2 ใส่ใจ

เฉียงฮ่าวปิงและลู่เยว่ชิงเข้ามายังหุบเขามาร เมื่อไม่นานมานี้ลู่เยว่ชิงลักลอบเข้ามาเฉียงฮ่าวปิงอีกครั้ง บอกว่ามีเรื่องสนุกที่หุบเขามารแห่งนี้

แต่ลู่เยว่ชิงกลับหมดสนุกเพียงฝ่ายเดียว เพราะตอนนี้เขาถูกเฉียงฮ่าวปิงกักขังลมปราณ อย่างกับถูกแช่แข็งเสียอย่างนั้น เฉียงฮ่าวปิงบอกเขาว่า เพราะคนของพรรคธรรมะมีจิตใจที่สะอาดจนน่าสะอิดสะเอียนสำหรับพวกมารทั้งหลาย หากพวกสัตว์มารได้กลิ่นแม้แต่เสี้ยวเดียว พวกมันก็จะรีบพุ่งมาจัดการ

แสดงว่าเฉียงฮ่าวปิงมีจิตใจสกปรก จึงทำให้สัตว์มารชื่นชอบ?

“หากยังรักชีวิต ก็ทำตามที่ข้าบอก” เฉียงฮ่าวปิงเอามือไพล่หลัง พลางเดินไป

“ข้าต้องเดินนำท่านสิถึงจะถูก” ลู่เยว่ชิงเดินนำขึ้นมา

เฉียงฮ่าวปิงหลีกทางให้อีกฝ่าย พลางเดินตามไปอย่างสงบเสงี่ยม

เขาไม่นึกว่าตนจะต้องมาอาศัยพึ่งพากับคนพรรคธรรมะเช่นลู่เยว่ชิง เหตุใดอีกฝ่ายต้องเป็นคนเดินมาหาเขาเองเช่นนี้ด้วย แต่เฉียงฮ่าวปิงก็ไม่มีทางเลือก เขาตามหาศิลาดำมา 5 ปีแล้ว ยังได้เพียง 2 ก้อน เขาต้องใช้มันถึง 10 ก้อน

“ประมุขเฉียง ข้าเกรงว่าจะเจอคนของพรรคธรรมะโดยบังเอิญ” ลู่เยว่ชิงลูบคางครุ่นคิด “เมื่อถึงตอนนั้นท่านจะบอกกับพวกเขาว่าอย่างไรหรือ”

“ข้าไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย ย่อมต้องปล่อยเจ้าไปหาพวกเขาอยู่แล้ว” เฉียงฮ่าวปิงโบกมือปัดๆ

“ข้าไม่ไปหาพวกเขานะ” ลู่เยว่ชิงมองอีกฝ่ายอย่างใสซื่อ

“...” เฉียงฮ่าวปิงเงียบ เป็นเด็กแท้ๆ เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกอยู่ได้

คนของพรรคธรรมะกับคนของพรรคมารไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มักเกิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่บ่อยครั้ง เขาตั้งใจว่าหลังจากที่ตนขึ้นเป็นประมุข จะทำตัวเงียบๆ พยายามไม่ก่อเรื่อง แต่องครักษ์ก็ชอบทำตัวน่ารำคาญแก่พรรคธรรมะอยู่เรื่อย

จนกระทั่งเขาบังเอิญได้ช่วยเด็กหนุ่ม คนของพรรคธรรมะไว้หนึ่งคนโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาคือคนในตอนนี้ ลู่เยว่ชิง เขารู้ว่าอีกฝ่ายจิตใจสะอาดปราศจากมลทิน รู้จักตอบแทนบุญคุณ แต่เขาไม่นึกว่าลู่เยว่ชิงจะมาหาเขาตลอด นี่ก็ครึ่งปีแล้วที่ลู่เยว่ชิงมาหาเขา เขาไม่เคยเอ่ยปากว่าจะให้อีกฝ่ายช่วยหาศิลาดำ เป็นอีกฝ่ายที่เอามาให้เขาเอง

เขาจำได้แค่ว่าช่วยลู่เยว่ชิงด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ก่อนหน้านั้นเขาไม่รู้ว่าลู่เยว่ชิงเป็นใครมาก่อนหรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายเหมือนต้องการย้อนความนานกว่านั้น ซึ่งเขาก็จำไม่ได้

“ท่านประมุขเฉียง ข้าได้ยินเสียงเคลื่อนไหว” ลู่เยว่ชิงยกแขนขวางเฉียงฮ่าวปิงไม่ให้เดินต่อ

“ถอยไป” เฉียงฮ่าวปิงเอ่ย พลางปัดแขนลู่เยว่ชิงออก

“ทะ...ท่าน”

“มีคนมารับเจ้าแล้ว” เฉียงฮ่าวปิงเงยหน้าเอ่ย เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินตรงมาทางนี้

“เจ้ามารชั่ว! เจ้าลักพาตัวชิงเอ๋อร์รึ!” ผู้นำที่ยกพวกมาชี้หน้าเฉียงฮ่าวปิงอย่างเกรี้ยวกราด

“...” เฉียงฮ่าวปิงมองนิ่งไม่ได้เอ่ยอะไร เขาเกลียดนิสัยพูดเองเออเองของพวกพรรคธรรมะที่สุด

“เขาช่วยข้าไว้ต่างหาก\~” ลู่เยว่ชิงตะโกนกลับ

“นี่เจ้าโดนพรรคมารบีบคั้นให้ต้องกล่าวเช่นนี้หรือ! บังอาจเกินไปแล้ว!” คนกล่าวเริ่มดึงกระบี่ออกจากฝัก

“ดูสิ่งที่เจ้าทำกับข้าสิ ผู้แซ่ลู่” เฉียงฮ่าวปิงถอนหายใจหันไปกล่าวกับลู่เยว่ชิง

“ก็ท่านช่วยข้าไว้จริงๆ มิได้เท็จแต่ประการใด” ลู่เยว่ชิงกุมมือตัวเอง

“สัตว์มารตื่นแน่” เฉียงฮ่าวปิงลูบคางตน

“คนของพวกเจ้าก็น่ารำคาญ ปล่อยให้พวกมันจัดการกับสัตว์มารเองแล้วกัน” เฉียงฮ่าวปิงเอ่ยต่อ เขาก้าวเท้ายาวๆ ไปหาลู่เยว่ชิง คว้าแขนอีกฝ่ายแล้วพากระโดดหายไปท่ามกลางหมอกหนา

“เห็นไหม มันลักพาตัวชิงเอ๋อร์ไปจริงๆ...”

“กรร...กรร!” มีเสียงบางอย่างกำลังใกล้เข้ามายังกลุ่มของคนพรรคธรรมะ

“อ๊าก! นั่นมันตัวอะไร!!”

“แต่กลิ่นมันเหมือนซาลาเปาเพิ่งนึ่งมาใหม่ๆ เลย! ปลาเค็มรึ?!”

“ถึงกับพาออกมาจากหุบเขาเลยหรือ” ลู่เยว่ชิงนั่งหนาวเหน็บ เฉียงฮ่าวปิงยังไม่คลายผลึกน้ำแข็งในตัวเขา อุณหภูมิร่างกายพลางต่ำลงเรื่อยๆ พลังปราณก็ใช้ไม่ได้ดั่งใจ

“เป็นอะไร เจ้าทนความหนาวเย็นไม่ได้รึ ช่างอ่อนหัด” เฉียงฮ่าวปิงปลดผ้าคลุมของตนโยนให้ลู่เยว่ชิง

“คลาย...ผนึก..ดะ..ได้แล้ว” ลู่เยว่ชิงเอ่ยเสียงสั่น ริมฝีปากซีดแห้งสั่นระริกๆ เสียงฟันกระทบกึกๆ ไม่ขาดสาย เขาเอื้อมมือหยิบผ้าคลุมมาห่อตัวเองอย่างเชื่องช้า

