บทที่1 ราชาทรราช

มานายืนมองไปยังหุบเหวทมิฬจากระเบียงห้องบรรทมพร้อมแก้วไวน์องุ่นสีทองในมือ

ร่างผิวน้ำผึ้งอวดผิวกายที่กำลังยืนรับลมอยู่บนระเบียงในสภาพที่เปลือยเปล่าไร้ซึ่งผ้าแพรหรือเครื่องประดับปกปิด

พระองค์ทอดสายตามองไปยังเบื้องหน้าที่ห่างไกลออกไปด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ศีรษะของคณะเจริญไมตรีและร่างที่ถูกสับจนเละนั้นถูกจับโยนเข้าไปภายในหุบเหวนั้นถึงสามร่าง ร่างของมนุษย์ที่แสนโง่เขลานั่นคงจะทำให้เทพที่พระองค์รักยิ่งคลายความทุกข์ทรมานและหิวกระหายไปได้บ้างจะได้มีแรงต่อสู่กับสัตว์ร้ายในยามค่ำคืนดังจะรับรู้ได้เพราะคืนนี้ไม่มีซึ่งเสียงของความทุกข์ทรมาณให้ได้ยินแว่วมาตามสายลม 

อีกไม่กี่เดือนพิธีถวายตัวก็จะมาถึง พระจันทร์สีเลือดและต้นไม้ทมิฬคือสัญลักษณ์ของพิธีที่เสมือนกับเป็นพิธีอภิเษกของพระองค์กับเทพแห่งผืนป่าผู้ยิ่งใหญ่ เพียงแค่คิดถึงเกศาสีทองและดวงตาสีฟ้าที่ได้พบพานเมื่อในวัยเยาว์แกนกายของพระองค์ก็ตื่นตัวขึ้นมาเสียแล้ว

แกนกายขนาดพอดีร่างกายผงกหัวขึ้นรับลมเย็นๆที่พัดผ่านร่างทำเอารู้สึกวาบหวิวจนยอดอกแข็งเป็นไตจนต้องวางแก้วไวน์ลงแล้วบีบขยี้ให้รู้สึกเสียวซ่าน

"อ...ฮา อื้มมม.."

เมื่อเล่นกับหน้าอกจนพอใจมือข้างที่ว่างของพระองค์ก็นำมารูดรั้งแกนกายจนมันปริ่มน้ำใสๆไหลเยิ้มออกมาหยดลงพื้นเป็นดวงเล็กๆ เส้นสายสีเงินที่หยดย้อยลงมาทำให้ภาพตรงหน้านั้นดูวาบหวิวขึ้นอีกเป็นร้อยเท่า

แม้จะคงพรหมจรรย์แต่ก็ต้องขยายตัวตนเตรียมรองรับแกนกายของว่าที่พระสวามีตามหน้าที่ของพระชายาที่ดีตามความคิดของตนเอง แก้วไวน์ที่ถูกวางเอาไว่บนราวระเบียงถูกมืออีกข้างของมานาจุ่มลงไปในแก้วจนชุ่มไปด้วยน้ำสีแดงของไวน์ เมื่อมือนั้นชุ่มมากพอนิ้วมานาก็ค่อยๆสอดใส่นิ้วที่ชุ่มไปด้วยไวน์เหล่านั้นเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังของพระองค์ด้วยตัวพระองค์เองทีละนิ้วจนคับแน่นไปทั่วทั้งช่องทางเมื่อนิ่วมือทั้งห้านั้นถูดสอดใส่เข้าไปจนครบ

"อ๊าา... อื้อ!~"

เมื่อปรับตัวได้นิ้วมือค่อยๆขยับหมุนคว้านไปมาภายในช่องทางที่ชุ่มไปด้วยไวน์

แอลกอฮอล์ที่อยู่ในไวน์ค่อยๆมอมเมาองค์ราชาทำให้พระองค์ลุ่มหลงมัวเมาไปกับการปรนเปรอตัวเองอย่างยากจะถอนตัว

เสียงเฉอะแฉะและน่าอายนี้มีทหารบางส่วนเท่านั้นที่ได้ยิน พวกเขาล้วนชินชาเกินกว่าจะรู้สึกอะไรเสียแล้วด้วยว่าหากมันผู้ใดมีอารมณ์กับพระวรกายขององค์ราชาก็จะถูกจับไปประหารแล้วโยนร่างลงหุบเหวทมิฬ หน่าที่ของทหารองครักษ์คือเฝ้ารักษาพระวรกายพวกมันไม่สิทธิ์แม้แต่จะหันไปมองแม้สุรเสียงที่ได้ยินนั้นจะไพเราะและปลุกกำหนัดมากเท่าไหร่ก็ตามที

