NovelToon NovelToon

หนึ่งความรู้สึก เศษเสี้ยวความทรงจำ

เสี้ยวความทรงจำที่ 1 แค่อยากรู้จัก

เสี้ยวความทรงจำที่ 1 แค่อยากรู้จัก

 

           “สายตลอดนี่ขนาดนัดก่อนเวลาตั้งนาน

ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ เฮ้อ” หลังจากพยายามโทรหาเพื่อนรักที่มาสายตลอด

ไม่ว่าจะนัดไหนฉันจะต้องเป็นคนรอเพื่อนรักคนนี้ตลอด ถึงจะบ่นออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

แต่ก็ยังพยายามที่จะติดต่อเพื่อถามว่าถึงไหนแล้ว เพราะฉันกำลังรอกินข้าวอยู่

           30 นาทีผ่านไป......

ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด... ‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ’ ฉันที่พึ่งวางจานกะเพราหมูสับหมูกรอบ และน้ำกระเจี๊ยบที่พึ่งซื้อมา

เพราะหิวจนทนรอเพื่อนตัวดีที่มาสายไม่ไหว

‘กินก่อนแล้วกัน

คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง กว่าจะมา กว่าจะกินเสร็จคงย่อยพอดี’เสียงในหัวของคนที่กำลังรอ เพราะตอนแรกคิดว่าจะกินข้าวด้วยกันตอนนี้แต่ฉันแสบท้องมาก

เนื่องจากฉันเป็นโรคกระเพาะ

 “นัท ฉันมาแล้ว ไม่ต้องโทรแล้วจ้า”

คนที่ใส่ชุดพละของโรงเรียน พร้อมทั้งกำลังหอบไม้แบตมินตัน และกระเป๋า

ที่เดินตรงมาทางฉันที่กำลังกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร

เสียงที่ดังจนทำให้คนในโรงอาหารหันมามองคนที่กำลังเดินเข้ามาเกือบทุกคน

“ทำไมแกมาช้าจัง

อุ้ม”  ฉันทักทายคนที่กำลังเดินเข้ามา

“ก็รถติดไงคะ

คุณนัท แล้วนี่อะไร กะเพรา กระเจี๊ยบ คือกินไม่รอเลยนะ”

หลังจากอุ้มบอกเหตุผลที่มาสายไปครึ่งชั่วโมง ก็บ่นออกมาเพราะเห็นจานข้าวของฉัน

“ก็มาสายเองช่วยไม่ได้ค่ะ”  ฉันทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตา

เพื่อกวนอารมณ์ของคนตรงหน้า

 “เออค่ะ ฉันไปหาอะไรกินก่อนนะ หิวมากเลยว่ะ”

สิ้นเสียงพูดอุ้มก็เดินไป โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ ฉันได้แต่มองตามเพื่อดูว่าอุ้มจะซื้ออะไร

ซึ่งฉันได้คิดไว้ในใจแล้วว่า

“สปาเก็ตตี้ต้มยำทะเลค่ะ”

เหมือนที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิดเลย ยัยคนนี้ชอบกินเมนูนี้ของร้านนี้ที่สุด

หลังจากที่คิดถูกว่าอุ้มจะกินอะไรฉันก็กลับมานั่งฟังเพลงของตัวเองเพื่อรอเจ้าเพื่อนตัวดีของฉันกลับมานั่งที่โต๊ะเพื่อจะรอกินพร้อมกัน

 

‘…ให้เป็นดอกไม้

จะเข้าใจไหม

ให้เป็นจดหมาย อาจยังไม่ซึ้งใจ

ถ้างั้น ก็คงไม่ดีสักเท่าไหร่

ถ้าแต่งเป็นคำร้อง จะดีไหม

บอกผ่านทำนอง เธอคงจะเข้าใจ

ถ้าเป็นอย่างงั้น จะบอกเธอให้ฟัง ว่าทั้งหัวใจ

ฉันรักเธอ...’

Bedroom Audio - บอกรัก

“ฟังเพลงอีกแล้ว

นี่เพื่อนอุ้มไง อยู่กับเพื่อนก็คุยกับเพื่อนสิ ทำไมชอบฟังแต่เพลงนะ

หรือว่าแกไม่อยากคุยกับฉัน ฮือ...” ฉันนั่งมองอุ้มที่บ่นด้วยน้ำเสียงทะเล้น

“อย่างน้อยก็แก้เบื่อในระหว่างที่รอคนบางคนมาสายไง”  หลังจากที่ฉันตอบอุ้มไปแบบนั้น ก็เริ่มตักข้าวเข้าปากกัน

ต่างคนต่างเงียบ อุ้มก็นั่งไถโทรศัพท์มือถือพร้อมกับกินสปาเก็ตตี้ต้มยำ

ส่วนฉันก็นั่งฟังเพลงไปกินข้าวไป

“สรุปว่าวันนี้มีแพลนอะไรบ้าง

นอกจากตีแบตเนี่ยะ”  ไม่นานอยู่ๆอุ้มก็ส่งเสียงทำลายความเงียบ

“ไปหาอาจารย์ศิริเพ็ญก่อน

แกเรียกฉันไปช่วยซ่อมน้องม.2 ที่สอบตก คงต้องหาแกก่อน ส่วนแกก็รีบกินสิ

ฉันกินจะหมดแล้วนะ ขืนชักช้ามีหวังไม่ได้ตีแบตหรอกนะ”

ฉันบอกยัยอุ้มว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง พร้อมทั้งบ่นที่ยัยนี้กินช้า

“แพลนจะเยอะไปไหนคะคุณนัท

อีกอย่างนะวิชาของอาจารย์ศิริเพ็ญมีใครบ้างที่ไม่ตก พวกที่ไม่ตกคงมีแต่เด็กหัวกะทิ

ห้องต้นๆนั้นแหล่ะ อย่าว่าแต่น้องเลย ฉันเองก็ไม่ผ่าน”

ฉันยังจำได้ว่าปีที่แล้วยังไปนั่งช่วยยัยอุ้มซ่อมวิชาคณิตพื้นฐานที่เรียนกับอาจารย์คนนี้อยู่เลย

“เอ่อ...แต่ฉันผ่านว่ะโทษที

ฉันเองก็ไม่ได้อยู่ห้องต้นนะ แกอย่าเหมารวมดิ วิชานี้ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น อีกอย่างฉันก็เป็นห้องสุดท้ายของแผนการเรียนที่มีวิชาวิทย์กับคณิตเพิ่มเติมนะ

ฉันว่าน่าจะไม่ส่งงานแหล่ะ”

ฉันอธิบายเพราะไม่อยากให้ยัยอุ้มเหมารวมว่าเด็กห้องต้นเก่ง เด็กห้องท้ายไม่เก่ง

แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธนะว่าวิชานี้มันยากจริงๆ แต่ไม่ได้ยากจนถึงขั้นทำไม่ได้

“จ้า แม่คนเก่ง

แม่ลูกรักของอาจารย์ทั้งระดับ” น้ำเสียงประชดประชันดังขึ้นทันที

พร้อมกับสายตาที่มองบนและปากที่คว่ำลง ฉันละอยากจะตีปากยัยเพื่อนคนนี้จริงๆ

เลยเชียว หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จก็กำลังเดินตรงไปที่ตึกเรียน

“แกจะให้พวกเราทำอะไรวะ

ช่วยซ่อมนี่คือยังไง” อุ้มที่กำลังกินน้ำเปล่าถามฉันก่อนที่จะยกขวดน้ำเปล่าดื่ม

“ไม่รู้ดิ

คงให้ช่วยสอนน้องทำมั้ง” ฉันเองก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าอาจารย์เรียกให้มาก็มาแค่นั้นเอง

“เจ้านัทมาพอดีเลย

ช่วยสอนนองคนนี้ทีซ่อมมาสามรอบแล้วยังไม่ผ่านเลย ฉันละเหนื่อยกับเธอจริงๆเลยนะ

ถ้ามารอบนี้ไม่ผ่านอีกเรียนซ้ำอีกปีเลยแล้วกัน”

ฉันกับเพื่อนที่พึ่งเดินมาถึงหน้าห้อง ยังไม่ได้ทันจะยกมือไหว้เลย ก็มาเจอน้องโดนอาจารย์บ่นแบบไม่เว้นช่องให้ใครได้พูดเลย

ได้แต่สงสารในใจแต่ทำอะไรไม่ได้ หลังจากที่อาจารย์บ่นเสร็จก็เดินเข้าห้องไปเลย

ฉันกับอุ้มเลยได้แต่มองหน้ากันสลับกับการมองหน้าน้องที่จ้องมาทางเราสองคนเหมือนกัน

“เอ่อ

น้องไม่ได้ตรงไหนหรอ ถามพี่ได้นะถ้าพี่ช่วยได้พี่จะช่วย

แต่พี่ว่าเราไปหาที่นั่งหันก่อนดีไหม แล้วก็ไม่ต้องกลัวพวกพี่นะพวกพี่ไม่ดุ

พวกพี่ติ๊งต๊องมากกว่า ฮ่าๆ” อุ้มพยายามพูดคุยกับน้องที่หน้าจ๋อยหลังโดนอาจารย์ดุ

เพราะซ่อมไม่ผ่านสักที

หลังจากพยายามชวนน้องคุยหลายๆเรื่องแล้วเลยรู้มาว่าน้องชื่อกล้า  สุดท้ายก็ลงมานั่งทำตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าตึกเรียน

“ชื่อกล้าใช่ไหม

งั้นพี่เรียกเราว่ากล้าเลยนะ ไหนไม่ได้ตรงไหนบอกมาพวกพี่พร้อมช่วย”

อุ้มที่คุยกับน้องมาตลอดทางก็ถามน้องที่นั่งเกร็งตรงหน้าฉัน ใช่แล้วคนที่ชวนน้องคุยมาตลอดทางที่ลงจากตึกมาคือยัยอุ้ม

ส่วนฉันก็เงียบมาตลอดทางแต่ก็ได้ยินว่าคุยอะไรกันบ้างรวมถึงชื่อของน้องกล้าด้วย

แต่จนตอนนี้ฉันก็ยังคงเงียบอยู่ ที่ฉันเงียบไม่ใช่เพราะฉันหยิ่งหรืออะไรนะ

ฉันแค่ไม่รู้จะคุยกับน้องยังไง

ฉันเป็นคนประเภทที่ถ้าไม่สนิทก็จะไม่ค่อยพูดเท่าไหร่

แต่ถ้าสนิทจะบอกเลยว่าลืมภาพแรกที่เจอฉันไปได้เลย

“พี่ชื่ออุ้มนะ

ส่วนยัยนี่เพื่อนพี่เองชื่อนัท มีอะไรก็ถามมันได้” ยัยอุ้มพยายามทำให้น้องไม่เกร็ง

“นี่ไอนัท อย่าเงียบดิน้องกลัวหมดแล้วมั้ง” อุ้มที่สะกิดแล้วบอกฉัน

“มีอะไรถามพี่ได้นะคะ

ไม่เข้าใจหรืองงตรงไหนก็ถามมาได้ ถ้าพี่อธิบายได้จะอธิบายให้ฟังนะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

           1 ชั่วโมงผ่านไป....

“เห้ย

ทำไมข้อนี้มันทำไม่ได้สักทีวะ มันเป็นชั่วโมงแล้วนะ” ฉันที่กำลังนั่งดูโจทย์กับจุดที่ผิดกับน้องกล้า

หันไปมองคนที่กำลังบ่นทั้งที่ในปากยังเคี้ยวขนมไม่ทันหมด

“แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย

ฉันกับกล้ากำลังดูวิธีคิดอยู่ ตกใจหมดเลย”

ฉันได้แต่บ่นคนที่ยังเอาขนมเข้าปากไม่หยุด ก็ไม่รู้ว่ายัยอุ้มจะบ่นไปทำไมทั้งๆ

ที่ตลอดชั่วโมงมีแต่ฉันกับกล้านั่งทำนั่งถามกันอยู่สองคน

ยัยคนที่บ่นก็นั่งบ่นไปกินขนมไป

“เห้ย

ไอนัทฉันว่าเรามีตัวช่วยแล้ววะ นั่นไง ไอปาล์ม!!!” ฉันมองตามมือยัยอุ้มที่ชี้ออกไปพร้อมทั้งตะโกนเรียกผู้ชายคนนึงที่กำลังจะเดินมาทางนี้

“แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย

คนอื่นเค้าหันมามองหมดแล้ว” ฉันที่กำลังบ่นคนที่เสียงดังลั่นหน้าตึกเรียน

นี่ถ้ามีประกาศประชาสัมพันธ์ของโรงเรียนแล้วเครื่องเสียงพัง

ยัยอุ้มคงจะเป็นที่ใช้ประกาศแทนเครื่องเสียงได้แน่นอน

ฉันที่กำลังบ่นเพื่อนตัวดีในใจอยู่ไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนผู้ชายสองคนนั้นเดินมาอยู่ด้านหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่

“ไงมึง ตะโกนเสียงดังเชียว

แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่หรอ” คนที่ยัยอุ้มเรียกว่าปาล์มบ่นเรื่องที่ยัยอุ้มเสียงดัง คงไม่ได้มีแต่ฉันที่คิดสินะ

“สรุปจะด่ากู

หรือถามกูเอาให้แน่ก่อนไหม” อุ้มที่กำลังกวนประสาทคนที่ชื่อปาล์มอยู่นั้น

ฉันเห็นคนที่เดินถือลูกบาสเก็ตบอลเข้ามาพร้อมกัน คนอะไรหน้านิ่งชะมัด

“เออใช่เกือบลืม

นี่เพื่อนกูนะชื่อตี๋นะ” คนที่ชื่อปาล์มแนะนำเพื่อนที่มาด้วยกันให้พวกเรารู้จัก

“เออนี่เพื่อนกูชื่อนัท

เห็นมันเงียบๆแบบนี้ไม่ได้หยิ่งนะ แค่ยังไม่สนิทถ้าสนิทนี่อย่างกับคนละคนเลย”

อุ้มที่กำลังแนะนำฉันกับเพื่อนทั้งสองคน

“หวัดดีปาล์ม

หวัดดีตี๋” ฉันทักทายออกไป ปาล์มฉันเคยเห็นมาบ้างเพราะตอนม.1

เรียนห้องข้างๆกันเลยเคยเห็นผ่านๆ แต่กับตี๋ทำไมไม่เคยเห็นเลยนะ แต่ก็ถือว่าหน้าตาดีได้แหล่ะมั้ง

สูง ตัวก็ไม่ผอมไม่อ้วน เรียกว่าอะไรนะ สมส่วนใช่ไหมนะ

แล้วฉันจะมานั่งพินิจพิจารณาคนอื่นทำไมเนี่ยะ ช่วยน้องก่อนแล้วกัน ฉันที่ได้สติ

ก็หันกลับมาดูโจทย์เลขในมือต่อ

“แล้วสรุปพวกมึงทำอะไรกันอยู่วะ”

ปาล์มที่ยังไม่ได้คำตอบในตอนแรก ก็ถามขึ้นอีกครั้ง

“อาจารย์ศิริเพ็ญอะดิให้พวกกูมาช่วยน้องซ่อม

ทำได้เกือบเสร็จหมดแล้ว แต่เหลือข้อนึงที่พวกฉันแก้ยังไงก็แก้ไม่ได้สักที พวกกูอยากเล่นแบตจะแย่แล้วเนี่ย”

ยัยอุ้มที่กึ่งบอกกึ่งบ่นกับปาล์ม ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ายัยอุ้มจะบ่นทำไม

คนที่ควรบ่นควรเป็นฉันรึป่าว

“เอ่อกูขอดูหน่อยได้ไหม”

ปาล์มที่เดินเข้ามาคุยกับฉัน พร้อมทั้งทำท่าแบมือขอโจทย์ที่ฉันกำลังดูอยู่

ฉันไม่ได้ตอบอะไร แต่ยื่นกระดาในมือให้ปาล์มไป

“โจทย์แบบนี้กูไม่ถนัดเลยว่ะ

ตี๋มึงดูให้กูหน่อยดิ กูจำได้ว่ามึงเคยสอบได้เต็มเรื่องนี้”

หลังจากที่พิจารณาโจทย์ที่ว่าสักพักก็พูดออกมา

ฉันที่ฟังอยู่ก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ คนอะไรจะเพอร์เฟคไปทุกอย่าง กีฬาดี

หน้าตาดี หุ่นดี แล้วยังเรียนดีอีกหรอ มันไม่เกินไปหน่อยหรอ ฉันได้แต่คิดในใจ

“จ้องไม่หยุดเลยนะ

ชอบแบบนี้หรอ” แต่เหมือนฉันจะจ้องตี๋นานเกินไป จนยัยอุ้มถึงกับแซว

“ก็ชอบมั้ง”

ยัยอุ้มที่คิดว่าแค่แซวฉันเล่นๆ ถึงกับตาโต

“ถามจริง

ฉันแค่แซวเล่นนะ” อุ้มที่ตกใจถึงกับเสียงดังใส่ฉัน

“จะเสียงดังทำไมเดี๋ยวคนอื่นก็รู้กันหมดหรอก”

ฉันที่ดุเพื่อนอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่นัก “ก็ไม่เชิงชอบหรอก แต่รู้สึกว่าถูกชะตา

อยากรู้จัก ก็แค่นั้น” ก็อย่างฉันบอกกับยัยอุ้มนั่นแหล่ะ แค่อยากรู้จักเฉยๆ

เสี้ยวความทรงจำที่ 2 ปิดเทอมใหญ่ (1)

เสี้ยวความทรงจำที่ 2 ปิดเทอมใหญ่

“เสร็จสักทีโว้ย แล้วนี่พวกมึงไปไหนกันต่อวะ” อุ้มที่กำลังหอบไม้แบตที่วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนหน้าตึกเรียนถามปาล์มกับตี๋ที่พึ่งลงมาจากตึก

“พวกกูว่าจะไปเล่นบาสที่ลานอเนกประสงค์ แล้วพวกมึงอ่ะ” ปาล์มที่ตอบยัยอุ้ม ซึ่งฉันก็ได้ยินแล้วก็คิดว่าถ้าได้ไปแล้วแบตแถวๆนั้นก็ดีเหมือนกันนะ แต่คอร์ดแบต มันอยู่ที่โดมกีฬาบนตึกหน่ะสิ

“อ่อ พวกกูก็จะไปเล่นแบตที่ลานอเนกฯ เหมือนกัน”ยัยอุ้มตอบปาล์มแล้วหันมามองหน้าฉันพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งก็มองออกว่าอุ้มจะทำอะไร

“แกอ่านใจได้สินะ” ฉันกระซิบกับยัยอุ้ม

“แน่นอนสิยะ แกเป็นเพื่อนฉันนะ อีกอย่างไปเล่นที่โดมกีฬามันอบอ้าวเกินไปฉันไม่ชอบเลย เอาเป็นว่าต่างคนต่างได้ประโยชน์แล้วกันนะ” ยัยอุ้มร่ายยาว

“งั้นไปด้วยกันเลยแล้วกัน แต่ว่านะนัท จริงๆแล้วพูดกูมึงก็ได้นะแบบไม่อยากให้อึดอัดกันอ่ะ” ปาล์มหันหน้ามาคุยกับฉัน ก่อนที่จะเดินไป ฉันก็ได้แต่ทำหน้างงๆ แล้วมองปาล์มที่เดินออกไป ก่อนจะหันไปสบตาเข้ากับตี๋

“ไม่ต้องไปสนใจที่ปาล์มพูดก็ได้นะ เธอจะพูดแบบไหนยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะปาล์มแค่ไม่อยากให้เธอเกร็งเวลาอยู่กับพวกเราเฉยๆหน่ะ” ตี๋ที่พูดออกมาหลายประโยคก็เดินไปทันทีที่พูดจบ นี่ก็อีกคนพูดจบก็ไม่รอให้คนเขาตอบรับ หรือพูดอะไรเลย พอตัวเองพูดจบก็ได้ไปเลย อะไรของผู้ชายพวกนี้นะ ฉันที่ไม่เข้าใจการกระทำของปาล์มและตี๋ก็ทำได้แค่เดินตามไปเท่านั้น

ณ ลานอเนกประสงค์...

“พวกเราขยับไปไกลๆ สนามบาสหน่อยไหม ฉันกลัวพวกนั้นเล่นกันแล้วพลาดมาโดนหัวพวกเราเอานะ” ฉันที่บอกยัยอุ้ม เพราะเวลาพวกผู้ชายเล่นบาส มักจะเล่นกันแรงเสมอเลย ฉันไม่อยากหัวปูดกลับบ้านหรอกนะ

“ก็ดีเหมือนกัน” หลังจากที่ขยับออกมาจากสนามบาสแล้วก็เริ่มตีแบตมินตันกัน จริงๆแล้วฉันเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬามากนะ ยิ่งเป็นกีฬากลางแจ้งยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลย แต่ก็นะเพื่อนๆของฉันแต่ละคนมีแต่เด็กเรียน เลยไม่ค่อยได้เล่นกีฬาเท่าไหร่จนมาเจอยัยอุ้มนี่แหล่ะ

“เห้ยนัท ระวัง!!!!” ฉันที่กำลังใจลอยอยู่ ก็ตกใจเสียงร้องของยัยอุ้มเลยหันไปตามเสียง แต่แล้วก็ไม่ทันจะได้ขยับตัว ‘ตุ๊บ’ รู้ตัวอีกทีก็ลงไปกองอยู่กับพื้น

“นัทแกเป็นอะไรไหม ไอนัท” เสียงยัยอุ้มที่เรียกชื่อฉัน พร้อมกับเขย่าตัวของฉันจนมึนไปหมด

“มันเกิดอะไรขึ้นวะ” ฉันที่พึ่งได้สติกลับมาก็ถามออกไป ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหมือนมีอะไรไม่รู้มากระแทกที่หัว หลังจากนั้นก็ลงไปนั่งที่พื้นแล้ว

“พวกกูขอโทษนะ พอดีพวกกูเล่นกันแรงไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจว่ะ” เสียงปาล์มที่อธิบายกันฉัน ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่กระแทกหัวฉันคือลูกบาสของสองคนนั่น

“ขอโทษที รับพลาดหน่ะ” ตี๋ที่นั่งอยู่ตรงหน้า และกำลังจ้องหน้าฉันอยู่ ‘ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ’ ขอร้องละอย่าได้มีใครได้ยินเสียงหัวใจของฉันเลย

“นัท แกโอเครึป่าววะ” เสียงของอุ้มช่วยเรียกสติของฉันกลับมา

“อ่อ เอ่อ ไม่เป็นไรๆ พวกแกไม่ต้องคิดมากน เล่นกีฬามันก็มีพลาดกันได้” ฉันที่พูดเร็วเพราะกลัวว่าจะมีใครได้ยินเสียงหัวใจของฉัน จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เหมือนว่าจะฉันจะลุกเร็วไปหน่อยเลยหน้ามืด รู้สึกได้เลยว่าก้นฉันจะต้องกระแทกพื้นแน่ๆ ‘พรึบ’

“ระวังหน่อยสิ จะรีบลุกไปไหน” ตี๋ที่จับตัวฉันเอาไว้ไม่อย่างนั้นฉันคงได้ลงไปอยู่ที่พื้นอีกแน่เลย

“เอ่อ ขะ...ขอบใจ” ฉันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก จะบอกว่าเขินไหมก็เขิน แต่ถ้าถามว่าอายไหมก็อายมากๆเลย

“แกพักก่อนไหม เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำมาให้แกดีขึ้นค่อยเล่นกันต่อ” อุ้งที่ถามฉันด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “อีกอย่าง ตี๋ปล่อยเพื่อนเราได้แล้วมั้ง กอดนานไปแล้ว” ฉันที่ไม่ทันสังเกตในตอนแรกก็พึ่งรู้สึกตัวว่าตี๋โอบไหล่เราไว้ คิดว่าน่าจะตั้งแต่ตอนที่ฉันจะล้ม

“เอ่อ โทษที ฉันที่ได้สติก็เอาตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของตี๋” ให้ตายสิอายเป็นบ้าเลย ตึกๆ ตึกๆ แล้วเสียงหัวใจฉันจะเต้นดังไปไหนเนี่ย กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงนะ

“ไหวไหม ให้พาไปนั่งที่โต๊ะไหม” ตี๋ที่กำลังก้มมองหน้าฉัน โห้ยกลัวคนอื่นเขาไม่รู้หรือไงว่าสูง

“เอ่อไม่เป็นไร เราไปเองได้ ขอบใจนะ” ฉันบอกปัดก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะ ทำไมวันนี้มันร้อนแบบนี้นะ ฉันที่นั่งบ่นกับตัวเองก็หันไปที่สนามบาส “ไม่ร้อนกันบ้างหรือไงนะ” ฉันที่นั่งพูดกับตัวเองทั้งที่มองปาล์มกับตี๋กำลังเล่นบาสกัน

“จ้องอะไรขนาดนั้น” เสียงอุ้มที่แซวพร้อมกับเดินเข้ามานั่งตรงข้ามฉัน “นี่น้ำ นี่ผ้าเย็น มองขนาดนี้ทำไมไม่รุกจีบไปเลยละ” ยัยอุ้มที่นั่งมองไปที่สนามก่อนหันกลับมาพูดกับฉัน

“จีบอะไรหล่ะ พึ่งรู้จักกันไหมอีกอย่างหมอนั่นคงไม่ชอบคนแบบฉันหรอก” ฉันที่เปิดขวดน้ำพูดก่อนที่จะดื่มลงไปทีเดียวครึ่งขวด

“ไม่ลองจะรู้หรอ” ยัยอุ้มพยายามยุฉันสินะ “แกก็ลองคุยแบบเพื่อนไปก่อนก็ได้นี่ ค่อยๆเข้าไปไง” ฉันได้แต่นั่งมองอุ้มที่พูดให้ฉันลองดู ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยนะ แต่ฉันไม่ใช่ประเภทที่ชอบเข้าไปวุ่นวายกับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าชอบมากแค่ไหน ไว้ถ้าชอบมากๆฉันจะรุกจีบเองแหล่ะ

“...” ฉันที่ไม่ตอบยัยอุ้มออกไป ยกขวดน้ำดื่มรวดเดียวจนหมด

“เขินแหล่ะดูออก ฉันไปขอเฟสบุ๊คให้ไหม” ท่าทางแบบนี้อยากให้ฉันมีแฟนมากสินะ ต้องอธิบายยังไงว่าแค่อยากรู้จัก ไม่ได้ชอบถึงขั้นอยากคุยอยากจีบสักหน่อย เอาเถอะขี้เกียจอธิบาย เอาที่มันเข้าใจแล้วสบายใจละกัน

“ไม่ต้องยุ่ง” ฉันที่พูดออกไปแบบนั้นกำลังแกะหูฟังที่พันกันจนยุ่งเหยิงไปหมด

“นัททำอะไรอยู่หรอ เป็นไงบ้างยังเจ็บหัวอยู่ไหม บวมหรือเปล่า” ฉันที่กำลังวุ่นวายกับหูฟังเจ้าปัญหา ก็ได้ยินเสียงตี๋ดังอยู่ใกล้ๆ พอเงยหน้าขึ้นมากถึงได้รู้ว่าหน้าของฉันกับตี๋ใกล้กันมาก มากจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

“เอ่อ...คือว่าไม่เจ็บแล้ว คิดว่าไม่บวมนะ พอดีเราหัวแข็งไม่เป็นอะไรมากหรอก ฮ่าๆ” ฉันที่ตกใจเลยตอบคำถามออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าจะใกล้อะไรขนาดนั้นอ่ะ

“อ่อ แล้วสรุปแกะสายหูฟังออกไหม ให้เราช่วยไหม” ฉันที่ก้มหน้าก้มตาแกะสายหูฟังที่แกะไม่ออกสักที

“มานี่มา เราช่วย” ตี๋ที่ไม่รอให้ฉันตอบอะไร ก็หยิบหูฟังเจ้าปัญหาไปแกะให้

“แกะหูฟังแค่นี้ก็ไม่ออกเลยหรอ ปกติทำยังไงกันนะ” ลืมไปเลยว่ายัยอุ้มนั่งอยู่ด้วย ให้ตายเถอะโดนแซวยันเปิดเทอมแน่

“แกะเสร็จแล้ว” ตี๋ยื่นหูฟังมาให้ ต้องตอบว่าไงดีละ ขอบใจ ขอบคุณ อ่อ หรือว่าไม่ต้องตอบเลยดีนะ

“นัท” ฉันที่กำลังคิดว่าจะตอบออกไปว่ายังไงดีก็ได้สติจากการเรียกของตี๋

“เอ่อ...ขอบ...ใจนะ” ใช้คำนี้แล้วกันแล้วต้องชวนคุยไหมนะ ชวนคุยเรื่องอะไรดีละ

“อ๋อ ไม่เป็นไร งั้นเราไปก่อนนะ” ตี๋ยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปเล่นบาสกับปาล์มเหมือนเดิม

“ยังไง จะเล่นแบตอยู่ไหม หรือจะฟังเพลง หรือจะดูผู้ชาย” เสียงยัยอุ้มดังขึ้นพร้อมกับมองมาที่ฉัน นี่คือถาม น้อยใจ ประชด หรือแซวกันแน่นะ

“ไปเล่นแบตกัน” ฉันหยิบไม้แบตแล้วเดินไปที่เดิม อยู่นานยิ่งโดนแซวเยอะไปออกกำลังกายดีกว่า

“เขินแล้วหนีหรอวะ ไอนัท เห้ยรอด้วยดิ” เสียงอุ้มที่ดังไล่ตามมาหลังจากที่ฉันเดินออกมาแล้ว

************************************************************************************************************************************เป็นยังไงกันบ้างทุกคนนนน

เสี้ยวความทรงจำที่ 2 ปิดเทอมใหญ่ (2)

2 ชั่วโมงผ่านไป....

“โคตรเหนื่อยเลย ไอ้นัทแกเหนื่อยไหมวะ”  ยัยอุ้มในสภาพที่หมดแรงนอนกองอยู่ที่พื้นถามฉัน

“ก็พอไหว ปิดเทอมนี้มาเล่นทุกวันไหม

ไหนๆฉันก็ต้องมากับแม่อยู่แล้ว” ฉันถามอุ้มที่ลุกขึ้นมานั่งหอบอยู่

ปิดเทอมสำหรับฉันก็เหมือนไม่ได้ปิด เพราะแม่ต้องมาทำงานที่โรงเรียนอยู่ดี ยิ่งช่วงนี้ที่ปิดเทอมแรกๆ

อาจารย์จะรีบทำคะแนนตัดเกรดกัน ยิ่งวุ่นวายกันสุดๆเลยหล่ะ

“เอาดิ อยากออกกำลังกายเหมือนกัน”

หลังจากที่ฉันถามยัยอุ้มก็ตอบฉันอย่างรวดเร็ว แน่ละยัยนี่ชอบออกกำลังกายมาก

“เห้ยพวกมึง จะกลับกันยัง”

เสียงปาล์มที่ดังมาจากฝั่งสนามบาส และเดินมาพร้อมกันกับตี๋

“ตอนนี้กี่โมงแล้วหล่ะ”

อุ้มที่ยังคงนั่งอยู่ไม่ตอบคำถามของปาล์ม แต่ถามคำถามกับปาล์มกลับ

“สามโมงกว่า เกือบสีโมงแล้ว ทำไมอ่ะ”

ปาล์มที่ดูนาฬิกาก่อนที่จะตอบอุ้มออกไป

“ยังไม่กลับหรอกอีกสักพักอ่ะ รอแม่นัทเลิกงานก่อน”

อุ้มที่เอ่ยตอบกับปาล์ม ก่อนจะถามต่อ “แล้วพวกมึงอ่ะ”

“อีกสักพักเหมือนกัน” ตี๋กับปาล์ม

รวมถึงฉันนั่งหันหน้าเข้าหากันโดยที่ฉันนั่งตรงข้ามกับตี๋ ปาล์มนั่งตรงข้ามกับอุ้ม

“...”

พอปาล์มกับอุ้มไม่คุยกันทั้งกลุ่มก็พร้อมใจกันเงียบ

ซึ่งฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย แต่ก็ไม่รู้จะชวนคุยยังไง เลยตัดสินใจหยิบหูฟังกับมือถือคู่ใจออกมา

“ปกตินัทชอบฟังเพลงหรอ” ปาล์มที่ถามฉันขึ้นมา

ก่อนจะมองมือถือที่เสียบสายหูฟัง พร้อมทั้งเปิดแอพฟังเพลง

“อ๋อ อือ ใช่ พอดีเราติดการฟังเพลงหน่ะ”

ฉันที่ตอบปาล์มออกไปอย่างติดๆ ขัดๆ เพราะปกติปาล์มจะคุยแต่กับอุ้ม

นี่เป็นครั้งแรกที่ปาล์มชวนฉันคุย ถ้าไม่นับการขอดูกระดาษคิดเลขของน้อง

“เหมือนกันเลย กูก็ชอบฟังเพลง ปกติฟังเพลงแนวไหนหรอ”

ปาล์มถามพร้อมกับทำท่าตั้งใจฟัง

“เราชอบพวกเพลงป๊อป อาร์แอนบี

แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงที่ฟังสบายๆหน่ะ” ฉันพยายามตอบออกไปอย่างไม่เกร็ง ความจริงแล้วฉันมักจะทำตัวไม่ถูกกับการคุยกับเพื่อนต่างเพศสักเท่าไหร่

“เอ่อ...แล้วปาล์มฟังแนวไหนหรอ”

ฉันถามออกไปเพราะฉันคิดว่าน่าจะเป็นการทำให้เราต่างคนต่างไม่เกร็ง

”กูฟังร็อค กับสากลอ่ะ” ปาล์มตอบฉัน

ก่อนที่จะหันไปถามอุ้ม “ไอ้อุ้มมึงก็ฟังเพลงใช่ป่ะ”

“เออ ก็ฟังบ้าง” อุ้มตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก

“งั้นพวกเรามาเล่นต่อเพลงกันไหม

ไหนๆก็กำลังพักด้วยมาเล่นแก้เบื่อกันเถอะ” ปาล์มก็ชวนเล่นเกมส์ต่อเพลงขึ้น

“เอ่อ...เราร้องเพลงไม่เพราะหน่ะ ไม่เล่นได้ไหม”

ฉันไม่เคยมั่นใจเลยเวลาร้องเพลง ยิ่งกับเพื่อนที่ไม่สนิทด้วย ยิ่งแล้วใหญ่

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย กูก็ร้องไม่เพราะ เล่นเถอะ”

ปาล์มบอกกับฉัน ก่อนจะหันไปบอกกับตี๋ “มึงด้วยไอตี๋”

“ได้” ไม่รู้ทำไมฉันถึงตอบออกไปแบบนั้น

“มาโอน้อยออกว่าใครจะได้เริ่มก่อนแล้วหมุนขวานะ”

ปาล์มที่บอกกับทุกคน

“โอ...น้อย...ออก !!!! ”  ตี๋...คว่ำ ปาล์ม...คว่ำ อุ้ม...คว่ำ

และฉัน...หงาย!!!! แปลว่าฉันเป็นคนเริ่มหรอ

“นัทเริ่มเลย เพลงอะไรก็ได้” ปาล์มบอกฉันพร้อมกับมองหน้า

“เอ่อ...งั้นเพลงนี้แล้วกัน”

ฉันบอกปาล์มพร้อมกับยิ้มออกไป

“อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที

 

 

อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที

มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด

บอกกับฉันให้รู้ที

ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย”

ไกลแค่ไหนคือใกล้ – Getsunova

“ตัว ย.ยักษ์”

พอฉันร้องจบก็บอกกับอุ้มว่าต้องเริ่มเพลงด้วยตัวอะไร

“ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนไป

 

 

จะมีทางใดที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง

ฉันนั้นยังมีความหวัง

ติดอยู่กับความหลังไม่ไปไหน

ยังรักได้แค่เธอ”

ยัง – lipta

“ตัว ธ.ธง” พออุ้มก็วนไปตี๋ ฉันที่กำลังมองหน้าตี๋เพราะอยากรู้ว่าตี๋จะร้องเพลงอะไร

ซึ่งฉันคิดถึงเพลง ‘เธอ ของ cocktail’ซึ่งนั่นเป็นเพลงที่ฉันชอบมาก

“เธอและฉันไม่เคยต้องไกล

 

 

ในวันนี้ฉันต้องเผชิญความไหวสั่นอยู่ภายใน­ใจ

กลัวการที่เราไกลกัน

กลัวว่าใจจะเปลี่ยนผันไป”

เธอ - cocktail

“ป.ปลา” ฉันกำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน

ไม่ใช้เพราะตี๋เสียงเพราะอะไรขนาดนั้นนะ แต่แค่ตกใจที่คิดถึงเพลงเดียวกัน

“เป็นแฟนเธอ แต่ว่าเธอจะเป็นแฟนใคร ฉันก็ไม่ว่า

 

 

เดินตามเธอ ต่อให้เธอจะเดินตามใคร ขอเดินข้างๆ

ไม่ว่าเธอจะเดินไปที่ไหน ตามไปตลอด

 

 

(ติดใจจริงๆ) ทุ่มไปเธอก็ทุ่มทิ้ง ไม่ชอบไม่ชอบ

(ติดเธอจังๆ) ไม่เป็นไรเพื่อเธอมากกว่านี้ ใจก็ไม่ถอด”

แฟนพันธ์ท้อ - Timethai

 และจบด้วยปาล์ม

วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ

“กูว่าเราไปเล่นบาสกันไหม พวกมึงเล่นบาสกันเป็นไหม”

ปาล์มเอ่ยชวนทุกคนอย่างกระตือรือล้น

“ไม่ค่อยเป็น แต่พอจะเคยเล่นมาบ้าง”

อุ้มบอกกับปาล์ม

“เอองั้นเดี่ยวกูสอนมึง

แล้วตี๋สอนนัทแล้วกัน” ฉันได้ยินที่ปาล์มบอกก็ตกใจ พอหันไปหาอุ้ม

ยัยนี่ก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เหอะๆ ไม่คิดจะช่วยฉันเลยสินะ เอาล่ะ คงต่างคนต่างเงียบเลยละ

คงจะเป็นการสอนเล่นบาสแบบภาษาใบ้

เพราะตั้งแต่เล่นเกมส์มานอกจากร้องเพลงก็ไม่เห็นพูดอะไรเลย เงียบจนป่าช้ายังอาย

“นัทเคยเล่นมาก่อนไหม” ผิดคาดแฮะ

คิดว่าจะไม่พูดอะไรเลย แต่กลับเดินมาถามฉันว่าเล่นเป็นไหม

“เอ่อ...เคยเล่นมมาบ้างแต่เล่นไม่ค่อยเป็น”

ฉันอธิบายเพราะฉันเคยเล่นจริงๆแต่ชู้ตไม่เคยลงเลย

“งั้นมาชู้ตเล่นกันไหม เราเองก็สอนไม่คนอื่นไม่เป็น”

ก็พูดได้นี่หน่าทำไมไม่ค่อยพูดกัน

“อือ” ฉันตอบรับตี๋ก่อนที่จะจับลูกบาสชู้ต

แต่ชู้ตเท่าไหร่ก็ไม่ลงห่วงสักลูก “ทำไมไม่ลงเลยนะ” ฉันได้แต่พูดกับตัวเองแก้เก้อ

“เพราะท่าทางผิด แล้วก็แรงไม่ถึงหน่ะ

มานี่เราช่วยจัดท่าให้” ตี๋เดินมาข้างหลังฉันพร้อมทั้งเอามือซ้าย

มือขวาของเขามาจัดท่าของมือซ้าย มือขวาเรา “เอามือขวาประคองลูกบาสไว้แบบนี้

และมือซ้ายประคองลูกไว้แบบนี้” ตอนนี้ฉันอยู่ในท่าทางแบบที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ทำ

“หลังจากนี้เอาขาขวาไว้ข้างหน้าเล็กน้อย พอตอนจะชู้ตก็ย่อตัวลง ก่อนที่จะออกแรงกระโดดพร้อมทั้งออกแรงสะบัดข้อมือ”  ถามว่าฉันได้ยินไหมฉันได้ยินแต่ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย

เอาเป็นว่าลองดูแล้วกัน ‘ฟรึ่บ’

“เห้ย!!!! ลงแล้ว

เราชู้ตลงแล้ว ขอบคุณนะตี๋” ฉันที่ดีใจจนลืมตัวก็กระโดดโลดเต้น

พร้อมทั้งจับมือของตี๋

“...” ตี๋ไม่พูดอะไร แต่ยิ้มให้พร้อมกับมองฉัน

“เอ่อ...โทษที” ฉันที่ได้สติก็ปล่อยมือตี๋

ให้ตายสิขายหน้าแล้วไหมละ ไปจับมือเขาได้ยังไงกันนะ

ฉันที่หันไปเห็นบรรดาอาจารย์ที่ลงมาจากหอประชุมใหญ่ ก็รู้เลยว่าแม่เลิกงานแล้ว

“พวกแกฉันกลับก่อนนะ” ฉันวิ่งไปเก็บกระเป๋าและไม้แบตของฉัน

“พรุ่งนี้เจอกันนะ” ฉันบอกกับตี๋ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

ก่อนที่จะวิ่งออกไป

ฉันไม่รู้หรอว่าวันพรุ่งนี้จะเจอกันไหมแต่ฉันก็หวังว่าเขาจะมานะ “อุ้ม ปาล์ม

พรุ่งนี้มาเล่นบาสกันอีกนะ” ฉันบอกลาเพื่อนๆก่อนที่จะวิ่งไปที่รถของแม่

               ‘ตลอดเวลาสองเดือนเศษที่ปิดเทอมใหญ่

พวกเราสี่คนมาที่โรงเรียนทุกๆวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เพื่อมาเล่นกีฬาด้วยกัน

จนกระทั่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการปิดเทอม’

“วันนี้ปิดเทอมวันสุดท้ายแล้วหรอวะ” ยังไม่ทันจะวางจานข้าวก็ได้ยินเสียงบ่นของอุ้มก็ดังขึ้น

“นั่งก่อนค่อยพูดไหม” ฉันที่บอกกับอุ้ม

พร้อมวางจานข้าวผัดและน้ำกระเจี๊ยบก่อนที่จะนั่งลงนั่งลง

“ก็มันไม่อยากเปิดเทอมนี่หว่า”

ยัยนี่ยังคงบ่นไม่หยุดสินะ “ว่าแต่แกเถอะกับตี๋เป็นไงบ้าง ได้คุยกันบ้างไหม”  พอยัยอุ้มบ่นเรื่องของตัวเองจบก็ยังจะวนมาถามเรื่องฉันจนได้

“อะไรเป็นไง ก็คุยกันเท่าที่แกเห็นนั่นแหล่ะ”

ก็อย่างที่ฉันบอกอุ้มนั่นแหล่ะฉันคุยกับตี๋แค่ตอนที่มาโรงเรียนเท่านั้น

เพราะฉันไม่กล้าพอที่จะขอเฟสบุ๊คของตี๋

“เอ้า นี่แปลว่าแกไม่อยากคุยต่อหรอ แค่เป็นเพื่อนกันแกก็ไม่เอาหรอ

ฉันว่ามันก็ดีนะ ถึงจะพูดน้อยไปหน่อยก็เถอะ

แต่ฉันว่าตี๋มันก็เหมือนกันแกที่ฉันรู้จักแรกๆเลยนะ”

ฉันได้แต่ตักข้าวผัดเข้าปากแล้วนั่งฟังมันร่ายยาว

บางทีฉันก็คิดนะว่ามันไม่เหนื่อยบ้างหรอ พูดเยอะขนาดนี้

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง ใก้เดินดุ่มๆไปบอกว่าตี๋เราอยากคุยด้วยอ่ะ

ขอเฟสบุ๊คหน่อย แบบนี้หรอ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงประชด

“ใช่ แบบนั้นเลย” แต่ยัยอุ้มมันดันเอาจริงนี่สิ

“ถ้าแกไม่กล้าฉันช่วยเอาไหม” เหอะๆ อีกนิดนึงคงจับฉันใส่พานถวายแล้วมั้ง

“ไม่ต้องยุ่ง ถ้ามันจะได้เดี๋ยวมันก็ได้เอง”

ฉันห้ามมันก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินข้าว

“ไงพวกมึง กินข้าวหรอ”

ปาล์มที่กำลังเดินมาที่โต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ ก็ทักพวกเรา

“ไงมึง” อุ้มทักกลับ

“หวัดดี” ฉันก็ตอบกลับ

พร้อมกับมองร่างสูงงที่อยู่ด้านหลังปาล์ม

“...” ไม่คิดจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นบ้างเลยหรือไงนะ

เป็นการเงียบที่กวนประสาทจริงๆ

“เออวันนี้ปิดเทอมวันสุดท้ายแล้วนะ กูขอเฟสหน่อยดิ”

ปาล์มเอ่ยขึ้นมา ดีเลยจะได้มีข้ออ้างขอเฟสตี๋ด้วย

“ Aumm Nuanlaphat” อุ้มบอกกับปาล์ม

“ของมึงกูมีแล้วไหม จะบอกอีกทำไมก่อน”

ปาล์มยื่นมือถือมาให้ฉัน “ขอเฟสนัทหน่อยได้ไหม”

ฉันรับโทรศัพท์มาแล้วพิมพ์ชื่อเฟสให้ปาล์ม

“ใครจะไปรู้ละ ก็ไม่ระบุชื่อนี่”

อุ้มบ่นอุบก่อนที่จะกินก๋วยเตี๋ยวไก่ของตัวเอง

“เอ่อ เฟสนี้” ฉันยื่นโทรศัพท์คืนปาล์ม

“งั้นเราขอเฟสของตี๋ด้วยเลยได้ไหม” ฉันถามพร้อมกับมองหน้าตี๋

“เราไม่เล่นโซเชียลอ่ะ”

ตี๋ตอบเสียงนิ่งๆก่อนที่จะลุกไปซื้อข้าว นี่ฉันโดนปฏิเสธแล้วใช่ไหมนะ

“อย่าคิดมากนะ มันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ” ปาล์มอธิบายกับฉัน

แต่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นสักนิด เอาเถอะ ไม่ให้ก็ไม่เอา

“วันนี้ฉันกลับเร็วนะ”

ในระหว่างที่กินข้าวฉันก็บอกเพื่อนๆทุกคน “ไว้เจอกันตอนเปิดเทอมนะ”

ฉันเอาจานข้าวที่กินเสร็จแล้วไปเก็บ และกำลังจะเดินกลับโต๊ะเจอกับตี๋พอดี

เหอะคนอะไรขี้เก๊กชะมัด ตี๋ที่กำลังเดินผ่านฉันก็พูดขึ้นมา

“ถ้าได้เจอกันอีกครั้ง เราจะให้เฟสเธอ”

ตาคนนี้ทำไมต้องทำตัวลึกลับด้วยนะ จะให้ก็ให้เลยสิจะมาไว้เจอกันอีกอะไรละ

ฉันบ่นในใจก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ

“กลับก่อนนะพอดีมีธุระต่อ ไว้เจอกันนะ บาย”

ฉันบอกอุ้มกับปาล์ม พร้อมสะพายกระเป๋าเป้คู่ใจก่อนเดินออกไป

ฉันไม่บอกลาตี๋เพราะคิดว่าฉันจะต้องเจออีตาบ้านี่อีกให้ได้ ชอบเล่นเกมส์นักใช่ไหม

ได้เลย งั้นฉันจะเล่นกับนาย ก็แค่หาทางให้เราเจอกันอีกครั้งเองไม่ใช่หรอคอยดูเถอะ

นายท้าทายผิดคนแล้ว!!!!!!!!

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!