพแห่งผืนเม้มปากป่ากระแทกแกนกายเข้าไปภายในรวดเดียวจนช่องท้องของร่างผมแดงนั้นปูดโปนเป็นรูปร่างลึกขึ้นมาถึงลิ้นปี่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลืออีกหลายช่วงกำมือจึงจะมิดสุดโคน
"อุ! โอ๊วว!!~"
ปัสสาวะสีทองพวยพุ่งออกมาเมื่อช่องท้องถูกบีบอัดจนกระเพาะปัสสาวะโดนเบียด
ด้านในของมนุษย์ผมแดงนั้นทั้งอุ่นร้อนและรัดแน่นจนท่านเทพต้องคำรามออกมาด้วยความดระสันอยากจะสอดใส่แล้วจ้วงแทงเข้าออกอย่างรุนแรงให้ถุงเนื้อที่ปลิ้นออกมานั้นขาดวิ่น
พระองค์ถอนแกนกายออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้าไปอย่างไร้ความปราณีเกิดเป็นเสียงเฉอะแฉะและเสียงเนื้อกระทบกันดังผสมกับเสียงร้องครวญครางขององค์ราชาไปทั่วทั้งที่แห่งนี้
"อ่า!~... มานา มานาเด็กน้อยของข้า"
ร่างใหญ่ตอกตรึงแกนกายเข้าออกร่างของมนุษย์ตัวน้อยอย่างไร้ความปราณีประหนึ่งว่าเป็นปลอกเนื้อหุ้มกนกาย องค์ราชาจิกเกร็งร่างกายปลายเท้าและมือหงิกงอด้วยความเสียวซ่าน ศรีษะโยกคลอนขึ้นลงตามแรงกระแทกที่บ้าคลั่งของเทพแห่งผืนป่า น้ำเชื้อมากมายที่ปลดปล่อยเข้ามานั้นอัดแน่นจนหน้าท้องนูนป่องเหมือนคนตั้งครรภ์ ส่วนที่ล้นทะลักออกมาก็ไหลย้อนจากช่องทางทุกการสอดใส่หยดลงพื้นดินเป็นแอ่งน้ำกามอยู่ใต้ร่างของพระองค์
"อั่กกก!!~~.. อร๊าง!~ อ๊ะๆๆ!!~"
บทรักอันร้อนแรงและป่าเถื่อนนี้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนานโดยไร้วี่แววจะจบสิ้น องค์ราชาพยายามคลานหนีแต่ก็ถูกดึงรั้งกลับเข้ามาอยู่ในห้วงแห่งตัณหาที่ไม่รู้จบ
องค์ราชาสะดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งขึ้นมากลางดึกไม่รู้ว่าสติของตนนั้นดับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ข้างกายของพระองค์มีท่านเทพในร่างชายหนุ่มนอนหลับอยู่ข้างๆกันแขนล่ำพาดอยู่กลางตัวพระองค์กักขังเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน
"ฝันร้ายอันใด.. หลับต่อเถิดข้าง่วง"
ท่านเทพที่กำลังงัวเงียยกขาขึ้นมาก่ายองค์ราชาแล้วฉุดแขนให้ร่างที่ไม่ยอมนอนลงมาซบอยู่บนอกตัวเอง
"อีกไม่นานเจ้าจะต้องตั้งท้องบุตรของเรา ต้องพักผ่อนให้มาก"
"ท้อง!? แต่ท่านเทพข้าเป็นชายจะท้องได้อย่างไร"
ผมแดงสบัดไปมาองค์ราชากำลังรู้สึกสับสนทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปไวเหลือเกินจนพระองค์ตามไม่ทัน จากที่กำลังนอนหลับท่านเทพจึงลุกขึ้นนั่งแล้วโอบเอวคนผมแดงมานั่งบนตักเปลือยเปล่าของตน สองมือบีบขยำก้อนกลมเล่นแก้ง่วงไปพลางๆพระองค์เหนื่อยจากการร่วมรักแต่ก็ลุ่มหลงในร่างนี้ของภรรยาจนยากจะปล่อยมือให้ว่างได้
