หนึ่งความรู้สึก เศษเสี้ยวความทรงจำ
เสี้ยวความทรงจำที่ 1 แค่อยากรู้จัก
“สายตลอดนี่ขนาดนัดก่อนเวลาตั้งนาน
ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ เฮ้อ” หลังจากพยายามโทรหาเพื่อนรักที่มาสายตลอด
ไม่ว่าจะนัดไหนฉันจะต้องเป็นคนรอเพื่อนรักคนนี้ตลอด ถึงจะบ่นออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
แต่ก็ยังพยายามที่จะติดต่อเพื่อถามว่าถึงไหนแล้ว เพราะฉันกำลังรอกินข้าวอยู่
30 นาทีผ่านไป......
ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด... ‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ’ ฉันที่พึ่งวางจานกะเพราหมูสับหมูกรอบ และน้ำกระเจี๊ยบที่พึ่งซื้อมา
เพราะหิวจนทนรอเพื่อนตัวดีที่มาสายไม่ไหว
‘กินก่อนแล้วกัน
คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง กว่าจะมา กว่าจะกินเสร็จคงย่อยพอดี’เสียงในหัวของคนที่กำลังรอ เพราะตอนแรกคิดว่าจะกินข้าวด้วยกันตอนนี้แต่ฉันแสบท้องมาก
เนื่องจากฉันเป็นโรคกระเพาะ
“นัท ฉันมาแล้ว ไม่ต้องโทรแล้วจ้า”
คนที่ใส่ชุดพละของโรงเรียน พร้อมทั้งกำลังหอบไม้แบตมินตัน และกระเป๋า
ที่เดินตรงมาทางฉันที่กำลังกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร
เสียงที่ดังจนทำให้คนในโรงอาหารหันมามองคนที่กำลังเดินเข้ามาเกือบทุกคน
“ทำไมแกมาช้าจัง
อุ้ม” ฉันทักทายคนที่กำลังเดินเข้ามา
“ก็รถติดไงคะ
คุณนัท แล้วนี่อะไร กะเพรา กระเจี๊ยบ คือกินไม่รอเลยนะ”
หลังจากอุ้มบอกเหตุผลที่มาสายไปครึ่งชั่วโมง ก็บ่นออกมาเพราะเห็นจานข้าวของฉัน
“ก็มาสายเองช่วยไม่ได้ค่ะ” ฉันทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตา
เพื่อกวนอารมณ์ของคนตรงหน้า
“เออค่ะ ฉันไปหาอะไรกินก่อนนะ หิวมากเลยว่ะ”
สิ้นเสียงพูดอุ้มก็เดินไป โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ ฉันได้แต่มองตามเพื่อดูว่าอุ้มจะซื้ออะไร
ซึ่งฉันได้คิดไว้ในใจแล้วว่า
“สปาเก็ตตี้ต้มยำทะเลค่ะ”
เหมือนที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิดเลย ยัยคนนี้ชอบกินเมนูนี้ของร้านนี้ที่สุด
หลังจากที่คิดถูกว่าอุ้มจะกินอะไรฉันก็กลับมานั่งฟังเพลงของตัวเองเพื่อรอเจ้าเพื่อนตัวดีของฉันกลับมานั่งที่โต๊ะเพื่อจะรอกินพร้อมกัน
‘…ให้เป็นดอกไม้
จะเข้าใจไหม
ให้เป็นจดหมาย อาจยังไม่ซึ้งใจ
ถ้างั้น ก็คงไม่ดีสักเท่าไหร่
ถ้าแต่งเป็นคำร้อง จะดีไหม
บอกผ่านทำนอง เธอคงจะเข้าใจ
ถ้าเป็นอย่างงั้น จะบอกเธอให้ฟัง ว่าทั้งหัวใจ
ฉันรักเธอ...’