"อ๊าา!~... โอ้ววว~ ท่า..ท่านเทพ อ๊า!~"

มานาไถหน้าอกอวบอัดของตนเข้ากับราวระเบียงจนมันขึ้นสีแดง ยอดอกที่แข็งชี้เป็นสีแดงก่ำและสร้างความเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับสร้างความเสียวสะท้านไปทั่วทั้งร่างอย่างยากจะถอนตัว

เมื่อความเสียวซ่านนั้นทำให้ตาพร่ามานาก็ขยับยอดอกไถกับขอบราวระเบียงจนแก้วไวน์ถูกหน้าอกอวบอัดนั้สชนตกลงมาจากระเบียงเสียงดังทำเอาทหารที่กำลังยืนเหม่ออยู่ด้านล่างถึงกับสดุ้ง ดูเหมือนว่าราชาของพวกเขาคงอยากจะถวายตัวเต็มทีแล้วถึงได้ส่งเสียงครางแล้วปรนเปรอตนเองอย่างเผ็ดร้อนถึงขั้นนี้

"อ๊าา...!~"

เมื่อปรนนิบัติส่วนหน้าของตัวเองจนเสร็จสมแกนกายสีชมพูขนาดพอดีตัวก็คายน้ำหวานออกมาจนเปรอะเปื้อนราวระเบียง

นิ้วมือทั้งห้าถูกดึงออกมาจากช่องทางที่ชุ่มฉ่ำ

มานาแลบลิ้นลิ้นสีแดงของพระองค์ลามเลียไปตามนิ้วมือของตน ดูเหมือนความกำหนัดของพระองค์จะยังไม่ทุเลา เพราะช่องทางด้านหลังยังคงรู้สึกยุบยิบอยู่ภายในตรงส่วนที่ลึกเข้าไป

องค์ราชาค่อยๆเยื้องย่างเดินเข้าไปในห้องบรรทมแล้วหยิบเอาแท่งไม้รูปองคชาตขนาดเท่าของพระองค์เองมาวางไว้บนกลางปท่นบรรทม ก่อนจะใช้สองมือแหวกก้นอวบอัดทั้งสองออกจากกันเผยให้เห็นช่องทางที่หิวกระหายซึ่งขมิบตอดรัดอากาศระรัวด้วยความกระสันอยากจะถูกสอดใส่ของพระองค์ให้แท่งไม้ได้เชยชม

ตอนนี้มานากำลังจินตนาการถึงเทพผมทองว่าพระองค์นั้นกำลังร่วมหลับนอนด้วยกันโดยมีพระองค์เองที่กำลังควบขี่อยู่บนแกนกายใหญ่ที่ตั้งชัน เอวแน่นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นลอนกำลังกระแทกสวนสอดใส่ทะลวงรูรักของพระองค์จนแทบมอดไหม้ ทำให้ราชาทรราชที่กำลังลุ่มหลงอยู่ในจินตนาการของตนแสดงท่าทางน่าอายและร่านร้อนออกมาจนแกนกายกระตุกหงึก ก่อนจะกดสะโพกลงไปกลืนกินแท่งไม้เสียจนมิดเมื่อมันสอดลึกเข้ามาจนสุดถึงภายใน

แม้จะไม่สุขสมเท่าที่อยากให้เป็นอต่ก็สร้างความเสียวซ่านให้ได้เมื่อต้องใช้แก้ขัดไปก่อน สะโพกแน่นหมุนควงอยู่บนแท่งไม้ขยับยกตัวขึ้นลงตอกลึกเข้าออกอย่างรุนแรงไร้ความปราณีต่อร่างกายตน

"อ...อร๊าา!~..."

ดวงตาสีทองของมานทปรือลงจมสู่ห้วงกามา ร่างสีน้ำผึ้งขยับโยกไปมาอยู่บนแท่นบรรทมอยู่อย่างนั้นจวบจนเสร็จสมระรอกที่สอง น้ำกามพวยพุ่งออกจากปลายแกนกายเปรอะเปื้อนแท่นบรรทมเป็นทางตามห้วงอารมณ์รันแรงที่เพิ่งจบสิ้น

เมื่อถึงฝั่งฝันองค์ราชาจึงค่อยๆถอนตัวออกแล้วหยิบแท่งไม้เก็บเข้าที่เดิมที่ตนได้ซุกซ่อนเอาไว้

พอได้ปลดเปลื้องความกำหนัดก็ทำให้จิตใจที่ร้อนลุ่มใจเย็นลงได้บ้าง

มานาดับไฟตะเกียงแล้วจมเข้าสู่ห้วงนิทรา

ฉับพลันที่เขาจมเข้าสู่ห้วงฝันความฝันประหลาดก็แล่นเข้ามาในหัว มันคือภาพของสัตว์อสูรหน้าตาดุร้ายและอัปลักษณ์กำลังวิ่งต้อนผู้คนแล้วกัดกินลงท้อง แผ่นดินอาบนองไปด้วยเลือดจากซากศพนับพัน หัวของผู้เคราะห์ร้ายอยู่บนเขาที่เสมือนกับมือทั้งสองข้างของมันโดยที่ ดวงตาสีแดงฉานของเจ้าสัตว์ร้ายนั้นกำลังจับจ้องมาที่ตน เมื่อนั้นที่พระองค์กำลังจะวิ่งหนีมีนก็จู่โจมเข้ามาหาแลเวคว้าร่างของพระองค์ขึ้นจากพื้น

'เจ้าไม่มีวันหนีข้าพ้น มานา'

เฮือก!...

ราชาพลันสะดุ้งตัวขึ้นจากแท่นบรรทม

นี่คือนิมิตเตือนล่วงหน้าเป็นพรจากเทพแห่งผืนป่าที่ได้มอบให้ไว้ตั้งแต่ยังหลงป่าเมื่อครั้งเยาว์วัย มันฉายภาพของอสูรน่ากลัวให้พระองค์ได้เห็น

ดวงตาสีทองสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวเหลือคนา เจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นต่อให้เป็นตนเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต่อกรด้วยได้หรือไม่หากมันมีตัวตนจริงๆก็คงยากที่สู้ด้วย แต่หากฝันร้ายกลับกลายเป็นดีนั่นก็หมายถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรอย่างถึงขีดสุด การปรึกษากับท่านแม่เท่าจึงเป็นเรื่องจำเป็นถึงนิมิตหมายที่ได้รับ

พอคิดได้ก็ผุดลุกขึ้นแล้วหยิบผ้าแพรผืนบางมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกมาจากห้องบรรทมท่ามกลางสายตางุนงงของเหล่าทหารองค์รักษ์ที่เฝ้ายามอยู่หน้าห้องบรรทม

"ไม่ทราบว่าองค์ราชาต้องการไปที่ใด"

มานาปรายตามองทหารที่พระองค์ไม่แม้แต่จะรู้จักผู้นี้แล้วออกคำสั่ง

"ไปตามแม่เฒ่ามาหาที่ห้องลับ.."

"ขอรับ"

นายทหารคนดังกล่าวก้มหัวรับคำสั่งแลเวรีบวิ่งไปตามท่านแม่เฒ่าทันที ส่วนมานาเองนั้นก็รีบเดินไปรอท่านแม่เฒ่าที่ในห้องลับ

ภายในของห้องนี้ตรงใจกลางคือแท่นหินศิลาจันทราที่เขาบากบั่นสร้างมันขึ้นมาจากโครงกระดูกของมนุษย์ผู้คั่งแค้นอันได้มาจากข้าศึกในสงคราม พวกมันล้วนถูกเข้าสงหารบกับมือทั้งสิ้น

เมื่อได้ศพก็จดะทำการแยกเนื้อออกแล้วนำกระดูดมาบดละเอียดผสมกับหินปูนก่อร่างขึ้นมาเป็นศิลาทมิฬเพื่อใช้การในคืนถวายตัว

หลังจากที่ยืนรอได้สักพักแต่ไม่ทันได้นานเกินรอในที่สุดแม่เฒ่าก็มาถึง ใบหน้่าเหี่ยวย่นของนางดูผ่อนคลายผิดกับมานาที่เครียดขึง ไม้เท้าเก่าๆถูกใช้้ป็นที่ค้ำยันเมื่อนางค่อยๆออกก้าวเดินมาหาองค์ราชาที่ยืนรอนางอยู่

"เรียกข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือมานา..."

"ข้าฝัน ฝันถึงการนองเลือด.. ในฝันนั้นข้าเห็นอสูรหน่าตาน่ากลัวอยู่ตนหนึ่ง มันสังหารทุกคนแล้วพุ่งตัวเข้ามาหาข้า ท่านพอจะใช้ศิลาทำนายดูได้หรือไม่"

แม่เฒ่าส่ายหัวไปมานางแย้มยิ้มแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง

"ต้องขออภัยแต่ข้าคิดว่าความฝันของท่านไม่ใช่เรื่องร้าย การใช้ศิลาจึงไม่สามารถทำได้"

"กระนั้นรึ..."

แม้จะไม่ปักใจเชื่อทั้งหมดแต่มานาก็ไม่คิดถามอีก องค์ราชายืนครุ่นคิดถึงภาพในนิมิตของตนอีกครั้งก็คิดได้ว่าหรือมันจะหมายถึงความรุ่งโรจน์จริงๆดังที่ตนได้คิดเอาไว้

เมื่อความกังวลถูกคลายสงสัยองค์ราชาก็ใช้โอกาสนี้ยืนหารือเรื่องพิธีถวายตัวกับท่านกับแม่เฒ่าติอีกสักพักแล้วพากันแยกย้ายกลับไปยังที่ของตนเอง

ตึงๆ ตึงๆ..

เสียงกลองบรรเลงและเสียงแตรเขาสัตว์ดังก้องกังวลไปทั่วผืนป่า ในค่ำคืนนี้ท่ามกลางพระจันทรสีเลือดจะเกิดการถวายตัวของเจ้าสาวพระองค์ใหม่ขึ้นให้ชาวเผ่าทุกคนได้ประจักษ์ถึงพลังอำนาจและความยิ่งใหญ่ของราชาที่แท้จริง ผู้ที่ได้รับคัดเลือกจากเทพแห่งผืนป่าอันสืบเชื้อสายมาจากเจ้าสาวที่แท้จริงเมื่อครั้งแรกเริ่ม

เหมือนกับธรรมชาติแห่งผืนป่านั้นสดับรับฟังและรับรู้ถึงพิธีการสำคัญนี้ ต้นไม้ใบหญ้าต่างก็สั่นไหวโอนเอนไปมาดูน่าหวาดหวั่รเหมือนว่าพวกมันนั้นมีชีวิต ลำธารที่เคยสงบนิ่งก็เชี่ยวกราก ราวกับว่ากำลังร่ายลำเพื่อต้อนรับให้กับเจ้าสาวขอฃท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่

เจ้าของใบหน้างดงามที่มีร่างกายของชายนักรบราชาแห่งผืนป่าผมสีโลหิตกำลังรู้สึกตื่นเต้นจนดวงดาพร่าเบลอ เขาเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนานกว่าที่ราตรีนี้จะมาเยือน

เสียงกลองพลันหยุดบรรเลงเมื่อราชาของพวกเขามาถึง พวกเขาล้วนก้มหัวลงคำนับหน้าผากจรดผืนดินและเงียบเสียงลงจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ

ไม่มีใครกล้าเงิยหน้าเพื่อสปตากับราชา หรือต่อให้มีผู้กล้ามันก็จะถูกตัดหัวเสียบประจานอยู่ด้านหน้าทางเข้าของป่า รูปโฉมของราชาคือเรื่องต้องห้ามที่ห้ามมิให้ผู้ใดเห็นยิ่งในค่ำคืนของการถวายตัวเช่นนี่แล้วนั้นเสื้อผ้าที่องค์ราชาสวมใส่จึงจัดเป็นสิ่งต้องห้ามให้ได้ชม มีเพียงองค์เทพของป่าผืนนี้เท่านั้นที่จะได้มองใบหน้าอันงดงามของราชาแล้วดื่มด่ำกับค่ำคืนแสนหวานของพิธีวิวาห์สีเลือด

กริ๊ง... กริ๊ง...

เสียงกระดิ่งข้อเท้าดังสอดรับไปกับย่างก้าวของเท้าสพน้ำผึ้ง

เจ้าของผมสีโลหิตพาเรือนในร่างในชุดผ้าแพรโปร่งใสไร้สิ่งปกปิดจุดลับเดินไปที่ด้านหน้าปรำพิธี ผ่านคนมากมายที่ก้มหัวแหวกทางให้

เขาคือราชาของป่าผู้มีสมญานามว่าราชาผมสีโลหิต คืนนี้จะเป็นคืนแรกที่เขาถูกสถาปนาเพื่อรับใช้องค์เทพที่อยู่ใจกลางป่าท่ามกลางหุบเขาสีทมิฬในฐานะของเจ้าสาวที่ได้รับเลือก

ตัวตนอันแข็งแกร่งและงดงามที่เคยได้พานพบเมื่อครั้งยังเยาว์วัยนั้นตราตรึงในหัวใจมานานแสนนาน ร่องรอยการรบราฆ่าฟันเพื่อประกาศชัยชนะเหนือขัตติยวงศ์พร่างพราวไปทั่วร่างกายของเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ดูด่างพร้อย กลับยิ่งเพิ่มความดุดันเย้ายวนและอันตรายให้แก่เขามากขึ้นทวีคูณ

ขั้นตอนของพิธีนี้กล่าวคือเจ้าสาวหรือผู้ที่เป็นราชาอย่างมานานั้นจะต้องดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์สีทองที่หลั่งออกมาจากต้นไม้ทมิฬที่แห้งกรอบและใกล้ตายในคืนพระจันทร์ทรงกลด ก่อนจะกรีดฝ่ามือกล่าวคำสาบานถวายตัวให้เทพแห่งผืนป่าด้วยชีวิตนิรันดร์ของตนเอง เมื่อนั้นที่พิฑีจะเสร็จสมบูร์ณแล้วนอนรอเจ้าบ่าวมารับตัวไปในที่สุด

'มานา'มองกริซสีชาดตรงหน้าตนแล้วหยิบขึ้นมาบรรจงกรีดไปที่ฝ่ามือ พลันเกิดปาฏิหาริย์เมื่อเถาวัลย์เหี่ยวเฉาของต้นไม้สีนิลค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาดูดกลืนหยดเลือดบนพื้นจนแห้งสนิท

กรรรร!...

เสียงคำรามของบางสิ่งดังสะท้านไปทั่วผืนป่าโดยมีทิศทางจากล่องหลืบของหุบเขา เสียงของเทพแห่งพงไพรที่ตื่นขึ้นจากการหลับไหลนั้นก้องกังวาลสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งผืนดิน ใบไม้สั่นไหว น้ำในลำธารเชี่ยวกราดเสียงยิ่งกว่าตอนเริ่มพิธีเหมือนวันมหาวิปโยคกำลังมาเยือนก่อนทีาทุกสิ่งจะกลับคืนสู่ความปกติเมื่อเจ้าสาวเริ่มกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ

"ข้าแด่ท่านเทพแห่งพงไพร!.. ข้ามานา ราชาผมสีโลหิตขอถวายร่างกายและจิตใจรับใช้ท่านพร้อมด้วยชีวิตนิรันดร์ตราบสิ้นดาราบนฟ้า!"

เขาไม่รอให้แม่เฒ่ายกน้ำศักดิ์สิทธิ์มาถวายก็ก้าวขาไปแย่งลงมาจากปรำพิธี

สองมือยกจอกสีทองขึ้นสูงกรอกน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่ปากแล้วดื่มให้หมดสิ้นทุกหยด ไม่ให้หลงเหลือไปถึงผู้ใดอีก

"ช้าก่อนท่าน! ตามพิธีท่านต้องดื่มเพียงจิบเดียว!"

ท่านแม่เฒ่าที่มองดูอยู่รีบเอื้อมมือไปคว้าจอกสีทองออกจากมือขององค์ราชาแต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อมานานั้นได้ขว้างจอกออกจากมือพุ่งเข้าไปในเปลวไหกลางปรำพพิธี

"หุบปาก!!.. ข้าจะเป็นเพียงผู้สุดท้ายและผู้เดียวของท่านเทพ มันผู้อื่นไม่มีสิทธิ์!!"

เมื่อจอกสีทองถูกความร้อนมันก็เริ่มหลอมละลายกลืนหายไปกับเปลวไฟ

มานายิ้มหยันให้กับผลงานของตนแล้วหมุนตัวเดินลงจากปรำพิธี หากแต่เขายังไม่ทันจะได้ก้าวขาข้าฃถัดไปน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ดื่มกินเข้าไปเมื่อครู่ก็เริ่มออกฤทธิ์

สองขาพลันทรุดลงกับพื้นดินความรู้สึกเร่าร้อนแผ่ขยายจากท้องน้อยเอ่อล้นจากข้างใน แกนกายแข็งตัวดีดขึงขึ้นแนบไปกับหน้าท้องกระตุกหงึกเมื่อกำหนัดถูกเร่งเร้าให้ตื่นขึ้นมาถึงขีดสุด ที่ช่องทางด้านหลังเองก๋หลั่งน้ำหวานสีใสออกมาจำนวนมากจนเอ่อนองเต็มหว่างขาให้ผ้าแพรผืนบางเป็นดวงด่าง

"แฮ่ก.. ข...ข้าเป็นอะไรไป"

"ดูเหมือนท่านจะดื่มมากจนเกินไปถึงได้ออกฤทธิ์ไวขนาดนี้.."

แม่เฒ่ากระตุกยิ้มผิดกับเมื่อครู่ที่มีท่าทีกังวล ราวกับร่วงรู้อยู่แล้วว่ามานาคิดกระทำการอันใดอยู่

"ข้า.. ข้า...อึกก อ๊าา...แกนกาย ข้าต้องการแกนกายใหญ่ๆ รูของข้ามันกระตุกไปหมดแล้ว!~"

สติสัมปชัญญะเลือนหายไปจนสิ้นดวงตาเหลือกลานป้าอ้ากว้างแลบลิ้นออกมาเหมือนคนกระหายในกาม สุระเสียงที่เปล่งออกมาร้องเรียกหาแต่แกนกาย แม่เฒ่าพลันนึกเวทนาให้กับราชาผู้อาจหาญตรงหน้า เมื่อตกอยู่ในห้วงกามก็ดูร่านเสียยิ่งกว่าหญิงโสเภณีของเผ่าเสียอีก

"พวกเจ้าสองคนมาทางนี้ จงตามข้ามาแล้วแบกราชาของพวกเจ้าเดินลึกเข้าไปที่กลางป่า ทิ้งเขาไว้ที่หน้าทางเข้าหุบเขาทมิฬเสีย..."

"ขอรับ"

ชายสองคนที่แม่เฒ่าเรียกหาพลันลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้ามาแบกร่างขององค์ราชาขึ้นจากพื้นดิน

แม่เฒ่ากระแทกไม้เท้าลงกับพื้นเป็นคำสั่งให้ทุกคนแยกย้าย เดินหายเข้าไปในป่าลึกมุ่งหน้าสู่หุบเขาทมิฬที่มีเทพแห่งพงไพรรอคอยอยู่ด้านใน

.

.

.

"วางเขาไว้.. เดี๋ยวท่านเทพจะออกมารับเขาเอง"

ร่างของราชาที่มัวเมาไม่ได้สติถูกวางลงบนโขดหินด้านหน้าช่องแคบที่บึกเข้าไปด้านในเป็นช่องทางใต้หุบเขาไร้แสงสว่าง มันมืดมิดและแผ่กลิ่นอายของความน่ากลัวออกมาอยู่ตลอดเวลาจนทำให้นะแวกนี้ไร้สัตว์หรือต้นไม้ดำรงชีวิต ราวกับว่าพวกมันหวาดกลัวต่อสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ภายในซอกหลืบนั้น

เมื่อจัดการธุระเสร็จแม่เฒ่ากับช่ยทั้งสองก็เดินหายลับไปยังทางเดิมที่ผ่านมา ทิ้งร่างของราชาผมสีโลหิตให้รอยกระสับกระส่ายอยู่อย่างนั้นเพียงคนเดียว

"กลับมาก่อน.. อย่าทิ้งข้าเอาไว้คนเดียว!"

องค์ราชาเปล่งเสียงตะโกนเรียก มือข้างหนึ่งเอื้อมคว้าไปที่ด้านหน้าหาแม่เฒ่าที่เดินหายลับไปสุดลมหายใจของตน ฤทธิ์ของน้ำศักดิ์สิทธิ์ทำให้แข้งขาของเขาอ่อนแรงจนยากจะคลานออดมาจากตรงนั้น ได้แต่นอนรอให้สักคนมาช่วยเขาออกไปจากที่ตรงนี้ด้วยความทรมาน

"อึกก.. บ้าเอ้ย! อ๊า!.."

มือสั่นๆเอื้อมมารูดรั้งแกนกายของตัวเองด้วยความทรมาน กลิ่นหอมประหลาดเย้ายวนโชยออกมาจากตัวของเขาลอยไปตามลมสู่หลืบมืดลึกเข้าไปด้านในยังที่ซ่อนเร้นกายของเทพแห่งป่า

ดวงตาสีทองเบิกโพลงจนสว่างเรืองรองเห็นเด่นชัดออกมาจากซอกเขา

สองมือขององค์ราชาพลันหยุดชะงักเมื่อได้แต่เข้ากับลูกไฟสีทองทั้งสอง เหมือนร่างกายคลายความทรมานที่มีไปชั่วครู่ ดวงตาพลันเลื่อนลอยเหมือนต้องมนต์สะกด

ร่างอัปลักษณ์ค่อยๆคืบคลานออกมาจากที่มืดอย่างช้าๆ แขนที่แห้งเหี่ยวเหมือนซากศพของสัตว์เท้ากิบนั้นยืดยาวออกมาจนถึงร่างที่นั่งนิ่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ก่อนจะไล้สัมผัสเบาๆตั้งแต่ปลายนิ้วไปจนถึงข้อเท้า

"งดงามยิ่ง... นานมากแล้วที่มนุษย์ไม่ได้ให้กำเนิดทายาทผมสีแดง"

เสียงแหบแห้งขององค์เทพเปล่งออกมาจากลำคอที่ตีบตันของตนเบาๆ เนื่องจากหลับไหลมานานนับร้อยปีร่างกายจึงเหี่ยวแห้งไร้เลือดแม้แต่หยดเดียว ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีวันตายด้วยพรจากพระเจ้าที่ประทานให้แก่องค์เทพแห่งผืนป่า

จมูกของเขาสูดกลิ่นกายหอมไปจนสุดลมหายใจแล้วคำรามออกมาเบาๆด้วยความกระสัน เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตและเนื้อหนังให้กลับมาสมบูรณ์จำต้องเสพสังวาสกับเจ้าสาวที่ถูกเลือกแล้วสูบเอาพลังชีวิตมาหล่อเลี้ยงตนกับต้นไม้โดนรอบที่พำนัก

ดังจะเห็นได้ว่าร่องลึกกลางป่านี้ต้นไม้แห้งเหี่ยวไร้สัตว์อาศัยก็เพราะว่านานมากแล้วที่เจ้าสาวไม่เคยถูกส่งตัวมาที่นี่ ตัวท่านเทพเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดแต่นับว่ายังดีที่มนุษย์ไม่ลืมสิ่งที่ปฎิบัติสืบต่อกันมาแล้วส่งผู้ที่ได้รับเลือกของตนมาหาเขาในวันที่กำลังหิวโซพอดิบพอดี แม้จะมีซากมนุษย์มากมายอันไร้ที่มาที่ไปกองอยู่หน้าปากทางให้ได้กัดกินแต่น่นก็ไม่ต่างจากน้ำหนึ่งหยดที่ตกลงบนผืนดินที่แตกระแหง มันไม่เคยช่วยดับความหิวกระหายให้ได้เลยทำได้เพียงบรรเทาให้ไม่ต้องทุกข์ทรมาร

เสียงคำรามที่เปล่งออกมาก่อนหน้าคือเสียงอันทุกข์ทรมารจสกความหิวกระหายนับร้อยๆปี หลังจากเปล่งออกมาดังถึงเพียงนั้นก็ถึงกับต้องหลับตาพักจนได้กลิ่นหอมจากร่างกายขององค์ราชามาปลุกเขาจากนิทราถึงได้ลืมตาตื่นเพื่อเพ่งมมองร่างอันเย้ายวนบนโขดหินนั้น

"กระสันอยากมากเลยใช่รึไม่... คลานเข้ามาในนี้สิแล้วข้าจะช่วยเจ้าเอง"

ดวงตาสีทองค่อยๆร่ายมนต์ล่อหลอกให้เหยื่อตัวน้อยหาร่างกายของตนเดินเข้าไปหลืบอันมืดมิดช้าง แต่ดูเหมือนว่าความหิวกระหายจะมีมากเกินต้านทาน ท่านเทพที่่หมดความอดทนจึงคว้าเข้าที่ลำตัวของร่างผมแดงเข้ามาด้านในทันที

"ยาปลุกกำหนัดออกฤทธิ์ได้ดี.. ข้าคงแทบจะไม่ต้องทำอะไรกับเจ้าให้เปลืองแรง"

ร่างขององค์ราชาถูกจับให้นอนพลิกคว่ำอยู่บนกองฟางที่มีเศษซากกระดูกมากมายกระจัดกระจายเต็มไปหมดต่างที่นอนขององค์เทพ

เขาสำรวจเหยื่อของตนพอสังเขปได้ก็คลายมนต์ออก พลันร่างขององค์ราชาก็กลับมาสั่นเทิ่มอีกครั้งด้วยความอยากที่ปะทุขึ้นมาจากช่องทางด้านหลัง

"อ...อ๊า.. ที่นี่ ที่ไหน มืด ข้ามองไม่เห็น"

สองมือขาวคลำไปทั่วพื้นรอบตัวด้วยความหวาดกลัวต่อความมืดมิดที่ได้พานพบ มันมืดเสียจนมองไม่เห็นอะไรรอบข้างเลยแต่กลับรู้สึกได้ว่ามาดวงตาคู่ใหญ่นั้นจ้องมองมาที่ตนอยู่ตลอดเวลา

"ถ้ารอดจากแกนกายข้าไปได้เจ้าก็จะรู้..."

ท่านเทพไม่รอช้าก็ชำแรกแกนกายอันเขื่องแหวกรูจีบสีชมพูให้ปริออกรับของตนเข้าไปจนฉีกขาด กลิ่นเลือดอันหอมหวานผสมกับกลิ่นหอมจากร่างขององค์ราชาฟุ้งจนขึ้นมาถึงจมูกของร่างยักษ์เจ้าของดวงตาสีทอง

"อ๊ากกก!!..."

ร่างผมแดงกรีดร้องจนสุดเสียงด้วยความเจ็บที่แทบจะทำให้สิ้นสติ ตัวเขาสั่นเทิ้มไปด้วยความกระสันที่เจ็บปวดและทรมาน เครื่องในเหมือนถูกดันขึ้นมาจนถึงอก ไม่นานนักก็ต้องอ้วกออกมาเป็นเลือดกองโตเพราะแกนกายที่สอดลึกเข้ามาได้ทำลายอวัยวะภายในไปบางส่วน

นับว่าเป็นโชคดีบนโชคร้ายที่ความมืดทำให้เขาไม่เห็นภาพนั้นจนสติหลุดไปเสียก่อนจึงยังพอประคองสติเอาไว้ได้โดยรับรู้เพียงแค่ว่าตนได้สำรอกเอาบางสิ่งบางอย่างออกมาเท่านั้น