“ไม่ได้ ถึงจะพาเจ้าออกมาแล้ว จมูกของพวกมันก็ยังรับรู้กลิ่นได้ อีกอย่างแก่นปราณน้ำแข็งของข้าก็ใช่ว่าจะสังหารผู้คนได้ เช่นนั้นวางใจเถอะ” เฉียงฮ่าวปิงนั่งลงที่ก้อนหินตรงข้ามลู่เยว่ชิง

“...” ลู่เยว่ชิงใจห่อเหี่ยว แค่นี้ก็หนาวจะตายแล้ว เขากำชับผ้าคลุมแน่นขึ้น

“ไม่ต้องหวังให้ข้าจุดไฟ ก่อไฟ ให้เจ้า” เฉียงฮ่าวปิงเอ่ยขึ้น เขาจะไปจุดไฟได้อย่างไร ในเมื่อตนมีแก่นปราณน้ำแข็งในมือ ย่อมจุดไฟไม่ติดอยู่แล้ว

ลู่เยว่ชิงนั่งตัวสั่นเทา ไม่นึกว่าเกาะติดประมุขเฉียงแล้วจะทำให้เขาพบเจอแต่เรื่องแย่ๆ กว่าเดิม

“ไว้ถึงจวนที่พรรคมาร ข้าจะปลดผนึก” เฉียงฮ่าวปิงลุกขึ้น เดินไปคว้าแขนลู่เยว่ชิงขึ้นมา ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยืน

“...” เฉียงฮ่าวปิงมองอีกฝ่าย

ลู่เยว่ชิงผล็อยหลับไปแล้ว ฝ่ามือยังสั่นระริกไม่หาย จิกผ้าคลุมเขาเกือบขาดแล้ว

ที่เขายังไม่ปลดผนึก เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินลมปราณทันที นั่นทำให้สัตว์มารรู้ตัวได้ง่าย ตอนนี้สัตว์มารคงไม่อาละวาดในหุบเขาแล้วกระมัง เช่นนั้นเขายอมปลดผนึกก็ได้

เฉียงฮ่าวปิงจับอีกฝ่ายลากเข้ามาในอ้อมอกตน แล้วทาบนิ้วโป้งลงบนหน้าผากอีกฝ่าย ปลายนิ้วส่องแสงฟ้าประกายเล็กๆ ขึ้นมา มีหยดน้ำใสผุดขึ้นมา เขาจึงบีบมันทิ้ง ทว่ายังไม่จบเท่านั้น เขาเห็นตราสีแดงบางอย่างกะพริบที่หน้าผากของลู่เยว่ชิง หลังจากนั้นก็หายไป ไม่ปรากฏขึ้นอีก

ตรามารที่คล้ายคลึงกับตรามารที่หน้าผากของเขา เขาอาจจะตาฝาดไปเอง คนพรรคธรรมะจะไปมีตรามารได้อย่างไร

“ตื่นได้แล้ว กลับไปยังที่ของเจ้า” เฉียงฮ่าวปิงเอ่ย ก่อนจะวางอีกฝ่ายลงนอนกับพื้น

ร่างกายของลู่เยว่ชิงขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาทันที ทันทีที่เขาปลดผนึกลมปราณ ริมฝีปากไม่แห้งกรังแล้ว ตัวก็ไม่สั่นระริก

เป็นคนพรรคธรรมะแท้ๆ กลับเข้ามาหยุ่มหย่ามไม่เข้าเรื่อง คนที่ลำบากทุกครั้งก็มักจะเป็นเขา เช่นนี้เขาไม่เสียเปรียบไปหน่อยหรือ ทิ้งอีกฝ่ายไว้ที่นี่ พรรคพวกก็คงออกมาตามหาจนเจออยู่ดี เขาไม่ต้องกังวล

แค่ศิลาดำ เหตุใดถึงต้องลำบากเช่นนี้ด้วย

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!