Bedroom Audio - บอกรัก
“ฟังเพลงอีกแล้ว
นี่เพื่อนอุ้มไง อยู่กับเพื่อนก็คุยกับเพื่อนสิ ทำไมชอบฟังแต่เพลงนะ
หรือว่าแกไม่อยากคุยกับฉัน ฮือ...” ฉันนั่งมองอุ้มที่บ่นด้วยน้ำเสียงทะเล้น
“อย่างน้อยก็แก้เบื่อในระหว่างที่รอคนบางคนมาสายไง” หลังจากที่ฉันตอบอุ้มไปแบบนั้น ก็เริ่มตักข้าวเข้าปากกัน
ต่างคนต่างเงียบ อุ้มก็นั่งไถโทรศัพท์มือถือพร้อมกับกินสปาเก็ตตี้ต้มยำ
ส่วนฉันก็นั่งฟังเพลงไปกินข้าวไป
“สรุปว่าวันนี้มีแพลนอะไรบ้าง
นอกจากตีแบตเนี่ยะ” ไม่นานอยู่ๆอุ้มก็ส่งเสียงทำลายความเงียบ
“ไปหาอาจารย์ศิริเพ็ญก่อน
แกเรียกฉันไปช่วยซ่อมน้องม.2 ที่สอบตก คงต้องหาแกก่อน ส่วนแกก็รีบกินสิ
ฉันกินจะหมดแล้วนะ ขืนชักช้ามีหวังไม่ได้ตีแบตหรอกนะ”
ฉันบอกยัยอุ้มว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง พร้อมทั้งบ่นที่ยัยนี้กินช้า
“แพลนจะเยอะไปไหนคะคุณนัท
อีกอย่างนะวิชาของอาจารย์ศิริเพ็ญมีใครบ้างที่ไม่ตก พวกที่ไม่ตกคงมีแต่เด็กหัวกะทิ
ห้องต้นๆนั้นแหล่ะ อย่าว่าแต่น้องเลย ฉันเองก็ไม่ผ่าน”
ฉันยังจำได้ว่าปีที่แล้วยังไปนั่งช่วยยัยอุ้มซ่อมวิชาคณิตพื้นฐานที่เรียนกับอาจารย์คนนี้อยู่เลย
“เอ่อ...แต่ฉันผ่านว่ะโทษที
ฉันเองก็ไม่ได้อยู่ห้องต้นนะ แกอย่าเหมารวมดิ วิชานี้ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น อีกอย่างฉันก็เป็นห้องสุดท้ายของแผนการเรียนที่มีวิชาวิทย์กับคณิตเพิ่มเติมนะ
ฉันว่าน่าจะไม่ส่งงานแหล่ะ”
ฉันอธิบายเพราะไม่อยากให้ยัยอุ้มเหมารวมว่าเด็กห้องต้นเก่ง เด็กห้องท้ายไม่เก่ง
แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธนะว่าวิชานี้มันยากจริงๆ แต่ไม่ได้ยากจนถึงขั้นทำไม่ได้
“จ้า แม่คนเก่ง
แม่ลูกรักของอาจารย์ทั้งระดับ” น้ำเสียงประชดประชันดังขึ้นทันที
พร้อมกับสายตาที่มองบนและปากที่คว่ำลง ฉันละอยากจะตีปากยัยเพื่อนคนนี้จริงๆ
เลยเชียว หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จก็กำลังเดินตรงไปที่ตึกเรียน
“แกจะให้พวกเราทำอะไรวะ
ช่วยซ่อมนี่คือยังไง” อุ้มที่กำลังกินน้ำเปล่าถามฉันก่อนที่จะยกขวดน้ำเปล่าดื่ม
“ไม่รู้ดิ
คงให้ช่วยสอนน้องทำมั้ง” ฉันเองก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าอาจารย์เรียกให้มาก็มาแค่นั้นเอง
“เจ้านัทมาพอดีเลย
ช่วยสอนนองคนนี้ทีซ่อมมาสามรอบแล้วยังไม่ผ่านเลย ฉันละเหนื่อยกับเธอจริงๆเลยนะ
ถ้ามารอบนี้ไม่ผ่านอีกเรียนซ้ำอีกปีเลยแล้วกัน”
ฉันกับเพื่อนที่พึ่งเดินมาถึงหน้าห้อง ยังไม่ได้ทันจะยกมือไหว้เลย ก็มาเจอน้องโดนอาจารย์บ่นแบบไม่เว้นช่องให้ใครได้พูดเลย
ได้แต่สงสารในใจแต่ทำอะไรไม่ได้ หลังจากที่อาจารย์บ่นเสร็จก็เดินเข้าห้องไปเลย
ฉันกับอุ้มเลยได้แต่มองหน้ากันสลับกับการมองหน้าน้องที่จ้องมาทางเราสองคนเหมือนกัน
“เอ่อ
น้องไม่ได้ตรงไหนหรอ ถามพี่ได้นะถ้าพี่ช่วยได้พี่จะช่วย
แต่พี่ว่าเราไปหาที่นั่งหันก่อนดีไหม แล้วก็ไม่ต้องกลัวพวกพี่นะพวกพี่ไม่ดุ
พวกพี่ติ๊งต๊องมากกว่า ฮ่าๆ” อุ้มพยายามพูดคุยกับน้องที่หน้าจ๋อยหลังโดนอาจารย์ดุ
เพราะซ่อมไม่ผ่านสักที
หลังจากพยายามชวนน้องคุยหลายๆเรื่องแล้วเลยรู้มาว่าน้องชื่อกล้า สุดท้ายก็ลงมานั่งทำตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าตึกเรียน
“ชื่อกล้าใช่ไหม
งั้นพี่เรียกเราว่ากล้าเลยนะ ไหนไม่ได้ตรงไหนบอกมาพวกพี่พร้อมช่วย”
อุ้มที่คุยกับน้องมาตลอดทางก็ถามน้องที่นั่งเกร็งตรงหน้าฉัน ใช่แล้วคนที่ชวนน้องคุยมาตลอดทางที่ลงจากตึกมาคือยัยอุ้ม
ส่วนฉันก็เงียบมาตลอดทางแต่ก็ได้ยินว่าคุยอะไรกันบ้างรวมถึงชื่อของน้องกล้าด้วย
แต่จนตอนนี้ฉันก็ยังคงเงียบอยู่ ที่ฉันเงียบไม่ใช่เพราะฉันหยิ่งหรืออะไรนะ
ฉันแค่ไม่รู้จะคุยกับน้องยังไง
ฉันเป็นคนประเภทที่ถ้าไม่สนิทก็จะไม่ค่อยพูดเท่าไหร่
แต่ถ้าสนิทจะบอกเลยว่าลืมภาพแรกที่เจอฉันไปได้เลย
“พี่ชื่ออุ้มนะ
ส่วนยัยนี่เพื่อนพี่เองชื่อนัท มีอะไรก็ถามมันได้” ยัยอุ้มพยายามทำให้น้องไม่เกร็ง
“นี่ไอนัท อย่าเงียบดิน้องกลัวหมดแล้วมั้ง” อุ้มที่สะกิดแล้วบอกฉัน
“มีอะไรถามพี่ได้นะคะ
ไม่เข้าใจหรืองงตรงไหนก็ถามมาได้ ถ้าพี่อธิบายได้จะอธิบายให้ฟังนะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
1 ชั่วโมงผ่านไป....
“เห้ย
ทำไมข้อนี้มันทำไม่ได้สักทีวะ มันเป็นชั่วโมงแล้วนะ” ฉันที่กำลังนั่งดูโจทย์กับจุดที่ผิดกับน้องกล้า
หันไปมองคนที่กำลังบ่นทั้งที่ในปากยังเคี้ยวขนมไม่ทันหมด
“แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย
ฉันกับกล้ากำลังดูวิธีคิดอยู่ ตกใจหมดเลย”
ฉันได้แต่บ่นคนที่ยังเอาขนมเข้าปากไม่หยุด ก็ไม่รู้ว่ายัยอุ้มจะบ่นไปทำไมทั้งๆ
ที่ตลอดชั่วโมงมีแต่ฉันกับกล้านั่งทำนั่งถามกันอยู่สองคน
ยัยคนที่บ่นก็นั่งบ่นไปกินขนมไป
“เห้ย
ไอนัทฉันว่าเรามีตัวช่วยแล้ววะ นั่นไง ไอปาล์ม!!!” ฉันมองตามมือยัยอุ้มที่ชี้ออกไปพร้อมทั้งตะโกนเรียกผู้ชายคนนึงที่กำลังจะเดินมาทางนี้
“แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย
คนอื่นเค้าหันมามองหมดแล้ว” ฉันที่กำลังบ่นคนที่เสียงดังลั่นหน้าตึกเรียน
นี่ถ้ามีประกาศประชาสัมพันธ์ของโรงเรียนแล้วเครื่องเสียงพัง
ยัยอุ้มคงจะเป็นที่ใช้ประกาศแทนเครื่องเสียงได้แน่นอน
ฉันที่กำลังบ่นเพื่อนตัวดีในใจอยู่ไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนผู้ชายสองคนนั้นเดินมาอยู่ด้านหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไงมึง ตะโกนเสียงดังเชียว
แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่หรอ” คนที่ยัยอุ้มเรียกว่าปาล์มบ่นเรื่องที่ยัยอุ้มเสียงดัง คงไม่ได้มีแต่ฉันที่คิดสินะ
“สรุปจะด่ากู
หรือถามกูเอาให้แน่ก่อนไหม” อุ้มที่กำลังกวนประสาทคนที่ชื่อปาล์มอยู่นั้น
ฉันเห็นคนที่เดินถือลูกบาสเก็ตบอลเข้ามาพร้อมกัน คนอะไรหน้านิ่งชะมัด
“เออใช่เกือบลืม
นี่เพื่อนกูนะชื่อตี๋นะ” คนที่ชื่อปาล์มแนะนำเพื่อนที่มาด้วยกันให้พวกเรารู้จัก
“เออนี่เพื่อนกูชื่อนัท
เห็นมันเงียบๆแบบนี้ไม่ได้หยิ่งนะ แค่ยังไม่สนิทถ้าสนิทนี่อย่างกับคนละคนเลย”
อุ้มที่กำลังแนะนำฉันกับเพื่อนทั้งสองคน
“หวัดดีปาล์ม
หวัดดีตี๋” ฉันทักทายออกไป ปาล์มฉันเคยเห็นมาบ้างเพราะตอนม.1
เรียนห้องข้างๆกันเลยเคยเห็นผ่านๆ แต่กับตี๋ทำไมไม่เคยเห็นเลยนะ แต่ก็ถือว่าหน้าตาดีได้แหล่ะมั้ง
สูง ตัวก็ไม่ผอมไม่อ้วน เรียกว่าอะไรนะ สมส่วนใช่ไหมนะ
แล้วฉันจะมานั่งพินิจพิจารณาคนอื่นทำไมเนี่ยะ ช่วยน้องก่อนแล้วกัน ฉันที่ได้สติ
ก็หันกลับมาดูโจทย์เลขในมือต่อ
“แล้วสรุปพวกมึงทำอะไรกันอยู่วะ”
ปาล์มที่ยังไม่ได้คำตอบในตอนแรก ก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“อาจารย์ศิริเพ็ญอะดิให้พวกกูมาช่วยน้องซ่อม
ทำได้เกือบเสร็จหมดแล้ว แต่เหลือข้อนึงที่พวกฉันแก้ยังไงก็แก้ไม่ได้สักที พวกกูอยากเล่นแบตจะแย่แล้วเนี่ย”
ยัยอุ้มที่กึ่งบอกกึ่งบ่นกับปาล์ม ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ายัยอุ้มจะบ่นทำไม
คนที่ควรบ่นควรเป็นฉันรึป่าว
“เอ่อกูขอดูหน่อยได้ไหม”
ปาล์มที่เดินเข้ามาคุยกับฉัน พร้อมทั้งทำท่าแบมือขอโจทย์ที่ฉันกำลังดูอยู่
ฉันไม่ได้ตอบอะไร แต่ยื่นกระดาในมือให้ปาล์มไป
“โจทย์แบบนี้กูไม่ถนัดเลยว่ะ
ตี๋มึงดูให้กูหน่อยดิ กูจำได้ว่ามึงเคยสอบได้เต็มเรื่องนี้”
หลังจากที่พิจารณาโจทย์ที่ว่าสักพักก็พูดออกมา
ฉันที่ฟังอยู่ก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ คนอะไรจะเพอร์เฟคไปทุกอย่าง กีฬาดี
หน้าตาดี หุ่นดี แล้วยังเรียนดีอีกหรอ มันไม่เกินไปหน่อยหรอ ฉันได้แต่คิดในใจ
“จ้องไม่หยุดเลยนะ
ชอบแบบนี้หรอ” แต่เหมือนฉันจะจ้องตี๋นานเกินไป จนยัยอุ้มถึงกับแซว
“ก็ชอบมั้ง”
ยัยอุ้มที่คิดว่าแค่แซวฉันเล่นๆ ถึงกับตาโต
“ถามจริง
ฉันแค่แซวเล่นนะ” อุ้มที่ตกใจถึงกับเสียงดังใส่ฉัน
“จะเสียงดังทำไมเดี๋ยวคนอื่นก็รู้กันหมดหรอก”
ฉันที่ดุเพื่อนอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่นัก “ก็ไม่เชิงชอบหรอก แต่รู้สึกว่าถูกชะตา
อยากรู้จัก ก็แค่นั้น” ก็อย่างฉันบอกกับยัยอุ้มนั่นแหล่ะ แค่อยากรู้จักเฉยๆ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 3
Comments