"ถ้าตายข้าก็จะกัดกินเจ้าไม่ให้เหลือซาก..แต่ถ้ารอดเจ้าจะเป็นเมียรักที่ข้าเอ็นดูที่สุด"

การเสพสังวาสอันแสนทุกข์ทรมานได้เริ่มต้นขึ้นมืออีกคู่ของท่านเทพที่คล้ายกับมนุษย์จับเอาเอวขององค์ราชาขยับรูดขึ้นลงตามความกระสันอยากของตนอย่างไร้ความปรานี ร่างที่รองรับความกระหายอันบ้าคลั่งนั้นไม่แม้แต่จะเปล่งเสียร้องออกมาได้เพราะความทรมานที่มี แต่ด้วยฤทธิ์ของน้ำจากต้นไม้สีนิลยังออกฤทธิ์อยู่ความเจ็บที่แทบสิ้นสติจึงมาพร้อมกับความเสียวซ่านยากที่สติจะรองรับไหว

"อ่อก!!ๆๆๆ.. อั่ก..!! อึกกก!!"

ดวงตาขององค์ราชาเหลือกลอยจนแทบจะเห็นตาขาวปากอ้่กว้างน้ำลายและเลือดไหลย้อยจนดูไม่งาม

"กรรรร!!.."

แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่สาแก่ใจท่านเทพเท่าไหร่นักจึงขยับมือเร็วขึ้นจนในที่สุดองค์ราชาก็ปลดปล่อยออกมาอย่างยากที่จะหยุด ทุกการสอดใส่แกนกายสีชมพูก็จะคายน้ำคาวออกมาไม่หยุดยั้งเอิ่งนองจนเต็มพื้นฟางเป็นวง

ในที่สุดแกนกายใหญ่ก็ปลดป่อย มันล้นออกมาจากช่องทางอันบอบช้ำตกลงพื้นปนกับของร่างผมแดงพร้อมๆกับเลือด และเมื่อแกนกายใหญ่ถอดถอนออกไปมันก็พวยพุ่งออกมาจากช่องทางที่กรวงโบ๋

"ตายรึยัง.."

เทพแห่งป่าที่ได้กินอาหารจนหนำใจใช้เท้าเขี่ยร่างที่นอนคว่ำหน้าแน่นิ่งไม่ไหวติงเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าจะกะแรงผิดไปเสียหน่อยเพราะเบาๆของสิ่งยักษ์ใหญ่กับสิ่งที่เล็กกว่าไม่เหมือนกัน ร่างผมแดงจึงนอนพับไปกับพื้นทันที

"อ..โอ๊ย ฮึกก.. เจ็บข้าเจ็บ"

ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตายเพราะร้างผมแดงนั้นยังไม่สิ้นสติดีเหมือนว่ายังมีแรงกระเสือกกระสนร้องบอกความเจ็บปวดได้อยู่

"...ไม่ตายรึ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ได้เป็นเมียข้า"

ร่างอัปลักษณ์ที่เคยแห้งเหี่ยวของตนพลันกลับมามีชีวิตชีวาทันทีหลังจากร่วมสังวาสกัน ท่านเทพจึงไม่รีรอที่จะรักษาบาดแผลอันสาหัสจากการร่วมรักให้กับร่างผมแดง ก่อนจะใช้พลังของตนเปลี่ยนร่างจริงเป็นร่างจำแลงของเทพรูปงามดวงตาสีทอง

"เจ้าจะได้รับชีวิตนิรันดร์เมื่อลืมตาตื่น ความเจ็บปวดใดๆก็ไม่อาจทำอันตรายได้ รึแม่แต่ความตายก็จะไม่ได้สัมผัส.. ต่อให้ร่างกายแห้งกรอบรึเหลือเพียงเถ้าธุลีเจ้าก็จะไม่ตายเช่นเดียวกันกับตัวข้า.. 'มานา'.."

สองแขนกำยำค่อยๆช้อนร่างที่แน่นิ่งไปเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนจะบุกขึ้นยืนแล้วอุ้มองค์ราชานอนไปยังแท่นบรรทมของตนในร่างมนุษย์อย่างแผ่วเบา

"เดี๋ยวข้าจะกลับมาเสพสังวาสกับเจ้าต่อ.. แต่ตอนนี้ข้ามีหน้าที่ต้องทำ จงนอนรอข้าอย่าไปไหนแล้วข้าจะกลับมา..."

ท่านเทพพูดกับร่างที่นอนนิ่งอยู่คนเดียวแล้วค่อยๆหายตัวไปในทันทีที่พูดจบ ทิ้งให้องค์ราชาที่สิ้นสตินอนอยู่ในถ้ำท่ามกลางเศษซากกองกระดูกในอยู่ความมืดมิดเพียงลำพัง

 

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!