"ตกใจอันใด.. ข้าเป็นเทพย่อมทำให้เพศผู้เช่นเจ้าท้องได้อยู่แล้ว"
ถ้าไม่อยากให้คนผมแดงหนีไปก็ต้องผูดมัดด้วยการมีทายาท เมื่อถึงตอนนั้นสัญชาตญาณความเป็นแม่จะทำให้องค์ราชาจำต้องอยู่ดูแลลูกแล้วตนก็ค่อยใช้เวลานั้นในการพัฒนาความสัมพันธ์ดังที่พระเจ้าได้นิมิตมาหาตนเมื่อตอนที่ออกไปด้านนอก แต่การตั้งท้องระหว่างเทพกับมนุษย์นั้นยากเย็น ตนไม่รู้ว่าจะต้องร่วมรักกันอีกกี่ครั้งมนุษย์ตรงหน้าจึงจะท้องโต ไม่แน่ว่าอาจไม่ท้องเลยก็ยังได้ดังนั้นการทำให้ร่างกายของมานาแข็งแรงจึงสำคัญ
ในเมื่อได้เหยื่อมาแล้วย่อมต้องไม่พลาดให้หลุดมือเพราะบุคคลผู้มีผมสีแดงสดเช่นนี้ย่อมเป็นที่หมายปองของเทพหลายองค์ นับว่าโชคดีที่เผ่าของราชาหนุ่มผู้นี้บูชาเทพแห่งผืนป่าเช่นเขาราชาผู้นี้จึงไม่ตกไปเป็นเครื่องสังเวยให้เทพองค์อื่นที่ไม่ใช่ แม้จะเคยถูกหมายปองจากเทพแห่งจันทราก็ตาม
นั่นเป็นเพราะมนุษย์ผมแดงของตนทำพิธีบูชาเทพตนนั้นแต่ร่างแยกของตนฉลาดมากพอที่เข้าไปช่วยเหลือแล้วสร้างบุญคุณ จึงเกิดเป็นการแก่งแย่งมนุษย์ผมแดงของเทพทั้งสองจนวันที่มานาถวายตัวเป็นเครื่องสังเวยและเจ้าสาวตนจึงได้ประกาศชัยชนะอย่างแท้จริง
"...ข้าหิวขึ้นมาอีกแล้ว ใช้สองมือของเจ้าแหวกก้อนนุ่มนิ่มออกสิ ข้าจะทำลูก"
มือใหญ่ลูบไล้ไปมาจนทั่วสะโพกมีแวะเวียนเล่นดับปอยผมสีแดงที่ยาวสยายอย่างอารมณ์ดีจนเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกรอบ แกนกายใหญ่ผงกหัวขึ้นมาดันหลังเนียนขององค์ราชาใบหน้าดงก่ำด้วยความอับอาย
"ข้าไม่ไหว.."
องค์ราชาร้องขอตอนนี้ความรู้สึกร้าวระบมยังคงมีอยู่และรู้สึกได้แค่เพียงขยับตัวก็แทบจะสิ้นสติ นั่นเป็นเพราะเรี่ยวแรงมหาศาลของเทพนั้นมีมากกว่ามนุษย์อย่างเขานัก ยามสอดใส่เข้ามาจึงเหมือนกับโดนตอกท่อนซุงเข้ามาในร่างแม้จะสุขสมอยู่บ้างแต่ก็ทรมาณจนเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้
"เฮ้อ.. ถ้าอย่างนั้นก็นอนต่อ"
ท่านเทพกอดร่างผมแดงเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วค่อยๆเอนตัวลงนอนโดยมีองค์ราชานอนทับอยู่ด้านบน พระองค์จับใบหน้านุ่มนิ่มของมนุษย์เข้ามากอดหอมพร้อมทั้งลามเลีย แม้จะบอกให้นอนต่อแต่มานาก็หลับไม่ลงทั้งท่อนเอ็นใหญ่ที่ดุนดันสะโพกตนและการกอดหอมของเทพแห่งผืนป่านั้นทำใ้มนุษย์อย่างเขาทำใจหลับไม่ลง
"ถ้าไม่ติดว่าเจ้าไม่ตายข้าคงกินเจ้าจนไม่เหลือแม้แต่โครงกระดูกแน่ๆ.. หอมดีจริงๆ"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments