เสี้ยวความทรงจำที่ 2 ปิดเทอมใหญ่
“เสร็จสักทีโว้ย แล้วนี่พวกมึงไปไหนกันต่อวะ” อุ้มที่กำลังหอบไม้แบตที่วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนหน้าตึกเรียนถามปาล์มกับตี๋ที่พึ่งลงมาจากตึก
“พวกกูว่าจะไปเล่นบาสที่ลานอเนกประสงค์ แล้วพวกมึงอ่ะ” ปาล์มที่ตอบยัยอุ้ม ซึ่งฉันก็ได้ยินแล้วก็คิดว่าถ้าได้ไปแล้วแบตแถวๆนั้นก็ดีเหมือนกันนะ แต่คอร์ดแบต มันอยู่ที่โดมกีฬาบนตึกหน่ะสิ
“อ่อ พวกกูก็จะไปเล่นแบตที่ลานอเนกฯ เหมือนกัน”ยัยอุ้มตอบปาล์มแล้วหันมามองหน้าฉันพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งก็มองออกว่าอุ้มจะทำอะไร
“แกอ่านใจได้สินะ” ฉันกระซิบกับยัยอุ้ม
“แน่นอนสิยะ แกเป็นเพื่อนฉันนะ อีกอย่างไปเล่นที่โดมกีฬามันอบอ้าวเกินไปฉันไม่ชอบเลย เอาเป็นว่าต่างคนต่างได้ประโยชน์แล้วกันนะ” ยัยอุ้มร่ายยาว
“งั้นไปด้วยกันเลยแล้วกัน แต่ว่านะนัท จริงๆแล้วพูดกูมึงก็ได้นะแบบไม่อยากให้อึดอัดกันอ่ะ” ปาล์มหันหน้ามาคุยกับฉัน ก่อนที่จะเดินไป ฉันก็ได้แต่ทำหน้างงๆ แล้วมองปาล์มที่เดินออกไป ก่อนจะหันไปสบตาเข้ากับตี๋
“ไม่ต้องไปสนใจที่ปาล์มพูดก็ได้นะ เธอจะพูดแบบไหนยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะปาล์มแค่ไม่อยากให้เธอเกร็งเวลาอยู่กับพวกเราเฉยๆหน่ะ” ตี๋ที่พูดออกมาหลายประโยคก็เดินไปทันทีที่พูดจบ นี่ก็อีกคนพูดจบก็ไม่รอให้คนเขาตอบรับ หรือพูดอะไรเลย พอตัวเองพูดจบก็ได้ไปเลย อะไรของผู้ชายพวกนี้นะ ฉันที่ไม่เข้าใจการกระทำของปาล์มและตี๋ก็ทำได้แค่เดินตามไปเท่านั้น
ณ ลานอเนกประสงค์...
“พวกเราขยับไปไกลๆ สนามบาสหน่อยไหม ฉันกลัวพวกนั้นเล่นกันแล้วพลาดมาโดนหัวพวกเราเอานะ” ฉันที่บอกยัยอุ้ม เพราะเวลาพวกผู้ชายเล่นบาส มักจะเล่นกันแรงเสมอเลย ฉันไม่อยากหัวปูดกลับบ้านหรอกนะ
“ก็ดีเหมือนกัน” หลังจากที่ขยับออกมาจากสนามบาสแล้วก็เริ่มตีแบตมินตันกัน จริงๆแล้วฉันเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬามากนะ ยิ่งเป็นกีฬากลางแจ้งยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลย แต่ก็นะเพื่อนๆของฉันแต่ละคนมีแต่เด็กเรียน เลยไม่ค่อยได้เล่นกีฬาเท่าไหร่จนมาเจอยัยอุ้มนี่แหล่ะ
“เห้ยนัท ระวัง!!!!” ฉันที่กำลังใจลอยอยู่ ก็ตกใจเสียงร้องของยัยอุ้มเลยหันไปตามเสียง แต่แล้วก็ไม่ทันจะได้ขยับตัว ‘ตุ๊บ’ รู้ตัวอีกทีก็ลงไปกองอยู่กับพื้น
“นัทแกเป็นอะไรไหม ไอนัท” เสียงยัยอุ้มที่เรียกชื่อฉัน พร้อมกับเขย่าตัวของฉันจนมึนไปหมด
“มันเกิดอะไรขึ้นวะ” ฉันที่พึ่งได้สติกลับมาก็ถามออกไป ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหมือนมีอะไรไม่รู้มากระแทกที่หัว หลังจากนั้นก็ลงไปนั่งที่พื้นแล้ว
“พวกกูขอโทษนะ พอดีพวกกูเล่นกันแรงไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจว่ะ” เสียงปาล์มที่อธิบายกันฉัน ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่กระแทกหัวฉันคือลูกบาสของสองคนนั่น
“ขอโทษที รับพลาดหน่ะ” ตี๋ที่นั่งอยู่ตรงหน้า และกำลังจ้องหน้าฉันอยู่ ‘ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ’ ขอร้องละอย่าได้มีใครได้ยินเสียงหัวใจของฉันเลย
“นัท แกโอเครึป่าววะ” เสียงของอุ้มช่วยเรียกสติของฉันกลับมา
“อ่อ เอ่อ ไม่เป็นไรๆ พวกแกไม่ต้องคิดมากน เล่นกีฬามันก็มีพลาดกันได้” ฉันที่พูดเร็วเพราะกลัวว่าจะมีใครได้ยินเสียงหัวใจของฉัน จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เหมือนว่าจะฉันจะลุกเร็วไปหน่อยเลยหน้ามืด รู้สึกได้เลยว่าก้นฉันจะต้องกระแทกพื้นแน่ๆ ‘พรึบ’
“ระวังหน่อยสิ จะรีบลุกไปไหน” ตี๋ที่จับตัวฉันเอาไว้ไม่อย่างนั้นฉันคงได้ลงไปอยู่ที่พื้นอีกแน่เลย
“เอ่อ ขะ...ขอบใจ” ฉันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก จะบอกว่าเขินไหมก็เขิน แต่ถ้าถามว่าอายไหมก็อายมากๆเลย
“แกพักก่อนไหม เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำมาให้แกดีขึ้นค่อยเล่นกันต่อ” อุ้งที่ถามฉันด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “อีกอย่าง ตี๋ปล่อยเพื่อนเราได้แล้วมั้ง กอดนานไปแล้ว” ฉันที่ไม่ทันสังเกตในตอนแรกก็พึ่งรู้สึกตัวว่าตี๋โอบไหล่เราไว้ คิดว่าน่าจะตั้งแต่ตอนที่ฉันจะล้ม
“เอ่อ โทษที ฉันที่ได้สติก็เอาตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของตี๋” ให้ตายสิอายเป็นบ้าเลย ตึกๆ ตึกๆ แล้วเสียงหัวใจฉันจะเต้นดังไปไหนเนี่ย กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงนะ
“ไหวไหม ให้พาไปนั่งที่โต๊ะไหม” ตี๋ที่กำลังก้มมองหน้าฉัน โห้ยกลัวคนอื่นเขาไม่รู้หรือไงว่าสูง
“เอ่อไม่เป็นไร เราไปเองได้ ขอบใจนะ” ฉันบอกปัดก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะ ทำไมวันนี้มันร้อนแบบนี้นะ ฉันที่นั่งบ่นกับตัวเองก็หันไปที่สนามบาส “ไม่ร้อนกันบ้างหรือไงนะ” ฉันที่นั่งพูดกับตัวเองทั้งที่มองปาล์มกับตี๋กำลังเล่นบาสกัน
“จ้องอะไรขนาดนั้น” เสียงอุ้มที่แซวพร้อมกับเดินเข้ามานั่งตรงข้ามฉัน “นี่น้ำ นี่ผ้าเย็น มองขนาดนี้ทำไมไม่รุกจีบไปเลยละ” ยัยอุ้มที่นั่งมองไปที่สนามก่อนหันกลับมาพูดกับฉัน
“จีบอะไรหล่ะ พึ่งรู้จักกันไหมอีกอย่างหมอนั่นคงไม่ชอบคนแบบฉันหรอก” ฉันที่เปิดขวดน้ำพูดก่อนที่จะดื่มลงไปทีเดียวครึ่งขวด
“ไม่ลองจะรู้หรอ” ยัยอุ้มพยายามยุฉันสินะ “แกก็ลองคุยแบบเพื่อนไปก่อนก็ได้นี่ ค่อยๆเข้าไปไง” ฉันได้แต่นั่งมองอุ้มที่พูดให้ฉันลองดู ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยนะ แต่ฉันไม่ใช่ประเภทที่ชอบเข้าไปวุ่นวายกับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าชอบมากแค่ไหน ไว้ถ้าชอบมากๆฉันจะรุกจีบเองแหล่ะ
“...” ฉันที่ไม่ตอบยัยอุ้มออกไป ยกขวดน้ำดื่มรวดเดียวจนหมด
“เขินแหล่ะดูออก ฉันไปขอเฟสบุ๊คให้ไหม” ท่าทางแบบนี้อยากให้ฉันมีแฟนมากสินะ ต้องอธิบายยังไงว่าแค่อยากรู้จัก ไม่ได้ชอบถึงขั้นอยากคุยอยากจีบสักหน่อย เอาเถอะขี้เกียจอธิบาย เอาที่มันเข้าใจแล้วสบายใจละกัน
“ไม่ต้องยุ่ง” ฉันที่พูดออกไปแบบนั้นกำลังแกะหูฟังที่พันกันจนยุ่งเหยิงไปหมด
“นัททำอะไรอยู่หรอ เป็นไงบ้างยังเจ็บหัวอยู่ไหม บวมหรือเปล่า” ฉันที่กำลังวุ่นวายกับหูฟังเจ้าปัญหา ก็ได้ยินเสียงตี๋ดังอยู่ใกล้ๆ พอเงยหน้าขึ้นมากถึงได้รู้ว่าหน้าของฉันกับตี๋ใกล้กันมาก มากจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
“เอ่อ...คือว่าไม่เจ็บแล้ว คิดว่าไม่บวมนะ พอดีเราหัวแข็งไม่เป็นอะไรมากหรอก ฮ่าๆ” ฉันที่ตกใจเลยตอบคำถามออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าจะใกล้อะไรขนาดนั้นอ่ะ
“อ่อ แล้วสรุปแกะสายหูฟังออกไหม ให้เราช่วยไหม” ฉันที่ก้มหน้าก้มตาแกะสายหูฟังที่แกะไม่ออกสักที
“มานี่มา เราช่วย” ตี๋ที่ไม่รอให้ฉันตอบอะไร ก็หยิบหูฟังเจ้าปัญหาไปแกะให้
“แกะหูฟังแค่นี้ก็ไม่ออกเลยหรอ ปกติทำยังไงกันนะ” ลืมไปเลยว่ายัยอุ้มนั่งอยู่ด้วย ให้ตายเถอะโดนแซวยันเปิดเทอมแน่
“แกะเสร็จแล้ว” ตี๋ยื่นหูฟังมาให้ ต้องตอบว่าไงดีละ ขอบใจ ขอบคุณ อ่อ หรือว่าไม่ต้องตอบเลยดีนะ
“นัท” ฉันที่กำลังคิดว่าจะตอบออกไปว่ายังไงดีก็ได้สติจากการเรียกของตี๋
“เอ่อ...ขอบ...ใจนะ” ใช้คำนี้แล้วกันแล้วต้องชวนคุยไหมนะ ชวนคุยเรื่องอะไรดีละ
“อ๋อ ไม่เป็นไร งั้นเราไปก่อนนะ” ตี๋ยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปเล่นบาสกับปาล์มเหมือนเดิม
“ยังไง จะเล่นแบตอยู่ไหม หรือจะฟังเพลง หรือจะดูผู้ชาย” เสียงยัยอุ้มดังขึ้นพร้อมกับมองมาที่ฉัน นี่คือถาม น้อยใจ ประชด หรือแซวกันแน่นะ
“ไปเล่นแบตกัน” ฉันหยิบไม้แบตแล้วเดินไปที่เดิม อยู่นานยิ่งโดนแซวเยอะไปออกกำลังกายดีกว่า
“เขินแล้วหนีหรอวะ ไอนัท เห้ยรอด้วยดิ” เสียงอุ้มที่ดังไล่ตามมาหลังจากที่ฉันเดินออกมาแล้ว
************************************************************************************************************************************เป็นยังไงกันบ้างทุกคนนนน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 3
Comments